"ควรเลือกที่จะมีชีวิตที่มีความสุข และดีที่สุดกับคนดีของเรา เพราะชีวิตที่ถูกใช้ ไม่ว่าจะใช้ไปอย่างมีความทุกข์หรือความสุข ก็ไม่อาจเรียกชีวิตคืนได้ทั้งสิ้น.." ท่าน ว.วชิรเมธี Free Image Hosting "ขอบคุณที่เคียงข้างไปกับคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างฉัน..ขอบคุณที่เรารักกัน" ... & thank you for pretty family all about of love .. ระวังในการใช้ชีวิต และรอบคอบในการใช้หัวใจมากขึ้น ^_^
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
10 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
รักของข้าแผ่นดิน .. ตอน 4

ตอนที่  4


 



  ท่านฟารุค  เล่าย้อนความให้กับภรรยาและบุตรสาวฟัง คล้ายเห็นการณ์กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า 


 ภาพชาวบ้าน บนแผ่นดินรัฐอคีตา ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อหาเงินจุนเจือครอบครัวและใช้ชำระหนี้สิน จนแทบไม่ได้พักผ่อน


 ในยุคนั้น  มีท่านฟาโทรี  เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เนื่องจาก นายพลตักติน  ให้ทหารควบคุมตัวเจ้าฟารียะ  และแอบอ้างกับประชาชนว่า พระองค์ท่านมีสุขภาพไม่แข็งแรง ด้วยความชราภาพ


“พวกมันร่างราชโองการ แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทน ซึ่งตอนนั้นมันรู้ดีว่า ท่านฟาโทรี  ขาดกำลังทหาร เพราะข้าแผ่นดินกำลังจะหมดไป เหลือแต่ทหารอาชีพรับจ้างที่ทำเพื่อเงิน เพื่ออำนาจ  อย่างไรเสียก็ต้องยอม อีกทั้งเพื่อความปลอดภัยของเจ้าฟารียะ  ไม่เพียงแค่นั้นนายพลตักติน ได้วางแผนเสนอแต่งตั้งแม่ทัพ นายกอง ทั้งในเมืองหลวง และหัวเมือง เป็นคนของตนทั้งหมด พร้อมหว่านเงินเป็นขวัญถุง ให้คนเหล่านั้นจงรักภักดี ซึ่งก็ได้ผล 


ฝ่ายชาวอคีตา ทุกเมืองต่างร่ำไห้ ทุกข์โศกกันทุกครัวเรือน เมื่อรู้ข่าวเจ้าฟารียะ ประชวร และให้ท่านฟาโทรี ขึ้นสำเร็จราชการแทน  ทุกคนต่างกลัวจะมีข่าวร้ายตามมา


สำหรับหัวใจของข้าแผ่นดินอคีตานั้น  เหนือหัวของพวกเขา ก็คือเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน  จะทำการใดก็ไม่ปกติสุข หากไม่ได้ยินข่าวดีจากกองราชเลขาพระตำหนักฟารีย์ เสียที


ชาวอคีตาต่างมาเฝ้าถามกองราชเลขาทุกวัน ถึงพระอาการประชวร ทุกคนต่างรู้กันดี ว่าพระองค์ท่านทรงมีพระชนมายุถึง 93 พรรษาแล้ว  แต่หัวใจของคนอคีตา  มีเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน เป็นที่พึ่งทางใจมาช้านาน จึงยากจะทำใจ    ไม่อาจทนรับรู้ว่าพระองค์ทรงเจ็บปวดพระวรกายไม่ว่าส่วนใด อยากให้พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรง  อยากให้พระองค์เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรชั่วกาลนาน


แต่ชาวอคีตาคงไม่รู้ว่า เพราะความไว้วางใจ ที่พวกเขามีให้นายพลตักตินนั่นเอง ที่นำมาซึ่งความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง  จนน้ำตาท่วมแผ่นดินอคีตา ในเวลาต่อมา


             ฟารีน่าลูกรัก  แด๊ดมีเรื่องสำคัญจะบอกลูก  แด๊ดกลับไปเมืองมิตตระญาคราวนี้   แด๊ดพบเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของเรา ฟังนะลูกรัก ทหารที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์ ได้ปกปักรักษาราชบัลลังก์ และรอให้รัชทายาทแห่งราชวงศ์ฟารีย์ กลับคืนราชบัลลังก์”


