กะทันหันทริป :: Mumbai-Pune, India :: Part XIII (เที่ยวปูเน่ -5)
ความเดิมตอนที่แล้ว
เช้าวันที่ 10 มิถุนายน 2557 ตื่นมาพร้อมกับสมองอันว่างเปล่า ก็ไม่รู้และไม่มีข้อมูลว่า จะเที่ยวที่ไหนได้อีก ในเมื่อพิพิธภัณฑ์่ที่อยากไป ..ก็ไปแล้ว เพราะฉะนั้น ก็ปล่อยให้ "บันดู" คนขับรถและไกด์ประจำตัว พาไปละกัน แต่ก่อนอื่น ...ลงไปหาอะไรกินมื้อเช้ากันก่อน
เมื่อวานสังเกตเห็นว่า แขกบางคนเรียกสั่งอาหารเช้าจากพนักงานได้ เราก็เลยหยิบเอารายการอาหารเช้าที่ตั้งวางไว้ มาลองเลือกดู ขอลอง Eggs Benedict ซะหน่อย อยากรู้ว่าเป็นยังไง เคยกินแค่ไข่ลวก ไข่ดาว ไข่ต้ม ...ขอแปลกๆ บ้าง สั่งแล้ว ก็ลุกไปตักอาหารในไลน์บุฟเฟต์อีก ..ก็มาแล้ว กินให้คุ้มหน่อย
เอาล่ะ ...พนักงานมาเสริฟ Eggs Benedict ...ไข่ (เหมือนจะลวกให้สุก) วางบนแฮมและมัพฟิน ราดซอสอะไรสักอย่าง เอื่มมมมมม ดูเหมือนจะจัดหนักไปนะ ลองครั้งเดียว ...ต้องไปจะไม่สั่งแบบนี้อีกแล้ว กล้ำกลืนกินด้วยความเสียดาย ...แล้วดื่มชานมร้อนๆ ตามลงไป ให้หายเลี่ยน ถือว่า รู้จักแล้วว่า อาหารเช้าชื่อนี้ ...หน้าตาอย่างนี้อ่ะนะ
กินเสร็จก็ออกมานั่งรอ วันนี้ บันดูมาเร็วกว่าคนขับรถที่จะรับพี่สาวไปทำงานอีก คงจะพาออกไปไกล ...ขึ้นรถได้ ก็ถามก่อนเลยว่า จะพากันไปไหน บันดูไม่ตอบ แค่บอกว่าจะออกไปทางนอกเมือง ...
นี่อยู่ที่เมืองปูเน่ ...แต่เราไม่ได้เห็นเมืองปูเน่ชัดๆ เลยยกเว้นวันแรกที่มาถึง ระหว่างทางก็ทำตัวเหมือนเคยคือ ...เก็บภาพรถ ภาพคน ข้างทางไปตามเรื่อง นั่งไปแบบเคลิ้มๆ เกือบหลับ เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกัน บันดู ก็เบนรถเข้าไปจอดข้างทาง ชี้ชวนให้ลงไปเก็บภาพ "เขื่อนปูเน่"
เราก็ไม่ขัดศรัทธาอ่ะนะ ...มาแล้วนี่ จะเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ ก็น่าเก็บภาพ ...วิวสวยๆ บันดูบอกว่า ที่นี่ถือเป็นแหล่งจ่ายน้ำใหญ่ที่สุดของเมืองเลยทีเดียว
จากนั้นก็พากันเดินทางต่อ ...เส้นทางมุ่งหน้าไกลออกจากเมือง และขึ้นเขาไปเรื่อยๆ
และแล้วก็มาถึงจุดพักรถ ...ให้เก็บภาพมุมสูงแบบสวยๆ กันอีก วิวงามแบบนี้ ต้องพาโนราม่าซิคะ ...รออะไร
และเช่นเคย บันดูไม่ยอมให้เราพลาด ...ต้องถ่ายรูปตัวเองด้วย เป็นหลักฐานว่ามาถึงแล้ว
และในที่สุด ก็มาถึงลานจอดรถ ซื้อตั๋วเข้าชม Singhagad หรือ Lion Fort ป้อมสิงห์ จากตรงนี้ ...เราต้องเดินขั้นไปเท่านั้น แดดค่ะ แดด ดูแดดด้วย ... มีแต่แว่นกันแดด ..แต่ไม่มีหมวกนะคะ
ป้อมสิงห์ Sinhagad เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองปูเน่ เป็นป้อมสำคัญมากในประวัติศาสตร์การสงครามของประเทศอินเดีย ตั้งอยู่หน้าผาสูงของเทือกเขา Sahayadri ที่ความสูง 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
จากประดูแรก เราต้องเดินไปตามบันไดหิน ลึกเข้าไปเรื่อยๆ จินตนาการย้อนกลับไปในสมัยอินเดียโบราณ คงมีผู้คนพักอาศัยอยู่เบื้องหลังกำแพงป้อมนี้มากมาย ข้างทางมีแผงขายน้ำมะนาว และผลไม้ด้วย ...แต่ตอนนี้ขอเดินผ่านไปก่อน
แม้ว่าแดดจะร้อน แต่เราก็ไม่ย้อท้อ ...กัดฟันเดินไปเรื่อยๆ และเก็บภาพไปเรื่อยๆ เช่นกัน ...ลักษณะของการก่อสร้างป้อมคล้ายกับป้อมที่ไปดูเมื่อวาน แต่ก็มีการแกะสลักลวดลายบริเวณเหนือประตูด้วย ...ศิลปะอินเดีย ต้องเรียนเพิ่มอีกแล้ว
