|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
++ อ่านหนังสือ เซต ๖ ++
+
คลื่นกระทบฝั่ง ว.วินิจฉัยกุล
รตาเกิดมาในยุคที่เงินทองของครอบครัวกำลังเลือนหายไป หากความเป็นผู้ดีเก่าทุกกระเบียดนิ้วของคุณปู่คุณย่าซึ่งเธอโตขึ้นมาด้วย ก็กดให้เธอจมอยู่ในทะเลอดีต ไม่โผล่หน้าเยี่ยมมามองดูโลกปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ว่ามีเงินเป็นตัวนำทางชีวิตมากมายขนาดไหน จนเมื่อปู่และย่าเสีย บ้านริมทะเลที่พัทยาซึ่งเป็นตัวแทนของปู่และตกทอดถึงเธอนั้น มีอันต้องเก็บรักษาไว้ไม่ได้ เธอกำลังจน แต่คำฝากฝังของปู่ที่ให้ไว้ก่อนตายว่าอย่าขายบ้าน ก็เป็นแรงดึงความใจอ่อนในการขายบ้านไว้
รตามีพ่อคนเดียว แต่มีหลายแม่ พูดง่ายๆ ก็คือ พ่อมีเมียหลายคน และผลิตจากเมียนั้นๆ ก็สร้างเรื่องสร้างราวให้รตา แต่สิ่งหนึ่งมีเธอมีติดตัวมาตั้งแต่จำความได้คือ พ่อผู้สำอางไม่เคยมีเวลาให้เธอเลย ยิ่งแม่อัญชลีหย่าขาดจากพ่อ เธอก็เหมือนตัวคนเดียว อยู่กับปู่กับย่าหัวโบราณจึงทำให้เธอดูแก่ก่อนวัยเสียด้วย
ผู้ดีเดินตรอก คือคำที่รตาต้องก้มหน้ายอมรับในขณะนี้ แต่โชคดีหรือไร โทนี่เข้ามาในชีวิตของเธอ ราวอัศวิน เขาเป็นชาวจีนที่โตเมืองไทย เป็นนักธุรกิจพันล้าน สองคนปลงใจกันอย่างรวดเร็ว ชนิดที่รตาเองก็ไม่รู้ว่ามันเริ่ม ณ จุดไหน และเลยเถิดไปสู่พิธีวิวาห์ได้อย่างไร
กระทั่งวันหนึ่ง...วันที่ความจริงเปิดเผย ว่าเขาไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว บาดแผลซึ่งพ่อเคยฝากไว้ในใจ จึงทำพิษอีกหน ...เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพเดียวกับแม่ ถึงจะเป็นเมียเอกก็ตามเถอะ อีกทั้ง ความทะเยอะทะยานของเขาเป็นตัวแปลสำคัญ ทำให้เธอระบุชัดลงไปกับใจได้แล้วว่า...เขารักตัวเองมากกว่ารักเธอ ...หรือไร
เรื่องนี้สะท้อนชีวิตของผู้หญิงหัวโบราณคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงวิกฤตชีวิตทั้งเรื่องครอบครัวและชีวิตสมรส เธอจะหาทางออกให้แก่ตนเองอย่างไร ในเมื่อไม่รุ่งเรืองเฟื่องฟูเป็นกระเบื้องลอยน้ำดังแต่ก่อนแล้ว อาจารย์นักเขียนท่านได้เจาะลึกถึงจิตใจของรตาให้เห็นความคิดสับสน การปรับตัว และการตัดสินใจในตอนท้ายได้อย่างดี เรื่องนี้ไม่มีวันล้าสมัย แม้จะเขียนมาเกือบยี่สิบปีแล้ว หากแต่ปรัชญาที่แฝงอยู่ในเรื่องก็เป็นสิ่งที่น่าเก็บเอามาคิดไม่ใช่น้อย
หล่อนว่ายต่อไปช้าๆ อย่างอดทน บอกตัวเองว่าจะต้องกลับไปถึงฝั่งให้จงได้ ...กระแสน้ำจะพัดหล่อนไปถึงไหนก็ตาม หล่อนก็จะว่ายทวนกลับมาได้อยู่เสมอ เพียงแต่ต้องใช้เวลาบ้าง...เท่านั้นเอง หน้า 333 (เลขสวยแฮะ)
เดอะ สตอรี่ เทลเลอร์ พัณณิดา ภูมิวัฒน์
มิตร์เกิดในชนชั้น 2 ของโลก มีชีวิตอยู่ในพื้นดินที่โสโครก หากแล้ววันหนึ่ง หลังจากเขาเสียคนรักไป เขาก็ถูกล็อตตารี และนำเขาไปยังเบื้องบน...พื้นที่ของคนชั้น 1 แต่เขาก็เพิ่งรู้ว่าเขาถูกหลอกใช้ !
