|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
++ อ่านหนังสือ เซต ๓ ++
+
ถนนสายสเน่หา – กฤษณา อโศกสิน
ชายคนหนึ่งได้รับโทษทัฑณ์ทางใจด้วยการระทมทุกข์จากกาที่ตนทำผิดมาร่วมสิบเก้าปี !
โชคตะชาเล่นตลกกับเขาอีกครั้ง ทำให้เขาต้องเข้ากรุงเทพฯ ด้วยผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับ ‘ผู้หญิงอีกคน’ คนที่เขาเป็นคนลงมือกระทำการปลิดชีพหล่อนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เขาจึงต้องกลับมาใช้กความระทมทุกข์ที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง แต่เขาไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว มูลมีปรู...เมียสาวที่ไร้เดียงสา อยากสวย อยากสบายอยู่ข้างๆ
มูลไม่รู้ว่าเขาสมควรจะกลับมาหรือไม่ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ในบ้านของวิชิตาผู้ที่มีหน้าตาคล้ายๆ กับอรดี...แฟนสาวสมัยก่อนซึ่งเขาพลั้งมือฆ่าหล่อนตายเมื่อสิบเก้าปีก่อน
หากถามว่า การทุกข์ทรมานทางกายจากการขังคุก กับการระทมทุกข์ทางใจนับสิบเก้าปีนี้ อย่างไหนแสนสาหัสกว่ากัน และจากการที่เขาต้องทนระทมกับความรู้สึผิดมาถึงขนาดนี้จะสาสมกับเขาแล้วหรือยัง ? ...เรื่องนี้อ่านไปด้วยความรู้สึก ลุ้นว่ามูลตัวเอกของเรื่องจะถูกจับได้หรือเปล่า และแอบเอาใจช่วยโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่เขาเป็นฆาตกรมาก่อน แต่เหตุที่เขาสำนึกผิดแล้ว ก็ทำให้คนอ่านเผลอสงสารในความทุกข์ที่เขามีและไม่อยากให้เขาไปติดคุกอีกครั้งไม่ได้
...แต่สุดท้าย เขาก็ได้พบทางสว่างแก่ตัวเองในที่สุด
...คุณกฤษณาเขียนเรื่องได้จังหวะจะโคนดีเหลือเกิน อ่านไปก็กระตุ้นอารมณ์ไป แต่ก็ยังมีการดึงจังหวะ ผ่อนสายป่านของเรื่องที่กำลังตึงไป ทำอย่างนี้ไปตลอดเรื่อง จนทำให้เรารีบอยากอ่าน ติดตามว่าตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร
...เรื่องนี้จึงนับว่าเป็น หนังสือเล่มบางที่คุ้มแก่การอ่าน (โดยความเห็นส่วนตัว เพราะไม่ชอบเรื่องทำนองหวานหยดย้อย พระเอกนางเอกหวานกันแล้วกรี๊ดสลบนัก) เพราะเรื่องนี้ดราม่าพอประมาณ ทั้งยังให้ข้อคิดในตอนท้าย
“เขารู้สึกว่า ฟากฟ้าคืนนี้ลำยองผ่องพรรณอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยในชีวิตของเขา ดาวนิดๆ ที่เขารู้สึกว่ามีแสงแดงราวกับนัยน์ตาของคนกำลังร่ำไห้ กลับสุกสว่างด้วยรัศมีอันโอภาส พระจันทร์ที่เกคยเห็นว่าซูบซีดราวกับคนไข้ ก็ดูมีชีวิต ระบายด้วยแสดงสีทองอร่าม”
เรื่องของชายชื่อกนกสามคน – ชมัยภร แสงกระจ่าง
นับว่าเป็นอารมณ์ต่อเนื่องจากเรื่องด้านบนได้เป็นอย่างดี เรื่องของชายชื่อกนกสามคนนี้ ถามคำถามคล้ายๆ กับในลักษณะที่ว่า คนกระทำความผิดมาครั้งหนึ่ง สมควรที่สังคมจะให้อภัยหรือไม่
เรื่องนี้เริ่มต้นโดยกนกอินทร์กับกนกรัฐต้องมีโชคชะตาผูกกันด้วยการประสบอุบัติเหตุ และจากการประมาณเลิ่นเล่อของลูกเศรษฐีที่ทำตัวไร้ค่าอย่างกนกอินทร์ก็ทำให้คนที่โดยสารมาในรถตาย รวมทั้งครูสาวอย่างแหวนลงยาที่โดยสารมากับกนกรัฐในรถอีกคนด้วย ที่รอดมาได้คือ กนกอินทร์ กนกรัฐ และปาฏิหาริย์ เพื่อนของกนกอินทร์
