Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
++ อ่านหนังสือ เซต ๘ ++

+









บัลลังก์บุหลัน – ดวงตะวัน


บรรดาลูกหลานของ “คนเถื่อน” กลับมาอีกครั้ง ยามเมื่อบ้านเมืองระส่ำระส่าย ต้องการมือของใคร กำลังของใครสักคนหนึ่งมากอปรรวมเอาหัวจิตหัวใจที่แตกพ่ายด้วยความกลัวมารวมกัน

ดังนี้ เรทัต อินทัต และญีลา จึงดาหน้าบุกเนินเปดาลซึ่งร้างราราชวงศ์ และตอนนี้ก็กลายเป็นที่สิงสู่ของพวกนิยมลัทธิประหลาด ลัทธิที่ดึงชื่อ “กูตูร์” เทพผู้ชั่วร้ายมาสร้างความครั่นคร้ามในจิตใจของผู้คน

หากแต่ไม่เท่านั้นที่เรทัตกลับมา แม้ใจไม่อยากแต่เหมื่อเห็นขวัญของผู้คนแตกกระเจิง เขาจึงจำต้องทำตามคำของแม่คีราบอก “ครีราโมส์” พร้อมกันนี้เขาก็ได้พบกับแม่สาวซีตา “กรวดไร้ค่า” ซึ่งอาศัยอยู่ในกระโจมริมหาดทราย เป็นแม่ค้าหัวใส ฝีมือฉกาจ เขานึกรักในท่าดีเด็ดเดี่ยวของเธอทันที หญิงผู้นี้ไม่เพียงแต่เก่งกาจในด้านค้าขายเท่านั้น เธอยังเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเรทัตดูแลผู้คน ยามที่ “ทูตกูตูร์” บุกอีกด้วยซ้ำ

รักระหว่างรบ ในดินแดนย้อนไปในยุคโบราณของแผ่นดินธิโมส์ ทำได้น่าอ่านยิ่งนัก เรื่องราวอันเคร่งเครียด ทั้งศึกในจากคนกันเองซึ่งปลอมแปลงเอาชื่อเทพร้ายมาอ้าง ทั้งศึกนอกจากคนต่างชาติที่เล่งเห็นโภชผลจากการยั่วยุให้คนในแผ่นดินแตกแยก...เป็นสถานการณ์ที่สร้างให้ตัวละครพิสูจน์ใจและฝีมือในการต่อกร และอดไม่ได้ที่จะร่วมลุ้น

เรื่องนี้จัดจ้านในด้านอารมณ์ ฉาก สถานการณ์ และความคิด เป็นเรื่องเด่นอีกเรื่องที่คิดว่าน่าอ่านในชุดแผ่นดินธิโมส์ แต่คิดว่า เหตุการณ์นั้นยังด้อยกว่า ผีเสื้อลายตะวัน ที่เกิดขึ้นในยุคเดียวกันอยู่ แต่ชอบนางเอกเรื่องมากกว่า

รออ่านเล่มถัดไปไปตามระเบียบ...







ยิ่งกว่ารัก – กันยามาส

รักใดหนอจะยิ่งใหญ่เท่ารักจากพ่อแม่ ลองคิดดูสิ ว่าลูกจำต้องพรากจากอกพ่อแม่ไปอยู่กับคนอื่นจะเป็นอย่างไร ยุทธกับดนัย...จึงเป็นตัวแทนของพ่อ...ซึ่งถูกความแค้นเล่นงาน ทำให้ต้องพรากจากลูกสาวสุดที่รักของตนเองไปตั้งแต่เกิดใหม่ๆ

แม่ของ แซนด์...ศิตาภา เสียไปตั้งแต่คลอด
แม่ของ แนน...ณัฐฐา เสียไปหลังจากลูกโตได้ไม่กี่ปี
แม่ของ แอน...อินทร์สรวง ยังอยู่ แต่นางสีนวลทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกมีชีวิตอันสุขสบาย จนกลายเป็นการป้ายสีอันไม่น่ารักให้แก่ใจลูก

