Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
# 57 - # 67 :: August Wrap-Up ::





















# 57

Orwell, George. (1989, c1934). Burmese Days. London: Penguin.

เรื่องราวของหนุ่มอังกฤษที่ไปใช้ชีวิตในบริษัทสัมปทานป่าไม้ที่พม่า ได้พบกับความเปลี่ยวเหงาเพราะต้องอยู่เพียงลำพังไร้คู่ มีเพื่อนก็เป็นเพียงแค่คนผิวขาวชาวอังกฤษที่รวมตัวกันอยู่ในเมืองนั้นไม่กี่คน ล้วนแล้วแต่ใช้ชีวิตสุขสบายเป็นนายที่มีลูกจ้างเป็นคนพม่า เรื่องนอกจากจะเสนอภาพของความไม่เท่าเทียมกับระหว่างเจ้าอานานิคมที่เข้าไปหาประโยชน์จากความอุดมสมบูรณ์ในป่าของรัฐอานานิคมแล้ว ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งในจิตใจของตัวละครเอกที่เห็นใจและเข้าใจคนพื้นเมืองดีกว่าคนขาวอื่นๆ ในเรื่องเดียวกัน 

Flory ตัวเอกของเรื่องทำตัวไม่เข้าพวกคนขาวด้วยกันที่คอยเหยียดคนพื้นเมือง ซ้ำยังคบหมอพื้นเมืองเชื้อสายอินเดียเป็นเพื่อน แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็มีศัตรูเป็นคนพม่าที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงที่คอยจะขัดขาคนพื้นเมืองด้วยกันเอง เพื่อให้ตัวเองไต่เต้าขึ้นสูง ให้เกิดการยอมรับในหมู่คนขาวอีก ชีวิตของ Flory ยิ่งเปลี่ยนไปอีกเมือง Elizabeth หลานสาวชาวอังกฤษคนหนึ่งในหมู่คนขาวเดินทางมายังพม่า Flory หลงรักเธอทันทีเนื่องจากความเปลี่ยวเหงาที่ตนได้รับมานาน แต่ความหยิบหยงและสำรวยของเธอก็ทำให้เกิดเหตุสลดใจอย่างไม่น่าเกิดขึ้นในที่สุด


# 58

Ebenbach, David Harris. (2005). Between Camelots. Pittsburgh: University of Pittsburgh Press.

รวมเรื่องสั้นของนักเขียนอเมริกัน ที่พูดถึงการใช้ชีวิตของคนในสังคมอเมริกันปัจจุบัน อ่านเพลินๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ เนื้อเรื่องไม่โดนเด่น ซ้ำวิธีการเขียนก็ง่ายๆ ไม่ได้รุ่มรวยสำนวนอะไรนัก พล็อตเรื่องเหมือนจะมีอะไรแต่ก็มักจบดื้อๆ ให้คิดต่อเอง (แต่บางทีก็จบทื่อเสียจนเดาอะไรต่อไม่ได้ หรือไม่รู้ว่าที่เล่ามาจะสื่ออะไร) หรือเราอ่านหนังสือไม่แตกเอง -_-“


# 59

Fforde, Jasper. (2003, c2001). The Eyre Affair. New York: Penguin Books.

เป็นงานเขียนแนวแฟนตาซีประสมไซไฟ ที่ตัวเอกเป็นนักสืบสาวในโลกวรรณกรรม คือโลกแห่งนี้ผู้เขียนเซตขึ้นราวปี 1983-85 แต่เป็นโลกที่วิวัตน์ไปอีกทาง มีสิ่งประดิษฐ์แปลกประหลาด เช่น เรือเหาะ รถย้อนเวลา “หนอนหนังสือ” ที่กินหนังสือได้จริง เป็นต้น เรื่องมาสนุกตรงที่มีการสืบสวนคนร้ายที่จ้องทำลายวงวรรณกรรม โดยขโมยต้นฉบับวรรณกรรมเอกของโลกหลายเรื่องเพื่อไปทำลาย จนเล่มสุดท้าย คือ Jane Eyre ก็ถึงกับผ่านประตูมิติเข้าไปลักพาตัว Jane ออกมา ร้อนถึงนักสืบสาวที่ต้องเข้าไปอยู่ในโลกหนังสือนั้นเป็นเดือนๆ เพื่อจัดการคนร้าย แต่ที่สำคัญคือไม่ทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปในหน้าบทต้นฉบับจริง 


# 60

Pramoj, Kukrit. (M.R.). (1996). Many Lives, translated by Meredith Borthwich. Chiang Mai: Silkworm Books.

