|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เงินสี่ด้าน
มาจากหนังสือ เงินสี่ด้าน ชุด พ่อรวย (Rich Dad) เขียนโดย โรเบิร์ต คิโยซากิ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โปรดดูภาพประกอบ เงินสี่ด้านประกอบด้วยคนสี่ประเภท หรือรายได้สี่ประเภท ได้แก่ 1. E (employee) หมายถึง ลูกจ้าง ได้แก่มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย 2. S (Self Employed) หมายถึง ธุรกิจส่วนตัว (จ้างตัวเอง) เช่น หมอเปิดคลีนิค คนเปิดร้านอาหาร ร้านเสริมสวย ธุรกิจขนาดเล็ก ระบบเถ้าแก่ 3. B (Business Owner) หมายถึง เจ้าของธุรกิจ เช่น บริษัทขนาดใหญ่ ธนิน เจียรวนนท์ 4. I (Invester) หมายถึง นักลงทุน ได้แก่ ผู้นำเงินไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (มีเงินมากเกินไป) ฝังซ้ายได้แก่ E S (โปรดดูภาพประกอบ) ถูกจำกัดด้วยเพดานของรายได้ เนื่องจากรายได้ขึ้นอยู่กับเวลาที่ทำ (ซึ่งมีจำกัด) ไม่มั่นคงเนื่องจากถ้าไม่ทำก็ไม่ได้เงิน หากเจ็บป่วยหรือหยุดก็จะขาดรายได้ ไม่มีอิสรภาพทางการเงิน มีเงินแต่ไม่มีความสุข ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ไม่มีเวลาไปช่วยเหลือคนอื่น อาจเรียกได้ว่า ตัว E ทำงานให้กับระบบ ส่วนตัว S เป็นระบบเสียเอง รายได้เป็นแบบ Active income ฝั่งขวาได้แก่ B I จะมีอิสรภาพทางการเงิน สามารถหยุดไปเที่ยว โดยมีรายได้สม่ำเสมอ หรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่จำกัด ข้อแตกต่างระหว่าง S กับ B คือ ตัว S ไม่สามารถหยุดได้ เป็นคนเก่ง เชื่อมั่นในตนเอง ไม่ไว้ใจคนอื่น ส่วนใหญ่เป็นผู้มีวิชาชีพ รักอิสระ ส่วนตัว B จะคำนึงถึงการสร้างระบบ จ้างคนเก่งมาทำงาน ไว้ใจคนอื่น เศรษฐีในโลกล้วนเป็นตัว B ทั้งสิ้น เมื่อฝั่งขวาดีเช่นนี้แล้ว ทำไมคนส่วนใหญ่ไม่มาอยู่ฝั่งขวา ก็เพราะว่าระบบการคิดและการศึกษาปัจจุบัน ปลูกฝั่งให้คนอยู่ฝั่งซ้าย เช่น เรียนให้เก่ง แล้วหางานดีๆทำ ผมได้ย้ายข้างไปอยู่ฝั่งขวาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นวิธีที่ คิโยซากิ แนะนำ โดยยังทำงานเป็นตัว E ควบคู่ไปด้วย ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง และคนส่วนใหญ่ไม่ทำ (คนส่วนใหญ่เป็นพวกตัว S กับตัว E )
อ่านต่อตอนหน้านะครับ
สิริวิชญ์
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2553 19:50:45 น. |
Counter : 1170 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|