อินทร์สรวงเข้าใจว่าพ่อแม่ที่แท้จริง คือปาริชาติกับดนัย โภคาจันทร ซึ่งถูกยุทธสับเปลี่ยนตัวมา เพราะแค้นที่สมัยก่อนนายดนัยทำให้เขาต้องตกระกำลำบาก

แต่หารู้ไม่ว่า ที่แท้แล้ว ณัฐฐาผู้ที่ถูกฝังหัวว่าเป็นลูกของสีนวลต่างหากที่เป็นลูกที่แท้ของตระกูลนั้น

เรื่องราวพันกันอีรุงตุงนังไปหมด ฟังแล้วสับสน แต่เพราะจิตใจคนนั้นวกวนยิ่งกว่า จึงทำให้ตัวละครโลดแล่นไปตามกิเลสและตัณหาเป็นตัวชักนำ

คนที่ทุกข์ทรมานกับการกระทำที่ตนคิดเพียงชั่ววูบในยามความแค้นบังตา ก็คงเป็นแต่ยุทธผู้เดียว แล้ววันนี้ เขาก็ได้รับรสชาติของการกระทำแล้ว นั่งคือศิตาภาไม่ยอมรับเขา ...เพราะเธอคิดว่าเขาผลักไสเธอออกไปจากอก แต่แท้จริง ยุทธมิเคยคิดเช่นนั้นเลย

ณัฐฐาผู้รักดี แม้จะมีแม่อย่างสีนวล ซึ่งถูกสมมติให้เป็น หลอกว่าเป็นลูก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้กับชีวิต เธอทำตัวเป็นดี คอยห้ามปรามการกระทำอันน่าเกลียดของอินทร์สรวง

อินทร์สรวงทะเยอทะยานเกินตน ก็เหมือนชื่อตัว ...มันเกินตัว และเพราะการเอื้อมคว้าในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง...ปลอมตัวเป็นลูกที่ถูกสับมา ทั้งๆ ที่เป็นแค่ลูกสาวสีนวลตัวจริง... เมื่อพลาดหวัง คนจับได้ เธอจึงเตลิด

ศิตาภานั้นรักหนุ่มคนหนึ่ง และเธอก็สามารถหยุดเขาได้ รุจน์เลิกคิดแก้แค้นนายดนัยผู้ที่เคยสั่งเก็บพ่อกับแม่ของตน เขาเห็นน้ำใจอันงดงามของศิตาภา เห็นการให้อภัยอยู่ตรงหน้า แล้วเขาก็เลือกจะใช้มัน เพื่อมิให้ตัวเองต้องเจ็บช้ำอีกต่อไป

“...ฉันเห็นรอยยิ้มของเธอที่ส่งมา
ไร้เดียงสา...ขวยเขิน...เชิญลุ่มหลง
เธอเอียงอายทอดสายตาพาให้งง
ฉันพะวงในท่าทีเธอมีมา...”

เพลงนี้คือตัวแทนแห่งความรักระหว่างศิตาภากับรุจน์...สองคนที่เข้าใจกัน ไม่เอาโชคชะตาที่เล่นตลกมาทำให้จิตใจต้องหวั่งไหว ต้องเสียใจอีกต่อไป
เพราะรัก...ที่เป็น “ยิ่งกว่ารัก” ...คือความผูกพันกันระหว่างผู้คน...คู่รัก...พ่อแม่...และโลกมนุษย์ด้วยกันเอง






เด็กๆ แห่งหมู่บ้านเควง-อีบุรี – คิม จุงมี (เขียน) / อุไรวรรณ จิตเป็นธม คิม (แปล)


เรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กจำนวนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่หมู่บ้านชายทะเลของประเทศเกาหลี หมู่บ้านแห่งนี้ยากไร้ เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากทางรัฐบาล จึงทำให้เด็กๆ ที่นี่เสียผู้เสียคนไปเยอะ ปัญหาสังคมรุมเร้า เนื่องจากพิษเศรษฐกิจยุค IMF (เหมือนบ้านเราเลย ช่วงเดียวกันนั่นละ)

อย่างไรก็ดี เด็กๆ ที่ดูเหมือนจะเสียคน ก็ได้ยองโฮกับครูมยอง-ฮี เข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ซุกฮีกับซุกจา เด็กหญิงฝาแฝดในเรื่องไม่ต้องทุกข์ร้อนเกินไปนัก แม้ว่าจะเสียพ่อไปจากอุบัติเหตุก็ตาม โชคดีที่แม่ของเด็กแฝดกลับมาก่อน หลังจากหนีออกจากบ้านเพราะทนความอัตคัดขัดสนไม่ไหว

ยังมีเด็กอีกสองคน เป็นพี่น้องที่ต้องผจญกับความแร้นแค้น นั่นคือ ทงซูกับทงจุน – ทุงซูกินดมกาว (นึกไปถึงสมัยเด็กที่มีเพื่อนแถวบ้านด้วย) ทุงซูมีเพื่อนอีกคน คือ มยอง-ฮวัน สองคนนี้ถูกยองโฮผู้มีอาชีพเป็นครูสอนยูโดจับได้ และคิดอยากช่วยเหลือเด็ก ยองโฮเสียแม่ไปด้วยโรคมะเร็ง ดังนั้น เขาจึงคิดจะช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว แล้วนำมาอยู่บ้านด้วยกัน เพราะพ่อแม่ของทงซูกับทงจุนทิ้งพวกเขาไปแล้ว

เด็กแต่ละคนต้องพานพบกับปัญหาหนักเกิดที่เด็กจะรับไหว ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ปกครองดูเหมือนจะไม่ใส่ใจชีวิตที่เป็นดั่งผ้าขาวเหล่านี้เลย ยังดีหรอก ที่มียองโฮกับครูมยอง-ฮีคอยดูแล แม้หมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นด้านมืดของสังคม แต่การมองโลกของเด็กๆ ก็ไม่เลยร้ายเสียทีเดียว ดังมีมุมมองที่น่ารัก เช่นการตั้งใจที่จะทำงาน ตั้งใจเรียน อยู่อย่างมากทุกคน กำลังใจที่จะสู้ให้ผ่านพ้นวิกฤตของชีวิตสำหรับเด็กๆ จึงมีขึ้นในตัวยองโฮและครูมยอง-ฮีเป็นอันมาก

จขบ.เคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีมาหนึ่งปี ได้เห็นสิ่งนี้กับตา ก็รู้สึกว่า ประเทศที่เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเกาหลี ย่อมหนีไปพ้นปัญหาดังนั้น เช่นเดียวกับบ้านเรานั่นละ ชุมชนแออัดเกิดขึ้นมากมายในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ยุคที่เร่งจะเป็นเสือเศรษฐกิจตัวที่ห้าของเอเชีย แต่เมื่อประสบปัญหาเศรษฐกิจเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ นั้น ก็เลยทำให้ความฝันที่จะพัฒนาต้องพังพาบลงมาอย่างไม่เป็นท่า ไทยกับเกาหลีก็ไม่ต่างกันนักหรอก ปัญหาชุมชนที่ไม่ได้รับการแก้ไขให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นจึงมีมาก แต่เกาหลีก็พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น เช่นเดียวกับไทย แต่ไม่รู้ว่าใครสามารถทำได้สำเร็จดีกว่ากัน

