พัฒนาการของลูกน้อย ตอน ที่4 2554

ห่างหายไปนานจากการเขียนบล็อก มัวแต่ยุ่งๆ เรื่องนั้นเรื่องนี้เกี่ยวกับลูก ก็เลยไม่มีความมุ่งมันที่จะเขียนอะไร แต่ตอนนี้ผลสรุปที่แม่ฝ่าฟันเพื่อลุกสำเร็จแล้วก็เลยมาอับต่อความสำเร็จ
หลังกลับจากพักร้อนที่ไทยเมื่อเดือนตุลาคม ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบสาม เกือบเดือนผ่านไป เรื่อยๆ ใน รร หลังจากนั้นแม่ก็เลยไปสอบถามคุณครูว่า เกิดอะไรขึ้นกับลูกเพราะกลับมาบ้านลูกมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น สมมุติตัวตุ๊กตาเป็นครูสองคน ต่อสู้กันคนหนึ่งตาย คนหนึ่งรอด และชื่อนั้นที่ตายก็เป็นชื่อครูคนที่ชอบมีปัญหากับลูกทุกที
ถามไปได้เรื่องเลย บอกว่าลูกเราแย่กว่าเดิมพัฒนาการกลับถอยหลังไปอีก แต่ปัญหานั้นครูกับไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกพูด กับแม่ไม่มีมาบอกอะไรสักอย่าง แม่เลยเกิดอาการฉุน จึงนำปัญหานั้นมาคุยกับผู้ฝึกด้านสมาธิและการปฏิบัติของลูก เขาบอกธรรมดา ถ้าไม่ร้ายแรงก็คงไม่บอกแม่ แต่มันแย่นะสำหรับฉันเพราะว่า ฉันถือว่าเป็นสิ่งที่แม่ต้องรู้ เพราะต้องแก้ไข ฉันจึงนำเรื่องนี้คุยกับสามีแล้วก็คุยกับลูก
ฉันบอกสามีว่า ฉันต้องการ รร ที่อื่นที่สอนเด็กที่มีปัญหาโดยตรงเพราะอยู่นี่ ลูกก็ไม่ได้พัฒนาการอะไร นอกจากจะแย่ลงเพราะทุกวันเพื่อนๆ ลูกจะมีแต่เด็กต่ำกว่าสามขวบ พฤกรรมลูกก็เรียนแบบเด็กเหล่านั้น ฉันก็อดไม่ได้ คุยกับครูนั่นแหละว่า ไม่มีหรือที่จะแยกเด็กที่โตแล้วไปอีกรุ๊ป เพื่อเขาจะได้เรียนรูักับคนที่โตกว่า เหมือน ที่อื่นๆ ที่ฉันได้คุยกับแม่ๆ ด้วยกัน เขาบอกไม่มี และในความคิดเขาเด็กก็ไม่มีปัญหา ทุกคนปกติดี
นั่นน่ะสิ ทุกคนปกติ แต่ลูกฉันไม่ปกตินี่ ฉันจึงถามเพราะเขาชอบเด็กเล็กๆ มากกว่าคนรุ่นเดียวกันและโตกว่า ฉันไม่หยุดเท่านี้หรอก ฉันพยายามหา รร ที่พิเศษ สำหรับลูก แต่ก็ไม่มีเลย แถวบ้าน ฉันจึงขอคำปรึกษาผู้ฝึกสอนด้านพัฒนาการของลูก เขาก็ว่า ลูกฉันไม่ได้ผิดปกติถึงต้องไป รร สำหรับเด็กปกพร่องขนาดนั้น ซึ่งฉันก็ใช้เวลาหลายครั้งคุยกับครูเหมือนกัน ฉันบอกฉันไม่อายหรือแคร์ที่ลูกต้องไปเรียน รร พิเศษนั้น เพราะฉันรูัว่าลูกฉันมีปัญหาบางเรื่องใช่มันอาจจะไม่ร้ายแรง แต่ รร ธรรมดาที่ลูกอยู่ ไม่ได้พัฒนาการอย่างไร มีแต่จะตอกย้ำเขาว่า พัฒนาการถอยลงไปอีก และการดูแลก็ไม่ได้ทั่วถึง

