Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
11 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
บอลโลกครั้งที่ 18 ที่ เยอรมัน 2006

นัดแรก บราซิล 1 โครเอเชีย 0

นัดแรก
Brazil 1 Croatia 0
June 13, 2006
สนาม : Olympiastadion, Berlin
คนดู : 72000 คน
กรรมการ : Archundia (Mexico)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Kaká 44'
โครเอเชีย :






แถวหลัง Dida Lucio Juan Adriano Emerson and Cafu
แถวหน้า Ronaldinho Roberto Carlos Kaka Ze Roberto Ronaldo.jpg




ทีมชาติโครเอเชีย



"แชมป์โลก 5 สมัย" บราซิล ประเดิมสนามนักแรกถึงกับหืดจับกว่าจะสยบ โครเอเชีย ลงได้ 1-0 ริคาร์โด้ กาก้า ซัดประตูชัย น.44 ส่งให้แซมบ้าเก็บสามแต้มได้สำเร็จ ขณะที่ "ตราไก่" ฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มน่าผิดหวัง เมื่อทำได้แค่เสมอ สวิตเซอร์แลนด์ แบบไร้สกอร์ 0-0 แบ่งแต้มกันไป ส่วน เกาหลีใต้ โชว์ผลงานสะท้านแผ่นดินเบียร์หลังดับซ่า โตโก 2-1 อาห์น จุง-ฮวาน ตะบันนำชัยให้ทีม เก็บ 3 แต้มเต็มได้เป็นชาติแรกของเอเชียในฟุตบอลโลก 2006



Ronaldo ถูก Igor Tudor เข้าเสียบ


ที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน "แชมป์โลก 5 สมัย" บราซิล ลงประเดิมสนามในกลุ่ม เอฟ พบกับ โครเอเชีย โดยเกมนี้ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า กุนซือทีมแชมป์เก่า ได้ทีมชุดที่ดีที่สุดลงสนาม แนวรุกมีทั้ง โรนัลดินโญ่, อาเดรียโน่ และ โรนัลโด้ ซึ่งรายหลังสุดขอยิงอีกเพียงประตูเดียว ก็จะทำลายสถิติของ เปเล่ ในเวิลด์ คัพ ลงได้ เนื่องจากทั้งคู่ยิงเท่ากันอยู่ที่ 12 ประตูในเวลานี้
ด้าน ซลัตโก้ ครานจ์การ์ โค้ชทีมโครเอเชีย ส่งผู้เล่นตัวเก่งลงสนามกันครบ ทั้ง ดาโด แปร์กโซ่, อิวาน คลาสนิช และ ดาริโย เซอร์น่า ขณะที่ อิวิก้า โอลิช กองหน้าฝีเท้าจัด ที่มีอาการบาดเจ็บต้นขาก่อนหน้านี้ ก็สลัดอาการบาดเจ็บได้แล้ว แต่เป็นเพียงแค่ตัวสำรองในนัดนี้



Lucio โดดโหม่งลูกก่อน Ivan Klasnic


ทีมแซมบ้าออกสตาร์ตเกมได้ดีกว่าเล็กน้อย และมีจังหวะทำเกมรุกขึ้นมาป่วนเปี้ยนแถวหน้าประตูโครแอต โดยนาทีที่ 9 บอลจากมือ ดิด้า มาถึง กาก้า กระชากขึ้นมาจากกลางสนาม ก่อนไหลให้ โรนัลดินโญ่ ทางกราบซ้าย เปิดบอลกลับมาหน้าเขตโทษอีกครั้งให้ กาก้า ได้ซัด แต่ข้ามคานออกไป



กับลีลา Kaka


ถัดมาอีก 4 นาที โรแบร์โต้ คาร์ลอส ได้ตั้งป้อมกดจากระยะ 30 หลา บอลพุ่งเต็มแรง แต่ สติเป้ เปลติโคซ่า ปัดออกหลังไปได้ ทีมตราหมากรุก มีโอกาสขึ้นมาทักทายแนวรับบราซิลเช่นกัน ในนาทีที่ 23 เมื่อ แปร์กโซ่ ไหลบอลให้ นิโก้ ครานจ์การ์ ตั้งป้อมซัดจากนอกเขตโทษ แต่หลุดกรอบออกไปเช่นกัน จากนั้นเกของบราซิลเริ่มแผ่วลงไปเอง ปล่อยให้โครเอเชียพับสนามบุกเข้าใส่อยู่พักใหญ่ อย่างไรก็ดี ในนาทีที่ 33 ทีมแซมบ้าก็มาได้ลูกฟรีคิกระยะเพียงแค่ 22 หลาเท่านั้น โรนัลดินโญ่ รับหน้าที่ปั่นไปติดกำแพงอย่างน่าผิดหวัง