“...แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา เจ้าจะโดดเดี่ยวต้องอดทนฝ่าฟันความยากลำบาก แต่ตอนนี้เจ้าก็ปลอดภัยและมีเพื่อนๆ ร่วมชะตากรรมเดียวกับเจ้าอีกเยอะ ไม่เป็นไรใช่ไหม เรามาเป็นเพื่อนกันนะ ตรงนี้แม้ว่าจะคับแคบไปหน่อย ก็อยากให้อดทน ฉันอยากให้เจ้าโตวันโตคืน ฉันสัญญาว่าจะมาหเจ้าทุกๆ เช้า” (หน้า ๒๓๘-๙) ทงซูพูดกับดอกมินดึลเร ซึ่งขึ้นอยู่ข้างๆ โรงงานที่เขาไปรับทำงานพิเศษ






ยามเมื่อลมพัดหวน – วาณิช จรุงกิจอนันต์

การบูรเดินทางไปยังฝรั่งเศส ชงชายหนุ่มที่เรียนต่ออยู่ที่นั่นจำต้องรับหน้าที่เป็นไกด์พิเศษ เพราะน้องชายของเธอซึ่งเป็นรุ่นน้องคนสนิทไว้วาน ด้วยเกิดอุบัติเหตุกะทันหัน

แต่ที่ร้าย และทำความอึดอัดใจให้การบูรคือ น้องชายบอกว่า ชงเป็นเสือผู้หญิง ดังนั้น จึงโกหกแก่ชงว่า การบูรแต่งงานและมีลูกแล้ว เพื่อป้องกันการก้อล่อก้อติกของเขา หากชงผู้ที่หญิงสาวมาสัมผัสกลับทำให้เธอไม่แน่ใจว่า สิ่งที่น้องชายจะถูกเสียทีเดียว

แม้ว่าช่วงเวลาในเรื่องจะเกิดขึ้นเพียงวันเดียว วันที่การบูรมาแวะผ่านไปยังลอนดอน แต่ชงก็ทำให้เธอประทับใจได้มากมาย เพราะเขาดูเป็นผู้ชายที่มีความรู้ในเรื่องศิลปะต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งที่พระราชวังแวร์ซาย พิพิธภัณฑ์ที่มีภาพเขียนโมนาลิซ่า หอไอเฟล สะพานข้ามแม่น้ำแซน ฯลฯ หากแต่เธอก็ยังสงสัยต่อไปอีกว่า ชงผู้นี้น่าจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ถึงไม่กลับไปเมืองไทยเลยตั้ง ๑๒ ปี

ฝ่ายชงก็สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้มีลูกมีสามีแล้วแน่หรือ เพราะเธอดูไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น

สุดท้ายเมื่อกลับไปยังลอนดอน เป็นการบูรนั่นเองที่ใจหายวาบ เมื่อนึกว่าต้องจากเขา

เรื่องนี้เคยดูเป็นละครช่อง ๕ สมัยเมื่อนานมาแล้ว จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าหมิวเล่นเป็นนางเอก กับเจเป็นพระเอก เรื่องนี้เขาคงเอาไปขยาย เพราะเนื่องเรื่องจริงๆ เกิดเพียงวันเดียว

แม้จะเป็นหนังสือเล่มเล็ก แต่ชอบมาก ด้วยแม้จะมีแต่เพียงบทสนทายามที่ชงพาการบูรเที่ยว แต่มัน “คมคาย” เหลือเกิน ชวนให้นึกถึงบทเจรจาในเรื่อง “ข้างหลังภาพ” แต่อาจทันสมัยกว่ามาก ความเหมือนนั่นคือ ความฉลาดของตัวละคร ไม่เฝือและเยินเย้อ

จากคนละฟ้า จากคนละแผ่นดิน
กลับมาโบยบินข้ามไปสุดฟ้าจนได้พบกัน
อาจเป็นเพียงลม ที่พาเราพบพาน
ให้เราได้รักกัน และให้ฉันต้องฝืนใจลา

อาจเป็นเพราะรัก ที่ผ่านมากับลม
ผ่านมาเชยชม เพียงแผ่วพลิ้วแล้วมันก็จางไป
เก็บความทรงจำ เก็บงำในหัวใจ
อยู่เพียงเดียวดาย ในเมื่อรักจากไปพร้อมสายลม

