|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
++ อ่านหนังสือ เซต ๑๒ ++
+
พี่เลี้ยง ทมยันตี
เรไรกับสัตยาเป็นพี่น้องเติบโตกันมาตั้งแต่เด็ก เรไรเป็นลูกสาวของผู้มีบุญคุณกับคุณสุรางค์แม่ของสัตยา เล็กๆ ก็กัดกันบ้าง แถมยังมีพ่วงมาอีกคนคือโชติวัน
เมื่อเติบใหญ่ ต่างคนก็ต่างเป็นหนุ่มเป็นสาว แต่ผู้ที่แสดงเจตนารมย์อย่างแรกกล้า ว่าไม่ต้องการเป็นแค่พี่น้องกันอีกต่อไปคือโชติวัน เขาเปิดเผยตรงไปตรงมาว่ารักเรไร เรื่องขมวดยุ่งเข้ามา ตรงที่ความรู้สึกประชดประชันของเรไรที่มีแต่สัตยา ทำให้ตกลงรับหมั้นโชติวัน ตอนแรกๆ สัตยาใช้เวณิกาเพื่อนของเรไรเป็นเกราะ บอกว่าชอบ แต่แท้จริง หัวใจของเขามีใครบางคนอยู่ตลอดเวลา
เรื่องของหัวใจก็ยากนักที่จะเผยทั้งเรไรกับสัตยาก็ปากหนัก มีแต่โชติวันที่ปากตรงกับใจ บอกออกมาเท่านั้น สัตยาเลยลงใต้เมื่อเรียบจบไปเป็นวิศวกรสร้างสะพาน ปล่อยให้โชติวันที่หมั้นหมายและรอวันแต่งงานไว้กับเรไร ถ้าหาก...ใครบางคนจะไม่จากไปเสียก่อน
เรื่องนี้คงไม่เล่าอะไรมาก เพราะหลายคนคงได้อ่านกันแล้ว แต่เราเพิ่งมาได้อ่านเก๊าะตลกดี แต่อ่านช้าก็ยังมีกว่าไม่ได้อ่านนะ
วาร์แจ็ก พอว์ อภินิหารตำนานแมวกู้โลก 1 ตอน ผจญภัยเมืองพิศวง เอสเอฟ ซาอิด เขียน / รามิล แปล
วาร์แจ็ก พอว์ เป็นแมวเชื้อสายเมโสโปเตเมีย บลู สายพันธุ์ที่พ่อแม่ ปู่ และพี่ๆ น้องๆ ต่างภูมิใจมาก พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูจากคุณนายคอนเทสซาเป็นอย่างดี ปู่พอว์ชอบเล่าตำนานของจาลาล แมวบลูในตำนาน ที่มีความกล้าหาญ และชำนาญในการใช้ศาสตร์โบราณ (Martial Art) แต่ความภาคภูมิใจต้องถูกทำลาย ความสามัคคีในครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลงไป เมื่อมีบุรุษลึกลับ พร้อมแมวดำเข้ามาในบ้าน เกิดการทะเลาะกัน เพราะทุกคนยกเว้นปู่พอว์กับวาร์แจ็กเห็นว่าไม่เป็นเรื่องประหลาด ดังนั้น จึงเป็นจุดแตกหักให้วาร์แจ็กต้องออกไปเผชิญโลก
