คำถามสั้นๆ กับคำตอบยาวๆ 130 ข้อ ใน "คืนหนาว"




TAG "แท๊ก" คำๆ นี้ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก เท่าที่พอจำๆ ได้ก็มักจะอยู่ปนกับคำอื่นๆ
และอยู่ในแวดวงการกีฬาเป็นหลัก ถ้าจะยกตัวอย่างในตอนนี้ที่นึกได้ก็มีอยู่สองคำ คือ

1. TAG Team "แท๊กทีม" คือการเปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยใช้ทีมใหม่เข้ามาเล่น
วิธีการเท่าที่จำได้ก็คือเอามือมาแตะกัน แล้วอีกทีมก็วิ่งลงมาในสนาม ความหมายนี้
ดูใกล้เคียงกับ TAG ที่เรากำลังเล่นอยู่ คือ แตะมือให้อีกคนมาเล่นกันต่อ
2. "แท๊กติก" ไว้ใช้เรียกแผนการเล่นฟุตบอลที่โค้ทวางเอาไว้ ตัวอย่างเช่น
"มูริญโญ่" ใช้ "แท๊กติก" โดยวาง ดิดิเย่ต์ ดร็อกบา เป็นศูนย์หน้าตัวเดียว
เนื่องจากการครองบอลที่ดี และความสามารถเฉพาะตัวสูง ใช้เพียงคนเดียวแต่สามารถ
ป่วนกองหลังฝ่ายตรงข้ามได้มาก ความหมายนี้ดูๆ แล้วไม่ค่อยเข้ากับ TAG ที่เรา
กำลังเล่นอยู่นี่เลย หรือเกี่ยว?

อ่านขึ้นต้นมาอย่างนี้ถ้าสังเกตุดีๆ จะรับรู้ได้ถึง "ความมั่ว" และ คิ้วที่ค่อยๆ ขมวด
ถ้าเป็นหนังก็คงเดาได้เลยว่า เรื่องนี้ ยืดยาว และ น่าเบื่อเพียงใด
เคยคิดมานานแล้วหล่ะว่าอยากจะเขียนอะไรยาวๆ แบบ ยาวๆ ที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา
เพราะว่าในชีวิตที่ผ่านมา เขียนอะไรยาวๆ ไม่เป็น เพราะอาจจะนึกเรื่องที่จะนำมาเขียนไม่ออกกระมัง
คราวนี้คงได้โอกาสสักที เพราะ TAG นี้เหมือนเป็นกรอบให้เราได้เขียน..

หลายๆ คนที่เคยผ่านๆ เข้ามาในบลอก "กายแก้ว" คงจะรู้ดีว่า ในบลอกนี้มักจะเอาอะไรก็ไม่รู้มาลง
เวลาอ่านต้องคอยขมวดคิ้วอยู่เนืองๆ หลายๆ คนคงคิดว่า "ทำไมมันจะซีเรียสอะไรกันนักหนา"
แต่นั่นก็เป็นนิสัยจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง เพราะว่าในชีวิตจริง ผมก็มักจะเอาเรื่องทั่วๆ ไปนี่แหละ
ทั้งเพลงทั้งหนังทั้งข่าวทั้งเรื่องส่วนตัวมาทำท่าขมวดคิ้ว จนทำให้เพื่อนรอบๆ ตัวในที่ทำงาน
จะรีบเบรคทันทีที่ผมจะเริ่มเล่าเรื่อง เพื่อนๆ ที่คุย MSN กับผมก็คงเช่นกัน ผมสังเกตุได้

ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังก็เพราะว่า จะเป็นบทเริ่มต้นให้รู้กันไว้ก่อนเลยว่า ผมจะทำอะไรกับ TAG ที่ได้รับนี้
ผมจะนั่งอ่านคำถามนี้ แล้วก็จะตอบไปเรื่อยๆ โดยเน้นการ อธิบาย เป็นหลัก
ซึ่งผมหวังเอาไว้ว่า คำตอบของผมจะยาว อย่างที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะเขียนอะไรยาวๆ สักที
สังเกตุจากคำถามแล้วรู้สึกว่าเจตนาเพื่อที่จะให้ผู้ตอบบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่
จะเป็นเรื่องราวในอดีตและความรู้สึกในปัจจุบัน
เรื่องราวในอดีตของผมอาจจะมีสนุกปนเศร้าบ้างในบางครั้ง
แต่ปัจจุบันนี่สิ อารมณ์ของผมกำลังอยู่ในช่วง "อิน" กับหนังสือเล่มหนึ่ง
"สแตปเปนวูล์ฟ" ของ "เฮอร์มานน์ เฮสเส" แปลโดย "สดใส"
ในบทนำผู้เขียนบอกเอาไว้ว่า เค้าเขียนขณะอายุห้าสิบปี เพราะฉะนั้นคนที่อายุน้อยกว่านี้
อาจจะสัมผัสได้น้อยกว่าหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เค้าเคยเขียน แต่ถ้าคนที่อายุห้าสิบอ่านจะทำให้สัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง
หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงชีวิตของชายอายุห้าสิบปีคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า "สแตปเปนวูล์ฟ"
หมาป่าเปลี่ยวกลางทุ่งหญ้า อยู่ในสังคมที่ไม่ใช้บ้านตัวเอง ท่ามกลางผู้คนมากมายกลับรู้สึกแปลกแยก
ที่เล่าเรื่อง "สแตปเปนวูล์ฟ" นี้ก็เพราะว่า เรื่องราวที่กำลังจะทำ(ตอบคำถาม) นั้นรับรองได้เลยว่า
จะต้องมีเรื่องราวของ "สแตปเปนวูล์ฟ" นี้เข้าไปอยู่ด้วยอย่างมากมาย
แปลกที่ผมนั้น อายุก็ยังอีกไกลนักกว่าจะห้าสิบปี แต่กลับผูกพันกับ "สแตปเปนวูล์ฟ" ได้อย่างมาก
ออกตัวไว้ก่อนเลยว่า คำตอบนั้น อาจจะหม่นๆ เกินความจริงที่ประสบ แต่อารมณ์ของวันนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ

และก็เหมือนบลอกอื่นๆ ที่จะต้องนำเพลงที่เข้ากับเนื้อหามาเปิดด้วย
เพลง "คืนหนาว" นี้เหมาะมากับอารมณ์ "สแตปเปนวูล์ฟ" มากๆเลย หมาป่าเปลี่ยวกลางทุ่งหญ้า
ผู้ที่เหน็บหนาวในใจเหลือเกินในหนทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย... แข่งขัน



