# 57 - # 67 :: August Wrap-Up ::
# 57
Orwell, George. (1989, c1934). Burmese Days. London: Penguin.
เรื่องราวของหนุ่มอังกฤษที่ไปใช้ชีวิตในบริษัทสัมปทานป่าไม้ที่พม่า ได้พบกับความเปลี่ยวเหงาเพราะต้องอยู่เพียงลำพังไร้คู่ มีเพื่อนก็เป็นเพียงแค่คนผิวขาวชาวอังกฤษที่รวมตัวกันอยู่ในเมืองนั้นไม่กี่คน ล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตสุขสบายเป็นนายที่มีลูกจ้างเป็นคนพม่า เรื่องนอกจากจะเสนอภาพของความไม่เท่าเทียมกับระหว่างเจ้าอานานิคมที่เข้าไปหาประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ในป่าของรัฐอานานิคมแล้ว ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในจิตใจของตัวละครเอกที่เห็นใจและเข้าใจคนพื้นเมืองดีกว่าคนขาวอื่นๆ ในเรื่องเดียวกัน
Flory ตัวเอกของเรื่องทำตัวไม่เข้าพวกคนขาวด้วยกันที่คอยเหยียดคนพื้นเมือง ซ้ำยังคบหมอพื้นเมืองเชื้อสายอินเดียเป็นเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็มีศัตรูเป็นคนพม่าที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงที่คอยจะขัดขาคนพื้นเมืองด้วยกันเอง เพื่อให้ตัวเองไต่เต้าขึ้นสูง ให้เกิดการยอมรับในหมู่คนขาวอีก ชีวิตของ Flory ยิ่งเปลี่ยนไปอีกเมือง Elizabeth หลานสาวชาวอังกฤษคนหนึ่งในหมู่คนขาวเดินทางมายังพม่า Flory หลงรักเธอทันทีเนื่องจากความเปลี่ยวเหงาที่ตนได้รับมานาน แต่ความหยิบหยงและสำรวยของเธอก็ทำให้เกิดเหตุสลดใจอย่างไม่น่าเกิดขึ้นในที่สุด
# 58
Ebenbach, David Harris. (2005). Between Camelots. Pittsburgh: University of Pittsburgh Press.
รวมเรื่องสั้นของนักเขียนอเมริกัน ที่พูดถึงการใช้ชีวิตของคนในสังคมอเมริกันปัจจุบัน อ่านเพลินๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ เนื้อเรื่องไม่โดนเด่น ซ้ำวิธีการเขียนก็ง่ายๆ ไม่ได้รุ่มรวยสำนวนอะไรนัก พล็อตเรื่องเหมือนจะมีอะไรแต่ก็มักจบดื้อๆ ให้คิดต่อเอง (แต่บางทีก็จบทื่อเสียจนเดาอะไรต่อไม่ได้ หรือไม่รู้ว่าที่เล่ามาจะสื่ออะไร) หรือเราอ่านหนังสือไม่แตกเอง -_-
# 59
Fforde, Jasper. (2003, c2001). The Eyre Affair. New York: Penguin Books.
เป็นงานเขียนแนวแฟนตาซีประสมไซไฟ ที่ตัวเอกเป็นนักสืบสาวในโลกวรรณกรรม คือโลกแห่งนี้ผู้เขียนเซตขึ้นราวปี 1983-85 แต่เป็นโลกที่วิวัตน์ไปอีกทาง มีสิ่งประดิษฐ์แปลกประหลาด เช่น เรือเหาะ รถย้อนเวลา หนอนหนังสือ ที่กินหนังสือได้จริง เป็นต้น เรื่องมาสนุกตรงที่มีการสืบสวนคนร้ายที่จ้องทำลายวงวรรณกรรม โดยขโมยต้นฉบับวรรณกรรมเอกของโลกหลายเรื่องเพื่อไปทำลาย จนเล่มสุดท้าย คือ Jane Eyre ก็ถึงกับผ่านประตูมิติเข้าไปลักพาตัว Jane ออกมา ร้อนถึงนักสืบสาวที่ต้องเข้าไปอยู่ในโลกหนังสือนั้นเป็นเดือนๆ เพื่อจัดการคนร้าย แต่ที่สำคัญคือไม่ทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปในหน้าบทต้นฉบับจริง
# 60
Pramoj, Kukrit. (M.R.). (1996). Many Lives, translated by Meredith Borthwich. Chiang Mai: Silkworm Books.