Stipe Pletikosa ผู้รักษาประตู มองดูลูกยิงของ Kaka ผ่านเข้าประตู


ก่อนหมดเวลา 5 นาที โครเอเชีย ต้องเปลี่ยนตัวคนแรก โดยส่ง เยอร์โก้ เลโก้ ลงมาคุมเกมกลางสนามแทน นิโก้ โควัช กัปตันทีม ที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณชายโครง จากการเข้าปะทะกับ อาเดรียโน่ และ เซ โรแบร์โต้ สองครั้งติดๆ ในที่สุด เกมรับของโครแอตท็ถูกทะลวงจนได้ก่อนหมดครึ่งแรกเพียงนาทีเดียว เมื่อ คาฟู เติมเกมขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนผ่านบอลเข้ากลางให้ กาก้า แต่งบอลเข้าเท้าซ้าย แล้วปั่นโค้งจากระยะ 25 หลา บอลพุ่งผ่านมือ เปลติโคซ่า เสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสุดสวย ให้ บราซิล ขึ้นนำ 1-0 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้



Kaka ดีใจหลังทำประตูแรกให้บราซิลขึ้นนำ 1-0 นาทีที่ 44


ครึ่งหลัง โครเอเชีย กลับมาลุยแหลก และเกือบจะตีเสมอได้ในนาทีที่ 50 เมื่อ มาร์โก บาบิช เปิดบอลให้ แปร์โซ่ หลุดเข้าไปซัดมุมแคบ แต่ไปติดบล็อค ดิด้า อย่างน่าเสียดาย ถัดมา 3 นาที ทีมตราหมากรุกได้ลุ้นทำประตูอีกครั้ง เมื่อ อิวาน คลาสนิช จับบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนพลิกยิงด้วยขวาจากระยะ 20 หลา แต่ดันยิงบดไปตรงตัว ดิด้า อย่างน่าผิดหวัง



Ronaldinho เลี้ยงบอลหลบ Josip Simunic ของโครเอเชีย


บราซิล เริ่มกลับมาคุมเกมได้อีกครั้ง โดยในนาทีที่ 56 โรนัลโด้ ซึ่งหายไปจากเกมตั้งแต่ครึ่งแรก ก็มาได้โอกาสยิงเป็นครั้งแรกจากหน้าเขตโทษ บอลพุ่งข้ามคานออกไปชนิดได้ลุ้น โอกาสของทีมแซมบ้าเริ่มมาเป็นชุดๆ คาฟู เติมเกมขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนตักโด่งมาหน้าประตูให้ โรนัลดินโญ่ ลอยตัวโหม่งเล่นทางแล้ว แต่ เปลติโคซ่า ยังพุ่งปัดออกไปได้อีก ถึงนาทีที่ 70 โรนัลโด้ ก็ถูกเปลี่ยนตัวออกตามคาด และให้ โรบินโญ่ ลงสนามมาแทน



Roberto Carlos กระโดดข้าม Darijo Srna



โอกาสทองของโครเอเชียมาถึงในนาทีที่ 71 เมื่อ บาบิช ได้ซัดเหน่งๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ดันเป็นเท้าขวาข้างไม่ถนัด เลยซัดไปตรงตัว ดิด้า อย่างน่าเสียดาย ขณะที่ บราซิล ได้สวนกลับและเกือบได้ประตูที่ 2 โดย กาก้า พาบอลขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนซัดไกลหลุดเสาแรกออกไปนิดเดียว ช่วง 15 นาทีสุดท้ายทั้งสองทีมไม่อาจทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกม บราซิล เฉือนเอาชนะ โครเอเชีย ไปแบบหวุดหวิด 1-0 เก็บ 3 แต้มไปเป็นประเดิม



Ivan Klasnic ของโครเอเชียเข้าไปแสดงความยินดีกับ Ronaldinho


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บราซิล : เนลสัน ดิด้า, มาร์กอส คาฟู, ลูซิโอ, ฮวน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, เอเมอร์สัน, เซ โรแบร์โต้, ริคาร์โด้ กาก้า, โรนัลดินโญ่, อาเดรียโน่, โรนัลโด้
สำรอง : โรเกริโอ เชนี่, ชูลิโอ เซซ่าร์, ซิซินโญ่, คริส, ลุยเซา, คาร์ลอส มิเนโร่, จิลแบร์โต้ ซิลวา, จูนินโญ่, ริคาร์ดินโญ่, จิลแบร์โต ซิลวา, เฟร็ด, โรบินโญ่



