<<
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 ธันวาคม 2550
 

ของเล่นเจ้าฟ้า



ของเล่นเจ้าฟ้า
The Miniature Object’ d Art of Royalty


ช่วงชีวิตในวัยเยาว์นั้น นอกจากการละเล่นกลางแจ้งลักษณะต่างๆ แล้ว การเล่นเลียนแบบชีวิตผู้ใหญ่ก็เป็นที่สนุกสนานของบรรดาเด็กทั้งหลาย สำหรับเด็กชาวบ้านเล่นสมมุติตัวเป็นผู้ใหญ่ นำดินเหนียวมาปั้นแต่งเป็นตุ๊กตาหรือภาชนะขนาดย่อต่างๆ ก็สร้างความสนุกสนานได้ ชีวิตเด็กในวังก็เป็นลักษณะเช่นเดียวกัน เพียงแต่ “ของเล่น” เหล่านั้น มิใช่ปั้นแต่งเพียงดินเหนียวหรือดินเผาธรรมดา แต่เป็นลักษณะเดียวกับภาชนะและเครื่องใช้ของผู้ใหญ่ แต่ย่อส่วนให้เล็กกระทัดรัด ดังนั้นจึงปรากฎว่า มีเครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องกระเบื้อง เครื่องแก้ว หรือเครื่องงาแกะสลัก ขนาดเล็กมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ชุดน้ำชาชุดไทย ชุดจีน หรือชุดฝรั่ง, ชุดเชี่ยนหมาก หรือของจำลองอื่นๆ ที่ชนชั้นเจ้านาย เรื่อยลงมาจนถึงลูกหลานขุนนางชั้นสูง หรือผู้มีอันจะกินทั้งหลาย สั่งซื้อหรือสั่งทำให้แก่ลูกหลานได้ใช้เป็น “ของเล่น” เช่นเดียวกับเด็กชาวบ้าน จากของเล่นที่มีค่าหรือที่นักสะสม เรียกว่า “ของเล่นเจ้าฟ้า” นี้ ได้กลายเป็นมรดกตกทอดลงมา จากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่ง ผ่านวันเวลา สะสมคุณค่า สะสมเรื่องราว ที่แฝงไว้ ให้คนรุ่นหลังได้ร่วมชื่นชมงานฝีมือช่าง ศึกษาและค้นคว้าชีวิตเจ้านายผ่านสิ่งสะสมเหล่านี้ต่อไป



เครื่องทองและเครื่องเงิน


การนำเอาทองคำและเงินมาประดิษฐ์ เป็นเครื่องใช้ต่างๆ นั้นมีมานานแล้ว ทั้งในหมู่ประเทศตะวันตกและตะวันออก สำหรับประเทศไทย เครื่องใช้ทองคำ มักจะเป็นเครื่องราชูปโภค ตลอดจนเครื่องยศ พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการระดับสูงเท่านั้น ส่วนเครื่องยศในลำดับรองๆ ลงมา มักจะเป็นเครื่องเงินสลักลายกะไหล่ทองบ้าง เครื่องเงินบ้าง ลดหลั่นกันตามฐานานุรูป แม้ว่าฝีมือการสลักทองคำและเงินของไทย จะมีเอกลักษณ์สืบต่อมาเป็นเวลาช้านานก็จริง แต่ฝีมือช่างจีนก็มีอิทธิพลอย่างสูง ในการแกะสลักโลหะ โดยเฉพาะเครื่องเงินที่สลักอย่างประณีต เป็นฝีมือช่างจีนก็มีปรากฎอยู่โดยทั่วไป เนื่องจากเป็นที่นิยมในความละเอียดงดงาม เครื่องเงินฝีมือช่างจีนเหล่านี้ นิยมเรียกกันว่า "เงินเซี่ยงไฮ้" มีการตกแต่งด้วยการกะไหล่ทอง หรือใช้ทองคำเคลือบ เพื่อให้เครื่องใช้เงินเหล่านั้น แลดูงดงามสูงค่ายิ่งขึ้น

