บอลโลกครั้งที่ 12 ที่ สเปน 1982
Logo ฟุตบอลโลก ปี 1982
เปาโล รอสซี่ ผู้พิชิต
อิตาลีชุดแชมป์โลก
จะบอกว่านี่คือการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่เจ้าภาพจัดการแข่งขัน ประสบปัญหามากที่สุดครั้งหนึ่งก็คงไม่ผิดนัก เพราะถึงแม้ สเปน จะรู้ว่าตัวเอง ได้เป็นเจ้าภาพก่อนการแข่งขันจริงตั้ง 18 ปีเต็ม แถมยังส่งตัวแทนไปดูงานการจัดฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี 1966-1978 ก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการจัดการแข่งขันครั้งนี้สักเท่าไหร่เลย
Alessandro Altobelli อิตาลี กระชากบอลหนี Karl-Heinz Forster ของเยอรมัน
ปัญหาใหญ่ที่เจ้าภาพต้องประสบในการแข่งขันครั้งนี้คือเรื่องสนาม เพราะเนื่องด้วยทีมที่เข้าแข่งขันมีเพิ่มมากขึ้นจาก 16 เป็น 24 ทีมเป็นครั้งแรก ทำให้ สเปน ต้องเร่งสร้างสนามแข่ง และปรับปรุงสนามที่มีอยู่ยกใหญ่ ขณะที่ก็ยังมีบางแห่งที่ต้องได้รับการบูรณะด่วนในช่วงที่การแข่งขันเริ่มไปแล้วอีกต่างหาก ซึ่งความยุ่งยากทั้งหมด ต้นตอที่แท้จริง มาจากเรื่องการเมืองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลุ่มแบ่งแยกดินแดนแคว้นบาสก์ที่ออกมาขู่ว่าจะสร้างความเสื่อมเสียใหญ่หลวงให้สเปนต่อชาวโลก หรือความขัดแย้งเรื่องหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ระหว่าง อังกฤษ และ อาร์เจนตินา
Toni Schumacher ผู้รักษาประตูเยอรมัน และ Paolo Rossi ของอิตาลี
แม้ ฟีฟ่า จะอ้างว่า เหตุผลที่เพิ่มทีมที่เข้ารอบสุดท้าย เป็นเพราะต้องการเปิดโอกาสให้ทุกประเทศทั่วโลกมีส่วนร่วมกับเวิลด์ คัพมากขึ้น แต่ทุกคนรู้ดีเหตุผลที่แท้จริงนั้นเป็นเพราะ โจอัว ฮาเวล้านจ์ ประธานฟีฟ่าตอนนั้น ต้องการตอบแทนบรรดาประเทศที่สนับสนุนตัวเองให้ได้นั่งเก้าอี้ บิ๊กบอสฟีฟ่าต่อไปมากกว่า โดยทั้ง 24 ทีมถูกแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม ในรอบแรก และจะคัดเอาทีมอันดับ 1 และ 2 ของกลุ่มเข้าไปเล่นในรอบ 2 ต่อไป
Marco Tardelli ของอิตาลี กับ Paul Breitner ของเยอรมัน
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ได้ต้อนรับน้องใหม่ที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรก 5 ทีม คือ แอลจีเรีย, แคเมอรูน, ฮอนดูรัส, คูเวต และ นิวซีแลนด์ โดยยังไม่เห็นหน้าค่าตาของ สหรัฐอเมริกา พี่เบิ้มในทุกวงการของโลกแต่อย่างใด ซึ่ง 6 ทีม ที่ได้รับเลือกให้เป็นทีมวางในรอบแรกก็คือ สเปน, เยอรมันตะวันตก, อิตาลี, อังกฤษ, อาร์เจนตินา และ บราซิล ที่มาในฐานะทีมเต็ง 1 เช่นเคย ภายใต้การนำของ "เปเล่ขาว" ซิโก้ ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม 6 ร่วมกลุ่มกับ สหภาพโซเวียต, สกอตแลนด์ และนิวซีแลนด์
Klaus Fischer ของเยอรมัน
ด้าน อาร์เจนตินา แชมป์เก่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หวังลึกๆ ว่า พวกเขาจะเป็นทีมที่ 2 ของโลก ที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกนอกทวีปสำเร็จ ต่อจากบราซิล เนื่องจากยังมี 4 ผู้เล่นตัวหลักจากชุดแชมป์อยู่ในทีมครบถ้วน นำโดย มาริโอ เคมเปส และ ดาเนี่ยล พาสซาเรลล่า นอกจากนั้นยังมีดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่ของวงการที่ชื่อ "ดีเอโก้ มาราโดน่า" โผล่เป็นหนึ่งในทีมด้วย โดยนักเตะฟ้า-ขาว ได้อยู่ในสาย 3 ร่วมกับ เบลเยียม, ฮังการี และ เอล ซัลวาดอร์