เมื่อเป็นความรัก ที่ไม่อาจเผยใจ
เก็บมันเอาไว้ เก็บมันเอาไว้ ไม่อาจยอมให้เธอรู้
เมื่อใดที่ลมพัด ช่วยผ่านมาหน่อยได้ไหม
อยากให้คืนวันที่ดีเหล่านั้นได้หวนมา
เมื่อใดที่ลมหวน ที่เธอจะกลับมาหา
เฝ้ารอเวลาที่ลมแห่งรักนั้น จะพัดพา มาอีกครั้ง






ข้ามสีทันดร – กฤษณา อโศกสิน



เที่ยงวันต้องฝืนใจเป็นอันมาก เมื่อต้องเดินทางร่วมคณะทัวร์ไปยังแอฟริกาใต้พร้อมกับแม่ หลังจากออกมาจากสถานบำบัดทั้งกายและใจเมื่อสิ้นสุดการติดยาเสพย์ติด อย่างไรก็ดี เขาได้เจอกับเดือนสิบ หญิงสาวที่เขาเห็นว่ามีเรื่องทุกข์ใจซ่อนไว้ภายใน แหละเมื่อมาค้นพบว่าสิ่งที่เธอทุกข์ใจนั้นคืออะไร เขาก็ยินดีที่จะช่วย เพราะน้องชายเดือนสิบ...ดวล...ก็กำลังประสบปัญหาติดยาเหมือนกับเขาเคยเป็น

เที่ยงวันอยู่ในภาวะขั้นสุดท้ายของการทำตนให้เป็นปกติ เขาต้องอดกลั้นต่อสายตาเหยียดหยามจากคนทั่วไป ในตลอดระยะเวลาที่ออกมาจากสถานที่บำบัด ดั่งคำของพี่หัวหน้าทั่วซึ่งได้รับการฝากฝังมาจากแพทย์ผู้ดูแลอีกทีว่า “...ถ้าจะเปรียบ...ก็เหมือนเที่ยงกำลังว่ายน้ำข้ามทะเลนั่นแหละ...พี่พาเที่ยงมาว่ายน้ำข้ามทะเล...ข้ามไปแล้ว ขึ้นบกได้แล้ว...ก็ยังจะต้องฝึกอยู่บนบกให้ได้อีก...” (หน้า ๑๗๘)

อย่างไรก็ดี เขาต้องทนกับการอดสูเป็นอันมาก เพราะ “คนบางคนมีกิจกรรมทางวาจาในเชิงสร้างความเจ็บปวดสะเทือนใจให้ผู้คน จนกลายเป็นกิจวัตรที่ตนเองมักแอบปลื้มในความชาญฉลาดเหนือผู้อื่น บางคนพูดเพราะปากพล่อย หากบางรายก็พูดเพราะเจตนาจะจิกตี” (หน้า ๓๕๘)

เมื่อกลับจากเที่ยว เขาก็ไปหาดวล ภาพที่เห็นสร้างความเวทนาเป็นอย่างมาก แล้วก็นึกย้อนตัวเองถึงเหตุการณ์ในครั้งก่อน ตอนที่ตัวเองยังติดยาอยู่ แล้วก็ตั้งปณิธานว่า จะต้องช่วยดวลให้ได้ ทั้งยังทำเพื่อนเดือนสิบคนที่เขาหลงรักเธออย่างจังอีกด้วย