นับแต่รอดชีวิตมาได้ สองคนก็มีนิสัยกลับกันโดยสิ้นเชิง กนกอินทร์สำนึกว่า ชีวิตเขาไม่มีค่าอะไรเลย เขาได้ทำให้คนอื่นตาย ดังนั้น ชีวิตที่เหลืออยู่คือการไถ่บาปแกญาติๆ ของผู้รับเคราะห์ จนได้มาพบกับ แหวนพลอย น้องสาวของแหวนลงยาที่แค้นเคืองกนกอินทร์ที่ทำให้พี่สาวซึ่งเป็นหัวเรียวหัวแรงของครอบครัวต้องตาย ส่วนกนกรัฐ เนื่องจากเขาคิดว่า ชีวิตที่เหลือน้อยนัก เขาควรจะกอบโกยความสุขให้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้ กอปรกับเขาได้เข้ามาทำงานในบริษัทของคุณหญิงย่าของกนกอินทร์ เขาจึงมีฐานะดีขึ้น และใช้ชีวิตอย่างเปลืองลมหายใจมากๆ
...เรื่องนี้ชอบอีกเรื่องหนึ่งในงานของอาจารย์ชมัยภร (ชอบมากกว่ารังนกบนปลายไม้อีก) ชอบการตั้งโจทย์ของเรื่องที่ต้องการจะถามคนว่าชีวิตคนเราจะเอาอะไรมาก และเราอยู่ไปเพื่ออะไร กนกอินทร์ใช้ชีวิตที่รอดตายมาเพื่อไถ่บาป อาจารย์ก็สร้างกนกรัฐมาเป็นตัวเปรียบเทียบให้เห็นว่าเมื่อก่อนเขาเคยเป็นอย่างไร ทั้งยังส่งแหวนพลอยมาทวงกรรมที่เขากระทำไว้กับพี่สาวเธออีก...และก็ทำให้ทั้งสองคนรักกันในที่สุด
...เรื่องนี้แรกๆ อ่านหลายคนอาจว่าอืดๆ แต่มันจำเป็นสำหรับเรื่องส่วนหลังที่เข้มข้นมากๆ อ่านสนุก เพลินโดยไม่รู้ตัว ด้วยการใช้ภาษาเรียบง่ายของอาจารย์ ทำให้อ่านรื่น แม้แต่บทพระนางก็บรรยายอย่างตรงไปตรงมาแม้ไม่หวานหยดย้อย แต่อ่านแล้วมั้น “จี๊ดๆ” มากๆ เลยล่ะ
เพลงรักริมขอบฟ้า – ดวงตะวัน
จุดใหญ่ใจความของเรื่องนี้ คือการตั้งคำถามว่า ชีวิตที่ทะเยอทะยานให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนานั้น เป็นสรณะของชีวิตแท้จริงหรือไม่
นีรา...หรือน้ำตาลจึงถูกสร้างมือเป็นตัวแทนของเด็กวัยรุ่นที่มีความคิดดังนั้น ถึงขนาดวางแผนซ้อนแผนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ โดยไม่สนใจเลยว่า หล่อนต้องแลกมาด้วยความเจ็บช้ำเสียใจของใครต่อใคร และชื่อเสียงนักร้องดังที่หล่อนกำลังได้รับ
กิดาการ...ลูกผู้พี่จึงเข้ามาเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมนี้ และนำให้เธอได้มาพบกับ เบน...หมากอีกตัวที่ถูกฝ่ายตรงข้ามกับนีราดึงเข้ามาเล่นเกมด้วย
...เรื่องนี้ชอบตรงการผูกปมและคลายปมทีละเปราะของคุณดวงตะวัน มันทำให้เรื่องน่าติดตาม อ่านไปเรื่อยๆ เพราะอย่างรู้ว่า เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร
...คุณดวงตะวันได้เล่นกับภาวะสับสนของจิตใจคนได้อีกในรูปของการบรรยาย ประกอบกับเหตุการณ์ทันสมัย จึงทำให้เชื่อได้ว่า (เด็ก)ผู้หญิงอย่างนีราก็อยู่ได้ในชีวิตนี้ เห็นหน้าตาสวยใสอาจแฝงร้ายได้โดยไม่คาดคิด เพราะสังคมเป็นตัวหลอมให้เธอคิดและทำอะไรต่างๆ อย่างที่เราอาจคิดไม่ถึง
เล่ห์ร้อยรัก – อรพิม
