+-+-+-+-+-+บันทึกการเดินทางที่ชื่อ เฮอล็องเฮอเละมะเด (เชียงราย-พม่า) ตอนที่ 2+-+-+-+-+-+
บันทึกการเดินทางที่ชื่อ เฮอล็องเฮอเละมะเด (เชียงราย-พม่า) ตอนที่ 2 ฉบับสมบูรณ์
update - 23 พย. 2552
ใครมีความคิดเห็นอย่างไร คอมเมนต์ไว้ที่ช่องข้างล่างได้เลยนะครับ ขอบคุณภาพประกอบจาก เมย์ ลิปดา บุ๋มบิ๋ม และกุ๊ก
วันที่สองของการเดินทาง
อาจเป็นเพราะเมื่อคืนผมได้นอนแค่ไม่กี่ชม. เลยทำให้หลับเพลินไปหน่อย หลับเพลินจนไม่สนใจนาฬิกาปลุกในมือถือซึ่งตั้งไว้เสียงดังสนั่น ในเมื่อปลุกด้วยระบบดิจิตอลไม่ได้ผล จึงต้องเปลี่ยนมาใช้การปลุกระบบแมนนวลแทน จากการที่สมาชิกทริปท่านอื่นมาเคาะประตูปลุก
ปัง ปัง ปัง
"ตื่นได้แล้ว 8 โมงเช้าแล้วจ้า" เลยเวลานัดหมายกว่าครึ่งชมแล้วนี่ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ใช้เวลา 3 นาทีในการแปรงฟัน หวีผม เปลี่ยนเสื้อผ้า (โปรดสังเกตว่าข้ามขั้นตอนอาบน้ำไปอย่างเนียนๆ) แล้วรีบออกไปขึ้นรถพร้อมคนอื่นอย่างแนบเนียน
สถานที่:ตลาดเช้า
โปรแกรมมื้อเช้าวันนี้ เราจะไปกินอาหารเช้ากันที่ตลาดแถวนี้ ใช้ระบบตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างหาของกินกันเอง เสร็จแล้วนัดมาเจอกันที่จุดนัดพบอีกที
ในเมื่ออุตส่าห์มาแปลกถิ่น แปลกที่ อาหารในตลาดก็เต็มไปด้วยเมนูไม่คุ้นเคย อันโน้นก็อยากกิน อันนี้ก็อยากได้ สมาชิกทริปแต่ละคนจึงตัดสินใจแยกย้ายไปหาอะไรกินตามที่ใจปรารถนา
ดีไซน์คัลเจอร์กันจริงๆ ตลาดนี้
ของดี ราคาถูก ยังมีอยู่
พ่อค้าที่นี่ ทำกาแฟเร็วจริงๆ ครับ ท่านผู้ชม
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามสไตล์อาหารเช้า ข้าวต้ม ขนมจีน ข้าวซอย ข้าวแรงฟืน ข้าวมันไก่ ปาท่องโก๋ กาแฟ อะไรเบาๆ ถือได้ว่า กินกันตายไปอย่างนั้นเอง
ย้อนคิดขึ้นมาแล้ว ถ้าผมสามารถย้อนเวลากลับไปตอนนั้นได้ ผมจะสั่งข้าวมาสัก 3-4 จาน แล้วยัดเอาทุกอย่างที่กินได้เข้าปากให้หมด แถมด้วยกระทิงแดงอีกสัก 5 ขวด (ไม่สนใจคำเตือนข้างฉลากทั้งสิ้น) นั่นเป็นเพราะผมมารู้อีกทีตอนหลังว่า กว่าเราจะได้กินข้าวเย็นอีกทีก็ตอนฟ้ามืด และจากนี้ไปเราต้องเดินขึ้นเขาเป็นลูกๆ หลายชม.ต่อกันโดยไม่มีเสบียงติดตัวอะไรเลย นอกจากน้ำ....