ฝ่ายเดือนสิบ เธอเองก็มีปัญหากับสังคมรอบข้างที่ตราหน้าครอบครัวเธอว่ามีคนติดยาอยู่ในบ้าน และหนึ่งในนั้นก็คือครอบครัวของแฟน...ลำธาร...รักกับเดือนสิบมาก่อน แต่พอรู้เรื่องดวล เขาก็ตีตนออกห่าง เพราะถูกแม่เป่าหูอยู่ทุกวัน หากหญิงสาวที่ยังไม่อาจตัดใจจากเขาได้ เรื่องราวปานจะประดังมาที่เธอ แต่ก็ยังขอบใจเที่ยงวันอยู่มากที่เขาเป็นหนักในการพาน้องชายไปเข้าศูนย์บำบัด

ดวลตกลงใจมาในที่สุด หลังจาก “หักดิบ” โดยการที่นายดำเกิง พ่อของเขาจับเขาล่ามโซ่อยู่ในห้องเป็นเวลาสิบวัน ในช่วงนั้น เขาแทบตาย ร่างกายผอมโกรก อาเจียนเอาสิ่งสกปรกออกมาให้หมด เนื้อตัวร้อนเหมือนไฟ ระอุจนสุก ร่างกายแทบจะฉีกเป็นเศษส่วน แต่ครั้นผ่านวันที่สิบเขาก็ดีขึ้น เหมือนรีดเอาพิษร้ายออกจากร่างกายไปแล้ว ดังนั้น เขาจึงตกลงไปบ้านพิชิตใจ ที่แหล่งรวมผู้ติดยาเสพย์ติดที่ต้องการจะเลิก

ทุกคนต่างตั้งใจมองความตั้งใจนี้ของดวล ว่าเขาจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า แต่ดวลจำต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ให้มีความรับผิดชอบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนนี้ไม่เคยแม้แต่ที่จะคิดทำงานบ้าน แต่จุดนี้กดดันให้ดวลต้องทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

ฝ่ายเที่ยงวันนั้น เมื่อเห็นการกระทำขั้นสุดท้าย เขาก็คิดได้ เหมือนบรรลุ จากจุดที่ยังเชื่อมเขาอยู่กับอดีตอันหดหู่ สายตาของผู้อื่น เพื่อย่างเยื้องไปสู่แสงสว่าง ว่าเขาไม่ควรไม่ยึดติด

เรื่องของดวลนั้น เป็นเพราะนายดำเกิงคนเดียว แต่สุดท้าย นายดำเกิงก็ต้องหักใจตัวเอง เมื่อดวลกลับมาอีกครั้ง เขาก็ยื่นข้อเสนอ เขาจะไปซื้อยาให้หรือจะให้ดวลไปเลิก...

เรื่องนี้จำได้ว่าได้ดูเป็นละคร แต่ไม่ได้ติดตามสักเท่าไหร่นัก พอมาอ่านอีกที ชอบอ่านสำนวนคุณกฤษณาที่แฝงปรัชญาไว้ในเรื่องได้ทุกบรรทัด เนื้อหาที่แรกคิดว่าหนัก แต่ก็ไม่อย่าที่คิด ที่จะหนักก็คงเพราะบรรยายขึ้นตอนของคนที่ต้องการจะอดยามากเท่านั้นเอง






หลงเงา – ว.วินิจฉัยกุล


หากอ้อมรักรู้ว่า การหลงชอบใครโดนที่ติดที่รูปแล้วทำให้ตนเองเป็นทุกข์ และชีวิตวุ่นวายเหลือแสน เธอก็คงไม่เลือกที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่เอ...เอราวัต ลูกเพื่อนแม่ที่เคยเจอกันตอนเด็กๆ และบัดนี้เขาได้กลายเป็นดาราดังไปแล้วหรอก

ผู้หญิงหน้าตาธรรมดา ไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่น่าขี้ริ้ว อย่างเธอ กลับหลงรักพี่เอได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องยั้งใจอยู่ครู่หนึ่ง เพราะเอราวัตมีแฟนอยู่แล้วชื่อเจนนี่ เป็นดาราเหมือนกัน เจนนี่เป็นทุกอย่างที่แตกต่างจากอ้อมรักอย่างมาก สวย มีเสน่ห์ ทันสมัย เข้าสังคมเก่ง แต่อ้อมรักมีเพียงจิตใจที่อ่อนบาง คอนเซอเวทีฟ รักบ้านโบราณของเธอที่ช่างฝรั่งสมัยคุณทวดสร้างไว้