ก่อนออกมา ปู่ได้สั่งว่าให้เขาตามหาหมาเพื่อมาช่วยให้เขาได้ เหมือนจาลาลที่พูดกับหมาได้ วาร์แจ็กไม่รู้ว่าหมาคืออะไร โลกภายนอกที่กว้างขวางน่าวังเวง เขาเข้าใจว่า รถยนต์คือหมา (โธ่ !) เขาพยายามจะพูดกับหมา(รถยนต์)หลายครั้งจนเกือบโดนชน โลกภายนอกนี้เขาได้รู้จักกับฮอลลี่และแทม แมวเพศเมียที่ช่วยเหลือเขา เป็นเพื่อนเขา พาเขารอดพ้นจากอันตรายในเมืองใหญ่
อย่างไรก็ดี ระหว่างค่ำคืนที่วาร์แจ็กหลับใหล เขาก็ได้พบกับจาลาล จาลาลมาเข้าฝันและสอนกลยุทธ์ต่างๆ ให้เขา เพื่อนำไปต่อกรกับแมวดำสองตัวและบุรุษลึกลับคนนั้น
เราหลงลืมอะไรบางอย่าง วัชระ สัจจะสารสิน
เป็นรวมเรื่องสั้นที่ให้เห็นการสะท้อนเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ซึ่งขัดกับอุดมการณ์อยู่หลายเรื่อง
เรื่องสั้นที่ชอบมากๆ ในเรื่องนี้ก็ นักปฏิวัติ ซึ่งเล่าเรื่องนักศึกษาที่ทำรายงานหัวข้อเกี่ยวกับการปฏิวัติ อุดมการณ์ต่างๆ ไหลหลั่งถั่งเทเข้ามาในสมอง แต่เมื่อย้อนกลับมามองตัวเอง ห้องหับ เสื้อผ้า อาหารการกิน และตัวเอง เข้าได้ปฏิวัติแล้วหรือยัง ก่อนที่จะไปคิดปฏิวัติสังคม
หาแว่นให้หน่อย การปฏิวัติเป็นเพียงข้ออ้างให้คนไปหาอีหนู
เพลงชาติไทย แค่เพียงไม่ยืนเคารพเพลงชาติไทยตอนแปดโมงเช้ากับหกโมงเย็น ถือว่าเป็นการขบถต่อประเทศ? คนบ้าที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับ กรอบ ที่ (ล้าสมัย?) ย่อมได้รับการลงโทษ ตำรวจที่ยึดมั่นในกฏหมาย จึงเข้าทำร้ายอย่างถึงที่สุด (จริงๆ ไปเดินตามห้าง ยังไม่เห็นมีใครยืนเล้ย)
วาวแสงแห่งศรัทธา ลูกชายที่ร่ำเรียนทางด้านรัฐศาสตร์มา กลับมาช่วยพ่อหาเสียงการเมืองท้องถิ่น นำเอาการคิดนโยบายที่ดี การปราศรัยที่กินใจคนมาให้พ่อ แต่กลับว่าต้องพ่ายแพ้ เขาเสียหน้าเพื่อนๆ ที่มาช่วยก็เสียหน้า โดนพ่อด่าว่านักวิชาการบ้าบอ แต่เมื่อกลับมาอีกครั้ง เขาได้เป็นอาจารย์ กลับมาเลือกตั้งเป็นหนึ่งเสียงให้พ่อ ครั้งนี้เขาไม่ได้ช่วย แต่...พ่อชนะ พ่อบอกเอาวิธีเดิมมาใช้ ไม่ได้ใช่วิธีสกปรกอย่างครั้งที่แล้วที่คู่แข่งใช้ ...ซื้อเสียง เขาจะเชื่อพ่อดีไหม?
