ม้าทรงภูเก็ตยังคงใช้อาวุธนอกตำนานประเพณีถือศีลกินผักที่ยึดถือปฏิบัติกันมากว่า 100 ปี ทรมานร่างกาย แทงทะลุกระพุ้งแก้มในพิธีศักดิ์สิทธิ์ แห่พระรอบเมืองภูเก็ตวันที่ 2…

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. ประเพณีถือศีลกินผักประจำปีของ จ.ภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นวันที่ 3 ของประเพณีอันเก่าแก่และถือปฏิบัติกันมานานนับร้อยปีและเป็นวันที่ 2 ของการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แห่พระรอบเมืองหรือ "อิ้วเก้ง" ของศาลเจ้าซำไป่กอง (บางคู) และศาลเจ้ากวนเต้กุ้น (สะปำ) อ.เมือง ไปตามถนนหนทางต่างๆ รอบเมืองภูเก็ต เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้ตั้งโต๊ะผลไม้-น้ำชา และจุดประทัดเป็นการรับพระเพื่อขอพร-เสริมสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัว โดยเหล่าม้าทรงชายหญิง จะใช้อาวุธนานาชนิดฟันตามร่างกายและแทงทะลุกระพุ้งแก้ม-ลิ้นอย่างน่าหวาดเสียว เพื่อเป็นการทรมานร่างกาย หรือเป็นการรับเคราะห์ต่างๆ แทนผู้เข้าร่วมประเพณี ถือศีลกินผักประจำปี

ทั้งนี้ ม้าทรงทั้ง 2 ศาลเจ้ายังคงใช้อาวุธต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือตำนานที่ครั้งโบราณยึดถือปฏิบัติมา เช่น กุญแจเลื่อน ร่มชายหาด ร่มกันแดด เรือใบไม้ เชือก มีดดาบซามูไร เป็นต้น แม้ว่าจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน สสจ.ภูเก็ตและคณะกรรมการศาลเจ้า (อ๊าม) ต่างๆ ที่เข้าร่วมประเพณีได้ออกมาย้ำเตือนการใช้อาวุธของเหล่าม้าทรง ในการทรมานร่างกายในพิธีแห่พระรอบเมือง ไม่ควรใช้อาวุธที่อยู่นอกเหนือตำนาน และอาวุธที่เกินความเป็นจริงที่ร่างกายจะสามารถทนหรือรองรับในห้วงเวลากว่า 2-3 ชม.ที่ต้องเดินเท้าไปรอบเมือง ซึ่งมีระยะทางกว่า 10 กม. ส่งผลให้มีม้าทรงชายหญิงได้รับบาดเจ็บทุกปี จากนั้นในช่วงบ่ายและค่ำในแต่ละวัน ศาลเจ้าต่างๆ ที่เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผักประจำปี จะมีการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ภายในศาลเจ้า เช่น พิธีเตี้ยมโห้ย (พิธีก่อไฟ) พิธีป้ายเล่าฉ้ายอิ้ว (พิธีเซ่นไหว้ดวงวิญญาณคณะกรรมการศาลเจ้าผู้ล่วงลับไปแล้ว) พิธีโก้ยอิ้ว (พิธีอาบน้ำมัน) เป็นต้น

ที่มา //www.thairath.co.th/content/region/299195