"ควรเลือกที่จะมีชีวิตที่มีความสุข และดีที่สุดกับคนดีของเรา เพราะชีวิตที่ถูกใช้ ไม่ว่าจะใช้ไปอย่างมีความทุกข์หรือความสุข ก็ไม่อาจเรียกชีวิตคืนได้ทั้งสิ้น.." ท่าน ว.วชิรเมธี Free Image Hosting "ขอบคุณที่เคียงข้างไปกับคนที่มีโลกส่วนตัวสูงอย่างฉัน..ขอบคุณที่เรารักกัน" ... & thank you for pretty family all about of love .. ระวังในการใช้ชีวิต และรอบคอบในการใช้หัวใจมากขึ้น ^_^
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
รักของข้าแผ่นดิน .. ตอนที่ 2

                                              ตอน  2



                               ทันทีที่เห็นรถยนต์คันยาวของพ่อ  ฟารีน่า ก็รีบลงจากรถหอบกระเป๋าเสื้อผ้าของตัว กับของแม่ วิ่งเข้าบ้าน ส่วนชลลดารีบกดโทรศัพท์ บอกให้อธิพลสบายใจว่า หล่อนกลับถึงบ้านแล้ว หลังจากที่เขาแวะส่งในที่จอดรถบริษัท ซึ่งเป็นจุดนัดพบกันตอนก่อนเดินทาง
                          “คุณธิ ... ลดา” หล่อนพูดไม่ออก รู้สึกลำคอแห้ง
                          “กลับบ้านปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ” เขาถาม
   “ค่ะ ..คุณธิ ..ลดา...” จะถามอย่างไรดี หล่อนนึกคำถามที่ไม่น่ารังเกียจจนเกินไป ที่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะถามเพื่อขอความมั่นใจจากผู้ชายที่ไม่ใช่สามีของตน
  “ทำใจให้สบายนะลดา  ผมอยู่ตรงนี้เสมอ”
                           คำพูดสั้นๆ แต่ฟังแล้วลึกซึ้งยิ่งนัก ทำให้หัวใจสับสนของหล่อน เต็มตื้นด้วยความสุข และความรัก หล่อนเริ่มแน่ใจว่ารักเขา แต่หล่อนก็มั่นใจว่าหล่อนไม่ได้เลิกรักตรัยยะ หล่อนไม่ได้เลิกรักพ่อของลูกสักนิด
                           “ก๊อก ก๊อก”  เสียงเคาะกระจกรถทำให้หล่อนตกใจ ตื่นจากภวังค์ หล่อนรีบลดกระจกลง ก่อนที่จะเอื้อมมือหยิบกระเป๋าสะพายหันไปส่งยิ้มให้คนที่อยู่ตรงหน้า แล้วลงจากรถ ตรงไปอยู่ในอ้อมกอดเขา หล่อนไม่ได้เสแสร้ง หล่อนคิดถึงเขาเสมอ เวลาอยู่ในอ้อมกอดเขาหล่อนมีความหมาย เป็นภรรยาที่น่ารัก เป็นแม่ที่แสนดีของลูก เป็นคนที่มีคุณค่าสำหรับเขา 
                        แล้วเวลาอยู่ในอ้อมกอดอธิพลล่ะ หล่อนรู้สึกอย่างไร หล่อนตอบตัวเองว่า เมื่ออยู่ในอ้อมกอดอธิพล หล่อนรู้สึกคล้ายโลกทั้งโลก มีเพียงเขาและหล่อน โลกทั้งโลกเป็นสีชมพู หล่อนอยากหยุดความรู้สึกนั้น เพื่อเลือกเอาความรู้สึกแรก แต่ไม่แน่ใจ ว่าตัวเองจะทำได้นานแค่ไหน
                      “ผมนึกว่าคุณหลับอยู่ในรถเสียแล้ว ลดา”
                       “พอดี มีโทรศัพท์จากจีน่าโทรเข้ามาพอดีค่ะ ลดาก็เลยมัวคุยเพลิน” หล่อนโกหก
                       “เข้าบ้านเถอะจ้ะ ผมมีของฝากลดา และลูก และมีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่สุดจะบอก”