วิทยานิพนธ์ดีเด่น นักศึกษากำลังจะจบใหม่ วิทยานิพนธ์ที่ถูกชมว่าดีเลิศ เขาพลาดทำไปตกอยู่ในมือเศษสวะของสังคมที่ป้ายรถเมล์ ทำทุกอย่างเพื่อที่จำเอาคืนมา สุดท้ายตำรวจนำมาคืนได้สำเร็จ แล้วจากนั้นเขาก็ไม่ฉุกคิดอะไรได้เลย ...เป็นการตั้งคำถามกับนักศึกษาจบใหม่ว่า จบมาแล้วคุณเอาแต่สนใจในเรื่องตัวเอง แต่...เศษสวะสังคมที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นล่ะ คุณไม่คิดจะจัดการเขาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเพียงแต่ชายตาแลเลยหรือ
ฟ้าเดียวกัน เรื่องของ ฟ้าเดียวกัน ที่มีพ่อเป็นนักปฏิวัติในอดีต จนต้องเข้าป่า พ่อกลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่ก็ยังเป็นคนขวางโลก ยังยึดมั่นถือมั่นแต่ในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูก ลูกจึงตั้งคำถาม และเมื่อหาคำตอบไม่ได้ลูกจึงเตลิด... ตีกรอบชีวิตของใครของมัน ลูกมองว่าพ่อเป็นศัตรู แต่จู่ๆ วันหนึ่งศัตรูก็ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของลูก มาตบตี มาทำร้าย เพียงเพราะลูกไม่ได้คิดและเห็นอย่างพ่อ ที่สำคัญ ลูกของนักปฏิวัติเพื่อสังคมกลับกลายเป็น... (บอกไม่ได้)
ที่ชอบมีเท่านั้น อื่นๆ ก็โอเค สะท้อนมุมมองได้หลายด้าน แต่ที่ยกมาชอบสุด
อยู่ฟ้าเดียวกัน ว.วินิจฉัยกุล
พิงค์เกิดที่เมืองไทย แต่ไปเติบโตที่อเมริกา แต่ถึงกระนั้น แม่ที่แต่งงานกับคนอเมริกันก็มิได้เพิกเฉย สั่งสอนให้เธอสำนึกรักบ้านเกิดอยู่ทุกเมื่อทุกวัน จนทำให้หญิงสาวนึกอยากกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดตัวเอง พอดีกับที่จอห์นสามีแม่ตกงาน และคิดจะไปทำงานที่แอฟริกาใต้ พิงค์ยังเรียนไม่จบคอลเลจ อยู่ทางนี้ก็น่าเป็นห่วง แม่จึงคิดให้พิงค์ไปอยู่กับญาติๆ ที่เมืองไทย ที่โน่น พิงค์จะมีพี่สาว พิมาย มีอา มีตากับยายคอยดูแล ก่อนกลับเมืองไทย เธอได้เจอกับตรา ชายหนุ่มที่มาเรียนต่อที่นี่ และตั้งปณิธานว่าจะไม่กลับบ้าน ทั้งคู่มีความคิดเห็นแย้งกัน แต่ในความแย้งกันนั้น ก็ก่อเกิดความรักขึ้นอย่าง...เรียบๆ ง่ายๆ
การกลับเมืองไทยไม่ได้อยากอย่างที่คิด ด้วยแนวความคิด วิถีชีวิต แตกต่างจากที่อเมริกาอย่างสิ้นเชิง พิงค์ต้องอาศัยแรงกายแรงใจอย่างมหาศาลในการปรับตัว ไหนต้องผจญกับพี่เขยที่คิดเอาเปรียบ ไหนจะต้องมาประสบกับพิมายที่ตั้งแง่ เพราะหล่อนไม่ได้มีโอกาสไปอยู่เมืองนอกเยี่ยงน้องสาว ไหนจะต้องผจญกับภาวะตกงาน
