นั่ง JR มาลงที่ Harajuku
ออกจากสถานีมาก็เจอซุ้มนี้เลยค่ะ แล้วก็เดินตามฝูงชนไป
ถนนแห่งนี้ที่ฉันใฝ่ฝันนนนน Takeshita street
แต่แอบเสียใจที่มาไวไปหน่อย ( 9 โมง ) ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดประมาณ 10 ครึ่งหรือ 11 โมง
ก็เดินเล่นๆไปก่อนค่อยแวะกลับมาตอนร้านเปิดละกัน
เจอร้านเครปชื่อดัง นี่ขนาดยังเช้าอยู่นะ ยังมีคนเข้าคิวซื้อแล้ว ไม่ต้องพูดถึงกลางวันเลย
เดินข้ามถนนมาดูระแวกนี้
เดินเล่นตามตรอกซอย และเจอคิวยาว
เขาเข้าคิวรอทานอาหารเช้าร้านนี้กันค่ะ ท่าทางจะเป็นร้านดังแน่ๆ คิวยาวแต่เช้าเลย
เดินผ่านร้านคาเฟ่ น่ารักอ๊าาา ขนมก็น่ารัก แต่ร้านยังไม่เปิด ถึงเปิดก็ไม่มีเวลานั่งเล่น T^T
จะ 11 โมงแล้วก็เดินข้ามถนนกลับไปยังถนนที่เรามาตอนแรก เพราะว่าวันนี้จ๊ะจ๋ามีเป้าหมายค่ะ
เดินช็อปปิ้งเสื้อผ้า ร้านในซอยนี้มีเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าวัยรุ่นเยอะเลย
ราคาถูกกว่าแถว Shibuya เยอะเลย แต่ก็ไม่ได้ถูกเหมือนบ้านเรานะ
ที่ถูกๆก็มีค่ะ เสื้อ กระโปรงที่ราคาไม่แพงก็ราคาประมาณ 300-400 บาทเท่านั้น
และแล้วก็ถึงร้านที่หมายปองค่ะ ร้าน Pet Paradise เป็นแผนในทริปนี้ด้วยค่ะ
จ๊ะจ๋าจะมาซื้อของฝากน้องเซ็กซี่ อิอิ
เบาะนอนน่ารักๆทั้งนั้น ตอนแรกตั้งใจจะซื้อมาสัก 2 เบาะ แต่ว่ากระเป๋าดันเต็มซะแล้ว
เลยซื้อกลับมาได้แค่ 1 อันเท่านั้น
Hello Kitty น่ารักกกกก
น่ารักทั้งร้านเลยค่ะ
มีแต่ไอเทมน่ารักๆทั้งนั้น ร้านขายชุดคอสเพลย์ก็มี จริงๆอยากจะมีดูคนแต่งคอสเพลย์ แต่มาเช้าเกิน
เค้าอาจจะกำลังแต่งหน้าแต่งตัวกันอยู่ก็เป็นได้
ก่อนที่จะเข้าไปเอากระเป๋าที่โรงแรมก็แวะทานข้าวเที่ยงก่อนที่ร้าน Ootoya เยื้องๆโรงแรม
เมนูอาหารที่ญี่ปุ่นดีมากค่ะ อยากให้ที่ไทยทำแบบนี้บ้าง
เมนูอาหารบอกค่าแคลอรี่ บอกว่ามีเกลือกี่กรัมด้วย
แอบถ่ายสาวญี่ปุ่นโต๊ะข้างๆมา ผิวดี๊ดี คาวาอี้จัง
มื้อนี้ไม่แพงเลยค่ะ
เมื่อทานอิ่มแล้วก็ต้องรีบไปเอากระเป๋าแล้วเดินไปที่สถานีรถไฟ เพราะใกล้ถึงเวลาแล้ว
นี่ถ้ามีถ้วยรางวัลเดินเร็วพร้อมลากกระเป๋ายักษ์ จ๊ะจ๋าได้รางวัลชนะเลิศแน่นอนค่ะ
มาทันเวลาพอดีเป๊ะ ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดก็ตกรถไฟแน่นอนเลย
ไม่อยากจะกลับไทยเลย อารมณ์แบบว่าใจหาย อยากจะอยู่ต่ออีกนานๆเลย
ถึงขนาดเพ้ออยากจะหางานทำ ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยทีเดียว
รถเข็นคันนี้ของจ๊ะจ๋าคนเดียวค่ะ กระเป๋าก็เอามาใบใหญ่สุด ใส่เต็มแล้วล้นอีกต่างหาก
ไม่ได้เป็นนักช็อปหรอก จริงจริ๊งงงงงง
ดูจากในรูปนะคะ แล้วคิดภาพตอนลากกระเป๋ายักษ์อย่างเร่งรีบ แล้วต้องยกลงขั้นบันไดอีก 5555
ผู้หญิงถึก
เมื่อเช็คอินแล้วก็มานั่งสตาบัคแปปนึง แล้วก็เดินไปทีเกทเลย
ไม่มีได้เดินช็อปปิ้งใน Duty Free ต่อ เพราะเวลาจะไม่ทันแล้ว T^T
สุดท้ายก็มานั่งแกร่วเพราะการบินไทยไฟลต์ดีเลย์ค่ะ เป็นชั่วโมงเลย แบบว่าเบื่อมาก
ของว่างขบเคี้ยวก่อนมื้อหลักค่ะ
ขอบ่นหน่อยละกัน ตอนกลับมาดันเจอมนุษย์ลุงนั่งข้างๆเลย ตอนแรกนึกว่าไม่ใช่คนไทย เพราะไม่มีความเกรงใจเลย
พอเขาคุยกับแอร์โฮสเตสเท่านั้นล่ะ รู้เลย
คุณลุงปากเหม็นมากกกกกก แล้วนั่งหาวฟอดใหญ่แบบไม่ปิดปาก คิดจะเป็นลม
แล้วก็นั่งกางแขนออกมาจนจ๊ะจ๋าต้องนั่งไปเบียดน้อง คือจ่ายค่าโดยสารมาเท่ากัน
เริ่มรู้สึกอึดอัดเลยเอาหมอนที่รองคอมาตั้งที่วางแขนเพื่อแบ่งเขตแทน ลุงก็พยายามจะกระทุ้งเข้ามาอยู่นั่นล่ะ
แล้วก็ขี้หลีที่สุด หน้าตาดูหื่นๆ สงสารแอร์ฯ แต่สงสารตัวเองมากกว่า
มื้อเย็นประมาณ 4 ทุ่ม
ข้าวหน้าปลาย่าง อร่อยดีค่ะ
ไอศครีมชาเขียวก่อนจะลงเครื่องบิน
มาถึงสุวรรณภูมิประมาณ 5 ทุ่มกว่า ทั้งๆที่ควรจะเป็น 3 ทุ่มตามกำหนด
และของที่ช็อปปิ้งมาในวันสุดท้าย ของตัวเองคนเดียวอีกแล้ว
ทริปโตเกียวครั้งนี้ค่อนข้างเหนื่อยค่ะ ไม่ค่อยได้พักผ่อนเท่าไหร่ เพราะไปไม่กี่วันเลยต้องกอบโกย
ไปกัน 4 คน 4 วัน 3 คืน รวมๆแล้วหมดประมาณ 200k ค่ะ
ตั้งปณิธานไว้ว่าปีหน้าจะเก็บเงินไปญี่ปุ่นเอง อยากจะไปสุดๆเลยค่ะ หลงรักกกกกก