เป็นการรวมเอาชีวิตของคนที่มีจุดจบเดียวกัน คือเหตุการณ์เรือโดยสารร่มในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้เขียนได้เล่าชีวิตของตัวละครที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เล่าที่มาที่ไป เล่าทุกข์และสุขของพวกเขาให้คนอ่านได้รับรู้ ก่อนที่จะมาจบท้ายที่แม่น้ำแห่งเดียวกัน เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมในการเขียนเรื่องที่พออ่านแล้วก็รู้สึกชอบมาก ยังไม่เคยอ่านต้นฉบับไทย แต่แค่อ่านบทแปลก็รู้สึกว่าผู้แปลเก็บอรรถรสของเรื่องราวแบบไทยได้ครบ (แม้จะทราบว่าเรื่องนี้เป็นการแปลแบบ adaption อยู่หลายจุดก็ตาม) ไว้จะหาต้นฉบับไทยมาอ่าน ชอบมากๆ






# 61

Futehally, Shama. (2006). Tara Lane. New Delhi: Penguin Books.

เรื่องของหญิงสาวอินเดียชื่อ Tahera ในบอมเบย์ที่เกิดมาในครอบครัวที่พรั่งพร้อม และถูกเลี้ยงมาดั่งไข่ในหิน จนเมื่อวันที่จะต้องแต่งงาน ครอบครัวก็เริ่มระส่ำระส่าย โรงงานที่เคยเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวเกิดการประท้วง คนงานไม่ทำงาน จนกระทั่งทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก เธอก็ทะเลาะกับสามีตามปัญหาที่มีมากขึ้นเป็นลำดับ ตลอดระยะเวลาที่ตั้งท้อง เธอก็ต้องทนรับสภาพที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อก่อนเกิดปัญหา เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เดาได้ ผู้เขียนพยายามจะใส่อารมณ์น่าสงสาร แต่อาจเพราะเป็นเรื่องของคนเอเชียเหมือนกัน เลยคิดว่าเป็นพล็อตแบบเอเชียๆ ที่หาอ่านได้ทั่วไป ไม่หวือหวาอะไร


# 62

McCullers, Carson. (2000, c1940). The Heart Is a Lonely Hunter. Boston: Mariner Books.

ชื่อเรื่องนี้สรุปความของบรรยายกาศในเรื่องได้ดีมากๆ เพราะพอได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว รู้สึกหดหู่ตามตัวละครและรู้สึกถึงความเหงาของตัวละครแต่ละตัวที่ผู้เขียนนำขึ้นมาเล่าในแต่ละช่วงตอนของชีวิต ว่าแต่ละคนต้องประสบกับปัญหาอะไรบ้างในการดำเนินชีวิตในยุค 40s 

ตัวละครเด่นก็คือตัวละครใบ้ แต่ว่าอ่านปากคนได้ จึงพอเข้าใจคำพูดของคนรอบข้างอยู่บ้าง ชีวิตเขาเดียวดายเพราะใช้ชีวิตตามลำพัง มีเพื่อนคนเดียวที่พอจะยึดเหนี่ยวได้ก็ต้องถูกน้องชายของเพื่อนคนนั้นจับไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงคนทุพพลภาพ นอกจากนั้นหนังสือยังเสนอชีวิตตัวละครอื่นๆ ซึ่งก็มีชีวิตที่น่าหดหู่และเหงาเศร้าไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น เด็กสาวที่อยากเป็นนักดนตรีแต่ครอบครัวตกต่ำ ไม่อาจตามฝันตัวเองได้ หมอคนดำที่ต่อสู้กับความไม่ชอบธรรมของสังคมที่ก็ยังขัดแย้งในใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา หรือคนขี้เหล้าที่ไม่เอาอ่าว ช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้เลย เป็นต้น 


# 63 - # 64

Carroll, Lewis. (2013). Alice’s Adventure in Wonderland. London: HaperCollins.

Carroll, Lewis. (2013). Through the Looking Glass. London: HaperCollins.

เพิ่งจะได้ลองอ่านวรรณกรรมเยาวชนยุควิคตอเรียชุดนี้ หลังจากได้รู้โครงเรื่องมาคร่าวๆ พอมาอ่านเอง ความคาดหวังว่าพล็อตจะมีอะไรมากกว่านั้น แต่ก็ต้องงุนงงว่า ทั้งสองเล่มไม่มีพล็อตอะไรเลย อลิซตกไปในดินแดนมหัศจรรย์เจอเรื่องโน่นนี่นั่นสารพัด แบบไร้เหตุผล ก่อนจะกลับมาบ้านได้เหมือนเดิม เพราะเด็กหญิงหลับฝันไปเอง พอไปหาเอกสารอ่านประกอบความสงสัยจึงกระจ่าง เหตุที่เห็นอย่างนี้เขาจึงจัดหนังสือทั้งสองเล่นเป็น nonsense literature คือหาเหตุผลไม่ได้ อยากให้ตัวละครเจออะไรก็เจอ อย่าไปหาพล็อต แต่งานเขียนแบบนี้ ความหมายแฝงจะเต็มพรืดไปหมด ถ้าจะตีความอะไรเป็นอะไรจริงๆ ก็คงต้องเข้าใจปริบทและค่านิยมของสังคมในสมัยนั้นๆ ด้วยละมัง






# 65

Waters, Sarah. (2007). The Night Watch. London: Virago. 