กินข้าวกินปลา ชมตลาดกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้เวลาเดินทางต่อไป ด้วยรถตู้ทั้งหมด 2 คัน และรถแดงของพี่ใญ่ สยามอีก 1 คัน
ตามรถพี่เขามานานมาก
รถแดงของพี่ใญ่ เสริมด้วยกระบะสังกะสี PDA
สถานที่:หมู่บ้านอาข่า หล่อโย
นั่งเมารถมาได้สักพักก็มาถึงดอยแม่สลอง จุดหมายปลายทางของเราในตอนนี้ก็คือ หมู่บ้านอาข่าที่ชื่อว่า "หมู่บ้านหล่อโย" โดยกะว่าเดินดูธรรมชาติไป ถ่ายรูปไป (ยกเว้นผม ซึ่งเป็นสมาชิกคนเดียวในกลุ่มที่ไม่มีกล้อง...แต่ปรากฏว่ารูปเยอะกว่าชาวบ้าน...) พูดคุยกับชาวบ้านไป ศึกษาชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ของคนในท้องถิ่น (ดูเป็นทริปที่มีสาระ และก่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติมาก ซึ่งถ้าผมจัดเอง ก็คงไม่มีอะไรแบบนี้หรอก แหะๆๆ)
มีโฮมสเตย์ด้วยเน่อ
ทุ่งรวงทอง
มีรั้ว กลัวคนโดดเหวฆ่าตัวตาย
บรรยากาศโดยรวมตอนนี้ดีมาก เหล่าสมาชิกทริปต่างเดินไปด้วยกัน ถกเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้การเดินทางของพวกเราดูไม่เงียบเหงาจนเกินไป มาดูพัฒนาการของเส้นทางการเดินของพวกเราดีกว่า
ตอนแรกยังเป็นเส้นทางแบบนี้
เดินไปเดินมา ทางเริ่ม advance ขึ้น
เริ่มเข้าสู่โหมด เพชรพระอุมา
ตอนหลังต้องเดินดีๆ ไม่งั้นอาจตกคลองได้
เดินไปสักพัก ก็เจอหมู่บ้านอาข่า พวกเราเลยเข้าไปทักทาย พร้อมขออนุญาตเข้าไปเยี่ยมชมสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาเล็กน้อย
All about his Mother
เด็กคนนี้มันน่าหยิกแก้มแรงๆ ซะจริงๆ (เริ่มโฉดแล้วเรา)
ตุ๊กตา 3 ขา น่าสะสมให้ครบทุกแบบ
มีของที่ระลึกอีกมากมาย
มีจานดาวเทียมไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง
ปลูกบ้านเป็นขั้นบันได
ชมบ้านชมเมืองพูดคุยกับชาวอาข่าพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อไป ในหมู่บ้านมีเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่มากมาย พวกเราก็เลยเกิดแรงบันดาลใจทำตัวเป็นพิธีกรรายการทุ่งแสงตะวัน (เป็นรายการที่ผมดูครั้งสุดเ้มื่อ 10 ปีทีแล้ว คาดว่านานพอๆ กับเจ้าขุนทอง) ชวนเด็กๆ ไปร่วมเดินเล่นไปกับพวกเราด้วย
เรื่องสนุกๆ แบบนี้ มีหรือเด็กๆ จะพลาด มีน้องๆ ร่วมเดินทางไปกับเราเยอะมาก บางคนอายุ 4-5 ขวบก็ตามเรามาด้วย จนพวกเราคิดว่า ถ้าเด็กเล็กๆ เขาเดินไม่ไหว พวกเราก็ช่วยๆ กันแบกน้องเขากลับบ้านก็แล้วกัน