                        เขายังน่ารักเสมอ ผู้ชายวัยต้นๆ 40  ผิวขาวนัยน์ตาคมเข้ม ผมหยิก รูปร่างสูงใหญ่ พูดจาอ่อนโยน แม้จะไม่ใช่คนช่างเอาอกเอาใจ แต่เขาก็ไม่เคยลืมที่จะมีของฝากกลับมาทุกครั้งที่ไกลบ้าน หล่อนอยากโกรธ อยากเกลียดตัวเองที่คิดนอกใจเขา
  “คุณแม่มาดูเร็วๆ ค่ะ แด๊ด เอาผ้าสวยมากๆ สวยที่สุดเลยมาฝากหนู”
  เด็กหญิงหยิบผ้าผืนใหญ่สีฟ้าใสปนสีน้ำทะเลเข้ม เนื้อผ้านิ่มสวย มีลวดลายคล้ายเกลียวคลื่นและสวนดอกไม้ ริมชายหาด เด็กหญิงนำผ้าผืนสวยมาผูก พันรอบตัวทำราวกับเจ้าหญิงแขก ผิวขาวตากลมโตผมหยิกเป็นลอนยาวคลุมไหล่ ชลลดา มองลูกสาวอย่างมีความสุขก่อนจะแกล้งเย้าว่า
                        “เอาผ้ามาพันตัว แต่งสวยอย่างกับเจ้าหญิงเชียวนะลูก” ฟารีน่าโค้งแม่ เต้นลีลาศ ส่วนอีกมือก็จับผ้าที่ยาวลากพื้นขึ้นมา แล้วเต้นไปมาอย่างสนุกสนาน สองแม่ลูกหัวเราะอย่างมีความสุข
  “ก็ลูกของเราเป็นเจ้าหญิงจริงๆนี่นา ลดา”
  ชลลดา สบตาลูกสาว สายตาไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ฟารีน่าหยุดเต้นและปล่อยผ้าให้ยาวลากพื้น
  “แด๊ดว่ายังไงนะคะ ....เจ้าหญิง อ้อ! น้องเฟย์รู้แล้ว  แด๊ดอำล่ะสิ”
  เด็กหญิงหอมแก้มอ้อนผู้เป็นพ่อ แล้วหัวเราะ เพราะเชื่อว่าเป็นมุขตลก ของผู้เป็นพ่อที่อยากพูดเอาใจลูกสาว
  “คุณตรัย” ชลลดาทำเสียงเคร่งขรึม เมื่อเห็นเขายืนอมยิ้มไม่พูดว่ากระไร
  “ฟังผมนะลดา น้องเฟย์ลูกรัก  แด๊ดกลับไปที่เมืองมิตตระญาคราวนี้   แด๊ดไปเจอคนพิเศษโดยบังเอิญที่สุด และข่าวที่ได้รับ มันน่าตกใจ แต่มันคือเรื่องจริง เรื่องจริงที่ลูกจะปฏิเสธมันไม่ได้ฟารีน่า”
                           “แด๊ดพูดอะไร น้องเฟย์งงไปหมดแล้วค่ะ”
                            “นั่นสิคะ แล้วคุณพบใคร แล้วเรื่องจริงที่น่าตกใจมันอะไรกัน”
                           ชลลดา นึกย้อนช่วงเวลาที่เขากับหล่อนพบกัน หล่อนนึกถึงเรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟัง จึงคิดเดาเอาว่า  ตรัยยะคุณอาจพบกับญาติที่พลัดพรากกัน เพราะเมื่อพบรักกันและแต่งงานกัน ตรัยยะคุณนั้นไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ใดเลย เขาบอกว่า หมู่บ้านของเขาถูกคนร้ายเข้าไล่ปล้นฆ่า ทุกคนในครอบครัวหนีตายกันไปคนละทิศละทาง  และเขาได้เศรษฐีใจบุญในประเทศอินเดีย ที่ไปหากว้านซื้อที่ดินในเมืองมิตตระญา  เป็นผู้รับเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม
                         จนกระทั่งพ่อแม่บุญธรรมตายจากด้วยโรคชราและมอบมรดกคือที่ดินผืนใหญ่ในอินเดีย และเมืองมิตตระญาให้กับเขา ก่อนจะรู้จักกับชลลดาเพียง 1 ปี เขาจึงเนรมิตที่ดินมรดกกลายเป็นที่ตั้งโรงงานลดาฟารี หัตถกรรมไทย ขึ้น  
                         “คุณพบครอบครัวคุณแล้วใช่ไหมคะตรัย”
                          ชลลดาดีใจแทนเขา