ในจักรวาลอันกว้างไกล มนุษย์เป็นต้นกำเนินของเผ่าพันธุ์ต่างๆ หากเป็นแต่เพียงการนำมนุษย์ไปปล่อยที่ดาวอื่นๆ อย่างไรก็ดี ดาวแต่ละดวงก็ต่างจากโลก ดังนั้น มนุษย์ที่ไปอยู่ดาวต่างๆ จึงมีความบกพร่องซึ่งสอดคล้องกับดาวดวงนั้นๆ บางพื้นที่มืดมิด คนที่ไปอยู่และดำรงเผ่าพันธุ์ก็จะมีตาโปนอย่างตาปลา ไม่ก็ตาบอด คนที่อยู่ดาวอังคาร เนื่องจากอาหารไม่ดี เขาจึงมีปอดเทียมช่วยหายใจ
เรื่องจึงเริ่มมาจากจุดนี้เอง โลกคิดหาทางขายชาวโลกเอาเพื่อให้ดาวต่างๆ นำไปศึกษาเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของตนเอง และมิตร์ก็ถูกเลือก...อันที่จริงหลอก ให้มาศึกษาหาความรู้ ให้มาทำตัวเป็นทูต แต่หารู้ไม่ว่าเขาจะถูกส่งไปฆ่าตามดาวต่างๆ
แต่มิตร์ก็รู้ก่อน และคิดหลบหนี จนเขาได้เจอซอนน์ เพื่อนต่างดาวชาวเซมาเท ผู้มีขนตามตัว หูใหญ่ แต่มีความสามารถในการเล่นพิกาน่า เครื่องดินดีคล้ายๆ หีบเพลงของดาวดวงนั้น ...ดาวดวงที่ชำนาญในการใช้เสียง
มิตร์พบเรื่องต่างๆ มากมาย เขาคิดที่แก้ไขให้ดีขึ้น ไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นชนวนสงคราม...และเขายังได้พบ มาเรลด์...หญิงดาวอังคารผู้แข็งกระด้าง และเป็นกัปตันสลัดอากาศที่ถูกปลดและกล่าวหาว่า ไม่ฆ่า ตามวิสัยสลัด
ทั้งสามคนหนียังอัลลอท ดาวรกร้างที่มีหลายเผ่าพันธุ์รวมอยู่ อากาศบริสุทธิ์ แล้วมิตร์ก็ได้ความคิดที่จะทำให้จักรวานไม่เกิดสงคราม การกล่าวหากันระหว่างโลกกับดาวอังคาร ...เขาจะเด็ดปีกเด็ดหางแกนกลางเสียก่อนที่เรื่องจะร้ายแรง
มิตร์ทำตัวเป็นทูต...อย่างที่โลกอยากให้เขาเป็น เขาเดินทางไปเจรจากับดาวต่างๆ ใช้บุคลิกหลากหลาย ทั้งข่มขู่ ทั้งอ่อนโยนเป็นมิตร แต่เขาก็ถูกสภาสมัชชาจักรวาลจับตัวไป เพราะถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ปลุกระดม นำความคิดไปยัดเยียดให้บุคคลฟัง
ในที่สุด ผ่านมาสิบกว่าปี เขาก็ถูกจับจนได้... แต่เขาจะหนีไปได้อย่างไรหนอ... ซอนน์พยายามจะช่วยเขา ดังนั้น เขาจึงเล่านิทานของมิตร อย่างที่มิตรเคยเล่ามาหลายๆ ครั้งในการพยายามทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่ของจักรวาล ได้เปิดตา...เปิดใจ
รีวิวอาจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะถ้าจะเล่ากันจริงๆ อาจยาวเป็นหน้าๆ เนื่องเพราะกลวิธีการเขียนในเรื่องนี้ดีมากๆ อ่านแล้วลุ้นติดตาม อีกทั้งการวิเคราะห์เบื้องลึกของจิตใจคน ทำให้ไม่นึกว่าอ่านงานไฟไซแฟนตาซีแต่อย่างใดเลย แต่เหมือนอ่านชีวิตจิตใจจริงๆ ของ...มิตร์