แรกที่ประทับใจเอราวัตก็เนื่องด้วยเขาก็รักบ้านหลังนี้เหมือนกับเธอ แต่อย่างไรก็ดี พ่อก็ได้รั้งสติเธอไว้ด้วยคำพูดที่ว่า “พ่อกำลังจะบอกว่า...ผู้ชายก็เหมือนตุ๊กตานั่นแหละอ้อม ถ้าลูกอยากได้จริงๆ ลูกก็ต้องรู้จักอดทน และให้เวลชาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ลูกไม่เปลี่ยนใจ” (หน้า ๑๒๕)

โชคชะตาทำให้อ้อมรักมาพบกับมาร์คผู้ชายฝรั่งทีพูดไทยได้ปร๋ออีก มาเป็นผู้คานน้ำหนักในใจของเธอ และเป็นผู้ยั้งใจให้เธอเห็นอีกด้านของเอราวัต แต่เธอก็ไม่อาจปรงใจกับมาร์คได้ หนึ่งไม่ไม่ชอบ สองเธอเองกระดากที่จะถูกมองว่า เป็นผู้หญิงอีกประเภท หากแต่งงานกับเขา

กระนั้นต่อมา ลายของของเอราวัตเริ่มแสดง เขาแสดงให้เธอเห็นทัศนคติของการเลือกคู่ครองที่น่ากลัว เขาอยากเก็บเจนนี่ไว้เป็นเพื่อนใจขณะที่แต่งงานกับอ้อมรัก

หญิงสาวงงงัน นี่มันอะไรกัน ดังนั้น คนคอนเซอเวทีฟอย่างเธอจึงสองจิตสองใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี ช่วงที่กำลังค้นหาใจที่แท้ของตัวเองอยู่นี่เอง เจนนี่ก็เข้ามาเป็นคนทำให้เชื่อกยุ่งๆ ในใจของอ้อมรักคลายออกได้ เธอตัดสินใจเด็ดขาดเรื่องเอราวัตได้ เมื่อเจนนี่เมามาอาละวาด ก็อย่างว่าละ ของของใคร ใครก็หวง เจนนี่อยู่กับเอราวัตบ้านเดียวกัน เป็นอิสระต่อกันก็จริง แต่เมื่อได้รู้ว่ากำลังจะเสียของรักไป จึงมาด่าทออ้อมรักถึงบ้าน และนั่นก็เป็นมีดด้ามคมซึ่งเหมาะมืออ้อมรักเพื่อที่จะตัดเยื่อใยจากเอราวัต...ผู้โลเล

อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนไม่มีพระเอก (คล้ายเรื่อง “คลื่นกระทบฝั่ง” ที่อ่านมาก่อนหน้า) เป็นเรื่องขอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งสับสนใจจิตใจ หลงรูปหลงเงาของดาราชายหนุ่มคนนั้นเอง แต่มาเซอร์ไพรซ์ตอนท้ายนิดที่พระเอกตัวจริงโผล่มา สองสามบทสุดท้ายจริงๆ ช่วยทำให้เรื่องออกแปลกไปหน่อย แต่ก็ไม่เสียอรรถรส





Create Date : 11 กรกฎาคม 2551
Last Update : 11 กรกฎาคม 2551 15:32:10 น. 13 comments
Counter : 769 Pageviews.

 
อือม์...ชุดนี้อ่านไปสี่เล่มค่ะ

ตอนนี้กำลังเมามันอยู่กับไซอิ๋ว


โดย: แม่ไก่ วันที่: 11 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:30:41 น.  

 
มาเยี่ยมชมบล๊อกค่ะ มีหนังสือน่าสนใจเยอะเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โดย: girlroom13 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:20:21 น.  