แต่พอเอาเข้าจริง กลับผิดคาด อาจเป็นเพราะน้องๆ เขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เดินขึ้นลงภูเขาเล่นเป็นกิจวัตรประจำวัน คนเมืองที่วันๆ เอาแต่เล่น facebook ก็เลยเดินสู้พวกน้องๆ เขาไม่ได้ เปล่าให้พวกน้องๆ เดินแซงหน้าไปอย่างหน้าตาเฉย
หนูไปด้วย
เจ้าของภาพนี้บอกว่า นี่คือภาพหลังจากบอกให้น้องๆ สองคนนี้ยิ้มแล้ว
เด็กๆ เดินกันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยจริงๆ
จุดหมายอยู่ที่เขาลูกโน้น
ต้องเดินลัดเลาะไปตามคันนา
เห็นวิวชัดเจนมาก ใครอยากได้ภาพสวยๆ ส่งประกวดรางวัลไหน มาที่นี่ รับรองไม่ผิดหวัง
เดินไปสักพัก ท้องก็เริ่มหิว ข้าวที่กินมาเมื่อตอนเช้า หมดไปตั้งแต่ยังไม่ทันขึ้นดอย พวกเราล้วนเดิน เดิน เดิน อย่างไม่มีจุดหมาย ไม่รู้ว่าจะถึงเมื่อไร เลยหันหน้าไปถามพวกน้องๆ เขาว่า
"ใกล้ถึงหรือยังน้อง" "ใกล้ถึงแล้ว"
เดินไปในระยะทางที่เรียกได้ว่า โคตรไกล พวกเราก็ย้อนกลับไปถามน้องเขาอีกครั้ง
"ใกล้ถึงหรือยัง" "ใกล้แล้ว"
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอนหญิงให้รู้ว่า ไม่ควรถามระยะทางจากเด็กๆ ชาวเขาเด็ดขาด
แต่ถึงไกล ก็ไม่ชวนให้ท้อใจสักเท่าไร เพราะรอบกายมีสิ่งสวยๆ งามๆ มากมาย อาทิ เช่น
ผีเสื้อและดอกไม้
เห็นสีดอกไม้แล้วอยากกินเหล้าปั่น (ฝักใฝ่อบายมุขจริงๆ)
เขียว เหลือง แดง
เดินมาพักใหญ่ๆ ในที่สุด เราก็มาถึงจุดหมายของเรา...
นั่นก็คือ.......
คือ...
คือ...
แม่น้ำนั่นเอง (แล้วจะเว้นไว้ให้ตื่นเต้นทำไม)
แม้จะไม่มีใครเอาชุดมาเปลี่ยนกันเลย แต่ด้วยความที่เดินมาจนลิ้นห้อย แถมน้องๆ ที่ตามมาก็กระโดดน้ำกันโครมคราม จะให้เราอยู่เฉยได้อย่างไร พวกเราเลยตัดสินใจ ลงเล่นน้ำเป็นเพื่อนน้องๆ ด้วยซะเลย
A River Run Through It
น้ำน่ากระโดดเล่นมากครับ
เห็นเด็กนี่เล่น แล้วอดใจไม่ไหว ต้องขอกระโดดเล่นน้ำตาม
ซ้อน 3
เอาตูดแช่น้ำเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินต่อไป "กลับทางเดิมหรือเปล่าครับ" ผมถาม "ใช่ครับ" "..." แม้จะรู้อยู่แล้วว่าา คำตอบต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่ก็อดถอนใจไม่ได้