เครื่องกระเบื้อง


การทำเครื่องกระเบื้อง ได้เริ่มขึ้นในประเทศจีน สมัยราชวงศ์ฮั่น เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล และได้พัฒนาต่อมาในราชวงศ์ถัง และราชวงศ์ซ้อง ซึ่งการทำเครื่องกระเบื้องได้พัฒนาสูงขึ้น จนประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในราชวงศ์เหม็ง ซึ่งได้มีการค้นพบวิธีการเขียนสีน้ำเงินอันงดงามลงบนกระเบื้อง และเคลือบให้มีความมัน ที่เรียกกันว่า "เครื่องลายคราม" และได้พัฒนาสืบมาจนถึงเครื่องลายคราม สมัยราชวงศ์เช็ง ที่ได้พบเห็นมากมาย และได้แพร่หลายเข้ามายังอาณาจักรสุโขทัย, กรุงศรีอยุธยา เรื่อยมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อารยธรรมตะวันตกได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ผ่านเหตุผลทางด้านการเมือง, เศรษฐกิจ และสังคม ที่จำต้องรับเอาอิทธิพลเหล่านั้นไว้ ความนิยมเครื่องกระเบื้องจากยุโรป ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงความนิยมของประชาชน ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ จากที่เคยสั่งซื้อหรือสั่งทำเครื่องกระเบื้องเป็นพิเศษ จากประเทศจีน ก็เปลี่ยนไปเป็นจานชามจากยุโรป ซึ่งมีรูปลักษณะที่ผิดแผกไปจากถ้วยชามแบบเดิม และเป็นผลให้วิธีการบริโภคอาหารเปลี่ยนแปลงไปด้วย จากการรับประทานอาหารด้วยมือ เป็นการใช้ช้อนส้อม การเลี้ยงอาหารในงานต่างๆ ที่เคยเลี้ยงอาหารแบบไทย หรือแบบจีน ก็มีการเลี้ยงอาหารฝรั่งเพิ่มขึ้น ทำให้ความนิยมในการบริโภคอาหารฝรั่ง แพร่หลายในหมู่ประชาชน

เครื่องถม


เครื่องถมของไทย หมายถึงภาชนะหรือเครื่องประดับที่ทำลวดลายโดยขูดลงบนผิวภาชนะที่เป็นเงินหรือทองให้เด่นขึ้นด้วย การถมนำยาดำลงไปในร่องให้เต็ม ความรู้ในเรื่องการทำเครื่องถมนี้ สันนิษฐานว่า อาจได้รับความรู้มาจากพวกโปรตุเกสที่เข้ามาติดต่อค้าขาย ในสมัยกรุงศรีอยุธยา พิจารณาจากรูปลักษณะตลอดจนวิธีประดิษฐ์เครื่องถมของไทย มีลักษณะคล้ายคลึงกับเครื่องถมของเปอร์เซียหรืออินเดีย อาจสันนิษฐานได้ว่ามีรากฐานความรู้เดียวกัน แต่ดัดแปลงให้แปลกออกไป ตามรสนิยมของแต่ละชาติ

แต่เดิม เครื่องถมยาดำนี้ ลวดลายจะเด่นชัดมากเพราะช่างจะใช้ลายห่างๆ พื้นที่ถมยาดำมีมาก ช่วยทำให้ลวดลายเด่นขึ้น แต่ต่อมาความนิยมเปลี่ยนไป จึงใช้ลายมากจนแทบไม่มีพื้นที่จะถมยาเลย และได้คิดหาวิธีให้ลายดูเด่นชัดสวยงามยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยการ "ตะทอง" เป็นแห่งๆ เครื่องถมจึงมีลายทองสลับกับลายเงิน แต่ต่อมาก็เกิดนิยมลายทองมากๆ ซึ่งเรียกกันว่า ถมทอง เครื่องถมตะทองนั้น เป็นการคิดประดิษฐ์ขึ้น จากถมดำที่ใช้ตัวภาชนะเงิน แล้วเปียกทองทาตรงลายที่ต้องการ การทำถมตะทองนั้น เป็นของทำยาก เป็นเหตุให้คนชอบถมตะทองและเกิดความคิดว่ามีทองมากยิ่งดี จึงเป็นเหตุให้เกิดถมทองขึ้นในเวลาต่อมา สำหรับถมทองนั้น จะแตกต่างไปจากถมตะทอง ตรงที่ลวดลายเป็นสีทองล้วน และจะเห็นสีทองกับสีดำเท่านั้น ไม่มีสีเงินคั่นกับสีทองอย่างถมตะทอง

