Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
29 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
บอลโลกครั้งที่ 12 ที่ สเปน 1982



Logo ฟุตบอลโลก ปี 1982




เปาโล รอสซี่ ผู้พิชิต



อิตาลีชุดแชมป์โลก


จะบอกว่านี่คือการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ประสบปัญหามากที่สุดครั้งหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก เพราะถึงแม้ สเปน จะรู้ว่าตัวเอง ได้เป็นเจ้าภาพก่อนการแข่งขันจริงตั้ง 18 ปีเต็ม แถมยังส่งตัวแทนไปดูงานการจัดฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1966-1978 ก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการจัดการแข่งขันครั้งนี้สักเท่าไหร่เลย



Alessandro Altobelli อิตาลี กระชากบอลหนี Karl-Heinz Forster ของเยอรมัน


ปัญหาใหญ่ที่เจ้าภาพต้องประสบในการแข่งขันครั้งนี้คือเรื่องสนาม เพราะเนื่องด้วยทีมที่เข้าแข่งขันมีเพิ่มมากขึ้นจาก 16 เป็น 24 ทีมเป็นครั้งแรก ทำให้ สเปน ต้องเร่งสร้างสนามแข่ง และปรับปรุงสนามที่มีอยู่ยกใหญ่ ขณะที่ก็ยังมีบางแห่งที่ต้องได้รับการบูรณะด่วนในช่วงที่การแข่งขันเริ่มไปแล้วอีกต่างหาก ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมด ต้นตอที่แท้จริง มาจากเรื่องการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลุ่มแบ่งแยกดินแดนแคว้นบาสก์ที่ออกมาขู่ว่าจะสร้างความเสื่อมเสียใหญ่หลวงให้สเปนต่อชาวโลก หรือความขัดแย้งเรื่องหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ระหว่าง อังกฤษ และ อาร์เจนตินา



Toni Schumacher ผู้รักษาประตูเยอรมัน และ Paolo Rossi ของอิตาลี


แม้ ฟีฟ่า จะอ้างว่า เหตุผลที่เพิ่มทีมที่เข้ารอบสุดท้าย เป็นเพราะต้องการเปิดโอกาสให้ทุกประเทศทั่วโลกมีส่วนร่วมกับเวิลด์ คัพมากขึ้น แต่ทุกคนรู้ดีเหตุผลที่แท้จริงนั้นเป็นเพราะ โจอัว ฮาเวล้านจ์ ประธานฟีฟ่าตอนนั้น ต้องการตอบแทนบรรดาประเทศที่สนับสนุนตัวเองให้ได้นั่งเก้าอี้ บิ๊กบอสฟีฟ่าต่อไปมากกว่า โดยทั้ง 24 ทีมถูกแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ในรอบแรก และจะคัดเอาทีมอันดับ 1 และ 2 ของกลุ่มเข้าไปเล่นในรอบ 2 ต่อไป



Marco Tardelli ของอิตาลี กับ Paul Breitner ของเยอรมัน


ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้ต้อนรับน้องใหม่ที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรก 5 ทีม คือ แอลจีเรีย, แคเมอรูน, ฮอนดูรัส, คูเวต และ นิวซีแลนด์ โดยยังไม่เห็นหน้าค่าตาของ สหรัฐอเมริกา พี่เบิ้มในทุกวงการของโลกแต่อย่างใด ซึ่ง 6 ทีม ที่ได้รับเลือกให้เป็นทีมวางในรอบแรกก็คือ สเปน, เยอรมันตะวันตก, อิตาลี, อังกฤษ, อาร์เจนตินา และ บราซิล ที่มาในฐานะทีมเต็ง 1 เช่นเคย ภายใต้การนำของ "เปเล่ขาว" ซิโก้ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม 6 ร่วมกลุ่มกับ สหภาพโซเวียต, สกอตแลนด์ และนิวซีแลนด์