พิงค์แทบจะแพ็กกระเป๋ากลับไปอยู่อเมริกาทันทีแล้ว หากไม่ได้จดหมายให้กำลังใจจากตรา พิงค์กัดฟัน ออกไปอยู่คนเดียว เพราะหนีการจองล้างจองผลาญ โชคดีที่ไปได้งานใหม่ แม้จะจ่ายไม่งาม แต่ก็พอจะพยุงตัวรอด เรื่องมาร้ายแรงขึ้น เมื่อตาเสีย ย่าก็หมดพี่พึ่ง น้าสมหมายก็ไม่ได้อยู่บ้าน ณัติพี่เขยนั้นยุให้พิมายขายบ้าน แล้วเอาเงินไปหมดคนเดียว
อย่างไรก็ดี เมื่อตรากลับมา เธอก็ได้พอชื่นใจอยู่บ้างเมื่อเขาขอแต่งงานกับเธอ ด้วยไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว หากก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะต้องผจญกับญาติๆ ฝ่ายตรา ทุกเรื่องราวสุมรุมมาที่พิงค์แต่ด้วยกำลังใจที่ดีจากตรา ทำให้เธอกัดฟันสู้ สู้เสียงติฉินนินทา สู้สายตาคนอื่น และสู้กับความริษยาที่มาจากพี่น้องด้วยกันเอง เพราะถึงอย่างไร พิงค์ก็ยึดมั่นในใจว่า ถึงเราจะแตกต่างกัน แต่เราก็อยู่ร่วมฟ้าเดียวกัน
เด็กหญิงนางฟ้า ดาราราย
เด็กชายเดี่ยวเกิดมายากจน แต่เขาก็มีสำนึกทีดี จู่ๆ วันหนึ่งก็มีเด็กหญิงตกมาจากฟ้า บอกว่าเป็นนางฟ้า เดี่ยวกับณัฐไม่เชื่อ แต่นุ่นน้องของณัฐเชื่อ เด็กชายทั้งหลายพยายามให้เด็กหญิงฟ้าแสดงอิทธิฤทธิ์ แต่เธอบอกทำไม่ได้หรอก เธอคอยแต่เอาใจช่วยเท่านั้น เสกโน่นเสกนี่ไม่ได้ เด็กหญิงนางฟ้าผู้ไร้เดียงสา ตั้งคำถามกับการ ขอ ของมนุษย์ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่า แล้วทำไมต้องขอด้วยละณัฐ ทำไมไม่ทำเอง ... ต้องฝึกและหัดเอง แม่นางฟ้าบอกว่า ทุกอย่างต้องฝึกต้องหัดทั้งนั้น ถึงจะทำได้ (หน้า ๘๙) ...ทำไมต้องรอให้นางฟ้าเสกให้ล่ะ ทำไมไม่ทำเอง แม่ของฟ้าบอกว่า ทุกคนมีมือวิเศษ มีขาวิเศษ มีหัวใจวิเศษอยู่แล้ว ไม่ต้องไปขอใครที่ไหนอีกหรอก มันทำไหมดทุกอย่างเลย ถ้าหัดทำ ถ้าตั้งใจทำ (หน้า ๙๑)
ดังนั้น เมื่อมีเรื่องจำเป็นขึ้นมา เดี่ยวต้องเสียค่าเรียนคอมพิวเตอร์เพิ่ม จึงคิดจะหารายได้เอง เพื่อไม่ให้แม่ต้องเหนื่อยร้อยดอกไม้ และไม่ ขอ จากเด็กหญิงนางฟ้า เดี๋ยวนึกแล้วนึกเล่าตอนแรกว่าจะไปเอาลูกหมาไปขายที่งานวัด แต่ฟ้าก็ขัดไว้ จนคิดได้ว่าจะไปขายข้าวเกรียบหูช้าง แต่ก็ไม่มีทักษะ แตกบ้าง เสียบ้าง สุดท้ายก็มาจบที่บริการเป่าลูกโป่ง ...ทำอะไรก็ทำเองตั้งตังค์มา เดี่ยวรู้สึกเป็นสุขมา เขาก็มีมือวิเศษหาเงินเองได้
เมื่อสิ้นงานวัด เด็กหญิงนางฟ้าก็จากไป ...หรือแท้จริง เด็กหญิงไม่ได้ไปไหนเลย แต่จะอยู่ในตัวเรา เตือนเราในยามเหนื่อยล้า คิดอะไรไม่ออก...