เป็นการรวมเอาชีวิตของคนที่มีจุดจบเดียวกัน คือเหตุการณ์เรือโดยสารร่มในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เขียนได้เล่าชีวิตของตัวละครที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เล่าที่มาที่ไป เล่าทุกข์และสุขของพวกเขาให้คนอ่านได้รับรู้ ก่อนที่จะมาจบท้ายที่แม่น้ำแห่งเดียวกัน เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมในการเขียนเรื่องที่พออ่านแล้วก็รู้สึกชอบมาก ยังไม่เคยอ่านต้นฉบับไทย แต่แค่อ่านบทแปลก็รู้สึกว่าผู้แปลเก็บอรรถรสของเรื่องราวแบบไทยได้ครบ (แม้จะทราบว่าเรื่องนี้เป็นการแปลแบบ adaption อยู่หลายจุดก็ตาม) ไว้จะหาต้นฉบับไทยมาอ่าน ชอบมากๆ
# 61
Futehally, Shama. (2006). Tara Lane. New Delhi: Penguin Books.
เรื่องของหญิงสาวอินเดียชื่อ Tahera ในบอมเบย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่พรั่งพร้อม และถูกเลี้ยงมาดั่งไข่ในหิน จนเมื่อวันที่จะต้องแต่งงาน ครอบครัวก็เริ่มระส่ำระส่าย โรงงานที่เคยเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวเกิดการประท้วง คนงานไม่ทำงาน จนกระทั่งทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก เธอก็ทะเลาะกับสามีตามปัญหาที่มีมากขึ้นเป็นลำดับ ตลอดระยะเวลาที่ตั้งท้อง เธอก็ต้องทนรับสภาพที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อก่อนเกิดปัญหา เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เดาได้ ผู้เขียนพยายามจะใส่อารมณ์น่าสงสาร แต่อาจเพราะเป็นเรื่องของคนเอเชียเหมือนกัน เลยคิดว่าเป็นพล็อตแบบเอเชียๆ ที่หาอ่านได้ทั่วไป ไม่หวือหวาอะไร
# 62
McCullers, Carson. (2000, c1940). The Heart Is a Lonely Hunter. Boston: Mariner Books.
ชื่อเรื่องนี้สรุปความของบรรยายกาศในเรื่องได้ดีมากๆ เพราะพอได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว รู้สึกหดหู่ตามตัวละครและรู้สึกถึงความเหงาของตัวละครแต่ละตัวที่ผู้เขียนนำขึ้นมาเล่าในแต่ละช่วงตอนของชีวิต ว่าแต่ละคนต้องประสบกับปัญหาอะไรบ้างในการดำเนินชีวิตในยุค 40s
ตัวละครเด่นก็คือตัวละครใบ้ แต่ว่าอ่านปากคนได้ จึงพอเข้าใจคำพูดของคนรอบข้างอยู่บ้าง ชีวิตเขาเดียวดายเพราะใช้ชีวิตตามลำพัง มีเพื่อนคนเดียวที่พอจะยึดเหนี่ยวได้ก็ต้องถูกน้องชายของเพื่อนคนนั้นจับไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงคนทุพพลภาพ นอกจากนั้นหนังสือยังเสนอชีวิตตัวละครอื่นๆ ซึ่งก็มีชีวิตที่น่าหดหู่และเหงาเศร้าไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น เด็กสาวที่อยากเป็นนักดนตรีแต่ครอบครัวตกต่ำ ไม่อาจตามฝันตัวเองได้ หมอคนดำที่ต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมของสังคมที่ก็ยังขัดแย้งในใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา หรือคนขี้เหล้าที่ไม่เอาอ่าว ช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้เลย เป็นต้น
# 63 - # 64
Carroll, Lewis. (2013). Alices Adventure in Wonderland. London: HaperCollins.