               ฟารีน่า ไม่เข้าใจ แต่หล่อนก็ยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ  ส่วนชลลดามีแววตากังวลอย่างเห็นได้ชัด


              “ชาวอคีตา รอคอยเรา ให้กลับสู่แผ่นดินอันมีพระคุณ  รัฐอคีตาของเรา เราจะได้ช่วยกันฟื้นอคีตาให้กลับมาสงบสุข หลังจากที่เหล่าทหารกล้า ได้ร่วมกันต่อสู้กับทหารฝ่ายนายพลตักติน ปกป้องเจ้าฟารีโท ผู้สำเร็จราชการ แต่พวกไอ้ตักตินมันหยาบช้านัก  มันสั่งวางแผนลอบปลงพระชนม์ราชวงศ์ ในวันพระราชพิธีปราบดาภิเษกเจ้าผู้ครองรัฐคนใหม่


              คืนนั้น หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ สื่อโทรทัศน์ทุกช่อง ต้องเสนอข่าวที่ทำแผ่นดินอคีตาสั่นสะเทือน ชาวประชาร่ำไห้ทั่วแผ่นดิน เจ้าฟาโทรีสิ้นพระชนม์  พร้อมท่านฟารุค ราชบุตร ก็คือพ่อเอง”


              “ฮะ”


            สองแม่ลูกอุทาน


            “ใช่  กระสุนห่าใหญ่หล่นจากเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งตรวจสอบภายหลังจึงรู้ว่าเป็นทหารฝ่ายตักติน ที่แฝงเข้ามาอย่างแยบยล ทั้งที่ราชองครักษ์รักษาความปลอดภัยของทุกพระองค์อย่างดี แต่เฮลิคอปเตอร์ ที่อยู่ในคิวการแสดง เพื่อโปรยดอกไม้หอมทั่วเมือง กลายเป็นดอกไม้ที่ปลายกระบอกปืน พุ่งเป้าที่บัลลังก์พิธี  แล้วมันก็โยนระเบิดลงมาหมายทำลายล้างราชวงศ์ทุกพระองค์


               มีประชาชนถูกลูกหลงตายเจ็บไม่ต่ำกว่า 300 คน ราชวงศ์สิ้นพระชนม์  พระวรกายแหลกกระจาย  จนไม่อาจบอกได้ว่าพระองค์ใดเป็นพระองค์ใด  ตามมาด้วยข่าวเศร้าสะเทือนใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ของชาวอคีตา ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น คือข่าวเจ้าฟารียะ สิ้นพระชนม์ 


 นายพลตักติน จัดงานพระราชพิธีแบบสุกเอาเผากิน  และหวังแต่งตั้งตนเองเป็นเจ้าผู้ครองรัฐคนใหม่ สร้างราชวงศ์ ตินราชขึ้น แต่มันไม่ง่ายนักหรอก


 .... มาถึงตรงนี้ ผมต้องขอให้เรากลับไปกอบกู้ราชวงศ์ฟารีย์ของเรา ให้อยู่คู่อคีตาตลอดกาล ฟารีน่าลูกรัก แด๊ดอยากให้ลูกรับรู้ความจริง ลูกจะยอมรับมันได้ไหม”


ฟารีน่าตกตะลึงกับความจริงที่ผู้เป็นพ่อเปิดเผยแบบไม่ทันตั้งตัว   ฟารีน่าน้ำตาคลอ ชลลดา มั่นใจว่าลูกสาวไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกินกว่าจะเป็นเรื่องจริงเช่นนี้ได้ จึงทนไม่ไหว


“ตรัย เอ่อ ท่านฟารุคคะ  ลดาขอเถอะคะ ลูกยังเล็กนัก มันเป็นไปไม่ได้ที่เข้าใจเรื่องแบบนี้ และลดาก็ทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้ มันยิ่งกว่านิยาย มันสับสน ซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจ”


“แด๊ดคะ แล้วแด๊ดทำไมยังไม่ตาย ทำไมยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้”


 ฟารีน่า ถามขึ้นทันทีที่ตั้งสติได้


“ถ้าลูกสัญญา จะไปมิตตระญา ไปพบใครคนหนึ่งกับแด๊ด ลูกก็จะได้รู้ความจริงทั้งหมด และลูกจะได้เห็นว่าแผ่นดินของเราเป็นอย่างไร และลูกมีความหมายเพียงใดบนแผ่นดินของเรา”