Klaus Fischer ของเยอรมัน


ด้าน อาร์เจนตินา แชมป์เก่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หวังลึกๆ ว่า พวกเขาจะเป็นทีมที่ 2 ของโลก ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกนอกทวีปสำเร็จ ต่อจากบราซิล เนื่องจากยังมี 4 ผู้เล่นตัวหลักจากชุดแชมป์อยู่ในทีมครบถ้วน นำโดย มาริโอ เคมเปส และ ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า นอกจากนั้นยังมีดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่ของวงการที่ชื่อ "ดีเอโก้ มาราโดน่า" โผล่เป็นหนึ่งในทีมด้วย โดยนักเตะฟ้า-ขาว ได้อยู่ในสาย 3 ร่วมกับ เบลเยียม, ฮังการี และ เอล ซัลวาดอร์



Paolo Rossi ยิงประตูแรกให้อิตาลีขึ้นนำ โดยมี Toni Schumacher มองดูลูกเข้าประตู


13 มิถุนายน 1982 มหกรรมฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 ก็ได้ฤกษ์ระเบิดขึ้นที่สนามคัมป์ นู ของสโมสร บาร์เซโลน่า โดยในวันเปิดสนามกษัตริย์ ฆวน คาร์ลอส แห่งสเปน ให้เกียรติสูงสุด เสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วย ซึ่งในวันนั้นพระองค์ทรงให้เกียรติปล่อยลูกโป่งนับพันลูกเหนือสนามเป็นการเปิดการแข่งขัน "เวิลด์ คัพ 1982" อย่างเป็นทางการ และเพียงแค่เกมนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ ก็เกิดการพลิกล็อกขึ้นเสียแล้ว เมื่อ อาร์เจนตินา แชมป์เก่า พลาดท่าปราชัยต่อ เบลเยียม 0-1 อย่างไม่มีใครคาดคิด จากการยิงของ เออร์วิน แวนเดนเบิร์ก ซึ่งถือเป็นประตูแรกในเกมฟุตบอลโลก นัดเปิดสนาม ตั้งแต่ปี 1962 และเป็นการลงเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายของผู้ชายชื่อ มาราโดน่า



Paolo Rossi กับ Paul Breitner


ส่วนการแข่งขันของอีก 2 ทีมร่วมกลุ่ม ระหว่าง ฮังการี กับ เอล ซัลวาดอร์ ในอีก 2 วันต่อมา ปรากฏว่าทีม "แม็กยาร์" โชว์ฟอร์มสะท้านโลก ไล่อัดทีมหมูน้อยกระจุยถึง 10-1 แต่กุนซือก็ยังไม่พอใจในผลงานที่ปล่อยให้ เอล ซัลวาดอร์ ยิงประตูตีไข่แตกได้ และ ฮังการี ก็ต้องเจอฝันร้ายเข้าเองบ้างในเกมที่ 2 เมื่อเจอฤทธิ์เดชของ "เสือเตี้ย" พาทีม ฟ้าขาว ถล่มไป 4-1 ขณะที่ เอล ซัลวาดอร์ ฟอร์มดีขึ้นผิดหูผิดตา แพ้ต่อ เบลเยียมแค่ 0-1 ทำให้ในกลุ่มนี้ เบลเยียม กับ อาร์เจนตินา ได้ผ่านเข้ารอบ 2 อย่างไม่มีปัญหา หลังนัดสุดท้าย ฮังการี ไม่สามารถเอาชนะ เบลเยียม ได้ เสมอกันไป 1-1 ขณะที่ แชมป์เก่า ถล่ม เอล ซัลวาดอร์ นิ่มนวล 2-0 โดย เบลเยียม เป็นทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม



ผู้เล่นอิตาลีดีใจหลังชนะเยอรมันนัดชิงชนะเลิศ โดยนักเตะเยอรมันยืนเซ็งอยู่ด้านหลัง


สำหรับการแข่งขันของกลุ่ม 1 ที่ประกอบไปด้วย อิตาลี, โปแลนด์, แคเมอรูน และ เปรู เป็นไปอย่างจืดสนิท เมื่อทุกทีมลงเล่น 2 นัดแรก ด้วยการเสมอกันทั้งหมด โดยมีการยิงประตูได้เพียง 2 ลูก คือเกมที่ อิตาลี เสมอ เปรู 1-1 ในนัดที่ 2 ของทั้งคู่ โดยสิ่งที่พอจะเรียกสีสันได้มากหน่อยจากกลุ่มนี้ก็คือเกมสุดท้ายของ โปแลนด์ กับ เปรู ที่ปรากฏว่า ซบิ๊กนิว โบเนี้ยก นำ โปแลนด์ ถล่ม เปรู ยับ 5-1 พร้อมได้ผ่านเข้ารอบ 2 แน่นอน ปล่อยให้ อิตาลี ไปลุ้นกับ แคเมอรูน ในนัดสุดท้าย ซึ่งผลปรากฏว่า เสมอกันอีก 1-1 แต่ ลูกทีม เอ็นโซ แบร์ช็อต คือทีมที่จะได้เข้ารอบ เพราะยิงประตูได้ มากกว่า ปล่อยทีมหมอผีกลับบ้านแบบมึนงงเพราะไม่แพ้เลยสักเกมเดียว แต่ตกรอบ



ผู้เล่นอิตาลีชูถ้วยบอลโลกหลังชนะเยอรมัน



ขณะที่กลุ่ม 1 สุดจืด แต่กลุ่ม 2 อาจจะเป็นกลุ่มที่มันส์ที่สุด เมื่อมีทีมชั้นยอดอยู่ในกลุ่มถึง 3 ทีม คือ เยอรมันตะวันตก, แอลจีเรีย และ ออสเตรีย ส่วนอีกทีมคือ ชิลี โดยการแข่งขันนัดแรก แอลจีเรีย สามารถหักปากกาเซียน ที่ให้อัตราต่อรองการคว้าแชมป์โลกของพวกเขาถึง 1,000-1 เฉือนเอาชนะ อินทรีเหล็ก 2-1 จากประตูชัยของ ลัคดาห์ เบลลูมี่ ในนาทีที่ 69 ขณะที่ ออสเตรีย ก็เฉือน ชิลี 1-0 แต่ในนัดที่ 2 ที่ผู้ชนะจากนัดแรกต้องมาเจอกันเอง ปรากฏว่า ออสเตรีย เฉือนชนะได้อีก 2-0 ทำให้ได้ผ่านเข้ารอบ 2 แน่นอน ส่วน เยอรมัน ก็คืนฟอร์มถล่ม ชิลี ไม่ไว้หน้า 4-1 เก็บ 2 แต้มอันมีค่าไปลุ้นกับ แอลจีเรีย ในเกมสุดท้าย ซึ่งปรากฏว่า เยอรมัน เฉือน ออสเตรีย 1-0 ขณะที่ แอลจีเรีย ชนะ ชิลี สุดมันส์ 3-2 ทำให้ทั้ง 3 ทีม มี 4 คะแนนเท่ากันหมด แต่ เยอรมัน และ ออสเตรีย คือทีมที่ได้ผ่านเข้ารอบ 2 ในอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ เพราะประตูได้เสียดีกว่า ปล่อยให้ แอลจีเรีย กลับบ้านอย่างชอกช้ำ



Valdir Peres, Leandro, Oscar, Falcão, Luisinho and Júnior;
Sócrates, Cerezzo, Serginho, Zico and Éder.