Carroll, Lewis. (2013). Through the Looking Glass. London: HaperCollins.
เพิ่งจะได้ลองอ่านวรรณกรรมเยาวชนยุควิคตอเรียชุดนี้ หลังจากได้รู้โครงเรื่องมาคร่าวๆ พอมาอ่านเอง ความคาดหวังว่าพล็อตจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่ก็ต้องงุนงงว่า ทั้งสองเล่มไม่มีพล็อตอะไรเลย อลิซตกไปในดินแดนมหัศจรรย์เจอเรื่องโน่นนี่นั่นสารพัด แบบไร้เหตุผล ก่อนจะกลับมาบ้านได้เหมือนเดิม เพราะเด็กหญิงหลับฝันไปเอง พอไปหาเอกสารอ่านประกอบความสงสัยจึงกระจ่าง เหตุที่เห็นอย่างนี้เขาจึงจัดหนังสือทั้งสองเล่นเป็น nonsense literature คือหาเหตุผลไม่ได้ อยากให้ตัวละครเจออะไรก็เจอ อย่าไปหาพล็อต แต่งานเขียนแบบนี้ ความหมายแฝงจะเต็มพรืดไปหมด ถ้าจะตีความอะไรเป็นอะไรจริงๆ ก็คงต้องเข้าใจปริบทและค่านิยมของสังคมในสมัยนั้นๆ ด้วยละมัง
# 65
Waters, Sarah. (2007). The Night Watch. London: Virago.
เรื่องนี้เกิดขึ้น 3 ช่วงด้วยกัน คือในช่วงที่อังกฤษ (ลอนดอน) กำลังจะเข้าสู่สงครามกับเยอรมนี ช่วงที่กำลังตกอยู่ในสภาวะสงครามถูกกองทัพเยอรมันทิ้งระเบิด และช่วงหลังสงครามโลกใหม่ๆ ผู้คนต้องดำเนินชีวิตอย่างไร แต่ที่น่าสนใจคือหนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องแบบย้อยถอยหลัง คือตั้งต้นที่ช่วงหลังสงคราม ต่อด้วยช่วงสังคราม และจบที่ก่อนสงคราม เพื่อจะสื่อว่า เหตุการณ์ในส่วนแรกของหนังสือนั้นมีเหตุปัจจัยและที่มาที่ไปอย่างไรในช่วงที่เกิดสงครามและก่อนสงคราม
ผู้เขียนฉลาดในการวงปมตัวละครมาก แต่ละตัวมีปัญหาเบื้องลึกในจิตใจที่ทำให้คนอ่านอยากรู้ว่าในอดีตแต่ละคนทำไมถึงได้มามีจุดจบอย่างในช่วงแรกของหนังสือ พูดง่ายๆ คือเหมือนการลำดับเหตุการณ์ในชีวิตตัวละครแต่ละตัวก่อนที่จะมาเปิดฉากในตอนต้นเรื่อง ที่น่าสนใจอีกประเด็นคือตัวละครอย่างที่บอกไว้แล้ว คือแต่ละตัวมีปัญหาที่เกี่ยวพันกันอย่างประหลาด เรื่องนี้เขียนด้วยนักเขียนเลสฯ และตั้งใจให้ตัวละครเป็นเลสฯ กันเกือบครึ่งเล่ม เป็นการเล่าความนึกคิดและความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะความรักหรือการหักหลังกันได้อย่างแยบคายและน่าสนใจ วิธีเขียนก็เด่น แม้จะทำให้เรื่องช้า แต่ก็เข้าใจตัวละครแต่ละตัว ไม่ทำให้รู้สึกว่าอืดเลยแม้แต่น้อย
# 66
Steinbeck, John. (2002, c1937). Of Mice and Men. New York: Penguin Books.
