โอกาสในการลงทุนด้านอสังหาฯในเมืองไทยในรอบปีที่ผ่านมาสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากผลการสำรวจความคิดเห็นจากนักลงทุนด้านอสังหาฯ กว่า 400 รายทั่วโลก
ตามรายงาน “
แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคประจำปี 2556” (2013 Emerging Trends in Real Estate Asia Pacific) ซึ่งจัดทำขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างบริษัทไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ (PWC) และสถาบัน Urban Land Institute ในสหรัฐอเมริกา กรุงเทพฯ ถูกจัดให้เป็นเมืองที่น่าลงทุนมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ในภูมิภาค
ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา อันดับความน่าลงทุนของกรุงเทพฯ ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยในปี 2553 เมืองหลวงของไทยแห่งนี้อยู่ในอันดับที่ 19 ก่อนจะขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 14 ในปี 2555 ที่ผ่านมา
โดยรายงานดังกล่าวมองว่า “กรุงเทพฯ กระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่โดดเด่นในปีนี้ โดยเป็นตลาดที่น่าลงทุนและให้ผลตอบแทนที่ดี ในขณะที่เศรษฐกิจก็กำลังเติบโต”
อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวระบุว่า กรุงเทพฯไม่ใช่ทำเลที่นักลงทุนต่างประเทศจะเข้ามาทำเงินได้ง่ายเท่าใดนัก เนื่องจากที่ผ่านมามีปัจจัยลบ อาทิ เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง, ภัยธรรมชาติ และความโปร่งใสทางด้านกฎหมายและข้อบังคับที่ค่อนข้างจำกัด เป็นต้น
ผู้ทำแบบสอบถามรายหนึ่งให้ความเห็นว่า “นอกจากปัจจัยลบที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับภาษีใหม่จึงทำให้นักลงทุนเกิดความลังเลขึ้นมา”
ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ในรอบปีที่ผ่านมามีปริมาณซัพพลายเกิดขึ้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากสินค้าที่มีอยู่ในตลาดได้มีการขายออกไป ในขณะที่บริษัทผู้พัฒนาโครงการส่วนใหญ่หันไปให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลมากขึ้น
ภาคธุรกิจที่ส่งผลต่อตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ก็คือธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมนั่นเอง
ในขณะที่ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ นั้นได้รับอานิสงส์จากการที่จะไม่มีซัพพลายใหม่ๆ เกิดขึ้นในตลาดมากนักจนกว่าจะถึงปี 2557 โดยผู้ตอบแบบสอบถามรายหนึ่งมองว่า “กรุงเทพฯ ยังไม่มีศูนย์กลางอย่างแท้จริงที่จะสามารถดึงดูดธุรกิจนานาชาติได้ครั้งละจำนวนมากๆ”
อย่างไรก็ดี รายงานฉบับนี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่าในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศไทยจะมีดีมานด์ด้านอาคารสำนักงานเพิ่มขึ้น โดยมาจากบรรดาเชนรีเทลต่างชาติที่จะเข้ามาเปิดสาขาและสำนักงานในเมืองไทยนั่นเอง
ทั้งนี้ 5 เมืองแรกที่รายงานดังกล่าวมองว่าเป็นเมืองที่น่าลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ได้แก่ จาการ์ต้า (อินโดนีเซีย), เซี่ยงไฮ้ (จีน), สิงคโปร์, ซิดนีย์ (ออสเตรเลีย) และกัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย)
รายงานฉบับเต็มสามารถอ่านได้
ที่นี่
อัพเดทข่าวในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ทางอีเมลส่งตรงจากเว็บไซต์อสังหาฯ อันดับ 1 ของเมืองไทยฟรี สมัครได้ที่นี่
ข่าวอื่นที่น่าสนใจ