หนามดอกไม้ กฤษณา อโศกสิน
นิพพาคือดอกไม้แรกแย้ม หากดอกไม้นี้จะหอมหวนทวนลม เป็นที่ชมชื่นของใครหลายคน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อแม่แล้วละก็ เธอจะต้องไม่มีหนามไหนประดับก้านพร้อยเต็มไปหมดเช่นนี้ กล่าวได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ สาเหตุที่ทำให้เธอต้องประดับหนามซึ่งเอาไว้ทิ่มแทงบุพการีอย่างลำเพาแล้ว นั่นก็เพราะเธอเป็นผลิตผลของความคิดชั่ววูบของลำเพาเอง ซึ่งเดินออกมาจากชีวิตสมรสที่แตกร้าวระหว่างเธอกับพ่อของนิพพา ยิ่งเมื่อผู้เป็นพ่อเสียไป ฝากรอยร้าวในความรู้สึกไว้ให้ลูก ปลูกความแค้นขึ้งต่อมารดาไว้กับดวงใจ เมื่อเสาหลักจากไปกะทันหันเช่นนี้ จึงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกสำหรับนิพพาเอง เพราะที่บ้านพ่อก็มีแต่แม่เลี้ยงอย่างสคราญที่ปีนเกลียวกัน นิพพาจึงจำต้องไปอยู่บ้านแม่อย่างจำยอม และต้องไปผจญกับลภิศลูกติดคนใหม่ของแม่ด้วย
อย่างไรก็ดี เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ตลอดเวลาที่อยู่กับแม่ นิพพาไม่คิดจะเว้นว่างสักนาทีที่จะยอกย้อนแม่ และทำให้แม่ต้องขุ่นข้องหมองใจ เรื่องจึงยิ่งหนักร้ายแรงขึ้นไปอีก เมื่อตัวลำเพาเองเป็นคนโมโหร้ายอยู่ลึกๆ ซึ่งทำให้เกิดการแตกหักครั้งใหญ่ ด้วยเรื่องของเจ้านายใหม่ของนิพพาซึ่งมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่เธอยึดไว้เพราะมีบุคลิกคล้ายพ่อ เรื่องนี้ทำให้นิพพาหนีออกจากบ้าน และการทำเยี่ยงนั้นเองทำให้เธอเสียใจไปตลอดชีวิต เพราะ...แม่ผู้ที่รีบออกมาตามหา ต้องจากไปอย่างไม่หวนคืน... แหละเมื่อคิดได้ ก็สายเกินแล้วเสียแล้ว...
Create Date : 02 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 2 ตุลาคม 2551 11:31:52 น. |
|
32 comments
|
Counter : 639 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กระปุกกลิ้ง วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:14:27:23 น. |
|
|
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:20:35:22 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:21:04:31 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:13:30:00 น. |
|
|
|
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:16:24:11 น. |
|
|
|
โดย: หมูย้อมสี วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:16:27:25 น. |
|
|
|
โดย: mantis (yokee_playman ) วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:19:05:15 น. |
|
|
|
โดย: เมฆชรา วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:9:45:01 น. |
|
|
|
โดย: NOI2TH วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:0:38:11 น. |
|
|
|
โดย: :D keigo :D วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:52:11 น. |
|
|
|
โดย: piccy วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:13:09:17 น. |
|
|
|
โดย: manachanok วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:17:14:25 น. |
|
|
|
โดย: bookofpear วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:18:35:04 น. |
|
|
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 22 ตุลาคม 2551 เวลา:23:20:14 น. |
|
|
|
โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 23 ตุลาคม 2551 เวลา:21:11:20 น. |
|
|
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:23:18:03 น. |
|
|
|
โดย: sunsmile_a วันที่: 1 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:59:00 น. |
|
|
|
โดย: payun-sai วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:53:29 น. |
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 2 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:39:52 น. |
|
|
|
โดย: แพท ภัทรียา วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:8:21:13 น. |
|
|
|
โดย: สาวไกด์ฯ IP: 58.9.188.62 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:48:10 น. |
|
|
|
โดย: sim.mm วันที่: 6 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:32:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่น่าสนหลายเล่มเหมือนกัน