|
***** มนุษย์ภูมิ *****
มนุษย์ภูมิ
มนุษย์ภูมิ เป็นภูมิอันเป็นที่เกิดของสัตว์ ที่ตายมาจากภพภูมิต่างๆมากมายถึง ๒๖ ภูมิ (เว้นสุทธาวาสภูมิ ๕ คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา) แม้แต่อบายสัตว์ที่ตายจากอบายภูมิแล้ว ก็สามารถมาเกิดในมนุษย์ภูมิได้ ด้วยอำนาจของกุศลกรรมอันใดอันหนึ่ง ที่ตนได้สั่งสมไว้ในสันดาน ได้โอกาศส่งผลมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือแม้แต่เทวดา รูปพรหม อรูปพรหม เมื่อตายแล้วก็มีโอกาศมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ และเมื่อตายจากมนุษย์ภูมิแล้ว ก็มีโอกาศไปเกิดในภพภูมิต่างๆได้ทั้ง ๓๑ ภูมิ ตามสมควรแก่กรรม ที่ตนได้สั่งสมไว้ในขันธ์สันดาน
มนุษย์ภูมิจึงมีความสำคัญมาก เปรียบเสมือนเมืองท่าใหญ่ ที่สัตว์ทั้งหลายที่เดินทางมาจากทิศต่างๆจะมาแวะพัก และเมื่อพักผ่อนตามสมควรแล้ว ก็สามารถเดินทางไปยังทิศทางต่างๆ ได้ตามที่ตนปรารถนา มนุษย์ภูมิจึงถือได้ว่า เป็นภูมิศูนย์กลางระหว่างภพภูมิต่างๆอย่างแท้จริง
ทั้งนี้เพราะว่าสัตว์ที่ตายจากภพภูมิเบื้องต่ำคือ อบายภูมิ ๔ แล้วจะไปเกิดในภพภูมิเบื้องสูง คือพรหมภูมิ ในภพชาติที่ติดต่อกันทันทีไม่ได้ สัตว์นั้นจะต้องมาแวะพัก คือมาเกิดเป็นมนุษย์เสียก่อน และเมื่อเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็ทำรูปฌาณ อรูปฌาณ ตายจากมนุษย์แล้ว จึงไปเกิดในพรหมภูมิ ได้ด้วยอาศัยกำลังอำนาจของรูปฌาณ อรูปฌาณที่ตนได้
สำหรับสัตว์ที่อยู่ในพรหมภูมิก็เช่นกัน จะเดินทางไปยังอบายภูมิโดยตรงไม่ได้ จะต้องมาแวะพักที่มนุษย์ภูมิ หรือเทวภูมิก่อน แล้วจึงจะเดินทางต่อไปยังอบายภูมิได้ กล่าวคือ สัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในพรหมภูมินั้น ในระหว่างที่เกิดเป็นพรหม ถ้าไม่ทำรูปฌาณ หรืออรูปฌาณ เมื่อตายลงก็จะมาเกิดเป็นมนุษย์ หรือเทวดาก่อน ด้วยกำลังอำนาจของกุศลกรรม อย่างใดอย่างหนึ่งที่ตนสั่งสมไว้ในขันธ์สันดาน เมื่อตายจากมนุษย์หรือเทวดาแล้ว ถ้าอกุศลกรรมที่ตนได้สั่งสมไว้ในขันธ์สันดานมีโอกาศส่งผล จึงจะไปเกิดในอบายภูมิได้
ดังนั้น มนุษย์ภูมิจึงถือว่าเป็นภูมิศูนย์กลาง อันเป็นที่รวมของสัตว์ที่มาจากภพภูมิต่างๆ นอกจากนี้ มนุษย์ภูมิยังเป็นที่เกิดของสัตว์ทั้งหลายที่มีบุญมาก เช่นพระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก พระอัครมหาสาวกทั้งหลาย สัตว์เหล่านี้ในภพชาติสุดท้าย จะต้องมาเกิดในมนุษย์ภูมิทั้งนั้น(สำหรับพระโพธิสัตว์ และพระอัครสาวกทั้งสอง คือ พระสารีบุตร และพระโมคคัลานะ ได้ตายมาจากเทวภูมิชั้นดุสิต ส่วนพระมหาสาวก เช่นพระมหากัสสป ได้ตายมาจากพรหมภูมิ เป็นต้น .
(หมายเหตุ - คำว่า "สัตว์" แปลว่า ผู้ข้องอยู่ในขันธ์ทั้งหลาย มีรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ เป็นต้น ด้วยอำนาจฉันทะราคะ คำว่า "พระโพธิสัตว์" แปลว่า ผู้ข้องอยู่ในโพธิ คือความตรัสรู้ ได้แก่ พระปัจเจกโพธิสัตว์ และพระสัพพัญญูโพธิสัตว์.)
Create Date : 10 มกราคม 2551 |
Last Update : 10 มกราคม 2551 15:42:07 น. |
|
2 comments
|
Counter : 767 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ใจดี (jaidee.jaidee ) วันที่: 11 มกราคม 2551 เวลา:14:29:02 น. |
|
|
|
| |
|
อารมณ์ดี เสมอต้น -ปลาย ชอบคุยเล่นยามว่างๆ สบายๆ
ละเว้น เหล้า บุหรี่ เที่ยวราตรี เด็ดขาด
|
|
|
|
|
|
|
|
ปล.blogคุณmars11 ให้ความรู้ดีจังเลยคะ