ด้าน "สิงโตคำราม" อังกฤษ เริ่มต้นรอบแรกได้เหมือนกับฝัน เมื่อเก็บชัยชนะรวดทั้ง 3 เกม แถม ไบรอัน ร็อบสัน ยังจารึกประวัติศาสตร์อีกหน้าให้ฟุตบอลโลกด้วยการยิงประตูเร็วที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาลของเวิลด์ คัพ โดยใช้เวลาแค่ 27 วินาทีหลังจากเริ่มเสียงนกหวีดในเกมแรกที่ชนะฝรั่งเศส 3-1 ด้วย ทำให้พวกเขาได้เข้ารอบเป็นที่ 1 ของสาย โดยมีฝรั่งเศสตามเข้ารอบด้วยกัน หลังขุนพลน้ำหอมเก็บชัยเหนือคูเวต 4-1 และเสมอกับ เชโกสโลวะเกีย 1-1



David Narey ดีใจหลังทำประตูให้ Scotland ขึ้นนำ บราซิล 1- 0 นาทีที่ 18


ขณะที่ ในกลุ่ม 6 บราซิล ก็โชว์ฟอร์มในรอบแรกได้อย่างสุดยอด เก็บชัย 3 นัดรวด กอดคอสหภาพโซเวียต ผ่านเข้ารอบ 2 ได้เช่นกัน ส่วน เจ้าภาพ สเปน ทะลุเข้ารอบได้แบบโชคช่วยมหาศาล หลังนัดสุดท้ายพ่าย ไอร์แลนด์เหนือ 0-1 แต่ยังดี ยูโกสลาเวีย ชนะ ฮอนดูรัส แค่ 1-0 ทำให้เจ้าถิ่นได้เข้ารอบ 2 ร่วมกับ ไอร์แลนด์เหนือ จากลูกได้เสียที่ดีกว่า



Serginho (left) และ Ramon Diaz ของอาร์เจนติน่า


การหวดในรอบ 2 เอาทั้ง 12 ทีมจาก 6 กลุ่ม มาแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม โดยคัดเอาทีมชนะเลิศของแต่ละกลุ่มเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ และในรอบนี้ อังกฤษ ก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับ แคเมอรูน ที่เจอในรอบแรก นั่นคือไม่แพ้ใครเลย แต่ต้องตกรอบ หลังจาก เสมอทั้ง 2 นัด กับ เยอรมันตะวันตก และ สเปน ขณะที่ขุนพลอินทรีเหล็กเก็บชัยเหนือเจ้าถิ่นได้ 2-1 ทำให้ได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศทันที ด้าน อิตาลี กับ บราซิล ถูกจับให้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน และต้องวัดกันเองในนัดสุดท้าย หลังเก็บชัยมาได้ทั้งคู่ในเกมแรก ซึ่งเกมนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวโลกต้องตกตะลึงกับแฮตทริกของกองหน้า ที่ใครๆ ก็มองว่าธรรมดาๆ ชื่อ เปาโล รอสซี่ ช่วยให้ อิตาลี เฉือน แซมบ้า สุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้ารอบรองไปอีกทีม ส่วนอีก 2 ที่ได้เข้ารอบก็คือ ฝรั่งเศส และ โปแลนด์



Cerezo ของบราซิล และ Mario Kempes ของอาร์เจนติน่า


เกมรอบรองชนะเลิศ อิตาลี ต้องหวดกับ โปแลนด์ ขณะที่ เยอรมัน เตะกับ ฝรั่งเศส ซึ่ง รอสซี่ ก็ยังคงความร้อนแรง ตะบัน 2 ประตู พาทีมมะกะโรนี เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยาก 2-0 ได้ผ่านเข้าไปรอชิงเป็นทีมแรก ส่วนคู่แข่งของพวกเขาก็คือทีมอินทรีเหล็ก ที่ต้องทำศึกนัดหนึ่งที่ดีที่สุด ในฟุตบอลโลก กว่าจะเอาชนะ ฝรั่งเศส ได้จากการดวลลูกโทษที่จุดโทษ หลังหมดช่วงต่อเวลายังเสมอกัน 3-3 ทั้งที่ ฝรั่งเศส ออกนำไปก่อนถึง 3-1 ในช่วง 8 นาทีแรกของการต่อเวลา