Paolo Rossi ยิงประตูแรกให้อิตาลีขึ้นนำ โดยมี Toni Schumacher มองดูลูกเข้าประตู
13 มิถุนายน 1982 มหกรรมฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 ก็ได้ฤกษ์ระเบิดขึ้นที่สนามคัมป์ นู ของสโมสร บาร์เซโลน่า โดยในวันเปิดสนามกษัตริย์ ฆวน คาร์ลอส แห่งสเปน ให้เกียรติสูงสุด เสด็จมาเป็นประธานในพิธีด้วย ซึ่งในวันนั้นพระองค์ทรงให้เกียรติปล่อยลูกโป่งนับพันลูกเหนือสนามเป็นการเปิดการแข่งขัน "เวิลด์ คัพ 1982" อย่างเป็นทางการ และเพียงแค่เกมนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ ก็เกิดการพลิกล็อกขึ้นเสียแล้ว เมื่อ อาร์เจนตินา แชมป์เก่า พลาดท่าปราชัยต่อ เบลเยียม 0-1 อย่างไม่มีใครคาดคิด จากการยิงของ เออร์วิน แวนเดนเบิร์ก ซึ่งถือเป็นประตูแรกในเกมฟุตบอลโลก นัดเปิดสนาม ตั้งแต่ปี 1962 และเป็นการลงเล่นบอลโลกรอบสุดท้ายของผู้ชายชื่อ มาราโดน่า
Paolo Rossi กับ Paul Breitner
ส่วนการแข่งขันของอีก 2 ทีมร่วมกลุ่ม ระหว่าง ฮังการี กับ เอล ซัลวาดอร์ ในอีก 2 วันต่อมา ปรากฏว่าทีม "แม็กยาร์" โชว์ฟอร์มสะท้านโลก ไล่อัดทีมหมูน้อยกระจุยถึง 10-1 แต่กุนซือก็ยังไม่พอใจในผลงานที่ปล่อยให้ เอล ซัลวาดอร์ ยิงประตูตีไข่แตกได้ และ ฮังการี ก็ต้องเจอฝันร้ายเข้าเองบ้างในเกมที่ 2 เมื่อเจอฤทธิ์เดชของ "เสือเตี้ย" พาทีม ฟ้าขาว ถล่มไป 4-1 ขณะที่ เอล ซัลวาดอร์ ฟอร์มดีขึ้นผิดหูผิดตา แพ้ต่อ เบลเยียมแค่ 0-1 ทำให้ในกลุ่มนี้ เบลเยียม กับ อาร์เจนตินา ได้ผ่านเข้ารอบ 2 อย่างไม่มีปัญหา หลังนัดสุดท้าย ฮังการี ไม่สามารถเอาชนะ เบลเยียม ได้ เสมอกันไป 1-1 ขณะที่ แชมป์เก่า ถล่ม เอล ซัลวาดอร์ นิ่มนวล 2-0 โดย เบลเยียม เป็นทีมอันดับ 1 ของกลุ่ม
ผู้เล่นอิตาลีดีใจหลังชนะเยอรมันนัดชิงชนะเลิศ โดยนักเตะเยอรมันยืนเซ็งอยู่ด้านหลัง
สำหรับการแข่งขันของกลุ่ม 1 ที่ประกอบไปด้วย อิตาลี, โปแลนด์, แคเมอรูน และ เปรู เป็นไปอย่างจืดสนิท เมื่อทุกทีมลงเล่น 2 นัดแรก ด้วยการเสมอกันทั้งหมด โดยมีการยิงประตูได้เพียง 2 ลูก คือเกมที่ อิตาลี เสมอ เปรู 1-1 ในนัดที่ 2 ของทั้งคู่ โดยสิ่งที่พอจะเรียกสีสันได้มากหน่อยจากกลุ่มนี้ก็คือเกมสุดท้ายของ โปแลนด์ กับ เปรู ที่ปรากฏว่า ซบิ๊กนิว โบเนี้ยก นำ โปแลนด์ ถล่ม เปรู ยับ 5-1 พร้อมได้ผ่านเข้ารอบ 2 แน่นอน ปล่อยให้ อิตาลี ไปลุ้นกับ แคเมอรูน ในนัดสุดท้าย ซึ่งผลปรากฏว่า เสมอกันอีก 1-1 แต่ ลูกทีม เอ็นโซ แบร์ช็อต คือทีมที่จะได้เข้ารอบ เพราะยิงประตูได้ มากกว่า ปล่อยทีมหมอผีกลับบ้านแบบมึนงงเพราะไม่แพ้เลยสักเกมเดียว แต่ตกรอบ
ผู้เล่นอิตาลีชูถ้วยบอลโลกหลังชนะเยอรมัน
ขณะที่กลุ่ม 1 สุดจืด แต่กลุ่ม 2 อาจจะเป็นกลุ่มที่มันส์ที่สุด เมื่อมีทีมชั้นยอดอยู่ในกลุ่มถึง 3 ทีม คือ เยอรมันตะวันตก, แอลจีเรีย และ ออสเตรีย ส่วนอีกทีมคือ ชิลี โดยการแข่งขันนัดแรก แอลจีเรีย สามารถหักปากกาเซียน ที่ให้อัตราต่อรองการคว้าแชมป์โลกของพวกเขาถึง 1,000-1 เฉือนเอาชนะ อินทรีเหล็ก 2-1 จากประตูชัยของ ลัคดาห์ เบลลูมี่ ในนาทีที่ 69 ขณะที่ ออสเตรีย ก็เฉือน ชิลี 1-0 แต่ในนัดที่ 2 ที่ผู้ชนะจากนัดแรกต้องมาเจอกันเอง ปรากฏว่า ออสเตรีย เฉือนชนะได้อีก 2-0 ทำให้ได้ผ่านเข้ารอบ 2 แน่นอน ส่วน เยอรมัน ก็คืนฟอร์มถล่ม ชิลี ไม่ไว้หน้า 4-1 เก็บ 2 แต้มอันมีค่าไปลุ้นกับ แอลจีเรีย ในเกมสุดท้าย ซึ่งปรากฏว่า เยอรมัน เฉือน ออสเตรีย 1-0 ขณะที่ แอลจีเรีย ชนะ ชิลี สุดมันส์ 3-2 ทำให้ทั้ง 3 ทีม มี 4 คะแนนเท่ากันหมด แต่ เยอรมัน และ ออสเตรีย คือทีมที่ได้ผ่านเข้ารอบ 2 ในอันดับ 1 และ 2 ตามลำดับ เพราะประตูได้เสียดีกว่า ปล่อยให้ แอลจีเรีย กลับบ้านอย่างชอกช้ำ