...หากมีสิ่งใดที่ผมไม่อาจยกโทษ ก็คือการเหยียดเผ่าของชาวโลก ผมไม่ต้องการให้ใครสอนลูกหลานเช่นนั้นอีกแล้ว มันมีแต่จะนำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย มิตร์กล่าวกับกีรณ...เด็กหนุ่มชาวโลกเลือดใหม่ซึ่งมีอุดมการณ์อย่างแรงกล้า ...เพื่อที่จะบอกว่า เหตุการณ์ทั้งหลายกระทั่งเกือบจะถึงสงครามนั้น เกิดขึ้นมาจากสิ่งนี้แท้ๆ เทียว
ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน (The Alchemist) เปาโล คูเอญญู เขียน กอบชลีและกันเกรา แปล
นับว่าเป็นเรื่องแปลเชิงปรัชญาที่เขียนออกมาในรูปนิทานต่างๆ ได้ดีเล่มหนึ่ง
ขุมทรัพย์สุดปลายฝันเล่าความฝันของเด็กหนุ่มผู้เลี้ยงเกาะกลางทุ่งในสเปน เขาได้ยินมากว่าที่ ณ สุดปลายฟ้าอีกฝากหนึ่งของทวีปแอฟริกา มีขุมทรัพย์ล้ำค่ามหาศาลซ่อนอยู่ เมื่อเตรียมใจพร้อม เขาจึงไม่รีรอที่จะเดินทาง โดยขายแกะ เพื่อเป็นเงินทุน
เด็กหนุ่มเลี้ยงแกะผู้มีความฝัน เขาเดินทางลงใต้มา ขายแกะแลกกับการนั่งเรือข้ามทะเล พานพบผู้ให้หินทำนาย พบยิปซีเฒ่า พบกษัตริย์ พบเจ้าของร้านขายเครื่องแก้ว เขาข้ามทะเลทราย แต่ก่อนที่เขาจะพบสมบัติ เขาได้พบกันฟาติมะห์หญิงสาวชาวทรายที่เขาหลงรักและคิดแต่งงานด้วย นี่เองทำให้เขาลังเล แต่ไม่นานเขาก็พบกัน นักแล่นแร่แปรธาตุ (The Alchemist) นั่นเอง เขามากระตุ้นฝันของชายหนุ่ม เล่าถึงการแปรตะกั่วให้เป็นทอง เด็กหนุ่มตื่นตาตื่นใจ เขาหวังว่าสักวีนจะรู้ ภาษาโลก และสามารถได้ดั่งนักแล่นแร่แปรธาตุทำได้
พวกเขาเดินทางต่อ มุ่งหน้าไปยังพีระมิดอันเป็นแห่งซ่อนขุมทรัพย์ หากก็เจอกันกองกำลังทหารที่คิดทดสองเขาสองคน ทหารถาม อะไรคือ นักเล่นแร่แปรธาตุ เขาตอบ คือคนที่รู้จักโลกและธรรมชาติ หากเขาต้องการ เขาก็จะสามารถทำลายค่ายนี้ได้ด้วยแรงลมเท่านั้น ทหารทั้งหลายต่างหัวเราะ หากหลังจากการพิสูจน์ตัวในระยะเวลาสามวัน พวกทหารเล่านั้นต้องหุบปาก เพราะเด็กหนุ่มผู้เดินทางไกลหาขุมทรัพย์ กลับเข้าใจ ภาษาโลก ได้ในที่สุด และพัดทรายเข้ามาทำลายค่ายได้สำเร็จ
และต่อจากนั้นมาอีกไม่นาน นักเล่นแร่แปลธาตุก็จากไป เพราะเขาว่า เด็กชายผู้ตามหาความฝัน ได้พบขุมทรัพย์ของเขาแล้ว เด็กหนุ่มยังงง จนเมื่อเขาพยายามขุดหาขุมทรัพย์ใต้ผืนทรายรอบพีระมิด...และก็ไม่พบอะไร...หากเขาก็พบความจริงได้ในที่สุด...