เพลง::::คืนหนาว
ศิลปิน::::ฤทธิพร อินสว่าง
ในคืนเหน็บหนาว ฉันเดินเงียบเหงา อยู่บนถนน
ไม่มีผู้คน ไม่มีรถรา มีเพียงแสงไฟ
สายลมหวีดหวิว พริ้วพาเหน็บเนื้อ เหน็บเหลือข่มใจ
เหน็บหนาวภายใน เหน็บหนาวในใจ เหน็บหนาวเหลือเกิน
ในคืนเมฆหนา ฉันเดินจนล้า จะเดินไปไหน
ฉันเดินมาไกล ไม่มีแสงไฟ เมื่อไกลถนน
ท้องฟ้ามืดมิด ชีวิตมืดนัก ความรักมืดมน
เสียงใจพร่ำบ่น เหมือนคนรำพรรณ ฉันเหงาเหลือเกิน
ในคืนเหน็บหนาว หัวใจเจ็บร้าว เรื่องราวความหลัง
ก็เป็นเช่นทาง ที่ยังทอดยาว จากวันสู่คืน
ตราบชั่วชีวิต ทิศทางแสวง แข่งขันหยัดยืน
จะมีใครยื่น น้ำใจให้กัน เท่าฉันให้เธอ





1. วันนี้วันที่เท่าไหร่
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2550 ไปทำงานพร้อมสายฝนบางๆ วันนี้รถไม่ติดมากทำให้ไปทำงานไม่สายมากนัก
นึกยังไงก็ไม่รู้ที่ใส่เสื้อยืดไป แล้วไปเปลี่ยนชุดทำงานในที่ทำงาน สงสัยวันนี้จะเพี้ยนๆ
วันศุกร์เป็นวันที่ต้องประชุมในตอนเช้าซึ่งทุกๆ ครั้งที่ประชุม พอประชุมไปได้สักครึ่งทางผมจะแกล้งทำเป็นว่า
มีโทรศัพท์เข้ามา แล้วก็ออกมานอกห้อง มาหาน้ำดื่ม เข้าห้องน้ำ เป็นการผ่อนคลายที่ดี
กลางวันมีนัดทานข้าวกับลูกค้าสำคัญเพื่อเจรจาการต่อสัญญาการใช้ห้องพัก ใช้เวลาเกือบๆ สามชั่วโมง
หลังจากนั้นก็ใช้งานเลขาในการพิมพ์สัญญาเพื่อนำไปให้ลูกค้าคนนั้น กว่าจะเสร็จก็ประมาณ สี่โมงเย็นแล้ว
เดินวนไปวนมาคิดว่าน่าจะกลับบ้านได้แล้วก็มีทางแผนกสปาแจ้งมาว่า ขอความร่วมมือ
เนื่องจากมีการสอนนวดเท้าให้กับพนักงานใหม่ จึงเรียนเชิญไปเป็น "หุ่น"
หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไปการนวดเท้าก็เป็นอันเสร็จสิ้นหลังจากทำธุระสักพักก็ได้เวลากลับบ้าน
ไปซื้อมติชนสุดสัปดาห์ก่อนกลับบ้าน คราวนี้หน้าปกเป็นรูป สนธิ บุญฯ ประธาน คมช.
เห็นแล้วก็นึกไปถึงความไร้ประสิทธิภาพของทหาร ที่นึกว่าตัวเองเก่ง คิดว่ามีกำลังทหาร มีปืน
มีรถถังอยู่ในมือ จะทำอะไรก็ได้ แต่การเมืองมันคนละเรื่อง การจะไล่นายก เลวๆ คนนึงออก
มันต้องพลังประชาชน ไม่ใช่พลังปืน หรือ พลังรถถัง สิ่งเหล่านั้นกลับไปสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ที่ถูกขับออกไป
เอามาอ้างได้ว่า ถูกปลดโดยใช้กำลัง ทั้งที่ประชาชนยังสนับสนุนอยู่
จำได้ว่าก่อนเกิดรัฐประหาร การเลือกตั้งวันที่ 2 เมษายน 2549 นั้น ที่ประชาชน กาบัตรเลือกตั้ง
ที่ช่อง "ไม่ลงคะแนน" เกือบๆ ครึ่งหนึ่งของคะแนนเสียงทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า
อดีตนายกฯ คนนั้นกำลัง อยู่ในช่วงขาลงทางการเมืองขนาดไหน แต่ดูวันนี้สิ
อดีตนายกฯ คนนั้นกำลังมีคนสนับสนุนมากขึ้น เพราะการบริหารประเทศของกลุ่มทหารที่ทำงานด้านนี้ไม่เป็น
พวกนึกว่าตัวเองเก่ง คุมกำลังทหารได้ไม่รู้กี่พันกี่หมื่น สั่งซ้ายหันขวาหัน ได้ มาสั่งรัฐมนตรีไม่กี่สิบคนคงง่าย
มาสั่งประเทศไทย สั่งคนไทย ซ้ายหันขวาหัน บริหารประเทศห่วยๆ แบบนี้ หลายๆ คนเอาไปเปรียบเทียบกับ อดีตนายกฯ
เหมือนฟ้ากับเหว แล้ววันนึงอดีตนายกฯ เค้าจะกลับมาใหญ่อีกครั้ง คราวนี้คงเหนื่อยกันอีกหลายรอบ
ไล่ทหารกลับเข้ากรมกลับเข้ากองไปเหอะ อย่ามายุ่งเรื่องการบริหารประเทศเลย
กลับมาถึงบ้านทุ่มกว่าๆ พร้อมอาหารที่โต๊ะ แม่และป้ารอทานอยู่แล้ว ไม่รีรอที่จะเริ่ม บรรเลง
อาบน้ำแปรงฟันทำธุระส่วนตัวขึ้นมาที่ห้องนอน มาที่โน๊ตบุ๊คคู่ชีพ เริ่มกระบวนการท่องเน็ต
กว่าจะได้เริ่มตอบ TAG ได้นั้นก็ดึกเอาการ

2. ตอนนี้กี่โมงแล้ว
เกือบๆ ห้าทุ่มแล้ว เปิดทีวีไว้ด้วยแฮะวันนี้ไม่รู้นึกยังไง ช่องสาม มีละครจากแดนมังกร
นางเอกพูดไม่ได้ พระเอกเป็นนักธุรกิจที่รวยมากๆ ดูไปพิมพ์ไปเพลินๆ ดี
เรื่องราวในวันนี้จะเป็นยังไงต่อไป แล้วต่อเนื่องไปถึงไหนนั้น เราคงจะได้รู้พร้อมๆ กัน