เรื่องนี้เกิดขึ้น 3 ช่วงด้วยกัน คือในช่วงที่อังกฤษ (ลอนดอน) กำลังจะเข้าสู่สงครามกับเยอรมนี ช่วงที่กำลังตกอยู่ในสภาวะสงครามถูกกองทัพเยอรมันทิ้งระเบิด และช่วงหลังสงครามโลกใหม่ๆ ผู้คนต้องดำเนินชีวิตอย่างไร แต่ที่น่าสนใจคือหนังสือเล่มนี้ดำเนินเรื่องแบบย้อยถอยหลัง คือตั้งต้นที่ช่วงหลังสงคราม ต่อด้วยช่วงสังคราม และจบที่ก่อนสงคราม เพื่อจะสื่อว่า เหตุการณ์ในส่วนแรกของหนังสือนั้นมีเหตุปัจจัยและที่มาที่ไปอย่างไรในช่วงที่เกิดสงครามและก่อนสงคราม 

ผู้เขียนฉลาดในการวงปมตัวละครมาก แต่ละตัวมีปัญหาเบื้องลึกในจิตใจที่ทำให้คนอ่านอยากรู้ว่าในอดีตแต่ละคนทำไมถึงได้มามีจุดจบอย่างในช่วงแรกของหนังสือ พูดง่ายๆ คือเหมือนการลำดับเหตุการณ์ในชีวิตตัวละครแต่ละตัวก่อนที่จะมาเปิดฉากในตอนต้นเรื่อง ที่น่าสนใจอีกประเด็นคือตัวละครอย่างที่บอกไว้แล้ว คือแต่ละตัวมีปัญหาที่เกี่ยวพันกันอย่างประหลาด เรื่องนี้เขียนด้วยนักเขียนเลสฯ และตั้งใจให้ตัวละครเป็นเลสฯ กันเกือบครึ่งเล่ม เป็นการเล่าความนึกคิดและความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะความรักหรือการหักหลังกันได้อย่างแยบคายและน่าสนใจ วิธีเขียนก็เด่น แม้จะทำให้เรื่องช้า แต่ก็เข้าใจตัวละครแต่ละตัว ไม่ทำให้รู้สึกว่าอืดเลยแม้แต่น้อย


# 66

Steinbeck, John. (2002, c1937). Of Mice and Men. New York: Penguin Books.

ถึงจะเป็นนิยายเรื่องสั้นๆ แต่ก็บาดใจที่ได้อ่านจบ ที่ว่าบาดใจเพราะว่า อ่านเอาชะตากรรมของตัวละครในยุค 30s ในฝั่งอเมริกาในทางตอนใต้ของประเทศ เนื่องจากสภาพสังคมในสมัยนั้นยังยากจนกันอยู่มาก พึ่งพิงการเกษตร ตัวละครในเรื่องนี้ก็คือกลุ่มผู้ใช้แรงงานในสภาพสังคมดังกล่าว ประเด็นที่ผู้เขียนสร้างขึ้นคือ ความอัดอั้นใจของตัวละครเอกที่ต้องมีเพื่อนเป็นคนปัญญาอ่อนแต่กลับมีพละกำลังมาก และก็ด้วยการที่สติปัญญาเหมือนเด็กแต่มีกำลังราวผู้ใหญ่นี่เองที่ทำให้เรื่องต้องกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมในตอนท้าย เนื้อเรื่องอ่านแล้วเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยฉาก การเล่าเรื่อง และสถานการณ์คับขันของตัวละครที่ผู้เขียนสร้างขึ้น ก็ทำให้อ่านแล้วอึดอัดตามตัวละคร (เป็นความอึดอัดที่ชอบมาก) จนพบจบเรื่องแล้วเหตุกาณ์ในหนังสือก็ยังติดอยู่ในความคิดสักพักทีเดียว


# 67

Zafón, Carlos Ruiz. (2013). The Prisoner of Heaven, translated by Lucia Graves. London: Phoenix.