Valdir Peres, Leandro, Oscar, Falcão, Luisinho and Júnior; Sócrates, Cerezzo, Serginho, Zico and Éder.
ด้าน "สิงโตคำราม" อังกฤษ เริ่มต้นรอบแรกได้เหมือนกับฝัน เมื่อเก็บชัยชนะรวดทั้ง 3 เกม แถม ไบรอัน ร็อบสัน ยังจารึกประวัติศาสตร์อีกหน้าให้ฟุตบอลโลกด้วยการยิงประตูเร็วที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาลของเวิลด์ คัพ โดยใช้เวลาแค่ 27 วินาทีหลังจากเริ่มเสียงนกหวีดในเกมแรกที่ชนะฝรั่งเศส 3-1 ด้วย ทำให้พวกเขาได้เข้ารอบเป็นที่ 1 ของสาย โดยมีฝรั่งเศสตามเข้ารอบด้วยกัน หลังขุนพลน้ำหอมเก็บชัยเหนือคูเวต 4-1 และเสมอกับ เชโกสโลวะเกีย 1-1
David Narey ดีใจหลังทำประตูให้ Scotland ขึ้นนำ บราซิล 1- 0 นาทีที่ 18
ขณะที่ ในกลุ่ม 6 บราซิล ก็โชว์ฟอร์มในรอบแรกได้อย่างสุดยอด เก็บชัย 3 นัดรวด กอดคอสหภาพโซเวียต ผ่านเข้ารอบ 2 ได้เช่นกัน ส่วน เจ้าภาพ สเปน ทะลุเข้ารอบได้แบบโชคช่วยมหาศาล หลังนัดสุดท้ายพ่าย ไอร์แลนด์เหนือ 0-1 แต่ยังดี ยูโกสลาเวีย ชนะ ฮอนดูรัส แค่ 1-0 ทำให้เจ้าถิ่นได้เข้ารอบ 2 ร่วมกับ ไอร์แลนด์เหนือ จากลูกได้เสียที่ดีกว่า
Serginho (left) และ Ramon Diaz ของอาร์เจนติน่า
การหวดในรอบ 2 เอาทั้ง 12 ทีมจาก 6 กลุ่ม มาแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม โดยคัดเอาทีมชนะเลิศของแต่ละกลุ่มเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ และในรอบนี้ อังกฤษ ก็ต้องประสบชะตากรรมเดียวกับ แคเมอรูน ที่เจอในรอบแรก นั่นคือไม่แพ้ใครเลย แต่ต้องตกรอบ หลังจาก เสมอทั้ง 2 นัด กับ เยอรมันตะวันตก และ สเปน ขณะที่ขุนพลอินทรีเหล็กเก็บชัยเหนือเจ้าถิ่นได้ 2-1 ทำให้ได้ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศทันที ด้าน อิตาลี กับ บราซิล ถูกจับให้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน และต้องวัดกันเองในนัดสุดท้าย หลังเก็บชัยมาได้ทั้งคู่ในเกมแรก ซึ่งเกมนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวโลกต้องตกตะลึงกับแฮตทริกของกองหน้า ที่ใครๆ ก็มองว่าธรรมดาๆ ชื่อ เปาโล รอสซี่ ช่วยให้ อิตาลี เฉือน แซมบ้า สุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้ารอบรองไปอีกทีม ส่วนอีก 2 ที่ได้เข้ารอบก็คือ ฝรั่งเศส และ โปแลนด์
Cerezo ของบราซิล และ Mario Kempes ของอาร์เจนติน่า
เกมรอบรองชนะเลิศ อิตาลี ต้องหวดกับ โปแลนด์ ขณะที่ เยอรมัน เตะกับ ฝรั่งเศส ซึ่ง รอสซี่ ก็ยังคงความร้อนแรง ตะบัน 2 ประตู พาทีมมะกะโรนี เอาชนะ โปแลนด์ ไม่ยาก 2-0 ได้ผ่านเข้าไปรอชิงเป็นทีมแรก ส่วนคู่แข่งของพวกเขาก็คือทีมอินทรีเหล็ก ที่ต้องทำศึกนัดหนึ่งที่ดีที่สุด ในฟุตบอลโลก กว่าจะเอาชนะ ฝรั่งเศส ได้จากการดวลลูกโทษที่จุดโทษ หลังหมดช่วงต่อเวลายังเสมอกัน 3-3 ทั้งที่ ฝรั่งเศส ออกนำไปก่อนถึง 3-1 ในช่วง 8 นาทีแรกของการต่อเวลา
