คนอสังหาฯวอนผู้ว่ากทม.คนใหม่เดินหน้านโยบายพัฒนาเมืองหลวง ชูธงเรื่องความปลอดภัย พร้อมแนะปัญหาภาคอสังหาฯ ที่อยากให้ผู้ว่ากทม.คนใหม่เร่งแก้ไข

 

หลังจากที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครไปเมื่อวานนี้ (3 มีนาคม 2556) ซึ่งผลปรากฏว่า หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครเบอร์ 16 จากพรรคประชาธิปัตย์สามารถรั้งตำแหน่งพ่อเมืองกรุงเทพฯไว้ได้อีก 4 ปี โดยได้รับคะแนนเสียงจากผู้ที่มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 2,715,640 คนเป็นจำนวน 1,256,349 คะแนนแซงหน้าคู่แข่งพลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครเบอร์ 9 จากพรรคเพื่อไทยที่ได้รับคะแนนเสียง 1,077,899 คะแนน

 

DDproperty.com ได้พูดคุยกับคนในวงการอสังหาริมทรัพย์ถึงสิ่งที่คาดหวังหรือต้องการให้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ให้ความเอาใจใส่ในภาคอสังหาริมทรัพย์

โดยนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ให้ความเห็นว่า ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ควรดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับภาพรวมของภาครัฐ เพื่อให้การพัฒนา โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ เป็นไปได้อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ควรมีการปรับปรุงพื้นที่ในหลายๆจุดให้พัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ และให้ได้มูลค่าอย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น พื้นที่บริเวณริมแม่น้ำที่ยังมีปัญหาทางด้านความปลอดภัย ทัศนียภาพและปัญหาจราจร ทั้งที่ในเมืองใหญ่ทั่วโลกมูลค่าของโครงการบริเวณริมน้ำนั้นมีมูลค่าแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด 

 

“ควรมีการติดตั้ง CCTV ที่ใช้งานได้จริงและใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของสาธารณะ  ในปัจจุบัน ผู้พัฒนาโครงการต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มเนื่องจากการติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยมาตรฐานระดับธนาคาร รวมถึงการติดตั้งรั้วโครงการที่สูงผิดปกติที่นอกจากจะทำให้ต้นทุนสูงแล้วยังทำให้โครงการไม่สวยงามเท่าที่ควรด้วยด้วย ทั้งนี้รวมถึงผู้อยู่อาศัยที่ต้องแบกรับค่าส่วนกลางที่ครอบคุมว่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยในราคาสูง” นายยงยุทธกล่าว

 

“นอกจากนี้ ควรมีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งสภาพของรถโดยสารและความปลอดภัยบริเวณป้ายรถเมล์ ปัจจุบันผู้พัฒนาโครงการประปัญหาเรื่องของมลภาวะทางเสียงและควัน แทนที่การลงทุนซื้อที่ดินที่ติดถนนใหญ่ซึ่งมีราคาสูงแล้วจะเป็นจุดแข็งเนื่องจากใกล้ป้ายรถเมล์ ปลอดภัยเดินทางสะดวก แต่กลับกลายเป็นว่าต้องประสบกับปัญหารถติดเพราะรถเมล์แย่งกันจอดที่ป้าย นอกจากนี้ป้ายรถเมล์ยังกลายเป็นจุดที่มักเกิดอาชญากรรมบ่อยที่สุดจุดหนึ่ง” 

 

ทั้งนี้ นายยงยุทธได้แนะนำให้ทางผู้ว่าฯ คนใหม่พิจารณาการสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ที่อาศัยอยู่รอบนอกของเมืองได้เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น

 

“ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้พัฒนาโครงการได้สามารถพัฒนาโครงการในพื้นที่รอบนอก ตลาดอสังหาฯ ก็จะขยายกว้างขึ้นทั้งในด้านขนาดและความหลากหลาย ผู้บริโภคเองก็ไม่ต้องถูกบังคับให้อยู่ในห้องในเมืองที่มีขนาดเล็กลงทุกวัน เนื่องจากราคาอสังหาฯ ในตัวเมืองที่พุ่งสูงขึ้นเกินกว่าค่าครองชีพรวมถึงค่าเช่าเพราะพื้นที่ที่เหลืออยู่สำหรับการพัฒนานั้นมีน้อยและก็มีราคาแพง” 

 

ด้านนายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่วว่า โดยส่วนตัว อยากให้ผู้ว่าฯ คนใหม่หันมาแก้ปัญหาด้านการออกใบอนุญาตก่อสร้างให้เร็วขึ้น เพราะความล่าช้าดังกล่าวมีผลเสียต่อธุรกิจและเศรษฐกิจ รวมถึงการเรียกรับเงินใต้โต๊ะจากการออกใบอนุญาตก่อสร้างและการออกเลขที่บ้านให้ประชาชน 

 

“ที่สำคัญคือ การสมยอมให้ให้ผู้ประกอบการหรือผู้ขออนุญาตก่อสร้างอาคารผิดไปจากแบบแปลนที่ได้รับอนุญาตก่อสร้าง ซึ่งส่งผลต่อสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยและก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมา จึงขอฝากถึงว่าที่ผู้ว่ากรุงเทพฯ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย” นายพิศาลกล่าว

 

ภาพจาก Facebook 

 

 

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ    

ข่าวนี้เฉพาะคนที่อยากไปญี่ปุ่นฟรี! 

ไรมอนแลนด์ยันเดินหน้าพัฒนาอสังหาฯไฮเอนด์