3. เทอชื่ออะไร
ชื่อจริง ชื่อ นาย สกนธ์ รัตนสุนทร ชื่อเล่นชื่อ เล็ก นามแฝง ชื่อ กายแก้ว
สกนธ์ นั้นแปลว่า "ร่างกาย" ภาษาอังกฤษก็ "body" โดยการตั้งชื่อนี้นัยว่าน่าจะหมายถึง
คนที่มีร่างกายแข็งแรง ซึ่งในช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้นเป็นคนแข็งแรงนะ กีฬาที่ทำได้ดีก็พวก ปิงปอง,
วิ่ง พวกที่ใช้ความยาวของแขนขาให้เป็นประโยชน์ รัตนะ แปลว่า แก้ว สุนทร หมายถึง ความสุข
รวมๆ กันน่าจะหมายถึง แก้วแห่งความสุข ส่วน "เล็ก" ก็มาจากความต่อเนื่องจากชื่อพี่ชายมั้ง

4. ใครตั้งให้
พ่อครับ พ่อมีความรู้เรื่องโหราศาสตร์อยู่พอสมควร จึงเปิดตำรา ตั้งชื่อลูกทั้งสองคนเองเลย
ผมภูมิใจมากเลยครับ ชื่อที่เก๋ๆ และความหมายดีๆ อย่างนี้ คงไม่มีชื่อไหนในโลกนี้แล้วหล่ะที่เหมาะกับตัวผมเท่าชื่อนี้

5. เกิดวันที่เท่า ไหร่
4 พฤษภาคม ซึ่งวันคล้ายวันเกิดเพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน มีเพื่อนหลายๆ คนมาอวยพรผ่านหน้าบลอก ซึ้งใจมากๆ
เกิดในราศีเมษ ซึ่งเป็นราศีแรกแห่งจักรราศี จากที่ หมอขุนทองได้บอกกล่าวไว้ใน อัลบั้ม "12ราศี" ของวงตาวันนั้น
เค้าบอกไว้ว่า เนื่องจากราศีนี้เป็นราศีแรก คนในราศีนี้จึงมีลักษณะ แนวหน้ากล้าตาย ผู้บุกเบิก เมื่อล้มก็พร้อมที่จะ
เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ แล้วก็ฝากเพลง "การเริ่มต้น" เพื่อแสดงความเป็นชาวราศีเมษ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สิ่งเหล่านั้นค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นชีวิตประจำวันมากขึ้น ใครๆ ถามว่านิสัยยังไง
ก็จะบอกว่า เป็นคนที่ไม่กลัวการล้มเพราะพร้อมที่จะเริ่มใหม่ได้เสมอ เอ... ไม่รู้อย่างนี้จะเรียกว่า
หมอขุนทอง ทำนายได้แม่นหรือเปล่าก็ไม่รู้

6. ชอบสีอะไร
ตั้งแต่เด็กๆ มาแล้วที่ชอบ สีฟ้า สีฟ้าที่เป็นสีของท้องฟ้า ไม่ใช่สีน้ำเงินที่ผสมสีขาว รู้สึกว่า สีฟ้า
เป็นสีที่น่ามอง มองแล้วรู้สึกสบายใจ เมื่อเรามองท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆ มันเหมือนกับว่าเราล่องลอยไป
มีความเป็นอิสระ อีกสีนึงที่ชอบเพราะคล้ายๆ กัน นั่นคือ สีทะเล จำได้ว่าเมื่อสักยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
มีโอกาสได้ไปเที่ยวทะเลแถบอันดามันบ่อยๆ สีของน้ำทะเลอันดามันนั้นสวยมาก ยังจำความรู้สึกเวลา
ที่นั่งเรือไปไกลๆ มองท้องทะเลสุดสายตา มีความสุขยิ่งนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้ อันดามันเป็นยังไงบ้าง คิดถึง
พอโตขึ้นมาหน่อย ชอบสีเขียว เพราะเป็นสีที่ทำให้เราได้รู้สึกว่าเราได้ใกล้กับธรรมชาติ
อาจจะเป็นเพราะว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งที่คลั่งไคล้เพลงเพื่อชีวิตมากๆ ยิ่งเพลงที่ออกแนวๆ อนุรักษ์ ธรรมชาตินี่
จะชอบเป็นพิเศษ สีเขียวนับว่าเป็นสีที่มีอิทธิพลกับชีวิตมากที่สุดเลย เพราะว่า หลายๆ สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว
มักจะเลือกซื้อสีเขียว ซึ่งมีอยู่ช่วงนึงที่มีแต่สีเขียวจริงๆ แต่ช่วงหลังๆ เริ่มเปลี่ยนมากขึ้น
มีสีอื่นมาปนๆ มากขึ้น แต่จนปัจจุบัน สีเขียวก็ยังอยู่ในหลายๆ อย่าง
ปัจจุบัน ความรู้สึกได้เปลี่ยนอีกครั้ง ชอบสี ขาว-ดำ
รู้ไหมว่า ทุกๆสิ่งทุกๆ อย่างรอบตัวเราที่เราเห็นนั้น มันไม่ใช่ของจริง!
สีทุกๆ สีที่เราเห็นนั้น ไม่ใช่ สีของสิ่งเหล่านั้นจริงๆ
ไม่ได้พูดแบบนี้เพราะเล่นคำ หรือ มีหลักปรัชญาใดๆ ทั้งสิ้น สิ่งที่พูดมาทั้งหมดคือ ความจริงทางวิทยาศาสตร์
สมมติว่าเราเห็นรถคันหนึ่งสีแดง จริงๆ แล้วรถคันนั้นไม่ได้สีแดง
แต่ที่ตาเราเห็นมันเป็นสีแดงนั้นก็เพราะว่า แสงสีขาวซึ่งมีสี 7 สีอยู่ในนั้น ตกกระทบรถคันนั้น
รถคันนั้นดูดสีอื่นๆ เอาไว้หมดยกเว้นสีแดง รถคันนั้นสะท้อนแสงสีแดงออกมาซึ่งแสงสีแดงนั้น
ก็วิ่งจากรถคันนั้นเข้ามาสู่สายตาเรา เราเลยเห็นว่ารถคันนั้นสีแดง
ที่รู้สึกชอบสี ขาว-ดำ นั้น เพราะว่า ผมมีความรู้สึกว่า สีขาวและสีดำเป็นการรวมกันของทุกๆ สี
สีขาวและสีดำเป็นทั้งสิ่งเดียวกันและสิ่งที่ตรงกันข้ามซึ่งกันและกัน มันมีเสน่ห์อย่างมากมาย
ถ้าเราผสมทุกๆ สีเข้าด้วยกันอย่างถูกสัดส่วน เราจะได้สีดำ
คำว่าได้สัดส่วนนั้นก็คือ... จากหลักการมองเห็นที่บอกไปเมื่อสักครู่ เมื่อเราเห็นสีไหนแสดงว่าดูดแสงสีอื่นไว้
แล้วสะท้อนสีที่เราเห็นมา เมื่อเอาหลายๆสีมารวมกันย่อมหมายถึงการ ดูด แสงทั้งหมดไว้ไม่ปล่อยออกมา
นั่นก็คือสีดำนั่นเอง ส่วนสีขาวก็เหมือนกัน เป็นการผสมกันของทุกๆ สี ดูแสงเป็นตัวอย่าง
มีสีทุกๆ สีผสมกันอยู่ในแสงสีขาว ผมถึงรู้สึกว่า สองสีนี้มีเสน่ห์มีความสวยงาม เป็นทั้งสิ่งเดียวกันและสิ่งตรงกันข้าม
เมื่อนึกถึง สีขาว-ดำ นั้น ผมนึกถึงประโยคอีกประโยคนึง "ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน"
ความแน่นอน กับ ความไม่แน่นอน นั้นเป็นทั้งสิ่งเดียวกัน และสิ่งตรงข้ามกัน