ถึงจะเป็นนิยายเรื่องสั้นๆ แต่ก็บาดใจที่ได้อ่านจบ ที่ว่าบาดใจเพราะว่า อ่านเอาชะตากรรมของตัวละครในยุค 30s ในฝั่งอเมริกาในทางตอนใต้ของประเทศ เนื่องจากสภาพสังคมในสมัยนั้นยังยากจนกันอยู่มาก พึ่งพิงการเกษตร ตัวละครในเรื่องนี้ก็คือกลุ่มผู้ใช้แรงงานในสภาพสังคมดังกล่าว ประเด็นที่ผู้เขียนสร้างขึ้นคือ ความอัดอั้นใจของตัวละครเอกที่ต้องมีเพื่อนเป็นคนปัญญาอ่อนแต่กลับมีพละกำลังมาก และก็ด้วยการที่สติปัญญาเหมือนเด็กแต่มีกำลังราวผู้ใหญ่นี่เองที่ทำให้เรื่องต้องกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมในตอนท้าย เนื้อเรื่องอ่านแล้วเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยฉาก การเล่าเรื่อง และสถานการณ์คับขันของตัวละครที่ผู้เขียนสร้างขึ้น ก็ทำให้อ่านแล้วอึดอัดตามตัวละคร (เป็นความอึดอัดที่ชอบมาก) จนพบจบเรื่องแล้วเหตุกาณ์ในหนังสือก็ยังติดอยู่ในความคิดสักพักทีเดียว
# 67
Zafón, Carlos Ruiz. (2013). The Prisoner of Heaven, translated by Lucia Graves. London: Phoenix.
เป็นเล่มที่ 3 ในซีรีส์ที่อ่านมาก่อนหน้า เกี่ยวกับสุสานหนังสือที่เมืองบาเซโลน่า ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง บรรยากาศก็ออกแนวกอทิกทั้ง 3 เล่ม ในเล่มนี้ผู้เขียนยังคงเก่งเหมือนเดิม วางพล็อตและรวบปมตอนจบได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังดึงประเด็นที่ไม่ได้พูดในสองเล่มแรกเข้ามาเป็นปมในเล่มนี้ จริงๆ แล้วก็คือหัวใจของเล่มนี้เอง
ตัวประกอบในเล่มที่ 1 คือ Fermin มาเป็นตัวละครหลักในเล่มนี้ หนังสือเล่าเบื้องหลังที่เขาไปติดคุกก่อนมาพบกับตัวเอกในเล่มแรกให้คนอ่านได้รู้ แถมยังดึงตัวละครในเล่มที่สอง คือ David Martin ให้มาพบกับ Fermin ในเล่มนี้ โดยร่วมกันวางแผนให้ Fermin หนีความโหดร้ายในคุกออกมาได้ และกลับออกมาทำตามคำสัญญาของ David หรือคือการดูแลครอบครัวของคนที่ David รักแทน
ในแง่ตัวละคร ผู้เขียนตั้งใจเขียนให้มีตัวดีและตัวร้ายชัดเจน พอด้านมือด้านสว่างแบ่งแยกชัดเจนแล้ว จึงสร้างบรรยากาศน่ากลัวหลังสงครามโลกที่บาเซโลน่าได้อย่างดี เล่มนี้ไม่ค่อยเห็นประเด็นแบบเหนือธรรมชาติเท่าสองเล่มที่ผ่านมา แต่เน้นการผจญภัยของ Fermin มากกว่า ว่ากว่าจะมาพบกับตัวเอกของเรื่องแรกนั้น ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง อย่างไรก็ดี ให้ความรู้สึกเหมือนผู้เขียนรีบเขียนไปหน่อย เนื้อเรื่องน่าจะขยายได้มากกว่านี้ ไม่แน่ใจว่าสำนักพิมพ์เร่งต้นฉบับหรือเปล่า เพราะไม่งั้นคิดว่าจะทำให้คนอ่านอ่านเรื่องได้อิ่มมากกว่านี้
Create Date : 01 กันยายน 2557 |
|
7 comments |
Last Update : 1 กันยายน 2557 23:49:36 น. |
Counter : 1147 Pageviews. |
|
|
|