ชี้ค ประภัสสร เสวิกุล
ดาวีช บิน ฮาบาซ ลูกชายของอดีตชี้คฮาบาซ ต้องพลัดพรากจากทะเลทรายอันเป็นบ้านเขา เพราะถูกพวกเจ้าอานานิคมอย่างอิตาลีเข้าฆ่าพ่อของตนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เองทำให้ดาวีชกระเสือกกระสนที่จะไปแก้แค้น จนถูกจับได้ แต่เดชะบุญที่เขาไปเจอบาทหลวงชาวคริสต์ ทำให้เขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายทหาร ซึ่งเป็นของอังกฤษ หลังจากชนะสงครามโลกและเข้ายึดครองไบเดอร์ฮาบัดแทนอิตาลี เด็กหนุ่มเร่ร่อนชาวเบดูบินอย่างดาวีชจึงเข้ามาอยู่ในกรงทหารอย่างไม่ตั้งใจ ประสบการณ์ของดาวีชต่างผูกอยู่กับการเมือง การต่างประเทศ ของไบเดอร์ฮาบัด ทางการอังกฤษจึงพยายามใช้ดาวีชซึ่งเป็นลูกผู้นำเผ่าเบดูอินให้เป็นประโยชน์ หวังให้ทางการอังกฤษเข้าไปจำกัดการเคลื่อนไหวของเบดูอิน โดยการส่งดาวีชเข้าไปยังดินแดนทะเลทรายห่างไกลออกไป ดาวีชไม่ยอม แต่เมื่อนึกถึงคำมั่นที่ให้ไว้กับพ่อ ว่าเขาจะกลับไปรวบรวมเบดูอินไม่ให้กระจัดกระจายตามปณิธานของพ่อ เขาจึงรับปาก ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำงานให้ต่างชาติเลยแม้แต่น้อย เรื่องไม่จบเท่านั้น ธุรกิจน้ำมันกำลังมีบทบาทสำคัญ ต่างชาติเข้ามาลงทุนเรื่อยๆ แต่กลับเป็นเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์ และดาวีชก็ถูกพ่วงเข้ามายุ่งในผลประโยชน์มหาศาลนี้อย่างเลี่ยงมิได้ เพราะกลุ่มชุมชนกลางทะเลทรายนั้นคือขุมน้ำมันอันใหญ่ ทำให้บริษัทต่างชาติน้ำลายซอ เรื่องรักของดาวีชก็เป็นเรื่องน่าเศร้า เมียทั้งหลายของเขาต้องพลัดพราก ด้วยชะตากรรมซึ่งถูกกำหนดโดยศัตรูของดาวีชทั้งนั้น เรื่องนี้อ่านแล้วเมื่อนานโข ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จำเนื้อเรื่องไม่ได้ แต่จำอารมณ์ได้ว่าสนุกและน่าตื่นเต้นมาในทัศนะของเด็กมัธยมคนหนึ่ง พอได้มาอ่านอีกครั้งในตอนนี้ เรื่องราวนั้นสนุกสนานมากขึ้นไปอีก คงเพราะวัยที่โตขึ้น จนทำให้เข้าใจเล่ห์เหลี่ยมมนุษย์และเล่ห์กลทางการเมืองการต่างประเทศมากขึ้น ยิ่งผลประโยชน์ทางด้านน้ำมันจากมหาอำนาจก็ยังเห็นได้ชัดเจน เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ชี้คไม่ได้มีเพียงแต่เอเลเมนต์ทางด้านการเมืองการต่างประเทศซึ่งเป็นการช่วงชิงอำนาจในไบเดอร์ฮาบัดในตอนต้นและช่วงชิงผลประโยชน์น้ำมันในช่วงปลายเท่านั้น ชี้คยังได้นำเสนอชีวิตของลูกชายผู้นำเผ่าเบดูอินคนหนึ่งให้เห็นและร่วมผจญภัยไปกับวิถีชีวิตของเขาอีกด้วย ทั้งเศร้าโศก และรื่นรมย์สมหวัง ไม่น่าพลาดเล่มนี้ และไม่น่าสงสัยว่าทำไมถึงได้รับรางวัล กระทั่งได้พิมพ์ 28 ครั้ง