Create Date : 07 มีนาคม 2553
Last Update : 7 มีนาคม 2553 14:24:03 น. 1 comments
Counter : 283 Pageviews.

 
ตรัยยะใช้สองมือจับไหล่ภรรยาพร้อมสบตาอย่างจริงจัง
“ฟังนะลดา ผมกลับไปมิตระญาครั้งนี้ ผมได้พบกับหมู่อานีร์ อดีตคนสนิทของท่านพ่อ ทำให้ได้พบคนสำคัญในชีวิตผมด้วย เหตุการณ์ไล่ปล้นฆ่าในหมู่บ้านที่ผมเคยเล่าให้คุณฟังเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่เราพบกันนั้น ผมไม่ได้โกหกคุณ เพียงแต่ผมไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมด”
“หมายความว่ายังไง”
“คุณแม่ แด๊ด พูดอะไร น้องเฟย์ไม่เข้าใจค่ะ”
“น้องเฟย์ฟังแด๊ดนะลูก เมื่อ 25 ปีก่อน ตอนนั้นแด๊ด อายุ 15 ปี ท่านทวดของลูก ท่านฟารียะ ได้ถูกทหารรัฐอคีตาควบคุมตัวไป โดยมีท่านฟาโทรี ได้รับการสถาปนาเป็นทายาทลำดับสุดท้ายของราชวงศ์ ฟารีย์
เพราะขณะนั้นเจ้าเมืองมิตตระญา คือนายพลตักติน มันกำลังบ้าอำนาจอย่างหนัก มันต้องการยึดครองมากกว่าเมืองมิตระญา มันอยากได้ทั้งรัฐอคีตา เพื่อสร้างเป็นมลรัฐใหม่ มันใช้ระบบการโหวตลงคะแนนเลือกผู้บริหารรัฐ สร้างขุมกำลังให้มัน และยังสมคบกับประธานาธิบดีของชาติฝั่งตะวันตก วางแผนล้มล้างราชวงศ์ของเรา”
“แด๊ดกำลังพูดถึงละครเรื่องไหนอยู่กันแน่คะ น้องเฟย์งงจริงๆ”
ตรัยยะคุณ หรือท่านฟารุค ลูบผมลูกสาวอย่างอ่อนโยน และหนักใจ ในเรื่องที่จะสื่อสารสู่ลูกและครอบครัว ให้เข้าใจ
“คุณตรัย ลดาว่าคุณไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนดีไหมคะ คุณเพิ่งกลับมาถึงไม่กี่ชั่วโมง อาจจะอยากพักผ่อนให้สบายตัว ไปค่ะลดาจะเตรียมน้ำอุ่นให้”
“โอ! ลดา ฟังผมก่อนครับที่รัก ผมต้องบอกเรื่องนี้กับคุณและลูกให้เร็วที่สุด เวลามันมีค่ามากที่รัก”
ชลลดาซบอยู่ในอกเขา นึกตำหนิตัวเอง ทำไมหนอถึงได้คิดเผลอใจ เผลอไผลไปหลงรักชายอื่นได้ สามีที่แสนดีอยู่ตรงนี้ ถ้าเขารู้จะเสียใจปานใด หล่อนไม่กล้าคิด
“ฟารีน่า น้องเฟย์ นางฟ้าของพ่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เป็นความลับของครอบครัวเรา มายาว นานกว่า 25 ปี”
“ตรัย... คุณกำลังทำให้ลดา กับลูก กลัว”
หล่อนไม่รู้จะหาคำพูดอื่นใด หล่อนไม่ได้กลัว เพราะไม่รู้จะกลัวอะไร แต่หล่อนไม่เข้าใจในเรื่องที่เขากำลังพูด หล่อนคิดว่ามันช่างดูห่างไกลเกินกว่าที่หล่อนกับลูกจะเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกัน” ท่านฟารุค หรือ ตรัยยะคุณ อ่อนใจและคิดว่ายังไม่ควรกดดันให้สองแม่ลูกมารับฟังเรื่องที่เป็นภาระหนักอึ้ง ที่เขานำมาสู่หล่อนกับลูก ในเวลาทุกคนกำลังเหน็ดเหนื่อย