“ไม่นะ น้องเฟย์เป็นคนไทย เกิดบนแผ่นดินไทย น้องเฟย์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น พอทีท่านฟารุค ลดาจะไม่ยอมให้คุณเอาเรื่องแบบนี้มาใส่ในหัวลูกอีก”


 ชลลดาขึงขัง หล่อนเสียงสั่น และรู้ตัวว่ากำลังตัวสั่น ใจสั่น ด้วยความโกรธ


“คุณแม่คะ  อย่าโกรธแด๊ดสิคะ  แด๊ดไม่ได้ทำอะไรผิด น้องเฟย์รู้ว่าแด๊ดรักน้องเฟย์ คุณแม่ก็รักน้องเฟย์  ไม่ใช่ว่าน้องเฟย์ยอมรับความจริงไม่ได้ แต่น้องเฟย์กำลังตกใจก็เลยไม่รู้จะว่าไงดี”


“ยังไงแม่ก็ไม่ยอมให้น้องเฟย์ เป็น...”


ชลลดา พูดต่อไม่ได้ หล่อนอยากบอกว่า ลูกของหล่อนจะไม่เป็นทายาทเจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินแห่งอคีตา แต่หล่อนรู้ว่า เรื่องทั้งหมดคือเรื่องจริงที่หล่อนจะห้ามไม่ได้หากฟ้าลิขิต และลูกสาวหล่อนพร้อมที่จะก้าวเดินไป


“น้องเฟย์ หนูเป็นลูกแม่ เป็นคนไทย”


ท่าทีหล่อนอ่อนลง เมื่อเห็นทั้งพ่อและลูกเคร่งขรึม


“ดีจังนะคะ น้องเฟย์เป็นคนไทย และเป็นคนอคีตาด้วย ให้น้องเฟย์ไปกับแด๊ดนะคะคุณแม่ น้องเฟย์อยากเห็นแผ่นดินของแด๊ด อยากรู้ว่าแด๊ด รอดตายมาได้ยังไง”


“แต่....”


ชลลดา กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ท่านฟารุค ดึงตัวหล่อนมาอยู่ในอ้อมแขน พร้อมปลอบโยนว่า


“ผมขอโทษลดา ขอโทษจริงๆ ผมน่าจะบอกความจริงคุณตั้งแต่แรกที่เราพบกัน  มันน่าจะช่วยให้คุณไม่ต้องตกใจมากเช่นนี้ ลดาผมเชื่อว่า มันคือชะตาลิขิต ฟารีน่ามีสายเลือดราชวงศ์ฟารีย์ มันคือความจริง ที่ฟารีน่าต้องรู้ชาติกำเนิดตนเอง”


“ท่านฟารุค แล้วฟารีน่าล่ะ จะเรียกว่าอะไร”


ชลลดา สับสนกึ่งยอมรับ กึ่งยังไม่อยากเชื่อ


“ท่านหญิงฟารีน่า  แต่เมื่อกลับเมืองมิตตระญา และได้พบบุคคลสำคัญ ของอคีตาแล้ว พิธีปราบดาภิเษกผู้เจ้าของรัฐคนใหม่ เสร็จสิ้น  ลูกจะเป็นเจ้าหญิงฟารีน่าแห่งรัฐอคีตา ส่วนลดา ก็คือราชินีของผม มันอาจจะเป็นเรื่องใหม่ของราชวงศ์ที่เจ้าฟ้าสมรสกับคนต่างชนชาติ แต่เรื่องกฎมณเฑียรบาล ท่านป้าของลูก ท่านหญิงฟียา บุคคลสำคัญอีกคน ผู้ที่ช่วยให้พ่อมีชีวิตรอดจากเหตุการณ์นั้น น่าจะช่วยเราแก้ไขได้ ไม่ต้องกังวลนะลดา”


 “เอ่อ ลดาขออยู่ที่นี่ ลดาไม่พร้อมที่จะไป ลดาสับสนจริงๆ ค่ะ”


“คุณแม่ขา  คุณแม่จะไม่ไปกับน้องเฟย์จริงๆ หรือคะ”


ชลลดากอดลูกสาวไว้แน่น หล่อนไม่อยากไป แต่หล่อนก็ไม่อยากให้ลูกไกลห่าง มันคงทำใจยากกว่าเรื่องไหนๆ เป็นแน่ ที่ต้องอยู่ห่างไกลลูก โดยนึกภาพไม่ออกว่าลูกจะเป็นอยู่อย่างไร หล่อนจึงตัดสินใจ ที่จะไปเผชิญกับความจริงของลูกและสามี ที่หล่อนไม่เคยนึกฝัน