สีสันกองเชียร์บราซิล


โครเอเชีย : สติเป้ เปลติโคซ่า, โยซิป ซิมูนิช, โรเบิร์ต โควัช, อิกอร์ ทูดอร์, ดาริโอ ซิมิช, ดาริโย เซอร์น่า, มาร์โค บาบิช, นิโก้ โควัช, นิโก้ ครานจ์การ์, ดาโด แปร์กโซ่, อิวาน คลาสนิช
สำรอง : โทมิสลาฟ บูติน่า, โจ ดิดูลิก้า, สเตปัน โทมัส, ลูก้า โมดริช, อันโธนี่ เซริช, ยูริก้า วรานเยส, เยอร์โก เลโก้, มาริโอ โทคิช, อีวาน เลโก้, อิวิก้า โอลิช, บอสโก้ บาลาบัน, อิวาน บอสเนี้ยค




สีสันกองเชียร์บราซิล




สีสันกองเชียร์บราซิล


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


นัดที่ 2 บราซิล 2 ออสเตรเลีย 0


June 18, 2006
Brazil 2 Australia 0
สนาม : FIFA WM Stadion München, Munich
คนดู : 66000 คน
กรรมการ : Merk (Germany)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Adriano 49' Fred 90'
ออสเตรเลีย :






Adriano ยิงประตูแรกนาที่ 49 ให้บราซิลขึ้นนำ 1-0



ที่ ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ สเตเดี้ยม ในมิวนิค เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นเกมฟุตบอลโลก 2006 รอบแรก กลุ่มบี ระหว่าง บราซิล กับ ออสเตรเลีย สำหรับเกมนี้ คาร์ลอส อัลแบร์โต้ ปาร์เรร่า เทรนเนอร์ของแชมป์เก่า ยังคงยึด 11 ผู้เล่นตัวจริงจากนัดก่อนเป็นหลัก โดยเฉพาะในรายของ โรนัลโด้ ที่ถูกวิจารณ์หนักในเรื่องฟอร์มการเล่นจากนัดแรกที่พบกับโครเอเชีย ขณะที่ กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือทีมซอคเก้อรูส์ตัดสินใจไม่พักผู้เล่นที่มีใบเหลืองติดตัวจากนัดก่อน พร้อมส่ง มิเล่ สเตอร์ยอฟสกี้ จากบาเซิ่ล ลงเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกแทน แฮร์รี่ คีเวลล์



Fred ดีใจหลังทำประตูที่ 2 ได้ในนาที 90


บราซิล เริ่มต้นได้หวือหวา และมีโอกาสลุ้นก่อนตั้งแต่นาทีที่ 3 เมื่อ โรนัลโด้ กระดกบอลข้ามหัวตัวเองให้ ริคาร์โด้ กาก้า ที่วิ่งสอดมาจากทางด้านหลัง วอลเลย์แบบไม่ต้องจับจากบริเวณกรอบเขตโทษ บอลกระดอนพื้นหนึ่งจังหวะก่อนพุ่งเฉี่ยวเสาซ้ายมือออกไปนิดเดียว



Kaka (8)เลี้ยงบอลผ่าน Vince Grella (13) and Scott Chipperfield (14)


ด้านนักเตะซอคเก้อรูส์ ก็ตอบโต้ทันควันเช่นกันในนาทีถัดมา เมื่อ ทิม เคฮิลล์ พักบอลให้ มาร์ค วิดูก้า ลากเข้าไปกดจากระยะประมาณ 25 หลา แต่บอลพุ่งไปตรงตัว เนลสัน ดีด้า รับสบาย ออสเตรเลียพยายามงัดลูกหนักขึ้นมาหยุดเกมของบราซิลตั้งแต่ต้น นาทีที่ 10 วินซ์ เกรลล่า ก็เจตนาย่ำใส่หน้าแข้งของ โรนัลโด้ จนเสียฟรีคิกที่บริเวณกรอบเขตโทษฝั่งขวา โรแบร์โต้ คาร์ลอส วิ่งมาตะบันลูกที่เพื่อนเขี่ยจุดเปลี่ยนทางให้เหินข้ามคานออกไป จากนั้นอีกสามนาที เบร็ทท์ เอเมอร์ตัน ก็พุ่งเข้าปะทะกับ คาร์ลอส ตรงกลางสนาม มาร์คุส แมร์ก เป่าให้เป็นฟรีคิกของบราซิล แต่วิงแบ็กจาก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ออกอาการฮึดฮัดไม่เห็นด้วยเลยโดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม



Ronaldinho ถูก Marco Bresciano เข้าสกัด


บราซิล เจอเกมเพรสซิ่งของออสเตรเลียจนทำอะไรไม่ถนัด นาทีที่ 25 โรนัลดินโญ่ ที่ได้กระชากหลุดทะลุเข้าไปในเขตโทษ ก็จ่ายไปติดเท้ากองหลังฝ่ายตรงข้ามกลับมาเข้าทางตัวเอง แต่จังหวะสุดท้ายที่พยายามจะไปต่อกลับสะดุดขาตัวเองล้มลงไป อีกสองนาทีถัดมา เพลย์เมกเกอร์จากบาร์เซโลน่าก็กระดกบอลโด่งเข้าไปในเขตโทษ ให้ โรนัลโด้ วิ่งฉีกหนี เคร็ก มัวร์ ที่ตามประกบหลุดเข้าไปพลิกตัวยิง แต่สุดท้าย มัวร์ ก็ยังวิ่งตามมาแหย่ขาบล็อกไว้ได้ทัน



Ronaldo ถูก Vince Grella, Scott Chipperfield และ Lucas Neill เข้าประกบ


ออสเตรเลีย ที่อาศัยลูกยิงไกลบีบให้ ดีด้า ต้องออกแรงเซฟเป็นระยะ ก็มีโอกาสต่อบอลกันสวยๆเหมือนกัน จน สเตอร์ยอฟสกี้ ได้หลุดไปทางซ้ายในนาทีที่ 30 แต่กลับหยุดเล่นไปดื้อๆ เพราะนึกว่าเสียงนกหวีดจากแฟนบอลบนอัฒจันทร์เป็นการเป่าของเชิ้ตดำชาวเยอรมัน



Brett Emerton ไล่แย่งบอลกับ Adriano


นาทีที่ 37 บราซิลก็พลาดโอกาสทองไปอีกครั้ง เมื่อกาก้าหยอดเข้าในเขตโทษให้อย่างเหมาะเหม็ง แต่ โรนัลโด้ ที่วิ่งไปรอตรงจุดนัดพบกลับหวดวืดอย่างไม่น่าเชื่อ ออสเตรเลีย เลยรอดพ้นการเสียประตูไปได้อีกครั้ง นาทีถัดมา มิดฟิลด์จาก เอซี มิลาน ก็ได้บอลทางฝั่งซ้ายก่อนหยอดข้ามฟากเข้าไปในเขตโทษ บอลทำท่าจะหลุดออกหลังอยู่แล้ว แต่ อาเดรียโน่ ยังสปีดไปจนถึงก่อนดีดกลับไปที่เสาสอง แต่ไม่มีนักเตะบราซิลรออยู่ มัวร์ ที่ดักทางถูกเลยโหม่งคืนให้ มาร์ค ชวาร์เซอร์ รับเข้ามือสบายๆ เข้าสู่ช่วงห้านาทีสุดท้าย ออสเตรเลีย ก็ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นเป็นคนแรก เมื่อ โปโปวิช ที่ได้ลงเป็นตัวจริงในเกมนี้เกิดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องโดนเปลี่ยนตัวออกให้ มาร์ค เบรสชาโน่ ลงมาแทน แต่นักเตะออสซี่ก็ยังต่อกรกับบราซิลได้อย่างสูสี ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลาครึ่งแรก สกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0



Marco Bresciano ขึ้นวอลเลย์บอลหน้ากรอบเขตโทษของบราซิล


กลับมาลงสนามในครึ่งหลังได้ไม่นาน การประสานงานของซูเปอร์สตาร์บราซิลก็แผลงฤทธิ์ เมื่อ โรนัลดินโญ่ ที่ถอยลงมาต่ำชิพบอลไปข้างหน้าให้ โรนัลโด้ ดึงตัวประกอบตามไปสองคนก่อนไหลไปตรงกลางประตูให้ อาเดรียโน่ พลิกหลบกองหลังก่อนตะบันเรียดส่งลูกพุ่งเสียบเสา สุดปัญญาที่ ชวาร์เซอร์ จะป้องกันไว้ได้เป็น 1-0 ในนาทีที่ 49 ออสเตรเลีย ก็มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอเหมือนกัน ในนาทีที่ 54 จากจังหวะโต้กลับเร็ว เมื่อ เบรสชาโน่ ได้จังหวะหลุดทะลุไปทางซ้าย ก่อนลากตะลุยเข้าไปในเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายมัวลังเล เลยถูก เซ โรแบร์โต้ ที่วิ่งกวดไล่หลังมาแหย่ขาสกัดไว้ได้หวุดหวิด