7. ชอบไปเที่ยวป่ะ
8. ไปไหนอะ

จากที่บอกไปนั้นว่าสมัยเด็กๆ ไปเที่ยวบ่อยเนื่องจากแม่เป็นนักเที่ยวบางสถานที่เช่น เกาะพีพี เกาะตะรูเตา
หรือที่อื่นๆ อีกหลายที่นั้น ไปหลายครั้งมากเลย ซึ่งตอนนั้นเป็นเด็กอยู่เลยไม่ค่อยสนใจหรอก เหมือนไปเที่ยว
ก็ไปอย่างนั้นๆ แหละ ทั้งๆที่ ได้ไปในทุกๆ ภาคของประเทศ และ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย
พอโตขึ้นมาในวัยทำงานกลับไปท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้ๆ เช่น พัทยา ระยอง ชะอำ หัวหิน แค่นั้นเอง
ขับรถไปง่ายๆ แล้วก็พักในโรงแรมสักสองสามคืน มีการเดินชายหาดบ้างในบางเวลา
อาจจะเป็นเพราะเราโตขึ้นถึงได้ทำอะไรช้าลง แต่ณ ปัจจุบันนั้น ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย
อยากไปเหมือนกันนะ ไปทะเลที่หาดสวยๆ ทะเลเงียบๆ ไปนั่งมองทะเลนานๆ คงมีความสุขดี
ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาอีกเยอะ

9. เที่ยวกลางคืนป่ะ
ผมไม่เข้าใจว่าความสุขประเภทใดที่ดึงผู้คนให้ไปออกันไปเบียดเสียดกันไปแออัดยัดเยียดกัน
ในห้องแคบๆ กับเพลงโง่ๆ อึกทึกจนหาความไพเราะไม่ได้ ไปสู่ร้านเหล้าและสถานเริงรมย์นานาประเภท
ผมไม่อาจทำความเข้าใจหรือมีส่วนร่วมกับความบันเทิงที่คนนับพันนับหมื่นแสวงหา

10. ไป โรงเรียนสายบ่อยป่าว
ความจำที่เลือนๆ ลางๆ เกี่ยวกับโรงเรียน ไม่แน่ใจว่าไปสายบ่อยมั๊ยแต่จำเหตุการณ์วันนึงได้อย่างแม่นยำ
วันนั้นไปโรงเรียนสาย คนอื่นๆ เข้าแถวเคารพธงชาติกันหมดแล้ว วันนี้มีเพื่อนร่วมชะตากรรมที่มาสายอยู่สิบกว่าคน
นักเรียนเหล่านั้นกำลังเข้าแถวกันโดนครูเอาไม้เรียวหวดก้นกันทีละคน ทีละคน โทษของการมาสายนั้น
แม้เพียงครั้งแรกก็มีโทษสถานเดียว เมื่อมาถึงคิวของผม ก็เดินไปอย่างปกติ ยกมือกอดอก
คุณครูถามว่า ทำไมมาสาย ผมก็ตอบกลับไปว่า แม่ทำกับข้าวช้า... วันนั้นผมไม่โดนตีซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร
และวันต่อมา ผมก็มาเร็วกว่านั้นเล็กน้อยแค่ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด วิ่งผ่านคุณครูคนเมื่อวาน ใขขณะที่วิ่งผ่านไปนั้น
คุณครูคนนั้นบอกว่า ถ้ามาสายอีกจะโดนตีสองที เพราะคราวก่อนไม่โดน นั่นเป็นภาพที่พอจำได้
มาถึงตอนนี้ไปทำงานสายเกือบๆ ทุกวัน น้อยวันนักที่จะไปตรงเวลา ดึกแล้วไปนอนดีกว่า....

11. ปกติตื่นประมาณกี่โมง
งัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อแสงข้างนอกห้องชักสว่างขึ้นทุกทีๆ วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งไม่ต้องไปทำงาน
ทำให้สามารถตื่นสายได้เท่าที่ต้องการ โดยปกติถ้าเป็นวันทำงานจะตั้งโทรศัพท์ให้ปลุกไว้ตอนหกโมงเช้า
เพลงที่ตั้งไว้ให้ปลุกนั้นจะเป็นเพลงช้าๆ เนิบๆ เพื่อจะได้ไม่รบกวนสมาธิในการนอนต่อหลังจากนาฬิกาปลุก
ทุกๆ เช้าที่ต้องตื่นไปทำงานจะได้ฟังเพลงปลุกหลายรอบเลยกว่าจะงัดตัวเองออกมาจากเตียงได้ก็ประมาณเจ็ดโมง
แต่วันนี้ไม่ใช่แฮะ มองไปข้างหลังห้องบนนาฬีกาที่แขวนไว้บนผนัง ซึ่งเพิ่งจะเอามาแขวนไว้ได้ไม่กี่วัน
พยายามมองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นเนื่องจากนาฬิกาเรือนนั้นมีลวดลายรูปนกตัวหนึ่งสีเข้มๆ แล้วมันก็ไกลด้วย
พยายามนั่งมองนาฬิกาอยู่สักพักก็สังเกตุเห็นเข็มวินาทีได้ชัดเจน อย่างน้อก็เห็นเข็มนึงแล้วหล่ะ
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นเวลา เกือบๆ เก้าโมงแล้ว หันไปมองนาฬิกาบนผนังห้องนั้นอีกครั้ง
เห็นเข็มสั้นเข็มยาวแล้วแฮะ ดีจัง นาฬิกาเรือนนี้บอกเวลาได้แล้ว