Alberto Tarantini ปลอบใจ Diego Maradona หลังถูกMario Rubio ผู้ตัดสินชาวเม็กซิโกไล่ออก


เกมนัดชิงชนะเลิศ อิตาลี อาศัยเกมรับสุดเหนียว ล็อกบรรดากองหน้าของเยอรมันจนกระดิกตัวไม่ออก และฉวยโอกาสโต้กลับเร็วได้ประตูออกนำห่างไปถึง 3-0 ซึ่งแน่นอนว่า 1 ประตูในนั้นต้องมีชื่อของ เปาโล รอสซี่ เช่นเคย ขณะที่ ทีมอินทรีเหล็กมาได้ประตูแก้หน้าแค่ลูกเดียว จาก พอล ไบรท์เนอร์ ในนาทีที่ 83 ทำให้ อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครองสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่





Zico ของบราซิล และ Osvaldo Ardiles ของ อาร์เจนติน่า


ผลงานของบราซิลในฟุตบอลโลก ครั้งที่ 12 ที่ สเปน ในปี 1982
แข่ง 5 นัด ชนะ 4 แพ้ 1 เสมอ -




Serginho ถูกผู้เล่นอิตาลี 2 คน Antonio Cabrini (left) และ Gabriele Oriali ประกบ


นัดแรก
Brazil 2 USSR 1
June 14, 1982
สนาม : Estadio Ramón Sánchez Pizjuán, Seville
คนดู : 68000 คน
กรรมการ : Lamo Castillo (Spain)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Sócrates 75', Éder 88' รัสเชีย : Bal 34'



Zico ถูก Claudio Gentile ของอิตาลี ประกบติดอยู่ตลอดเวลา


นัดที่ 2
Brazil 4 Scotland 1
June 18, 1982
สนาม : Estadio Benito Villamarín, Seville
คนดู : 47379 คน
กรรมการ :Siles (Costa Rica)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Zico 33',Oscar 48',Éder 63', Falcão 87' Scotland : Narey 18'



Zico ดีใจหลังทำประตูแรกให้บราซิลขึ้นนำอาร์เจนติน่า 1-0 นาทีที่ 11


นัดที่ 3
Brazil 4 New Zealand 0
June 23, 1982
สนาม : Estadio Benito Villamarín, Seville
คนดู : 43000 คน
กรรมการ :Matovinovic (Yugoslavia)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Zico 28', 31',Falcão 64''Serginho 70'



Zico ของบราซิล และ Claudio Gentile ของอิตาลี


นัดที่ 4 (รอบ2)
Brazil 3 Argentina 1
July 2, 1982
สนาม : Estadio Sarriá, Barcelona
คนดู : 43000 คน
กรรมการ :Rubio Vazquez (Mexico)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Zico 11',Serginho 66',Júnior 75' อาร์เจนติน่า : Díaz 89'



Rossi ของอิตาลี กับ Júnior ของบราซิล


นัดที่ 5 (รอบ2)
Brazil 2 Italy 3
July 5, 1982
สนาม : Estadio Sarriá, Barcelona
คนดู : 44000 คน
กรรมการ : Klein (Israel)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Sócrates 12',Falcão 68' อิตาลี : Rossi 5', 25', 74'




Éderยิงลูกฟรีคริก


จำนวนประตู
ฟุตบอลโลกครั้งแรกบราซิลยิงไป 5 ประตู เสีย 1 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 บราซิลยิงไป 1 ประตู เสีย 3 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 บราซิลยิงไป 14 ประตู เสีย 11 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 บราซิลยิงไป 22 ประตู เสีย 6 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 5 บราซิลยิงไป 8 ประตู เสีย 5 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 บราซิลยิงไป 16 ประตู เสีย 4 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 บราซิลยิงไป 14 ประตู เสีย 5 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 บราซิลยิงไป 4 ประตู เสีย 6 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 บราซิลยิงไป 19 ประตู เสีย 7 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 10 บราซิลยิงไป 6 ประตู เสีย 4 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 บราซิลยิงไป 10 ประตู เสีย 2 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 บราซิลยิงไป 15 ประตู เสีย 6 ประตู