Harry Kewell เข้าไปเถียงกับ Markus Merk กรรมการชาวเยอรมัน


ฮิดดิงค์ ตัดสินใจแก้เกม ด้วยการถอด เคฮิลล์ ออก แล้วส่ง แฮร์รี่ คีเวลล์ ลงมาเติมเกมรุกแทนในนาทีที่ 56 และจากจังหวะสัมผัสบอลหนแรก ปีกจาก ลิเวอร์พูล ก็เกือบตีเสมอให้ทีมได้ทันที เมื่อ ดิด้า ออกมาคว้าบอลจากการโยนยาวพลาดเพราะถูก วิดูก้า กดดัน ลูกไหลไปเข้าทาง คีเวลล์ แต่ก็ถูกนายทวารจาก เอซี มิลาน พุ่งตัวไปบล็อคไว้ได้ทัน หลังได้ประตูขึ้นนำ เกมของบราซิลเริ่มไหลลื่นขึ้น โดยเฉพาะฟูลแบ็กทั้งสองข้างที่มีโอกาสเติมขึ้นมาเปิดบอลให้กองหน้าได้เป็นระยะ แต่ก็เกือบเสียท่าเหมือนกันในนาทีที่ 69 เมื่อกองหลังสกัดบอลจากการวางยาวไม่อยู่ ปล่อยให้ คีเวลล์ ได้หลุดไปชิพจากระยะเกือบ 30 หลา ในจังหวะที่เห็น ดิด้า วิ่งออกจากเส้นประตู แต่โชคดียังเป็นของแชมป์เก่าเมื่อลูกเหินข้ามคานออกไป



Ronaldo ถูกเปลี่ยนตัวออกกับ Gilberto Silva


ยี่สิบนาทีสุดท้าย ฮิดดิงค์ ตัดสินใจแลกหมัดด้วยการถอด มัวร์ ออก แล้วส่ง จอห์น อลอยซี่ ลงมาเติมเกมรุก ขณะที่ ปาร์เรร่า ก็ถอด โรนัลโด้ กับ เอเมอร์สัน ออก แล้วส่ง โรบินโญ่ กับ จิลแบร์โต้ ซิลวา ลงมาแทนเหมือนกัน ก่อนหมดเวลาหนึ่งนาที แฟนแซมบ้า บราซิล ได้เฮกันลั่นสนามอีกครั้ง เมื่อ เฟรด ที่เปลี่ยนตัวลงมาแทน อาเดรียโน่ ได้บอลตรงกรอบเขตโทษ ก่อนไหลออกไปทางซ้าย ให้ โรบินโญ่ ซัดด้วยขวาเต็มๆบอลพุ่งชนเสากระดอนมาเข้าทาง เฟรด ที่วิ่งตามเข้าไป แปโล่ง เป็นประตูให้บราซิล นำห่าง2-0 สุดท้ายหมดเวลาการแข่งขัน บราซิล จึงเอาชนะ ออสเตรเลีย ไป2-0 เก็ม6คะแนนเต็ม ผ่านเข้าเล่นรอบสองได้แน่นอนแล้ว



Mark Viduka ปรบมือให้กับแฟนๆในสนาม


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บราซิล:เนลสัน ดีด้า - มาร์กอส คาฟู, ลูซิโอ, ฮวน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส - เอเมอร์สัน, เซ โรแบร์โต้, ริคาร์โด้ กาก้า, โรนัลดินโญ่ - อาเดรียโน่, โรนัลโด้
สำรอง: โรเกริโอ เชนี่, ชูลิโอ เซซ่าร์, ซิซินโญ่, คริส, ลุยเซา, คาร์ลอส มิเนโร่, จิลแบร์โต้ ซิลวา, จูนินโญ่, ริคาร์ดินโญ่, จิลแบร์โต้ ซิลวา, เฟร็ด, โรบินโญ่



สีสันกองเชียร์


ออสเตรเลีย:มาร์ค ชวาร์เซอร์ - ลูคัส นีลล์, เคร็ก มัวร์, โทนี่ โปโปวิช - เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, วินซ์ เกรลล่า, ทิม เคฮิลล์, เจสัน คูลิน่า, สกอตต์ ชิปเปอร์ฟิลด์ - มิเล่ สเตอร์ยอฟสกี้ - มาร์ค วิดูก้า
สำรอง:อันเต้ โกวิช, ซเล็จโก้ คาลัช, ไมเคิ่ล บีแชมป์, มาร์ค มิลลิแกน, สแตน ลาซาริดิส, โยซิป สโกโก้, อาร์ชี่ ธอมป์สัน, จอช เคนเนดี้, ลุค วิลท์เชียร์, จอห์น อลอยซี่, มาร์โก เบรสชาโน่, แฮร์รี่ คีเวลล์



สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์





สีสันกองเชียร์


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

นัดที่ 3 บราซิล 4 ญี่ปุ่น 1

Brazil 4 Japan 1
June 22, 2006
สนาม : FIFA WM Stadion Dortmund, Dortmund
คนดู : 65000 คน
กรรมการ : Poulat (France)
ผุ้ทำประตูให้บราซิล : Ronaldo 45+1' 81'Juninho 53'Gilberto 59'
ญี่ปุ่น : Tamada 34'







แถวหลัง Dida Lucio Juan Gilberto Silva Juninho Gilberto
แถวหน้า Ronaldinho Cicinho Kaka Robinho Ronaldo


"แซมบ้า" บราซิล สอนเชิง พร้อมถีบ "ซามูไร" ญี่ปุ่น ตกรอบสนิท หลังยิงยับ4-1 โดยญี่ปุ่นออกนำก่อนจาก เคจิ ทามาดะ น.34 ก่อนแชมป์เก่าซัดรวดจาก โรนัลโด้ (บราซิล) น.45 และ 81,จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ น.53 และ 1-3 จิลแบร์โต้ ดา ซิลวา อัดน.60 โดย โรนัลโด้ ทำสถิติสูงสุดในการทำประตูเทียบเท่า เกิร์ต มุลเลอร์ ที่ยิงไป14ประตูแล้ว ขณะที่ "จิงโจ้" ออสเตรเลีย ซัดเจ๊า โครเอเชีย 2-2 ลิ่วเข้ารอบเช่นกัน ในศึกฟุตบอลโลก2006 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา



ทีมชาติญี่ปุ่น


เกมที่สนาม เวสต์ฟาเล่น สเตเดี้ยม ในเมือง ดอร์ทมุนด์ เป็นการพบกันระหว่าง ญี่ปุ่น กับ บราซิล โดยทีม "ซามูไร" จะต้องเก็บชัยชนะสถานเดียวเท่านั้น และลุ้นให้ ออสเตรเลีย ไม่ชนะ โครเอเชีย ถึงจะมีหวังในการผ่านเข้ารอบสอง ขณะที่ "แซมบ้า" ลอยลำเข้ารอบตั้งแต่นัดที่แล้ว



ยืนฟังเพลงชาติ


สภาพทีมของทั้งคู่ ญี่ปุ่น ไม่มี นาโอฮิโระ ทาคาฮาระ กับ อัทซึชิ ยานางิซาวะ สองกองหน้าตัวเก่งในรายชื่อผู้เล่นตัวจริง โดยให้ เซอิจิโระ มากิ กับ เคอิจิ ทามาดะ ลงทำหน้าที่แทน ส่วนบราซิล พักผู้เล่นคนสำคัญบางรายอย่าง มาร์กอส คาฟู, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, เอเมอร์สัน, เซ โรแบร์โต้ และ อาเดรียโน่ เพื่อเก็บไว้เล่นในรอบสอง ขณะที่กองหน้าตัวจริงอย่าง โรนัลโด้ ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากได้รับใบเหลืองเพิ่มอีกใบ เขาจะต้องติดโทษแบนในเกมรอบสองทันที



Keiji Tamada ดีใจหลังทำประตูได้ ให้ญี่ปุ่นขึ้นนำบราซิล 1-0 นาทีที่ 34


เริ่มต้นเกม บราซิล ยังไม่ผลีผลามบุกเข้าใส่ แต่ก็ยังได้โอกาสยิงก่อนในนาทีที่ 7 เมื่อ โรนัลโด้ โชว์ลีลาลากบอลเข้ามาซัด แต่ โยชิคัทซึ คาวางูชิ เซฟออกหลังไปได้ ถัดมาอีก 4 นาที ยังเป็นจังหวะเข้าทำของทีมแซมบ้า โดย โรบินโญ่ รับบอลจาก ซิซินโญ่ ทางฝั่งขวา ก่อนลากบอลตัดเข้าเท้าซ้ายแล้วสับไกทันที แต่คาวางูชิ ยังพุ่งปัดออกไปได้อีก ญี่ปุ่น ได้โอกาสแรกในนาทีที่ 15 จากการต่อบอลกันหลายทอด แล้วจบที่ จุนอิจิ อินาโมโตะ ซัดไกลด้วยเท้าซ้ายระยะ 30 หลา โด่งข้ามคานออกไปไกล