 
อ่านเกือบหมดครับบอย ...ขาดเรื่องที่สองกับสาม เห็นรีวิวแล้ว อยากตามไปอ่านจังครับ..


โดย: เมฆชรา วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:20:24 น.  

 
คุณ แม่ไก่ - ขอให้สนุกกับไซอิ๋วเน้อครับ

คุณ girlroom13 - แล้วเจอกันอีกนะครับ

คุณ เมฆชรา - ลองหามาอ่านดูนะครับ


โดย: Boyne Byron วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:28:47 น.  

 
โอ้โห อ่านเยอะจังอ่ะ เล่นเป็นเซ็ตเลยหรือคะเนี่ย


โดย: BeachBum วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:29:36 น.  

 
เราไม่ค่อยได้อ่านนิยายเท่าไหร่ค่ะ แต่อ่านรีวิวของคุณบอยแล้ว อยากอ่านเรื่องเมื่อลมพัดหวนดูค่ะ จำได้ว่าเพลงประกอบเรื่องนี้เพราะมาก ๆ
ปล.ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมบล็อกนะคะ


โดย: payun-sai วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:31:20 น.  

 
ทั้งหมดนี้อ่านเรื่องหลงเงาแล้วเรื่องเดียวค่ะ

แปลกใจสำหรับพระเอกเซอร์ไพรซ์ เหมือนกันค่ะ

แต่ก็อยู่ในระดับชอบนะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:19:56 น.  

 
ชุดนี้เคยอ่านแค่เล่มแรกเล่มเดียวค่ะ
ส่วนเรื่องอื่นๆ อ่านเรื่องย่อแล้วยังไม่ค่อยชอบกลัวเศร้าค่ะ

ป.ล.รบกวนฝากบอกคนแปลเรื่องแอ๊บบี๊ด้วยนะคะว่า ถ้าได้พิมพ์กับสนพ.อื่น ช่วยแจ้งด้วยนะคะ อยากอ่านมากจริงๆค่ะ


โดย: หมูย้อมสี วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:18:26:44 น.  

 
อ่านหนังสือที อ่านเป็นเซ็ตอย่างนี้เลยเหรอคะ อ่านดุจังเลย

อยากอ่านข้ามสีทันดร เพราะตอนมีละครก็ไม่ได้ดูค่ะ
ชอบงานเขียนของคุณกฤษณา อโศกสิน ตั้งแต่บ้านขนนกแล้ว


โดย: ชมพู่แก้มแหม่มของแม่ตุ๊กตา วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:16:42:16 น.  

 
แวะมาบอกว่าเล่ม คิระ คิระ งามระยับดั่งดวงดาว ซื้อในงานสัปดาห์หนังสือ เพราะคิดว่าคือเล่ม KIRAKIRA เป็นประกายนี่แหละ
จนป่านนี้ยังไม่ได้อ่านเล่มของมติชนเลยง่ะ


โดย: คนขับช้า วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:15:18 น.  

 


Comment Hi5 Glitter


หวัดดีค่ะ แวะมาทักทายกันนะคะ
หนอนตัวจริงแนะนำกันทีหลายเล่มเลยนะเนี่ย



โดย: หอมกร วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:15:38 น.  

 
โห...มีหนังสือเยอะแยะเลยนะคะ
น่าอ่านทั้งนั้นเลยค่ะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมค่ะ


โดย: amp_joe วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:46:38 น.  

 
เซ็ทนี้มีเด็กๆในหมู่บ้านเควง ซื้อนานแล่ะแต่ยังไม่ได้ฤกษ์หยิบมาอ่านซะที เห็นทีจะต้องกลับไปรื้อมาอ่านซะล่ะสิ ^^


โดย: คุณชายปลาทอ (PTNCenter ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:00:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Boyne Byron
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add Boyne Byron's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.