เรื่องนี้เป็นเรื่องของนางเอกที่ออกแนวสิบแปดมงกุฏเล็กน้อย แต่ก็ทำด้วยความจำเป็น เรื่องนี้สำหรับนางเอกจึงแหวกขนบของนางเอกคนดีไปสักหน่อย (แต่เบื้องลึกของใจ ญาดานางเอกของเรื่องก็เป็นคนดีเหมือนกัน)
ญาดาติดหนี้การพนัน เพราะนิสัยติดการพนันอย่างงอมแงม เธอต้องหาทางเอาเงินพนันมาใช้คือและไถ่ตัวน้องสาวที่หลงเข้าไปช่วยเธอแต่ติดอยู่ที่ปอยเปตให้ได้ เรื่องจึงดำเนินให้เธอมาพบกันพระเอกผู้ชื่อภูบดี เธอเห็นเขาถูกทำร้าย แต่กำลังจะช่วยนั้น เธอก็เห็นแหวนของเขา ก็เลยหวังจะ “แฮ็ป” ไปเอง แต่ต้องจัดพลัดจับผลูมาเป็นภรรยาของเขา เออออห่อหมกตาม เมื่อพาเขามาที่โรงพยาบาล แล้วที่ร้าย พระเอกก็รับสมอ้างเข้าไปอีก เรื่องยุ่งๆ เลยตามมาตรงที่ พระเอกที่ชื่อภูบดีเกิดเป็นทายาทเศรษฐีพันล้าน และนำมาซึ่งการแก่งแย่งสมบัติกันอีก ดังนั้น จึงมีเรื่องการปองร้ายปนมาในเรื่องเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเป็นนิยายสืบสวนสอบสวน เรื่องนี้มีการหักมุมอยู่หลายจุดทำให้อ่านอย่างน่าติดตาม พระเอกนางเอกแง่งอนกันเยอะมากกกก... คงถูกใจใครหลายคน
คู่รองก็น่ารักดี มนทกานติ์กับบุญทัน แต่รู้สึกว่ามนทกานติ์จะรักและชอบบุญทันง่ายไปหน่อยเท่านั้นเอง (ความคิดเห็นส่วนตัวนะ)
เรื่องนี้สนุกในแง่ที่ว่าอ่านง่ายๆ สบายๆ แต่ก็ลุ้นไปกับเหตุการณ์ว่าใครอยู่เบื้องหลังการปองร้าย การทิ้งปมไว้ก็ไม่ดีพอที่จะทำให้ลุ้นในตอนหลังๆ แต่เราก็แอบเดาได้นะว่าใครเป็นคนปองร้าย เพียงแต่เดาเหตุผลจูงใจไม่ออก จนมาเฉลยเอาตอนหลังๆ ถึงได้รู้
แดนดาว – แก้วเก้า
สราลัยพลัดหลงเข้าไปในดินแดนคู่ขนาด โดยอิทธิพลของดาวหางที่วิ่งผ่านโลก !
และโลกดังว่านี้ก็คือสถานทีที่เดียวกับที่ที่เธออยู่ หากแต่ไม่ได้ชื่อประเทศไทย แต่เป็นประเทศสยาม ทุกอย่างในโลกนี้ช่างแตกต่างเสียเหลือเกิน นับตั้งแต่บ้านเมืองเป็นระเบียบมาก ตึกรามบ้านช่องเป็นระเบียง ผู้คนไร้น้ำใจ ประเทศสยามตกเป็นเมืองขึ้นตะวันตก แต่ที่สำคัญ เมืองหลวงไม่ใช่กรุงเทพฯ แต่เป็นอยุธยา
สราลัยไม่ได้พบความแปลกใจเท่านั้น หล่อนยังไม่ได้พบกับสังคมที่เขม็งเกรียวอยู่ในขณะนั้นของประเทศสยามด้วย นั่นคือการแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจนระหว่างไสยศาสตร์กับวิทยาสาตร์ (อ่านไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือน ประชาธิปไตยกับสังคมนิยม อาจแปรเจตนาของผู้เขียนที่จะเทียบเคียงผิดไปก็ได้) ตัวหญิงสาวจึงตกเป็นเป้าความต้องการของอีกฝ่าย เนื่องจากหล่อนไม่แพ้หมอกพิษซึ่งคนทุกคนในที่นั้นสูดดมแล้วตาย
...เรื่องนี้เป็นแนวผจญภัยทะลุมิติขนาดใหญ่ มีความเป็นไซไฟที่บวกรวมเข้ากับการนำเอาประวัติศาสตร์มาเล่นกับการเป็นยุคปัจจุบัน นั่นคือการเล่นกับประเด็นที่ว่า หากกรุงศรีอยุธยาไม่แตก ประเทศไทยจะพัฒนาไปทางด้านไหน
...ชอบการบรรยายลักษณะบ้านเมือง ผู้คน ความคิดความอาจ ที่แปลกๆ และต่างจากโลกปัจจุบัน แต่อยากให้ผู้เขียนได้เติมกลิ่นตรงนี้เข้าไปเยอะ ยังรู้สึกไม่อิ่มพอ (ฮ่าๆ) เพราะคิดว่าอาจารย์ผู้เขียนน่าจะเพิ่มเข้าไปได้ ให้หน้ากว่านี้
โอบิลิสก์สิเน่หา – เงาตะวัน