รวมฟุตบอลโลก 12 ครั้ง บราซิลยิงไป 134 ประตู เสีย 60 ประตู



Rossi (20) ทำ hat-trick ให้อิตาลีชนะบราซิล 3-2


จำนวนนัด
ฟุตบอลโลกครั้งแรก บราซิลแข่ง 2 นัด ชนะ1 แพ้ 1 เสมอ -
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 บราซิลแข่ง 1 นัด ชนะ - แพ้ 1 เสมอ -
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 บราซิลแข่ง 5 นัด ชนะ3 แพ้ 1 เสมอ 1
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 1 เสมอ 1
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 5 บราซิลแข่ง 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 1 เสมอ 1
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 5 แพ้ - เสมอ 1
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 5 แพ้ - เสมอ 1
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 บราซิลแข่ง 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2 เสมอ -
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 6 แพ้ - เสมอ -
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 10 บราซิลแข่ง 7 นัด ชนะ 3 แพ้ 2 เสมอ 2
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 บราซิลแข่ง 7 นัด ชนะ 4 แพ้ - เสมอ 3
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 บราซิลแข่ง 5 นัด ชนะ 4 แพ้ 1 เสมอ -


รวมฟุตบอลโลก 12 ครั้ง บราซิลแข่ง 57 นัด ชนะ 37 แพ้ 10 เสมอ 10




ลีลาZico



TOPSCORERS
Paolo Rossi (ITA) 6 goals
Karl-Heinz Rummenigge (GER) 5 goals
Zbigniew Boniek (POL) 4 goals
Zico (BRA) 4 goals
Laszlo Kiss (HUN) 3 goals
Alain Giresse (FRA) 3 goals
Falcao (BRA) 3 goals
Gerry Armstrong (NIR) 3 goals



ลีลา Socrates


VARIOUS STATISTICS
Total number of games 52
Total goals scored 146
Average per game 2,81
Own goals 1
Total attendance 1,856,277
Average attendance 35,698







Create Date : 29 ตุลาคม 2549
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 14:59:43 น. 4 comments
Counter : 3066 Pageviews.

 
รายละเอียด
เยี่มเช่นเคยครับ...


โดย: แฟนประจำ IP: 202.28.24.148 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:16:31:51 น.  

 
ปี 2982 บลาซิลเก่งมากแต่ปี 2010 ฮอลแลนเก่งกว่า
แต่เสียใจด้วยที่ปี 2010 เยรมันน่าจะเป็นแช้มช์


โดย: kueagd IP: 192.168.1.229, 118.172.197.7 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:08:58 น.  

 
ปี 2982 บลาซิลเก่งมากแต่ปี 2010 ฮอลแลนเก่งกว่า
แต่เสียใจด้วยที่ปี 2010 เยรมันน่าจะเป็นแช้มช์

จากท็อปทัพทันอนุสรณ์
และน๊อกทัพทันอนุสรณ์


โดย: hkbldrjh IP: 192.168.1.229, 118.172.197.7 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:11:21 น.  

 
ปี 2982 บลาซิลเก่งมากแต่ปี 2010 ฮอลแลนเก่งกว่า
แต่เสียใจด้วยที่ปี 2010 เยรมันน่าจะเป็นแช้มช์

จากท็อปทัพทันอนุสรณ์
และน๊อกทัพทันอนุสรณ์


โดย: hkbldrjh IP: 192.168.1.229, 118.172.197.7 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:11:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.