เกนรี-มายรี โสภาค สุวรรณ
เจ้านางน้อยแห่งเมืองในขุนเขา ต้องระหกระเหเร่ร่อนจากเมืองในม่านหมอกทางตอนเหนือของพม่า มาสู่ดินแดนไทย เธอหนีความวุ่นวายทางการเมือง เจ้าพ่อเจ้าแม่ถูกฆ่าตาย เพราะการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบทหาร ดีอยู่หรอกที่ทางเมืองไทยเธอมีเทือกเถาทางเจ้าแม่ซึ่งเป็นคนไทย แต่ไปแต่งงานกับเจ้าพ่อซึ่งเป็นเจ้าฟ้าที่เมืองโน้น เจ้านางเกนรีมากับเจ้าน้องมายรี แต่มีอันต้องพลัดพรากกันอีก น่าสงสารเหลือใจ ชีวิตของเจ้านางเกนรีต้องอาภัพเหลือแสน เธอมาพำนักอยู่กับยาย ซึ่งเป็นอดีตหม่อมหลวงในวัง แต่มาแต่งเป็นน้อยเขา จึงไม่มีญาติคนอื่นๆ รับอยากอยู่ด้วย เจ้านางเกนรีมาอยู่กับยายที่บังกะโกเก่าๆ ท้ายสวนหลังจากคุณตาได้เสียไปแล้ว ที่แห่งนี้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ดำเนินตามความฝันของตนที่จะเรียนแพทย์ จนเธอสำเร็จแพทย์ในที่สุด ทว่า เรื่องหัวใจมันกำลังตามมา ตอนเป็นเด็ก เธอได้ให้สัญญากับเจ้าพี่วรอินทร์ไว้แล้ว ในฐานะที่หมั้นกับไว้แต่เด็ก หากเมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ เธอก็กลับไปหลงรัก ผู้ให้ทุนการศึกษา เขต อนุรักษ์ราชวัลลภ ผู้มีเสน่ห์สมกับเป็นนักการทูต แต่จะทำฉันใดกันเล่า ในเมื่อเธอต้องรักษาสัญญา เมื่อวันหนึ่ง เจ้าพี่วรอินทร์ซึ่งสำเร็จวิชารัฐศาสตร์จากเมืองนอก และยังเป็นอาจารย์ที่มธ. ขอให้เธอกลับไปแต่งงานด้วยที่เมืองเดิม เจ้านางเกนรี หรือ แม่กินรีน้อย ของยายจะทำอย่างไรดีหนอ
อันตามาตี อาริตา
เรื่องราวของราชนารีองค์สุดท้องแห่งเกาะบาเกา ...อันตามาตี ผู้ประสบชะตากรรมถูกใส่ร้าย เธอถูกหาว่าเล่นชู้กับชายอื่นทั้งๆ ที่เป็นรานีมีตำแหน่งสูงส่ง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เธอจึงถูกจับสำเร็จโทษ แต่เธอขอปลิดชีพด้วยตัวเอง เธอขอกริช แล้วอธิษฐานว่า หากเธอบริสุทธิ์ ขอให้เลือดเธอที่รินไหลออกมากลายเป็นสีขาว พร้อมกับคำสาปแช่งตามมาเมื่อกริชจรดปักลงตรงหว่างอก เลือดเธอพวยพุ่งออกมาเป็นสีขาวจริง ไม่นานจากนั้น แผ่นดินก็ราวจะลุกเป็นไฟ แห้งแล้ง ยากไร้ ไม่มีผลผลิตทำกิน และทั้งนี้ เธอยังได้สาปแช่งสิมิลันตา หนุ่มที่เธอรัก และเข้าใจผิดว่า เขากล่าวโทษเธออีกด้วย นับเป็นเวลาสองร้อยปี บาเกาก็ดำเนินมาได้อย่างแร้นแค้น อันตามาตีกลับมาเกิดใหม่ สืบเชื้อสายเดียวกันมา เธอยังเป็นเจ้าหญิง ส่วนสิมิลันตากลับมาเกิดใหม่เป็นหนุ่มนักธุรกิจชาวไทย ที่ได้บิดาเลี้ยงเป็นคนกรีก ชะตาของเขาและเธอได้พ้องมาพบกันอีกครั้ง เขามาในครอบของเจ้าลัน เมื่อลอบเข้ามาในเมือง เธอก็ปลดอาภรณ์แห่งเจ้าหญิงลง เหลือเพียงนางชบา