12. เล่นMSN ป่ะ
13. คุยกับใคร

สังคมในสมัยก่อน มีเพื่อนข้างบ้าน และเพื่อนสมัยเรียนเป็นหลัก เพื่อนข้างๆบ้านจะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
ตั้งแต่เด็กๆ เราจะรู้จักนิสัยใจคอกันมานาน เคยเล่นทอยตัวการ์ตูน เป่ากบ เพื่อนในสมัยนั้นเย็นๆ หลังเลิกเรียน
เจอกันที ชวนไปเล่นกัน สนุกสนานเพลิดเพลินนัก ส่วนเพื่อนที่โรงเรียนก็จะเจอกันตอนกลางวัน
แม้ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันมานานขนาดไหน เมื่อไรที่เจอกันเราก็จำกันได้แม้หลายๆ ครั้งเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน
มาเป็นสิบปี เราก็จำกันได้ และก็คุยกันได้อย่างสนุกสนาน
ส่วนในปัจจุบัน เพื่อนจะเป็นสองส่วนที่เปลี่ยนไป กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ทำงาน แต่ด้วยเหตุปัจจัยอะไรหลายๆ อย่าง
ทำให้การพูดคุยจำกัดในวงแคบๆ ทั้งทางกายภาพ และจิตใจ บางทีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เช่นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์
ที่หนวกหู หรือเพลงที่เปิดในออฟฟิต การเปิดปิดแอร์ แค่นี้ก็อาจจะทำให้ใครบางคน "ไม่คุยกัน"
แปลกดี อยู่ออฟฟิตเดียวกัน ไม่คุยกัน คงอึดอัดดีพิลึก
เพื่อนกลุ่มที่สองคือ เพื่อนทางอินเตอร์เน็ต ด้วยความที่พูดคุยผ่านตัวอักษรเพียงแค่นั้นทำให้คนเราสามารถ
เลือก เปิดเผยในส่วนที่อยากเปิดเผย เลือกปิดโปรแกรม หรือ appear offline ในกรณีที่อยากอยู่เงียบๆ
ต้องยอมรับว่า สิ่งๆ นั้นทำให้เราสามารถรู้จักคนใน MSN ได้อย่างสนิทใจมากขึ้น
เพราะว่าเราไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปรับรู้ว่า พ่อแม่เค้าเป็นอย่างไร หน้าตาเค้าเป็นอย่างไร
เคยทำอะไรใครไว้เมื่อไหร่ นั่นเองทำให้เราพร้อมที่จะ เปิดใจ รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนๆ หนึ่ง
มากกว่าปัจจัยภายนอก นั่นเองกระมังที่ทำให้คนติด MSN กันงอมแงม รวมทั้งผมด้วย
เล่ากันขำๆ ในที่ทำงาน ว่า เวลาเจอกันที่ทำงาน คุยกันแต่เรื่องเน็ต เรื่องดาวน์โหลด อัพโหลด
เวลากลับมาบ้าน มาเจอกันใน MSN ดันคุยกันแต่เรื่องงาน.... เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ

14. เวลามองคนอย่างแรกมองอะไร
ก็พยายามจะมองหน้านะ แต่ต้องแอบๆ มองด้วยหางตาไม่อย่างนั้นอาจจะโดนหาว่าโรคจิต
ซึ่งจริงๆ แล้ว แค่ชอบมองหน้าใครนานๆ นี่มันห่างจากคำว่า โรคจิต มากเลยนะ ชอบมองผู้หญิงอย่างสังเกตุ
โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีแรงดึงดูด มักจะพยายามสังเกตุให้ได้มากที่สุด บางทีนะ สิ่งสวยๆ งามๆ นั้น
กว่าเราจะสังเกตุเห็น เราต้องใช้เวลานานมากเลยแหละ มันจะค่อยๆ เห็นทีละเล็กละน้อย

15. ชอบคนนิสัยแบบไหน
ชอบทุกๆ นิสัยแหละ การที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักคน ได้มีโอกาสผูกสัมพันธ์ และมอบสิ่งดีๆ ให้แก่กันมันเป็นสิ่งวิเศษ
ผมมักจะไม่ถามตัวเองว่าชอบคนแบบไหน เพราะเราไม่อาจไปตัดสินใครได้หรอกว่าเค้านิสัยแบบไหน
แล้วเราชอบไหม ถ้าเราไม่ได้มีโอกาสได้รู้จักมากๆ ขึ้น ทุกๆ คนมีสิ่งสวยๆ งามๆ ซ่อนอยู่ในตัว
อยู่ที่ว่าเราพยายามจะมองมันไหม คำถามที่ผมมักจะถามตัวเองก็คือ จะมีใครมาชอบคนนิสัยอย่างเรามากกว่า
การอยู่คนเดียวนานๆ ทำให้เราโหยหาสิ่งเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา

16. แอบชอบใครมั่งมั้ย
ผมแอบอยู่เสมอแหละ บางทีก็ไม่รู้นะว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันจะค่อยๆ เกิด
ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น เมื่อมันมากขึ้นมาถึงสักระดับนึง ก็พยายามทำๆ ให้มันลดๆ ลง การแอบชอบใครนี่เป็นความสวยงามมากนะ
มันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และมันก็จะอยู่กับเราแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อความรู้สึกมันมากขึ้นเกินกว่านั้นไปแล้ว
มันจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนรน ความคาดหวัง สิ่งเหล่านี้จะตรงกันข้ามกับความตื่นตาตื่นใจเลย
แต่ก็ยังเป็นสิ่งทีสวยงามอยู่ดี บางคนเคยบอกเอาไว้ว่า ความรักเป็นสิ่งที่มีกลิ่นหอม และรสชาดแย่มาก
เราสัมผัสเพียงแผ่วๆ จะรู้ได้เลยถึงกลิ่นที่หอมของมัน แต่ถ้าเราลองได้อยู่กับมันจริงๆ จะรู้ว่า รสชาดมันแย่มากเลย