วันรุ่งขึ้น
“คุณเฟย์ตื่นได้แล้วค่ะ สายแล้ว คุณพ่อคุณแม่รอทานข้าวอยู่ในสวนค่ะ ..คุณเฟย์”
“อือ... ป้าเข็มหรือคะ น้องเฟย์ตื่นแล้ว อือขอบิดขี้เกียจแป๊บนึงนะ อื๊ด” ฟารีน่าทำท่าทางบิดขี้เกียจ กางแขนกางขาเสียเต็มที่
“อุ๊ย! แม่คุณ ทำอย่างกับเด็กผู้ชาย น่าเกลียดค่ะ ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะค่ะ เช้านี้คุณพ่อโชว์ฝีมือทำอาหารเองเชียวนะคะ”
“จริงหรือคะ ป้าเข็มรู้มั้ย แด๊ดทำกับข้าวอร่อยมาก โดยเฉพาะโรตีแกงเขียวหวานน้องเฟย์ชอบมากมากเลยค่ะ”
“ค่ะ ทราบค่ะ และรู้สึกว่าจะเป็นเมนูที่คุณเฟย์ว่า รออยู่บนโต๊ะอาหารด้วยค่ะ”
“ว้าว ! งั้นน้องเฟย์รีบอาบน้ำดีกว่า ท้องร้องจ๊อกๆ แล้ว”
“ระวังค่ะ เดี๋ยวก็ล้มหรอกแม่คุณของป้า”
ป้าเข็ม เป็นแม่บ้านที่มาทำงานแบบเช้าไปเย็นกลับ แต่อยู่ดูแลคนในบ้านหลังนี้มานานเกือบเท่าอายุฟารีน่า หล่อนจึงรู้ใจคนในบ้านนี้ไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัว

ร่มสีเหลืองอ่อน ช่วยบดบังแสงแดดยามเช้าในสวนไม้ดอกแสนสวยหลังบ้าน สามคนพ่อแม่ลูกรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีความสุข
“แด๊ด รู้ใจน้องเฟย์ที่สุดเลย” ว่าแล้วเด็กหญิงก็ทำท่าทีกระซิบพ่อ
“รู้ไหมคะ ตอนที่แด๊ดไม่อยู่ คุณแม่ทำโรตีแกงเขียวหวานให้น้องเฟย์กิน กะจะเลียนแบบแด๊ด แต่ไม่อร่อยเลย น้องเฟย์ก็ไม่กล้าบอกค่ะ กลัวคุณแม่จะน้อยใจ”
“อ้อ! ไม่อร่อยใช่ไหมล่ะ คราวหลัง คุณแม่ไม่ทำให้กินแล้ว” ชลลดาทำทีน้อยใจลูกสาวจริงๆ
“โอ๋ โอ๋ น้องเฟย์ล้อเล่นค่ะ อร่อยอยู่น่า ไม่งั้นน้องเฟย์จะกินหมดจานหรือคะ”
“แต่ก็อร่อยไม่เท่าแด๊ดทำใช่ม้า ไม่เป็นไรจ้ะ ยกให้แด็ดเขาเถอะ คุณแม่แกล้งน้อยใจไปงั้นล่ะค่ะ”
“ว่าแล้วเชียว เพราะคุณแม่ก็กินไม่หมดคราวนั้นน่ะ”
“น้องเฟย์” ชลลดา แกล้งตีที่ต้นแขนลูกสาวเบาๆ
ตรัยยะคุณ มองสองแม่ลูกอย่างภูมิใจ และเขาเห็นว่าถึงเวลาที่ทั้งสองต้องรับรู้ความเป็นมาของเขาและความเป็นไปในอนาคตของฟารีน่า
“เอาล่ะ คราวนี้ เราไปนอนเล่นที่ประจำของเรากันดีกว่า” ตรัยยะคุณ เลือกมุมของครอบครัว สนามหญ้าใต้ร่มไม้ ที่ล้อมรอบด้วยแปลงดอกไม้นานาชนิด และมีธารน้ำที่สร้างด้วยฝีมือคน อยู่ด้านข้าง มุมพักผ่อนที่เขาและครอบครัวโปรดปราน ปูผ้าผืนใหญ่ และล้มตัวลงนอนกันทั้งสามคนแล้ว ตรัยยะจึงเริ่มพูดในสิ่งที่เขาค้างไว้เมื่อคืน
“ ฟังแด๊ดนะน้องเฟย์ ... รัฐอคีตา เป็นรัฐเล็กๆ มีเมืองอยู่ไม่กี่เมือง มีประชากรไม่ถึง 3 ล้านคน ที่นั้นมีเมืองชนบทเล็กๆ ชื่อมิตตระญา เป็นเมืองเกษตรกรรมที่สำคัญของประเทศ จนกลายเป็นเมืองหลวงทั้งที่ไม่ใช่เมืองการค้า แต่เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สร้างรายได้จากการส่งออกให้ประเทศ ปีละหลายสิบล้านบาท”
ท่านฟารุค เล่าเรื่องต่อ เมื่อเห็นว่าสองแม่ลูกที่นอนหนุนแขนเขาคนละข้าง กำลังตั้งใจฟัง
“เจ้าผู้ครองรัฐ มีพระนามว่าเจ้าฟารียะห์ เป็นเจ้าผู้ครองรัฐ โดยมีการสถาปนาองค์รัชทายาท ก็คือท่านฟาโทรี ท่านปู่ของลูก เป็นทายาทลำดับสุดท้ายของราชวงศ์ฟารีย์”
ท่านฟารุค จับแก้มลูกสาว ที่ลุกขึ้น และจ้องหน้าพ่อ ด้วยสีหน้างุนงง
“ฟังต่อไหม” เขาถามลูกสาวอย่างอ่อนโยน ฟารีน่าจึงนอนหนุนแขนพ่อตามเดิม
“ท่านทวดเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เป็นผู้ปกครองที่ประชาชนรักมาก ท่านโอบอ้อมอารี รัฐของเราเป็นรัฐประชาธิปไตย ท่านพอใจที่ประชาชน มีวิถีชีวิตที่สงบราบเรียบ และมีความสุข นั่นกลายเป็นจุดที่ทำให้พวกคิดคดกบฏบ้านเมือง มักใหญ่ใฝ่สูง ลุ่มหลงในอำนาจ ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดเอามือปิดฟ้า หวังเทียบเท่าทำลายฟ้า อย่างเจ้านายพลตักติน ตอนนั้นมันเป็นเจ้าเมืองมิตตระญา เมื่อคราวที่มีการลงคะแนนโหวตเลือกผู้บริหารรัฐ เพื่อดูแลการบริหาร เจ้าตักติน มันได้คะแนนท่วมท้น เพราะมันมีกลวิธีอย่างแยบยลที่ใครได้รู้คงต้องตะลึง”
“ยังไงคะคุณตรัย” ชลลดาถาม ด้วยความสนใจ
“ในช่วงที่มันเป็นเจ้าเมือง มันอนุมัติเงินในกองคลัง กระจายเป็นโครงการเงินกู้ให้ชาวบ้านในชนบททุกหลัง มันให้กู้เฉยๆ ไม่คิดดอก ใครล่ะจะไม่อยากได้ ชาวบ้านได้เงินก้อนมา ก็เอาไปซื้อรถเครื่อง เอาไปซื้อโทรทัศน์ เอาไปซื้อสิ่งของฟุ่มเฟือย พอเงินหมดก็ลนลานสิ จะหาเงินที่ไหนใช้หนี้
ก็พากันไปกู้เงินนายทุนในเมืองใหญ่ กลับมาทำงานหนักใช้หนี้ ไอ้ตักตินมันก็ฉลาดพอที่จะหาคะแนนเสียงต่อ ด้วยการสร้างโครงการมอบเงินช่วยเหลือชุมชน มันให้เงินเปล่าอีกก้อน คราวนี้ ไม่ใช่ให้กู้นะ ให้เปล่าเลย ไม่ต้องมีใบเสร็จ ผู้นำชุมชนจะเอาเงินไปทำอะไรก็เอาไป แต่ให้ได้ประโยชน์กับคนทั้งชุมชน อ้อยก็เข้าปากช้างล่ะสิคราวนี้ พอถึงคราวจะลงคะแนนโหวต มันก็ให้ประกาศจะเสนอขึ้นเงินเดือนให้พวกกำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกเมือง คราวนี้ล่ะลูกเอ่ย ใครๆ ก็อยากทำงานรับใช้มัน”
“คุณตรัย นายพลตักติน ได้รับโหวตเป็นผู้บริหารรัฐ เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะ” ชลลดาใคร่อยากรู้ จึงถามเขาต่อ





