|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
จากเชียงใหม่สู่สุวรรณภูมิ
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง กำหนดเวลาคือ 19.15 น. ของวันที่ 11 ตุลาคม 2552
เดินทางออกจากบ้านประมาณบ่ายสี่ครึ่ง พอไปถึงสนามบินเชียงใหม่ก็เกือบห้าโมงพอดี ไปถึงก็จัดการเอารถเข็นมาใส่กระเป๋าเดินทาง พอเดินเข้าไปข้างในเค้าก็จะมีเครื่องตรวจกระเป๋า ต้องเอากระเป๋าทุกชิ้นของทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนเดินทางหรือคนมาส่ง เอาใส่เครื่องตรวจหมดเลย แล้วก็ทยอยเดินเข้าเครื่องตรวจร่างกาย(เรียกว่าไรหว่า) ที่เวลามีของแปลกปลอมเครื่องจะดังติ๊ดอ่ะ ถ้าเครื่องดังก็จะถูกให้ไปยืนบนแท่นแล้วเจ้าหน้าที่จะเอาแท่งยาว ๆ มาโบกใกล้ ๆ ตัวหาของมีพิรุธ
เสร็จจากขั้นตอนตรวจกระเป๋าแล้วก็ไปเช็คอิน ดีนะที่ไปเช้าๆทำให้ตอนเช็คอินคนไม่ค่อยมี โล่งมาก
ไปเช็คอินเขาก็ชั่งนน.กระเป๋าด้วย ทีนี้ของการบินไทยซื้อตั๋วdomestic มันจำกัดนน. 20 โลฯ ไอ้เราก็เอาไปสองใบ ใบหนึ่งยี่สิบเอ็ด ใบหนึ่งสิบเจ็ด เกินระนาว แต่ก็บอกเขาไปว่ามีบินไปต่างประเทศต่อเขาก็ขอดูตั๋วก็ให้ผ่านได้ จึงถือโอกาสขอให้เช็คทรูไปเลย ได้ซะงั้น โชคดีไป
ไอ้ตอนเช็คอินนี่เพื่อนก็โทรหากันจังเลย คนที่จะมาส่งในสนามบินนั่นล่ะ โทรหาว่าอยู่ไหนมั่ง บอกว่าจะมาช้ามั่งอะไรมั่ง ไอ้เราก็ต้องรอลุ้นกระเป๋าอีก มากมายหลายสิ่งจริง ๆ
เช็คอินเสร็จก็ไปนั่งรอบนชั้นสองใกล้ ๆ กับทางเข้าไปในเกต ไปนั่งลัลลาถ่ายรูปบ้างอะไรบ้าง พอใกล้ถึงเวลาพี่อาเจนฯก็มาส่งแล้วก็แนะนำอะไรๆครั้งสุดท้าย จากนั้นแม่ก็เข้ามากอด พ่อนี่ถึงกับจูบหน้าผากเลยทีเดียว ทำเอาน้ำตาเกือบไหลแต่กลั้นไว้(แอ๊บว่าเข้มแข็งไว้นิดหนึ่ง)
ร่ำลาครอบครัวและเพื่อน ๆ เสร็จก็เดินเข้าในเกต เอ๊กเรย์กระเป๋าแครี่ออนอีกรอบ ทีนี้มันมีสีแดง ๆ ตรงที่เราใส่ดิคฯไว้ เค้าก็ถามว่ามันเป็นกล่องอะไร ฮ่าๆ ก็บอกไปว่าเป็นดิคฯแล้วให้เขาเปิดดูได้ เค้าก็เปิดแล้วหยิบออกมากาง ๆ ดูว่าเป็นดิคฯเลยผ่าน (คิดในใจว่าดิคฯมันเป็นกระดาษแล้วเครื่องมันตรวจยังไงให้เป็นสีแดงฟ่ะ) ที่เห็นว่ามีสีแดงเพราะเหลือบไปดูตรงจอภาพแล้วเห็นกระเป๋าเป็นโครงร่างและเส้นๆเต็มเลย มีสีแดงอยู่ตรงจุดที่ไว้ดิคฯจุดเดียว
เอ๊กเรย์กระเป๋าเสร็จก็ไปหาที่นั่งแล้วก็รอ ๆ ๆ ๆ ๆ ประมาณยี่สิบนาทีได้ คนรอบข้างก็นั่งรอเหมือนกัน แต่เขาก็มากันเป็นกลุ่มก็นั่งคุยกันชิลๆ ไอ้เราตัวคนเดียวก็ง่อมเหงามองโน่นมองนี่ฆ่าเวลา
ในที่สุดก็ถึงเวลาบิน ก็ไปเข้าแถวตรวจตั๋วพร้อมกับหยิบพาสปอร์ตให้ดูด้วย (เค้าประกาศให้ใช้บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตแนบกับตั๋ว) จากนั้นก็เดินตามชาวบ้านไป เข้าไปในเครื่องบินปุ๊บก็มองหาที่นั่ง ตอนแรกงงว่าดูเลขที่นั่งยังไง ถามสจ๊วตเค้าก็ชี้เลขตรงเคบินด้านบนก็ถงบ้างอ้อ (ตูบินครั้งแรกนี่หว่า) แล้วก็ตรงดิ่งไปนั่งที่ตัวเอง เป็นที่นั่งติดหน้าต่างเหลืออีกสองที่ไว้ แอบลุ้นว่าใครจะมานั่งกับเราว้า ปรากฏว่าเป็นคู่รักชาวต่างชาติ ชาติไหนไม่แน่ใจแต่เดาว่าเป็นฟิลิปปินหรือเวียดนาม หรืออินโดฯ (เดาเยอะไปไหม) เพราะสำเนียงที่ไม่คุ้นหูเลยแต่ผมพวกเขาสีดำและหน้าตาเอเชียมาก
พอเครื่องขึ้นก็ยังไม่ค่อยตื่นเต้นอะไร ความรู้สึกประมาณว่าอ่อ เครื่องบินมันเป็นงี้เอง อืมๆๆ แล้วก็นั่งแหงกรอไปหนึ่งชั่วโมงโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนข้าง ๆ เลย (ฟังมันไม่รู้เรื่องด้วย) พอใกล้ถึงก็เริ่มปวดฉี่ นั่งก็ในสุดด้วย เลยรอไปเข้าห้องน้ำที่สุดวรรณภูมิดีกว่า
พอเครื่องลงปุ๊บก็เตรียมสัมภาระแล้วเดินออกไป เดินไปตามชาวบ้านเขานั่นแหละ จากนั้นก็เซย์ฮัลโหลกับสุวรรณภูมิ สนามบินที่...ที่สุดในโลกหลายอย่าง (ไปคิดเอาเอง)
สนามบินเชียงใหม่ก่อนบินไปสุวรรณภูมิ
Create Date : 16 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2552 9:23:16 น. |
|
2 comments
|
Counter : 745 Pageviews. |
|
|
|
โดย: GET school IP: 118.172.88.189 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:17:50:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|