17. คนที่เกลียดล่ะ
ไม่ได้เกลียดใครแบบเป็นคนๆ ไปนะ ส่วนใหญ่สิ่งที่เกลียด มักจะเป็น สัญลักษณ์มากกว่า
อย่างสมมติอยู่ในช่วงที่เราจะต้องเชียร์บอลนี่ เราก็จะ Stand up! if you hate MANU
เราจะร้องเพลงนี้ดังๆ เจอแฟนแมนยูเราก็จะถากถางโดยเฉพาะตาโรนัลโด้ขี้เต๊ะนี่ไม่เห็นมันมีอะไรดี
ทีมบอลทีมนี้มันก็งั้นๆ แหละ แต่มักโฆษณาสรรพคุณจนเกินจริง โดยเฉพาะแฟนๆ บอลนะ
ใครรู้จักคนที่เชียร์ทีมนี้เยอะๆ จะรู้สึกเหมือนผมแหละ คือเกลียด แต่เวลาเราคุยเรื่องอื่นๆ เราก็หายเกลียดกัน
อย่างเรื่อง ประชาธิปไตย เราก็จะเกลียดทหาร พวกบ้าอำนาจ มันมายุ่งอะไรกับการบริหารประเทศวะ
มรึงมีหน้าที่ในการเป็นรั้วของชาติ ก็ทำไปสิ อย่ามายุ่ง ทำบ้านเมืองป่วนมาหลายยุคหลายสมัย
เหมือนเป็นการดูถูกว่า คนไทย ประชาชนไทยโง่ ไม่สามารถปกครองกันเองได้ ต้องให้พวกกรู ที่เก่งกว่ามาช่วย
เราก็จะเกลียดแบบนี้ไง แต่ถ้าในชีวิตปกติก็ไม่มีอะไร เจอหทารเป็นคนๆ เราก็ ธรรมดาๆ
อีกเรื่องนึงก็คือเรื่องเพลง เราก็จะเกลียดพวก หน่อมแน้ม ตุ๊กตาร้องเพลงห่วยๆ เพลงเนื้อหาห่วยๆ ที่อกหัก แมร่งทั้งวันทั้งคืน
เนื้อเพลงวนไปวนมากับเรื่องราวของคนสามคน ฉัน เธอ เค้า ฉันรักเธอแต่เธอไปรักเค้า น่าเอียนน่าคลื่นไส้ ดูถูกคนฟัง
แต่พอในชีวิตปกติ เราก็สบายๆ เข้าใจถึงความหลากหลายของคนฟัง แล้วก็สภาพธุรกิจเพราะถ้าคนทำเพลง
ทำเพลงดีๆ มากขึ้น คนฟังเพลงดีๆ มากขึ้น การทำเพลงแต่ละเพลงก็ทำยากขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น ธุรกิจก็อาจจะล่มได้

18. ถ้ามีคนมาแอบชอบจะรู้ตัวมั้ย
ไม่หรอก ไม่มีทางรู้ได้เลย เป็นคนที่โง่มากๆ เลยในเรื่องพวกนี้ แต่มีความเชื่ออยู่อย่างนึงว่า เรื่องพวกนี้
มันไม่สามารถชี้ชัดหรือบ่งบอกได้ว่าตอนนี้อารมณ์เราอยู่ในระดับไหนแล้ว เราชอบเค้าหรือยัง
เค้าหล่ะ ชอบเราบ้างหรือยัง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องค่อยๆ เคลื่อนไป ค่อยๆ เพิ่มความรู้สึกดีๆ ให้กัน
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันมีทิศทางของมัน การเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน การให้เกียรติกัน ต่างหาก
ที่เป็นสิ่งสำคัญ ผมว่าบางทีนะ สิ่งเหล่านี้อาจเข้ามาโดยที่ดราไม่รู้ตัวเลยก็ได้ และในทางตรงกันข้าม
สิ่งที่เรารู้ตัวนั้น อาจจะไม่ใช่ก็ได้ อาจเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ หรือความที่เรารู้สึกขาดอะไรไปบางอย่าง
แล้วนำเรื่องนี้มาเต็มเต็มส่วนที่ขาดหายไป

19. ให้เลือก มีเพื่อนหรือมีแฟนดีกว่า กัน
มีแฟนดีกว่านะ ทุกๆ วันนี้เพื่อนก็น้อยอยู่แล้วหล่ะ การที่เราเป็นแฟนกัน บางทีมันสามารถ ทำอะไรได้มากกว่า
การเป็นเพื่อนกันนะ ไปไหนมาไหน หรือทำอะไร จะสามารถทำได้มากกว่า เราจะรู้จักกันมากขึ้น
เป็นความสัมพันธ์ที่ยกระดับความใกล้ชิดให้มากขึ้น

20. เพื่อนที่รักที่สุดคือ
21. เพื่อนที่คิดถึงที่สุดคือ

เวลาเจอคำถามแนวๆ อย่างนี้นะ มักจะ งง งง เพราะว่าความรู้สึกของเรานั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยแหละที่จะนำเอามาวัด
คิดๆ อยู่เหมือนกันนะว่า ถ้ามีเครื่องวัดก็คงจะดี อาจจะวัดที่อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้น หรือ อดรีนาลีน ที่หลั่งออกมา
วัดอุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มขึ้นจากการกระสับกระส่าย และองค์ประกอบอื่นๆ นำมาผ่าน การคำนวณอันชาญฉลาด ของสมองกล
ได้ผลแสดงออกมาเป็นตัวเลข วันนี้ฉันรักเธอถึง 248 เดซิเบล เลยนะ มากกว่าเมื่อวานอีก
หรือ ฉันคิดถึงเธอ 138 เดซิเบลเชียวนะ มากกว่า เพื่อนอีกคนตั้ง 7 เดซิเบล แหนะ อย่างนั้นก็คงจะดีเนอะ

22. โรงเรียนไรน่าอยู่สุด
โรงเรียนบ้านสามพราน ไม่เคยเรียนที่นี่นะ แต่อยู่หน้าบ้านนี่เอง เป็นโรงเรียนประถมประจำตำบล
ตั้งแต่เด็กๆ แล้วหล่ะ ที่ใช้โรงเรียนแห่งนี้เป็นที่เล่น กิจกรรมต่างๆ ที่ยังไม่เลือนไปจากความทรงจำ
กลางวันอาจจะเล่นวิ่งไล่จับ เย็นย่ำหน่อยก็จะเล่น ซ่อนแอบ กลับบ้านดึกๆ เป็นประจำ ที่บอกว่าน่าอยู่นั้นไม่ได้หมายความว่า
น่าเรียนนะ เพราะที่โรงเรียนนี้ ไม่น่าเรียนเลย สงสัยครูๆ จะเห็นเด็กๆ เป็นศัตรูมั้ง เห็นด่าทุกๆ วันเลย