เป็นเล่มที่ 3 ในซีรีส์ที่อ่านมาก่อนหน้า เกี่ยวกับสุสานหนังสือที่เมืองบาเซโลน่า ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง บรรยากาศก็ออกแนวกอทิกทั้ง 3 เล่ม ในเล่มนี้ผู้เขียนยังคงเก่งเหมือนเดิม วางพล็อตและรวบปมตอนจบได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังดึงประเด็นที่ไม่ได้พูดในสองเล่มแรกเข้ามาเป็นปมในเล่มนี้ จริงๆ แล้วก็คือหัวใจของเล่มนี้เอง 

ตัวประกอบในเล่มที่ 1 คือ Fermin มาเป็นตัวละครหลักในเล่มนี้ หนังสือเล่าเบื้องหลังที่เขาไปติดคุกก่อนมาพบกับตัวเอกในเล่มแรกให้คนอ่านได้รู้ แถมยังดึงตัวละครในเล่มที่สอง คือ David Martin ให้มาพบกับ Fermin ในเล่มนี้ โดยร่วมกันวางแผนให้ Fermin หนีความโหดร้ายในคุกออกมาได้ และกลับออกมาทำตามคำสัญญาของ David หรือคือการดูแลครอบครัวของคนที่ David รักแทน 

ในแง่ตัวละคร ผู้เขียนตั้งใจเขียนให้มีตัวดีและตัวร้ายชัดเจน พอด้านมือด้านสว่างแบ่งแยกชัดเจนแล้ว จึงสร้างบรรยากาศน่ากลัวหลังสงครามโลกที่บาเซโลน่าได้อย่างดี เล่มนี้ไม่ค่อยเห็นประเด็นแบบเหนือธรรมชาติเท่าสองเล่มที่ผ่านมา แต่เน้นการผจญภัยของ Fermin มากกว่า ว่ากว่าจะมาพบกับตัวเอกของเรื่องแรกนั้น ต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง อย่างไรก็ดี ให้ความรู้สึกเหมือนผู้เขียนรีบเขียนไปหน่อย เนื้อเรื่องน่าจะขยายได้มากกว่านี้ ไม่แน่ใจว่าสำนักพิมพ์เร่งต้นฉบับหรือเปล่า เพราะไม่งั้นคิดว่าจะทำให้คนอ่านอ่านเรื่องได้อิ่มมากกว่านี้







Create Date : 01 กันยายน 2557
Last Update : 1 กันยายน 2557 23:49:36 น. 7 comments
Counter : 1143 Pageviews.

 
เยอะมากกกกกค่ะ ช่วงนี้อัพรีวิวแบบล็อตใหญ่เลยนะคะ ^^


โดย: Sab Zab' วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:9:08:33 น.  

 
อยากอ่าน Alice จังค่ะ


โดย: Pdจิงกุเบล วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:9:10:23 น.  

 
พี่ฝน - อารมณ์ขี้เกียจอัพบ่อยๆ ฮะ ทำเป็นเซตรวบทีเดียวเลยดีกว่า 55

คุณ Pdจิงกุเบล - ลองอ่านดูเลยฮะ แต่ผมว่าไม่ค่อยหนุก อาจเพราะรู้เรื่องมาเลาๆ แล้ว แต่ชอบที่เป็นการ์ตูนหรือหนังมากกว่า


โดย: Boyne Byron วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:12:59:03 น.  

 
โห...มาเป็นล็อตเลยคุณบอยน์ เก่งจริง ๆ

ชุดนี้แม่ไก่เคยอ่านไปแล้วถึงห้าเล่มแน่ะค่ะ

มีสองเล่มที่ต้องอ่านสมัยเรียนคือ Of Mice and Men ของสไตน์เบ็ค กับ The Heart ฯของแมคคัลเลอรส์ ให้อารมณ์สีเทา ๆ ทั้งสองเรื่อง โดยเฉพาะเล่มหลัง ถ้าคุณบอยน์ชอบแนว ๆ นี้แนะนำให้หา The Member of the Wedding มาอ่านนะคะ

นึกถึงแล้วอยากจะกลับไปอ่านอีกรอบจัง!


โดย: แม่ไก่ วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:15:29:14 น.  

 
ขอบคุณครับคุณแม่ไก่ เดี่ยวผมจะลองไปตามหา The Member of the Wedding มาอ่านดูมั่งนะครับ


โดย: Boyne Byron วันที่: 3 กันยายน 2557 เวลา:8:17:33 น.  

 
หลายเล่มนี่ดูท่าเนื้อหาจะหนักเอาการอยู่เหมือนกันนะครับ
ส่วน อลิซนี่ผมก็มี 2 เล่มนี้แบบแปลไทยดองไว้รออ่านอยู่เหมือนกันครับ


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 28 กันยายน 2557 เวลา:16:58:36 น.  

 
มี Of Mice And Men เรื่องเดียวเองครับ
Alice นี่คงไม่ลองดีกว่า


โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 15 ธันวาคม 2557 เวลา:9:24:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Boyne Byron
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Boyne Byron's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.