หญิงขายดอกไม้ ทั้งสองรักกัน แต่หากอยู่ในหัวโขนอย่าง หนุ่มสำอางสิมิลัน เฮเลนิก กับเจ้าหญิงอันตามาตี พวกเขาจะไม่ถูกหน้ากัน หากเรื่องไม่จบลงเพียงแค่การยึดอำนาจ ทำให้บาเกากลายเป็นสาธารณรัฐก็คลืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ การช่วงชิงอำนาจของผู้ต้องการผลประโยชน์ยังมี และนั่นทำให้ชะตากรรมของอันตามาตีอยู่ในอันตราย ทั้งยังมีเรื่องเลือดพิษที่เจ้าหญิงอันตามาตีในอดีตสาปแช่งเชื้อสายของผู้ใส่ร้ายเธอไว้อีก เธอจึงถูกหมายปองให้จับแต่งงานโดยไว แต่มีหรือสิมิลันจะยอม ความรักของสองหนุ่มสาวช่างบริสุทธิ์ ความเข้าใจผิดในอดีตจำต้องถูกคลี่คลาย แล้วสองหัวใจก็ได้สมานรวมเป็นดวงเดียวกันอีกครั้ง
Create Date : 22 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 15:06:08 น. |
|
20 comments
|
Counter : 682 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:42:36 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:52:44 น. |
|
|
|
โดย: NuHring วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:38:04 น. |
|
|
|
โดย: กุลธิดา IP: 206.74.241.94 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:47:24 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:42:05 น. |
|
|
|
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:14:41 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 23 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:04:27 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:37:19 น. |
|
|
|
โดย: อุณากรรณค่ะ IP: 202.149.25.225 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:02:15 น. |
|
|
|
โดย: เชษฐภัทร วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:49:02 น. |
|
|
|
โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:36:07 น. |
|
|
|
โดย: oa (rosebay ) วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:24:24 น. |
|
|
|
โดย: เมฆชรา วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:44:31 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:15:44 น. |
|
|
|
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:16:03 น. |
|
|
|
โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:41:34 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อยากอ่านเล่มแรกอ่ะ ติดใจคุณพัณณิดาจากเหมียวมาโอกับไมรอน...
ว่าแล้วต้องไปหามาอ่าน คุณจขบ.รีวิวทีคุ้มเลยนะคะเนี่ย...มีทุกแนวเลย