เครื่องแก้ว


ความนิยมเครื่องแก้วในประเทศไทย ได้มีขึ้นอย่างแพร่หลาย ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากในยุโรปเวลานั้น การทำเครื่องแก้วได้พัฒนาขึ้นมาก และสามารถผลิตเครื่องแก้วที่มีคุณภาพดีกว่าที่เคยผลิต การเจียระไนแก้วก็ทำได้ละเอียดงดงาม นอกจากนี้ ยังมีการตกแต่งแก้วด้วยวิธีต่างๆ เช่นการสลัก ย้อมสี หรือเขียนลวดลายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ความประณีตและความงดงามสดใสของเครื่องแก้วจากต่างประเทศนี้ ดูจะถูกกับรสนิยมของคนไทยในเวลานั้น โดยเฉพาะการใช้เครื่องแก้วตกแต่งดอกไม้บูชาพระ จึงได้มีการสั่งเครื่องแก้วเข้ามาโดยสั่งทำให้มีรูปร่างลักษณะเหมาะสมกับการใช้ประโยชน์แบบไทย เช่น พานพุ่มดอกไม้ หรือกระถางธูป เป็นต้น

เครื่องงา


ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่สมบูรณ์พูนสุข ประชาชนมีเวลาที่จะชื่นชม กับงานศิลปะ หรืองานอดิเรกที่ตนพึงพอใจ การรวบรวมสะสมของบางอย่าง เช่นตลับงา แสดงออกถึงการผ่อนคลายอารมณ์จากงานประจำวัน เมื่อมีความนิยมสะสมของสิ่งใดแพร่หลาย ก็จะเกิดมีการประกวดประขัน เป็นเรื่องรื่นเริงอย่างหนึ่งในเวลานั้น

ในช่วงปลายรัชสมัย ได้เกิดความนิยมสะสมตลับงากันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากการที่ได้ทอดพระเนตรตลับงารูปลูกพลับใบเล็ก ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านภาพรประภา กรมหลวงทิพยรัตน์กิริฏกุลินี ที่ทรงใช้ใส่สีผึ้งสีพระโอษฐ์มาเป็นเวลานาน จนงานั้นมีสีขี้ผึ้งจับงดงาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดว่า ราวกับผู้ชายเล่นกล้องยาสูบ ที่เรียกว่า เมียร์ชอม ซึ่งเมื่อใช้สูบไปนานๆ ก็จะมีสีแดงสวยงาม ทรงรู้สึกนิยมชมชอบมาก ต่อจากนั้น จึงได้เกิดนิยมเล่นตลับงา และมีการออกแบบเป็นรูปต่างๆ ใครเป็นเจ้าของแบบก็ต้องมาขอจดทะเบียน และมีการประกวดครั้งใหญ่ในงานตั้งกรม พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้า ศรีวิไลยลักษณ์ เป็นกรมขุนสุพรรณภาควดี ณ พระที่นั่งราชปรีดีวโรทัย เป็นการรื่นเริง ซึ่งผู้ที่ได้พบเห็นยังคงเล่าถึงความสนุกสนานมาจนทุกวันนี้

เรียบเรียงจากหนังสือ "พระที่นั่งวิมานเมฆ" จัดพิมพ์โดย ธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) ในปีพุทธศักราช 2528




*****
ข้อมูลข้างต้นเป็นเรื่องราวที่เรานำมาเรียบเรียงใหม่ให้สั้นลง เพื่อใช้ประกอบการจัดนิทรรศการ "ของเล่นเจ้าฟ้า" เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2550



Create Date : 22 ธันวาคม 2550
Last Update : 22 ธันวาคม 2550 18:12:52 น. 2 comments
Counter : 4316 Pageviews.  
 
 
 
 
เพลงเพราะดีอ่ะคะ อิอิ ชอบเพลงไรอ่ะ
บอกหน่อยจิ
อิอิ
 
 

โดย: Olive (Cynthia_FullMoon ) วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:21:19:08 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ เข้ามาเก็บความรู้ครับ
 
 

โดย: Insignia_Museum วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:53:22 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com