23. เล่นเกมคอมป่ะ
ชอบเล่นเกมส์ที่กติกาง่ายๆ นะ ไม่ซับซ้อน แล้วก็เล่นกับคนด้วยกัน ชอบเล่น หมากฮอส หมากรุกไทย มานานแล้ว
มาในช่วงหลังๆ นี่ ในเวป thaibg.com นี่ช่วยได้มากเลย มักจะไปป้วนเปี้ยนอยู่ในห้อง หมากฮอส กับ เอแมท เป็นประจำ
เด็กๆ ช่วงอายุ 12-15 ปีนี่จะเก่งมากเลย ศักยภาพในการคิดของเด็กพวกนั้นน่าทึ่งมาก ชอบไปเล่นกับเด็กๆ พวกนั้น
แล้วก็คุยกันบ้างเล็กน้อย ได้เรียนรู้อะไรจากพวกเค้ามากมายเลยแหละ

24. ชอบกินน้ำอัดลมป่ะ
ชอบนะ แต่จะไม่กินพร่ำเพรื่อ เพราะว่าทุกๆ ครั้งที่กินเสร็จจะปวดท้อง คาร์บอนไดออกไซค์นี่นอกจากจะทำให้โลกร้อนแล้ว
ยังมีฤทธิ์ในการกัดกระเพาะ และ ลำไส้อีก ทุกวันนี้จะกินน้ำอัดลมเฉพาะร่วมกับพิซซ่า เพราะว่าถ้ากินน้ำเปล่า
คงเหมือนขาดอะไรบางอย่าง ทุกวันนี้แม้จะเลือกกินเฉพาะ ผัก กับ ปลา ในทุกๆ มื้อนะ แต่สำหรับ พิซซ่า กับ โค้ก นี่
เป็นข้อยกเว้น เพราะชอบมาก อย่างน้อยๆ สองสามเดือนจะหาโอกาสไปกินสักครั้ง แต่ที่สำคัญไปกินคนเดียวคงเขินแย่เลย
เพื่อนกิน ใครว่าหาง่าย...

25. ชอบไปไหนมาก ที่สุด
26. ทำไมถึงชอบไป

ชอบไปทะเล ชอบกินอาหารทะเล นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ไป ทั้งๆ ที่ใกล้ๆ แค่นี้ ขับรถสองชั่วโมงก็ถึง
ต้องคอยทบทวนตัวเองแล้วหล่ะว่าทำอะไรอยู่ ชอบบรรยากาศทะเลในตอนเช้าๆ มากเลย เดินไปตามชายหาด
ไปดูเรือปลาที่กำลังทะยอยกันกลับเข้าฝั่ง นั่งรอ นั่งรอ พอเรือมาเทียบหาดก็เดินไปดูเค้าขนกัน มีทั้งปลาหลายๆแบบ
ปลาหมึก อะไรเยอะแยะไปหมด ชอบชีวิตอย่างนี้มากเลย

27. เวลาเหงาทำไร ให้หายละ
28. เวลาเศร้าๆมากๆทำไรอ่ะ

หลักๆ ก็อ่านหนังสือ หนังสือบางเล่มเราอ่านไปแล้วไม่รู้กี่รอบ แต่ทุกครั้งที่เราเหงาแล้วหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน
เราจะหายเหงาเลยนะ รู้สึกว่ามีเพื่อนที่เข้าใจเราอย่างที่สุด ให้คำตอบในทุกๆ คำถามที่เกิดกับเรา
ถ้าเกิดวันนึงเราจะต้องสูยเสียทุกๆ อย่างไป สิ่งสุดท้ายที่จะยังคงอยู่ก็คือ ความรู้สึกนี้แหละ ความรู้สึกที่ว่า
มีเพื่อนที่เข้าใจเรา ให้คำตอบเราในทุกๆ คำถาม

29. เวลามีปัญหาปรึกษาใคร
เวลาเกิดปัญหาจะพิจารณาก่อนว่าปัญหานั้นเกิดจากอะไร ซึ่งผมจะแยกปัญหาออกเป็นสองส่วน
หนึ่งคือปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง และ เราสามารถควบคุมได้ อันนี้ก็จะมาค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวนว่า
เราจะต้องแก้อะไรบ้าง แล้วก็ค่อยๆ แก้ไปไม่รีบร้อน เพราะทุกๆ ปัญหาที่เข้ามาเราจะรู้อยู่เสมอว่า
มันจะทำให้เรามีประสบการณ์มากขึ้น ส่วนที่สอง คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นจากคนอื่น และอยู่นอกเหนือการควบคุม
อันนี้ก็จะทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด แล้วก็ เข้มแข็งกับสิ่งที่มันเกิดขึ้น แต่ที่สำคัญคือ เอาความปราถนาดี
เป็นตัวตั้งไว้ก่อน แล้วดำเนินไปในทางนั้น สรุปแล้วก็คือ ปรึกษาตัวเองซะเป็นส่วนมาก

30.เรียนพิเศษป่ะ
ถ้าหมายถึงการจ่ายเงินเพื่อไปให้ครูมาสอนความรู้เพิ่มเติมให้นั้น ไม่ได้เรียนมานานมากแล้วหล่ะ