ตรงนี้ เป็นคอกม้า
ตรงนี้ เป็นบ่อน้ำ
ตรงนี้น่าจะเป็นป้อมของทหารรักษาการณ์ มองออกไปเห็นเมืองในมุมสูงกว้างไกลมาก
แน่นอน ในเมื่อเป็นเหมือนเมืองขนาดย่อม ก็ต้องมีเทวสถาน สังเกตจากโคนนทิหมอบเฝ้าอยู่ด้านหน้า ...เราก็เดาว่านี่เป็นเทวสถานบูชาพระศิวะ มีพระคเนศหินแกะ ซุกอยู่ตรงมุมด้วย
ขี้นมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ...มองเห็นวิวได้แบบ ...กว้างไกลสุดสายตาเลย
ลองนึกถึงประวัติศาสตร์อินเดียที่เคยเรียนมาบ้าง เมื่่อนานแสนนานมาแล้ว อินเดียเป็นอาณาจักรใหญ่ ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้อาณาจักรโรมันหรืออาณาจักรจีน มีสงครามระหว่างเผ่าพันธ์คือมิลักขะกับอารยะมาแต่เก่าก่อน แล้วก็ยังมีสงครามรบพุ่งระหว่างเมืองอีกหลายต่อหลายครั้ง จึงไม่แปลกหรอกที่จะมีป้อมปราการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนทำเลดีๆ เพื่อเป็นที่ตั้งรับในการรบแบบนี้
มองดูแนวกำแพง เลยคิดย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อน ชาวเมืองและทหาร ต้องลำบากลำบนแค่ไหน จึงจะสร้างแนวกำแพงบนเขาได้อย่างนี้
และที่นี่ ก็มีรูปปั้นอนุสรณ์มหาราชผู้เป็นเจ้าของป้อม และเป็นผู้นำการรบ ซึ่งด้วยกองกำลังเพียงน้อยนิดของเขา ทหารของราชวงศ์โมกุล ยังไม่สามารถทลายและยึดป้อมนี้ได้
ปัจจุบัน ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองปูเน่ เหมาะสำหรับคนชอบความท้าทายและค่อนข้างอึด ...เพราะเดินไกล เดินขึ้นเขา และร้อนมาก
เราเดินวนเวียน ชมตรงนั้น ถ่ายรูปตรงนี้อยู่นานพอสมควร ...จนรู้สึกเริ่มหิวนิดๆ ... อาหารเช้าสลายตัวเร็วท่ามกลางแสงแดดแผดกล้า ขาเดินลง ก็เลยขอแวะดื่มน้ำมะนาวข้างทางซะหน่อย แล้วก็ซื้อผลไม้ติดไม้ติดมือลงมาด้วย ลูกหว้า ชั่งแล้วห่อกระดาษส่งให้ มะม่วงผ่าเป็นเสี้ยวแล้วโรยพริกเกลือ
ได้เวลาลงไปหาอาหารกลางวันกินกันแล้วนะ
อ้อ ..ต้องบันทึกเรื่อง "ห้องน้ำ" ไว้ด้วย นี่ถ้าไม่ปวดฉี่มาก ...ไม่คิดจะเข้าห้องน้ำเลยนะ แต่ในเมื่อปวด เมื่อมาถึงสถานที่ท่องเที่ยว ก็น่าจะมีห้องน้ำ ถามหาห้องน้ำกับบันดู ก็ชี้บอกทาง เป็นอาคารเก่า โทรม หลังไม่ใหญ่ อยู่ตรงมุมเมื่อเดินขึ้นมาลานสูงสุดแล้ว เราไม่รู้ว่า ด้านไหนชาย หรือด้านไหนหญิง ก็เลยผลักประตูเข้าไปด้านที่ไม่ใส่กุญแจ (เป็นห้องน้ำในสถานที่ท่องเที่ยว แล้วใส่กุญแจทำไมฟะ)
เปิดเข้าห้องแรก ..ต้องผงะออกมา ไม่รู้ใครทิ้งระเบิดไว้ก่อนหน้าเรา เปลี่ยนอีกห้อง ก็ไม่ต่างกัน แต่สภาพดีกว่า ต้องกลั้นใจ ค่อยนั่งไม่ให้ผิวสัมผัสอะไรเลย รีบๆ ทำธุระ แล้วรีบออกมาอย่างเร็ว ไอ้ที่อ่านหนังสือ ...เห็นจริงก็ตอนนี้เอง
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. อ่านข้อมูลเกี่ยวกับป้อมสิงห์ >> ที่นี่
Create Date : 13 มีนาคม 2559 |
|
11 comments |
Last Update : 13 มีนาคม 2559 21:02:21 น. |
Counter : 1289 Pageviews. |
|
|
|
เดี๋ยวนี้ต้องยอมรับว่ากว่าจะทำบล็อกค่อนข้างใช้เวลา เลยทำให้ได้แค่บันทึกใน FB
แต่ยังคงอยากบันทึกในบล็อกเหมือนกันค่ะ
ต้องรอเวลาดี ๆ ก่อน