Alberto Tarantini ปลอบใจ Diego Maradona หลังถูกMario Rubio ผู้ตัดสินชาวเม็กซิโกไล่ออก
เกมนัดชิงชนะเลิศ อิตาลี อาศัยเกมรับสุดเหนียว ล็อกบรรดากองหน้าของเยอรมันจนกระดิกตัวไม่ออก และฉวยโอกาสโต้กลับเร็วได้ประตูออกนำห่างไปถึง 3-0 ซึ่งแน่นอนว่า 1 ประตูในนั้นต้องมีชื่อของ เปาโล รอสซี่ เช่นเคย ขณะที่ ทีมอินทรีเหล็กมาได้ประตูแก้หน้าแค่ลูกเดียว จาก พอล ไบรท์เนอร์ ในนาทีที่ 83 ทำให้ อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครองสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
Zico ของบราซิล และ Osvaldo Ardiles ของ อาร์เจนติน่า
ผลงานของบราซิลในฟุตบอลโลก ครั้งที่ 12 ที่ สเปน ในปี 1982 แข่ง 5 นัด ชนะ 4 แพ้ 1 เสมอ -
Serginho ถูกผู้เล่นอิตาลี 2 คน Antonio Cabrini (left) และ Gabriele Oriali ประกบ
นัดแรก Brazil 2 USSR 1 June 14, 1982 สนาม : Estadio Ramón Sánchez Pizjuán, Seville คนดู : 68000 คน กรรมการ : Lamo Castillo (Spain) ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Sócrates 75', Éder 88' รัสเชีย : Bal 34'
Zico ถูก Claudio Gentile ของอิตาลี ประกบติดอยู่ตลอดเวลา
นัดที่ 2 Brazil 4 Scotland 1 June 18, 1982 สนาม : Estadio Benito Villamarín, Seville คนดู : 47379 คน กรรมการ :Siles (Costa Rica) ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Zico 33',Oscar 48',Éder 63', Falcão 87' Scotland : Narey 18'
Zico ดีใจหลังทำประตูแรกให้บราซิลขึ้นนำอาร์เจนติน่า 1-0 นาทีที่ 11
นัดที่ 3 Brazil 4 New Zealand 0 June 23, 1982 สนาม : Estadio Benito Villamarín, Seville คนดู : 43000 คน กรรมการ :Matovinovic (Yugoslavia) ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Zico 28', 31',Falcão 64''Serginho 70'
Zico ของบราซิล และ Claudio Gentile ของอิตาลี
นัดที่ 4 (รอบ2) Brazil 3 Argentina 1 July 2, 1982 สนาม : Estadio Sarriá, Barcelona คนดู : 43000 คน กรรมการ :Rubio Vazquez (Mexico) ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Zico 11',Serginho 66',Júnior 75' อาร์เจนติน่า : Díaz 89'
Rossi ของอิตาลี กับ Júnior ของบราซิล
นัดที่ 5 (รอบ2) Brazil 2 Italy 3 July 5, 1982 สนาม : Estadio Sarriá, Barcelona คนดู : 44000 คน กรรมการ : Klein (Israel) ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Sócrates 12',Falcão 68' อิตาลี : Rossi 5', 25', 74'
Éderยิงลูกฟรีคริก
จำนวนประตู ฟุตบอลโลกครั้งแรกบราซิลยิงไป 5 ประตู เสีย 1 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 บราซิลยิงไป 1 ประตู เสีย 3 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 บราซิลยิงไป 14 ประตู เสีย 11 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 บราซิลยิงไป 22 ประตู เสีย 6 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 5 บราซิลยิงไป 8 ประตู เสีย 5 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 บราซิลยิงไป 16 ประตู เสีย 4 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 บราซิลยิงไป 14 ประตู เสีย 5 