“ถ้าน้องเฟรมเขารู้ว่ามีเพื่อนเป็นถึงว่าที่เจ้าหญิง จะเป็นยังไงล่ะลูก”


ชลลดา นึงถึงอธิพล ดูเหมือนเรื่องของหล่อนกับเขาเลือนรางไปทุกที บางทีนี่อาจเป็นชะตาลิขิต อย่างที่ท่านฟารุคบอกก็เป็นได้ หล่อนพูดเพื่อหวังเย้าลูกให้บรรยากาศคลายความตึงเครียด


“เราจะยังบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้ เอาไว้พิธีผ่านพ้น เรากลับมากรุงเทพแล้ว ลูกจะพาปาริมาไปเที่ยวอคีตา ก็ได้นะลูก”


“จริงหรือคะแด๊ด วิเศษที่สุดเลยค่ะ” 


 ฟารีน่าดีใจ และนึกอยากให้ตนเองไปอยู่ดินแดนแผ่นดินอคีตาในเร็ววัน และอยากให้เวลาหมุนไปถึงวันที่จะได้พาเพื่อนรักไปด้วยเร็วๆ


 


 


ที่เมืองมิตตระญา


บ้านไม้ชั้นครึ่งที่ยกพื้นสูง ซ่อนตัวอยู่ต้นไม้ใหญ่เรียงราย  4 ต้น เพื่อบดบังสายตาจากบุคคลภายนอกได้มิดชิด ลมพัดใบไม้ร่วงหล่น ทำให้บรรยากาศที่เงียบสงัดนั้นดูน่าอึดอัดยิ่งขึ้นสำหรับชลลดา


“พี่หญิงฟียา นี่คือชลลดา ภรรยาของผม และนี่ฟารีน่า ทายาทคนเดียวของเรา”


ท่านฟารุคโค้งคำนับหญิงวัยราว 50 ปลายๆ ผมสีขาวถูกรวบมัดเป็นมวยอย่างเรียบร้อย น่าตาท่าทางใจดีต่างจากที่หล่อนคิดไว้ ทำให้ชลลดาคลายความกังวล หล่อนก้มตัวโค้งอย่างสามี  ฟารีน่าเลียนแบบท่าทางพ่อและแม่ อย่างเคอะเขิน ทำให้หญิงสูงวัยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี


“ฟารีน่า พระบารมีปกเกล้า เจ้าหญิงของป้า น่ารักจริงๆ และเหมือนมากๆ เหมือนกันราวกับแกะ  ดวงตากลมโตที่ดูอ่อนโยน แต่เด็ดเดี่ยวในทีเช่นนี้”


ฟารีน่ากับชลลดา สบตากันอย่างตื่นเต้นและดีใจ เข้าใจว่าท่านหญิงฟียาหมายความถึงฟารีน่าที่หน้าตาเหมือนพ่อ 


“ภรรยาเจ้าสวยมากฟารุค  ผิวพรรณดี ใบหน้าสวยสดงดงาม ผมดำขลับตัดกับสีผิว ดวงตาดูอ่อนหวานปนเศร้านิดๆ แต่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยน  สมกับที่จะเป็นราชินีแห่งอคีตา”


ชลลดา ตกใจ หล่อนไม่คิดว่าตนเองจะเป็นราชินีแห่งอคีตาได้


“ลดา เอ่อ หม่อมฉัน...มิบังอาจเพคะ ท่านหญิง”


“อืม ไม่ต้องพิธีรีตองกับเราหรอก ฟารุคเป็นน้องชายที่เรารักมาก เขารักใคร เราก็รักด้วย เรื่องกฎมณเฑียรบาลนั้น มันมีที่ต้องแก้บางสิ่ง  อย่าเป็นกังวลเลย”


ชลลดาอยากเถียง หล่อนไม่ได้กลัวไม่ได้เป็นราชินี เพราะกฎมณเฑียรบาล แต่หล่อนไม่อยากจะเป็นราชินี หล่อนไม่คิดว่าจะเป็นได้


“พรุ่งนี้  หมู่อานีร์ จะมาพบท่านฟารุคที่นี่  เราต้องเตรียมวางแผนกันหน่อยล่ะ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะตอนนี้ เราติดต่อกับนายพลรามัน และนายพลคีธร  ได้แล้ว พวกเขามีกำลังพลอยู่มาก และพร้อมจะมาพบเจ้า เพื่อรับคำสั่งไปปฏิบัติทันที”