Ronaldo โหม่งลูกผ่านมือ Yoshikatsu Kawaguchi ตีเสมอ ญี่ปุ่น 1-1 นาทีที่ 45


โอกาสที่ดีของบราซิลมาถึงอีกครั้งในนาทีต่อมา เมื่อ โรบินโญ่ ได้กดด้วยซ้ายจากหน้าเขตโทษ คาวางูชิ ต้องเหินสุดเหยียดปัดบอลข้ามคานออกไปได้ เกมรับของญี่ปุ่นเริ่มรวนมากขึ้น โดยนาทีที่ 20 โรนัลดินโญ่ ลากบอลจี้เข้ามาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้โรนัลโด้ แต่งเข้าขวาแล้วปั่นเล่นทางไปเสาสอง แต่คาวางูชิ ยังโชว์ฟอร์มสุดยอด พุ่งปัดมือเดียวออกไปอย่างยอดเยี่ยม ถัดมาอึดใจเดียว โรนัลโด้ ไหลบอลให้ กาก้า วิ่งเข้าซัดเต็มข้อ คาวางูชิ ยังพุ่งปัดข้ามคานออกไปได้อีกครั้ง



Gilberto ยิงประตูที 3 ให้บราซิล นาทีที่ 59


แต่ญี่ปุ่นเริ่มโต้กลับได้ดี และเกือบพลิกขึ้นนำด้วยซ้ำในนาทีที่ 24 เมื่อ อากิระ คาจิ เติมเกมขึ้นมาทางกราบขวา แล้วผ่านเรียดไปหน้าประตู จิลแบร์โต้ ซิลวา ลงมาช่วยเกมรับ แต่เกือบสกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง สถานการณ์มาพลิกผันจนได้ในนาทีที่ 34 เมื่อ ญี่ปุ่น ได้ประตูขึ้นนำอย่างสุดสวย จากจังหวะลุยขึ้นมาของ อเล็กซ์ แล้วแทงเข้าช่องให้ เคอิจิ ทามาดะ หลุดเข้าไปซัดด้วยเท้าซ้ายแสกหน้า ดีด้า เข้าไปอย่างสวยงาม ให้ญี่ปุ่น ขึ้นนำ 1-0 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บของครึ่งแรกเพียงนาทีเดียว บราซิล ก็มาตีเสมอเป็น 1-1 จนได้ เมื่อ โรนัลดินโญ่ ตักบอลไปให้ ซิซินโญ่ เติมขึ้นมาโหม่งชงให้ โรนัลโด้ โขกจ่อๆ เข้าไปไม่เหลือ หมดครึ่งแรก ญี่ปุ่น เสมอ บราซิล 1-1



Ronaldo ยิงประตูที่4ปิดท้ายทำให้บราซิลชนะ 4-1


ครึ่งหลัง บราซิล ลุยหนัก และเพียงแค่ 30 วินาที กาก้า ก็ได้ซัดจากหน้าเขตโทษ แต่ไปติดบล็อก อเล็กซ์ ออกหลังไปหวุดหวิด ทีมแซมบ้าน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุดในนาทีที่ 51 เมื่อ โรนัลโด้ เล่นชิ่งกับ โรนัลดินโญ่ ก่อนได้ตั้งยิงเหน่งๆ บนเส้นเขตโทษพอดี แต่กลับแปหลุดเสาสองออกไปไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ดี บราซิล ก็มาขึ้นนำ 2-1 จนได้ในนาทีที่ 53 จากการตั้งป้อมซัดระยะ 25 หลา ของ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ มิดฟิลด์ของสโมสรโอลิมปิก ลียง



Ronaldinho ถูก Hidetoshi Nakata (L) และMitsuo Ogasawara เข้าแย่งบอล


ขุนพลเซเลเซามาได้ประตูหนีห่างเป็น 3-1 ในอีก 6 นาทีต่อมา เมื่อ จิลแบร์โต้ ดา ซิลวา แบ็กซ้าย หลุดเข้าไปในเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนตะบันเรียดเสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงาม จากนั้น บราซิล บุกถล่มเข้าใส่เป็นระลอก โดย โรบินโญ่ กับ กาก้า ได้โอกาสยิงไกลคนละครั้ง แต่ คาวางูชิ ก็เซฟได้ทั้งสองครั้ง ช่วงเวลาที่เหลือ บราซิล ครองบอลเอาไว้ได้ตลอด ขณะที่ญี่ปุ่นแทบไม่มีจังหวะขึ้นมาสร้างความหวาดเสียวได้เลย และแล้วในนาทีที่81 บราซิล ก็ได้ประตูตอกฝาโลง ญี่ปุ่น ได้เสำเร็จ