เป็นอีกเรื่องที่เกิดการทะลุมิติ แต่หนนี้ย้อนไปไกลสักหน่อย ทาร่า...ไกด์สาวชาวฝรั่งเศสหลงไหลในเสาหินโอบิลิสก์ซึ่งตั้งอยู่ที่จัตุรัสปลาส เดอ ลา กองกอร์ด ที่กรุงปารีส ซึ่งเป็นของอียิปต์มาก่อน (แต่รัฐบาลอียิปต์ขายเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ประเทศ)
หญิงสาวของเราเกิดอ่านมนตร์ที่สลักไว้บนเสาได้ จึงทำให้ตนเองล่วงลงไปสู่กระแสกาล วกกลับไปเจอกับคาเนมพระเอกในยุคอียิปต์โบราณ คาเนมเป็นคนไม่ชอบรบทัพจับศึก เขาชอบงานปลูกสร้างมากกว่า เขาเป็นผู้คุมงานการสร้างเสาโอบิลิสก์ จนหญิงสาวนามทาร่าหลงมาจึงได้พบ อย่างไรก็ดี เจ้าชายเล็กๆ ที่ไร้ความสำคัญ ก็อาจจะก้าวไปถึงตำแหน่งฟาโรห์ เมื่อคาเนมผู้เมินเฉยต่อลาภยศได้พบสตรีต้องใจ ในหัวใจของคาเนม(รา) จึงไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่านางในดวงใจอีก เขาหลงรักเธอทันที เพราะนางต่างจากหญิงในยุคนั้น ผมสีทอง ผิวสีขาว ประทับใจเขาเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เขาจึงหาทางทุกวิถีทางที่จะนำเธอกลับไปสู่ยุคปัจจุบันให้ได้ อย่างไรก็ดี เธอก็มาทำให้เขาปั่นป่วนใจทุกเวลาที่อยู่ด้วย เพราะเธอช่างแตกต่าง มีแนวความคิดที่แตกต่างจากคนยุคนี้ นั่นยิ่งทำให้เขาหลงรักเธอ ฝ่ายทาร่า แม้จะไม่เข้าใจในความเป็นคนระดับสูงของคาเนมที่ไม่เห็นคุณค่าของคน สั่งฆ่าใครก็ได้ แต่ยิ่งไม่เข้าใจ มันกลับทำให้เธอหลงรักเขาเช่นกัน
ไม่ได้อัพบล็อกเสียนาน อัพซะหน่อยนึง
Create Date : 06 มีนาคม 2551 |
Last Update : 31 มีนาคม 2551 11:40:18 น. |
|
19 comments
|
Counter : 586 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:12:14:25 น. |
|
|
|
โดย: Jevanni วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:16:09:30 น. |
|
|
|
โดย: ยาคูลท์ วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:18:33:22 น. |
|
|
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:20:18:06 น. |
|
|
|
โดย: BoOKend วันที่: 7 มีนาคม 2551 เวลา:14:39:26 น. |
|
|
|
โดย: หมูย้อมสี วันที่: 8 มีนาคม 2551 เวลา:19:00:08 น. |
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 13 มีนาคม 2551 เวลา:19:39:56 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 17 มีนาคม 2551 เวลา:21:43:58 น. |
|
|
|
โดย: เมฆซาร่า IP: 118.174.58.72 วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:16:27:05 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:16:42:59 น. |
|
|
|
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:15:24:26 น. |
|
|
|
โดย: Boyne Byron วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:23:09:42 น. |
|
|
|
โดย: nibble วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:17:00 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เล่มสุดท้ายนี่ น่าไปหามาอ่านจัง