“พี่หญิง ไม่ต้องห่วง ผมฝากหมู่อานีร์  ตอนนี้คนของเราแฝงตัวกับพวกของนายพลตักตินแล้ว ยังไงแผนนี้ก็ไม่น่าพลาด”


“ยังไงก็ประมาทไม่ได้นะ ฟารุค ลืมไปแล้วหรือเราต้องสูญเสีย ศารยาไป ก็เพราะความประมาท พี่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก ยิ่งเห็นฟารีน่า ยิ่งคิดถึงศารยาจับใจ ช่างเหมือนกันเหลือเกิน”


ชลลดาฟังสองพี่น้องคุยกันด้วยความไม่สบายใจ หล่อนรู้สึกกลัวจับใจ กลัวว่าลูกสาวของหล่อนจะได้รับอันตราย


เพราะเรื่องของการยึดเอาอคีตาคืนมาเป็นของราชวงศ์ฟารีย์ ยังเป็นแค่การวางแผน ทุกอย่างยังดูมืดมิด หากทำไม่สำเร็จ ตัวหล่อนนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ลูกจะไม่เป็นอันตรายหรือ ชลลดา อดหวั่นใจไม่ได้ ใจหล่อนอยากกลับเมืองไทยเสียเดี๋ยวนี้ แต่เมื่อลูกเป็นผู้เลือก หล่อนเป็นแม่ก็ต้องเดินเคียงข้างลูก และคอยดูแลให้ลูกปลอดภัยที่สุด


‘ใครกันคือศารยา’ ชลลดา รำพึง


“ศารยา คือใครคะ” ฟารีน่า ถามโพล่งขึ้นมา ฟารุคหลบสายตาทุกคน ปล่อยให้พี่สาวเป็นผู้เฉลย


(โปรดติดตาม ตอนต่อไปค่ะ)





Free TextEditor


Create Date : 10 มีนาคม 2553
Last Update : 10 มีนาคม 2553 22:27:08 น. 0 comments
Counter : 297 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

boonpithak
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันภูมิใจที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมี
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์...และจะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป

ร่วมตอบแทนแผ่นดิน
มิใช่อยากแต่ครอบครอง
(ติดตาม..นิยาย 'รักของข้าแผ่นดิน' นะคะ)
********



ยินดีต้อนรับผู้มาเยี่ยมบ้านหลังนี้ทุกๆ ท่านค่ะ
บ้านนี้ไม่มี vip friends เพราะ "ทุกคนที่มาเยือนคือคนสำคัญ"
บ้านชิงช้าคนช่างฝัน ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมา เพื่อจะต้องเข้มแข็ง..ในทุกเรื่อง!!!!
มองเข้ามาในบ้านหลังนี้
จะเป็นอีกมุมที่อาจขาดความเข้ม เพราะตราบที่ยังหายใจย่อมมีหลายเรื่องที่ต้องเป็นไปตามความอ่อนไหว
อาจไม่แข็งแกร่งในทุกสิ่งที่เผชิญ เพราะมีบางเรื่องต้องใช้ความอ่อนโยนในการก้าวเดิน .. ขอบคุณที่มาทักทายนะคะ"





"ฉันก็เหมือนคนทุกคน ที่มีรัก ก็อยากดูแลให้ดีที่สุด
ขอบคุณที่รักกัน และจะรักกันตลอดไป
ขอบคุณที่เข้าใจในคนอารมณ์อ่อนไหว
คิดมาก ฝันเยอะ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง
ดีใจที่ดีต่อกันและห่วงใยกันและกันเสมอ
'รัก'
ต้องพูด
ต้องบอก
และต้องแสดงออก

ก็เพราะคนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
วันหนึ่งก็ต้องจากกัน..

ถ้าวันนึง ไม่มีฉันให้กอด แล้วเธอจะโทษใคร'


ทำทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจ ให้มีคุณค่าและมีความหมายที่สุด สำหรับคนที่เห็นคุณค่า และคนที่มีความหมาย..


.."บนภูเขา หรือ ทะเลไกล ชอบที่ไหน .. ชอบที่มีเธอ ในวงเล็บตอบ ฉันชอบที่มีเธอ"
ทะเลกลางสายฝน ..ใจอยู่กับทะเลแล้วค่ะ
Friends' blogs
[Add boonpithak's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.