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 บราซิลยิงไป 4 ประตู เสีย 6 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 บราซิลยิงไป 19 ประตู เสีย 7 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 10 บราซิลยิงไป 6 ประตู เสีย 4 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 บราซิลยิงไป 10 ประตู เสีย 2 ประตู ฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 บราซิลยิงไป 15 ประตู เสีย 6 ประตู
รวมฟุตบอลโลก 12 ครั้ง บราซิลยิงไป 134 ประตู เสีย 60 ประตู
Rossi (20) ทำ hat-trick ให้อิตาลีชนะบราซิล 3-2
จำนวนนัด ฟุตบอลโลกครั้งแรก บราซิลแข่ง 2 นัด ชนะ1 แพ้ 1 เสมอ - ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 บราซิลแข่ง 1 นัด ชนะ - แพ้ 1 เสมอ - ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 บราซิลแข่ง 5 นัด ชนะ3 แพ้ 1 เสมอ 1 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 4 แพ้ 1 เสมอ 1 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 5 บราซิลแข่ง 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 1 เสมอ 1 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 5 แพ้ - เสมอ 1 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 5 แพ้ - เสมอ 1 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 บราซิลแข่ง 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2 เสมอ - ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 บราซิลแข่ง 6 นัด ชนะ 6 แพ้ - เสมอ - ฟุตบอลโลกครั้งที่ 10 บราซิลแข่ง 7 นัด ชนะ 3 แพ้ 2 เสมอ 2 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 บราซิลแข่ง 7 นัด ชนะ 4 แพ้ - เสมอ 3 ฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 บราซิลแข่ง 5 นัด ชนะ 4 แพ้ 1 เสมอ -
รวมฟุตบอลโลก 12 ครั้ง บราซิลแข่ง 57 นัด ชนะ 37 แพ้ 10 เสมอ 10
ลีลาZico
TOPSCORERS Paolo Rossi (ITA) 6 goals Karl-Heinz Rummenigge (GER) 5 goals Zbigniew Boniek (POL) 4 goals Zico (BRA) 4 goals Laszlo Kiss (HUN) 3 goals Alain Giresse (FRA) 3 goals Falcao (BRA) 3 goals Gerry Armstrong (NIR) 3 goals
ลีลา Socrates
VARIOUS STATISTICS Total number of games 52 Total goals scored 146 Average per game 2,81 Own goals 1 Total attendance 1,856,277 Average attendance 35,698
Create Date : 29 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 25 มิถุนายน 2551 14:59:43 น. |
|
4 comments
|
Counter : 3066 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แฟนประจำ IP: 202.28.24.148 วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:16:31:51 น. |
|
|
|
โดย: kueagd IP: 192.168.1.229, 118.172.197.7 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:08:58 น. |
|
|
|
โดย: hkbldrjh IP: 192.168.1.229, 118.172.197.7 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:11:21 น. |
|
|
|
โดย: hkbldrjh IP: 192.168.1.229, 118.172.197.7 วันที่: 5 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:11:46 น. |
|
|
|
|
|
เยี่มเช่นเคยครับ...