รร อนุบาลที่บ้านจะเหมือนสถานเลี้ยงเด็กเข้าไปทุกวัน เด็กเล็กเยอะมากยิ่งขึ้น ฉันจึงยื่นคำขาดว่ากับผู้ฝึกพัฒนาการพิเศษว่า ถ้าลูกฉันไม่ได้เข้า รร พิเศษสำหรับเขา ฉันก็จะ เอาลูกออก และหากิจกรรมให้เขาทำ ดีอย่างที่เขาเข้าใจ จึงไปสอบถามที่ทำงานและก็ปรึกษาหมอที่อำเภอ เพราะยังไงลูกฉันก็ไม่มีความพร้อมที่จะไป รร ได้ ที่นี่เกณฑ์เด็กเข้า รร หกขวบค่ะ ๆ การทดสอบ เด็กว่าพร้อมไป รร หรือไม่ ประมาณห้าขวบหน่อยๆ ทดสอบ บอกครู รร ประถมไปแล้วว่าลูกมีปัญหา ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องรอหมอจากอำเภออนุมัติด้วย

สรุปหมอนัดทดสอบลูก เขาก็ยังไม่มีความพร้อมเพราะพัฒนาการล่าช้าในบางเรื่อง ก็ต้องอยู่คินเดอร์การ์เท้นต่ออีกหนึ่งปี นี่คือผลสรุปที่ลูกได้ ที่เรียนของคินเดอร์ใหม่ ถ้าหมอไม่สรุปก็คงยังต้องอยู่ที่เก่าต่อไป

ฉันมีความยินดีมากกับสิ่งที่ลูกได้รับ เพราะ รร ใหม่นี้แม่ได้ไปดูกับครูแล้วเป็นที่พอใจของแม่มาก เด็กไม่เยอะ มีทั้งปกติ และไม่ปกติ อุปกรณ์การพัฒนาการเด็กมีเยอะมาก มีรถรับส่งเพราะอยู่ไกลบ้าน ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพราะได้อนุมัติจากทางรัฐ เสียแค่อาหารน้อยกว่าที่เก่า และมีผู้ฝึกพิเศษโดยเฉพาะทางด้วย
นี่คือสิ่งที่แม่ต้องการ แล้วก็ต่อสู้จนได้มา ฉันพูดได้อย่างไม่อายใครเลยว่าลูกต้องย้ายไป รร นี้ เพราะเขาจะพัฒนาการเด็กจริงๆ จริงๆ กว่า รร อนุบาลปกติ ที่แทบจะไม่ได้อะไร เพราะเขาถือว่าเขาดูเด็กเยอะและที่เห็น เมื่อมีเด็กต่ำกว่าสามขวบมาก เด็กโตกว่าก็ต้องทำกิจกรรมและเล่นไปตามเรื่องก็มี
สรุป เดือนสิงหาคมนี้ ลูกจะได้ไปที่ใหม่ และได้รับวิธีการเรียนรู้ที่ค่อนข้างมากขึ้นเพื่อพัฒนาด้านสมองเพราะเขาเป็นคนลืมง่าย และก็ไม่ทำถ้าใครสั่งให้ทำ ครูใหม่บอกไม่ยากฝึก
หมดไปเรื่อง รอดูผลที่ รร ใหม่ สิ่งที่ฉันต้องขอบอกคือ ขอบคุณ ครูฝึกสอนพิเศษเฉพาะด้านที่เป็นธุรให้ จนประสบความสำเร็จ
มาม่านิด
ตอนนี้ลูกพูดได้เยอะมาก มากจนมึน แต่ยังมีความขี้อายแบบมากๆ เหมือนกัน

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2554		4 comments
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2554 2:12:13 น.
Counter : 773 Pageviews.
Share Tweet