31. คิดว่าผู้ชายคนไหนหล่อที่สุดในสายตาเธอ
33. คิดว่าใครน่ารักที่สุดในโรงเรียน
34. คิดว่าใครน่ารักที่สุดใน ห้อง
35. ตอนเด็กๆมีปมด้อยป่ะ
36. แล้วตอนนี้ล่ะ
37. อยากย้อนไปในอดีตหรือ อยากไปดูอนาคต
38. ชอบตุ๊กตาหรือหุ่นยนต์
40. เคยตั้งชื่อให้ตุ๊กตาป่ะ
41. คิดว่าบ้าป่ะเนี่ยตั้ง ชื่อให้ตุ๊กตา
42. แล้วคิดว่าตัวเองหน้าตาดีป่ะ ป่ะ
43. ชอบส่องกระจก ป่ะ
44. เคยให้ขนมใครป่ะ
45. ให้ไปทำไม
46. เธอเป็นคนยัง ไง
47. นั่งเรียนตรงไหนของห้อง
48. แล้วชอบนั่งตรงนั้นป่ะ
49. ชอบวิชาไรมากที่ สุด
50. มีเรื่องไรไม่อยากให้ถาม ป่ะ
51. ทำไมอ่ะ
52. บอกได้มั้ย ตอนนี้มีแฟนป่ะ
53. ที่ผ่านมามีแฟนมาแล้วทั้งหมดกี่คน
54. ถ้ามีแฟนคิด จะเลิกกับแฟนป่ะ
55. คิดยังไงกับการมีกิ๊ก
56. ความรักของผู้ชายกะผู้หญิง ใครยิ่งใหญ่กว่ากัน
58. แล้วความรักของเธอที่ให้กับคนรักละ
59. ถ้ารู้ว่าเพื่อนชอบคนๆนึงและเธอก็ชอบเหมือนกันจะทำไง
61. ถ้าเพื่อนมาบอกว่าชอบแฟนเธอจาทำไง
62. ถ้าแฟนเธอกะเพื่อนเธอแอบคบกัน ล่ะ
63. แฟนนอกใจ จะทำไง
64. ถ้าเค้าหมดรักเธอแล้วละ
65. ถ้าต้องเลิกกับแฟนจะทำใจได้เหรอ
66. มีคนมาจีบบ้างป่ะ
67. คิดไงกับคนนั้น
68. เวลาไหนลำบากสุด
69. คิดว่าคำถามมันเยอะป่ะ
70. ส่วนใหญ่โทรหาใครมากที่ สุด
71. ....??....??... ?????
72. ขอเบอร์ได้ป่ะ
73. ตั้งใจตอบคำถามป่ะ
74. โกหกเก่งป่ะ
75. แล้วที่ตอบมาโกหกป่ะ
76. เป็นคนขี้ลืมป่ะ
77. ทำไมขี้ลืมอ่ะ
78. ชอบคนหน้าตายังไง
79. ไม่ชอบคนหน้าตาแบบไหน
80. กลัวผีป่ะ
81. ถ้าเจอจะทำ ไง
82. ตอนนี้อยากทำอะไรมากที่สุด
83. ทำไมอ่ะ
84. ตอนนี้ทำไรอยู่บ้างอ่ะ
85. ตอนนี้รู้สึกไง บ้าง
86. รักแท้เป็นไง
87. คิดว่าจะอนาคตได้เจอมั้ยรักแท้
88. หวังให้ตัวเองมีความรักแบบไหน
89. เคยทำให้ใครโกรธป่ะ ใครอ่ะ
90. แล้วจะไปง้อ ป่ะ
91. เอาไรไปง้ออ่ะ
92. เคยมีใครทำให้โกรธ ป่ะ
93. เวลาโกรธเป็นไงเหรอ
94 โกรธแล้วต้องมาง้อป่ะ
95. เคยแกล้งเพื่อนไหม
96. รู้สึงยังไงที่ได้แกล้งเพื่อนอ่ะ
97. เคยโดนเพื่อนแกล้ง ม่ะ
98. ครั้งไหนที่แกล้งแล้วเจ็บใจที่สุด
99. เสาร์อาทิดทำไรอ่ะ
100. เรียนคณะอะไร ล่ะ
101. ทำไมอ่ะ
102. ตอนนี้เรียนอยู่ระดับ ไหน
103. ชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ไหม
104. เวลาเบื่อๆ ไปไหนอ่ะ
105. หนังสืออะไรที่ชอบอ่านมากที่ สุด
106. ของที่หวงมากที่สุด คือ
107. ถ้ามีคนมาทำเสียหาย อ่ะ
108. สิ่งที่เสียใจที่ สุด
109. ตอนนี้อยู่ไหนเหรอ
110. ประโยคฮิตติดปาก
111. ชอบฟังเพลง มะ
112. แนวไหนอ่ะ
113. หนังเรื่องล่าสุดที่ดู
114. ไปดูหนังเรื่องอะไร/กับใครที่ประทับใจสุด
115. สถานที่ท่องเที่ยว ที่ชอบไปมาก
116. แล้วไปกะใคร หน่ะ
117. ตอนนี้รู้สึก ไง
118. คิดว่าคำถามวนไปวนมา ป่ะ
119. จะทำไรต่อจาก นี้
120. ทำไปทำไม
121. คำบอกลาที่ชอบ พูด
122. คิดว่าไงกับ Tag แบบนี้
123. ใช้เวลาตอบคำถามกี่ชม. กี่วัน
124. จะส่งคำถามชุดนี้ไปให้ใคร
125. ที่ส่งให้มีคนพิเศษป่ะ
126. ใครอ่ะ
127. ถ้าไม่ส่งกลับมากัน ล่ะ
128. ตอนนี้กี่ โมง
129. ฝากอะไรถึงคนที่ส่งมาให้หน่อยสิ
130. อยากพูดไรเป็นการบอกลา


ตอบไปแล้ว 30 คำถาม
ที่เหลืออีกร้อยนึงจะตอบในกล่องคอมเม้นท์นะครับ





Create Date : 12 พฤษภาคม 2550
Last Update : 18 ธันวาคม 2552 12:12:38 น. 10 comments
Counter : 2344 Pageviews.

 
โดนเหมือนกันเลยค๊า จะรออ่านค่ะ


โดย: หนูนีล (นางน่อยน้อย ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:49:47 น.  

 
โห... ตอบยาวจริง ๆ ด้วยค่ะ
แต่ก็ตอบได้น่าติดตามดี
อ่านไม่เบื่อเลย


โดย: โสดในซอย วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:43:43 น.  

 
ถ้าเราคิดคำถาม 999 คำถาม
แล้วคุณตอบยาวๆแบบนี้
คำตอบอาจจะยาวไปถึงดวงดาวที่คุณลงไว้น่ะครับ 5555
สุดยอด


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:03:29 น.  

 




เขียนได้น่าอ่าน ชวนติดตาม แต่ขัดใจจัง มารออ่านให้ครบ 130 รออยู่นานแล้ว

สงสัยต้องใช้ความพยายามอยู่โข กว่าจะเขียนได้จนครบ :P





โดย: printcess of the moon วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:15:53 น.  

 


โดย: ร้อน ๆ หนาว ๆ วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:46:19 น.  

 
"สแตปเปนวูล์ฟ" เหมาะแล้วที่จะปิดประตูตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเองสารพัน ห้อง ประตู อะไร ข้างใน ข้าง ๆ ข้างนอก ฉัน ใคร ทำไม อะไร คำถามเยอะ งง ๆ
เราเองก็ผูกพันกับพเนจร เดินตากแดดหัวร้อนไปทั้งวัน คำถามมากมากจะเหลือแค่คำถามเดียว ทั้งชีวิต ...........


โดย: ออย IP: 203.148.192.120 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:47:32 น.  

 
สแตปเปนวูล์ฟ....

ยังไม่หายไปจากความคิดเลย


โดย: กายแก้ว วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:20:59:12 น.  

 
เชื่อ..ก็น่าจะเป็นกันอย่างนั้นแหละ


โดย: ออย IP: 203.148.192.120 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:12:35:30 น.  

 


โดย: นายแจม วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:21:12:29 น.  

 
ยาวจัง..


โดย: กายแก้ว วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:20:11:56 น.  

กายแก้ว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




เนื้อเพลงทั้งหมดใน blog นี้
แกะเอง.. อาจจะมีผิดพลาดได้เสมอๆ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กายแก้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.