Ronaldo ถูก Yuji Nakazawa , Shunsuke Nakamura และ Junichi Inamoto เข้าสกัด


จากการปั่นอย่างสุดสวย ของโรนัลโด้ ทำให้เจ้าโล้นทำสถิติยิงประตูในบอลโลก เทียบเท่า เกิร์ต มุลเลอร์ ของเยอรมัน ที่ทำไว้14 ประตูเรียบร้อย จบเกม ญี่ปุ่น แพ้ บราซิล ไป 1-4 ส่งผลให้ญี่ปุ่นเป็นอีกทีมจากเอเชียต่อจากอิหร่านที่ตกรอบแรก ขณะที่บราซิลเข้ารอบด้วยการเป็นที่ 1 ของกลุ่ม เอฟ พร้อมทั้งทำสถิติชนะติดกันในบอลโลกมา10นัดรวด โดยจะเข้าไปพบกับ กานา ทีม 2 ของกลุ่ม อี ในรอบสอง



Gilberto Silva เข้าไปทักทายกับ Koji Nakata


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ญี่ปุ่น : โยชิคัทสึ คาวางูจิ, อากิระ คาจิ, ยูจิ นากาซาวะ, เคซุเกะ ซึโบอิ, อเลสซานโดร ซานโตส, จุนอิจิ อินาโมโตะ, ฮิเดโตชิ นากาตะ, มิตซึโอะ โอกาซาวาระ, ชุนซุเกะ นากามูระ, เซอิชิโระ มากิ, เคจิ ทามาดะ
สำรอง :โยอิจิ โดอิ, เซโกะ นาราซากิ, ยาซูฮิโตะ เอ็นโดะ, ทาคาชิ ฟูคูนิชิ, ยูอิจิ โคมาโนะ, เทรูยูกิ โมนิวะ, โคจิ นากาตะ, ชินจิ โอโนะ, มาซาชิ โอกุโระ, อัทซึชิ ยานางิซาวะ, นาโอฮิโระ ทาคาฮาระ



Alessandro Santos นักเตะญี่ปุ่นเชื้อสายบราซิลเข้าสวมกอด Ronaldo


บราซิล : เนลสัน ดีด้า, ซิซินโญ่, ลูซิโอ, ฮวน, จิลแบร์โต้ ดา ซิลวา, จิลแบร์โต้ ซิลวา, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่, ริคาร์โด้ กาก้า, โรนัลดินโญ่, โรบินโญ่, โรนัลโด้
สำรอง : ฮชลิโอ เซซ่าร์, โรเกริโอ เชนี่, มาร์กอส คาฟู, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, คริส, ลุยเซา, เอเมอร์สัน, คาร์ลอส มิเนโร่, ริคาร์ดินโญ่, เซ โรแบร์โต้, อาเดรียโน่, เฟร็ด




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์




สีสันกองเชียร์



ประตูที่ 1

มาทักทายครับ

โดย: Pele IP: 125.27.225.205 วันที่: 3 กันยายน 2550 เวลา:14:31:52 น


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Create Date : 11 สิงหาคม 2552
Last Update : 11 สิงหาคม 2552 13:20:26 น. 1 comments
Counter : 4866 Pageviews.

 
สุดยอด


โดย: 111 IP: 124.120.116.68 วันที่: 31 ตุลาคม 2552 เวลา:20:06:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ล่องแม่ปิง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




อังกฤษเป็นชาติที่เริ่มเล่นฟุตบอล แต่บราซิลเป็นชาติที่สอนการเล่นฟุตบอล

มีคำพูดธรรมดาๆประจำฟุตบอลโลกอยู่ประโยดหนึ่งว่า"ฟุตบอลโลกที่ไม่มีบราซิล ก็ไม่ใช่ฟุตบอลโลก"


จะจริงเท็จประการใด แฟนบอลทั่วโลกยังไม่เคยทราบ เพราะที่ผ่านมา 20 ครั้ง และครั้งที่ 21 ในปี 2018 บราซิลยังคงได้เข้ามาเล่นรอบสุดท้ายอิกครั้ง ในฐานะเจ้าภาพ


ผมยังนึกไม่ออกว่าหากบราซิลไม่สามารถผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก ฟุตบอลโลกในปีนั้นจะขาดอะไรไปบ้าง....มนต์ขลังลีลาแซมบ้า. สีเขียว-เหลืองที่แต่งแต้มฟุตบอลโลกทุกครั้งเสมอมา หรือกองเชียร์ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันมา น้องๆขบวนพาเหรดงานคานิวัล ผมว่าคงไม่เกิดขึ้นในรุ่นของผมนะครับ
Friends' blogs
[Add ล่องแม่ปิง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.