Free TextEditor

(โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ)


โดย: ต่อค่ะ (boonpithak ) วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:14:25:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

boonpithak
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันภูมิใจที่ได้เกิดใต้ร่มพระบารมี
เย็นศิระเพราะพระบริบาล
ร่วมปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์...และจะขอเป็นข้าพระบาททุกชาติไป

ร่วมตอบแทนแผ่นดิน
มิใช่อยากแต่ครอบครอง
(ติดตาม..นิยาย 'รักของข้าแผ่นดิน' นะคะ)
********



ยินดีต้อนรับผู้มาเยี่ยมบ้านหลังนี้ทุกๆ ท่านค่ะ
บ้านนี้ไม่มี vip friends เพราะ "ทุกคนที่มาเยือนคือคนสำคัญ"
บ้านชิงช้าคนช่างฝัน ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เกิดมา เพื่อจะต้องเข้มแข็ง..ในทุกเรื่อง!!!!
มองเข้ามาในบ้านหลังนี้
จะเป็นอีกมุมที่อาจขาดความเข้ม เพราะตราบที่ยังหายใจย่อมมีหลายเรื่องที่ต้องเป็นไปตามความอ่อนไหว
อาจไม่แข็งแกร่งในทุกสิ่งที่เผชิญ เพราะมีบางเรื่องต้องใช้ความอ่อนโยนในการก้าวเดิน .. ขอบคุณที่มาทักทายนะคะ"





"ฉันก็เหมือนคนทุกคน ที่มีรัก ก็อยากดูแลให้ดีที่สุด
ขอบคุณที่รักกัน และจะรักกันตลอดไป
ขอบคุณที่เข้าใจในคนอารมณ์อ่อนไหว
คิดมาก ฝันเยอะ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง
ดีใจที่ดีต่อกันและห่วงใยกันและกันเสมอ
'รัก'
ต้องพูด
ต้องบอก
และต้องแสดงออก

ก็เพราะคนเราไม่ได้อยู่ค้ำฟ้า
วันหนึ่งก็ต้องจากกัน..

ถ้าวันนึง ไม่มีฉันให้กอด แล้วเธอจะโทษใคร'


ทำทุกวินาทีที่ยังมีลมหายใจ ให้มีคุณค่าและมีความหมายที่สุด สำหรับคนที่เห็นคุณค่า และคนที่มีความหมาย..


.."บนภูเขา หรือ ทะเลไกล ชอบที่ไหน .. ชอบที่มีเธอ ในวงเล็บตอบ ฉันชอบที่มีเธอ"
ทะเลกลางสายฝน ..ใจอยู่กับทะเลแล้วค่ะ
Friends' blogs
[Add boonpithak's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.