ได้เวลาชมวิวขากลับในแบบตัวแปลกๆ เดินกลับคราวนี้ ดูสมาชิกทริปแต่ละคนแล้วล้วนแต่ทำหน้าสิ้นหวัง ไม่พูดไม่จากับใคร เรากลัวว่า จะเหงาเกินไป เลยจัดคอนเสิร์ตคนจนขึ้นมา ไม่เก็บเงินค่าตั๋วใดๆ ทั้งสิ้น (แต่ถ้าอยากให้หยุดร้อง ต้องจ่ายเงินมาให้เราซะดีๆ) ขณะที่ขึ้นเขา พวกเราก็เดินร้องเพลงไปตลอดทาง
ซึ่งเพลงที่พวกเราเลือกมาขับร้องนั้นก็มีหลักการในการเลือกอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเวลาขึ้นเขาเหนื่อยๆ แค่เดินก็จะพะงาบๆ อยู่แล้ว ถ้าจะให้ร้องเพลงเป้ ไฮร็อคหรือเสือ ธนพล คนร้องจะหมดลมหายใจขณะปฏิบัติภารกิจสร้างเสียงเพลงไปเสียก่อนได้ เพลงที่เราเลือกมาร้องในครั้งนี้ต่างก็เป็นเพลงที่ร้องง่ายๆ ร้องตามได้ทุกครัวเรื่อน อย่างเช่น หมอกหรือควัน, เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ, สาวมอเตอร์ไซค์, สาวเชียงใหม่, ลมหนาว, เที่ยวละไม, โปรดส่งใครมารักฉันที (เพลงนี้ทำเอาหมดลมไปหลายคน) และอีกมากมาย ระหว่างที่เดินมา ไม่พบเห็นสัตว์สักตัว ไม่รู้ว่าแตกตื่นวิ่งหนีไปเพราะตกใจเสียงพวกเราหรือเปล่า
เรามาดูวิวข้างทางกันต่อดีกว่า
ตากผ้าที่นี่ ท่าจะแห้งเร็ว
ข้าวที่นี้ กินได้สดๆ จากเต้า เอ้ย จากต้นเลยครับ เวลาบีบเม็ดข้าว จะมีน้ำนมข้าวไหลออกมา กินอร่อยมาก (เหมาะมาก สำหรับใครที่หุงข้าวไม่เป็น )
สายล่อฟ้า
มีน้องในทริปบอกว่า คิดถึงเพลง ฟ้ากาง ของรวิ เดนท์ (ทุกวันนี้ผมยังไม่ทราบเลยว่า ฟ้ากางแปลว่าอะไร แหะๆๆ)
นอนไม่ดี อาจตกเขาตายได้
อินเดียน่า ใญ่
ยิ่งสูง ยิ่งหนาว
สมาชิกท่านนึงกล่าวว่า จากที่คิดไว้ว่าจะเป็นทริปคอนแวนต์ สดใสร่าเริงตามสไตล์วัยรุ่นไทย สุดท้ายไหงหลิกล็อกกลับกลายเป็นทริปฝึกรด.หญิงไปได้ยังไงไม่รู้ หลังจากใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชม. ครึ่ง ในที่สุดเราก็มาถึงปลายทาง...ที่ฉันรอเธอจนได้ เฮ่อ..
ไอติมถั่วแดงที่อร่อยที่สุดในโลก
เสร็จแล้วก็ได้เวลาล้อมวง นั่งฟัง ผู้ใหญ่อาข่าพูดถึงเรื่องหมู่บ้าน และมีการโชว์ตีกลองให้ดูอีกด้วย
ภาษาอังกฤษเป๊ะมาก
ถึงตอนนี้ ทุกคนท้องร้องจ๊อกๆ หมดแล้ว แผนการที่จะไปดูไร่ชา ดูไผ่ ไปดูโน่นดูนี่เลยถูกยกเลิกทุกอย่าง เปลี่ยนจากคิดว่าจะดูอะไร เป็น คิดว่าหาอะไรกิน แทน แต่ไหนๆ เราก็มาถึงแหล่งอาหารยูนนานแล้ว จะให้เข้าร้านอาหาร สั่งกระเพราไก่ไข่ดาว ก็ดูจะใช่ที่ เราจึงมุ่งหน้าไปสู่ ร้านอาหารยูนนาน หาออะไรมากระแทกปากกันต่อ
เอามายั่วน้ำลายซะหน่อย ขาหมูกับหมั่นโถว เมพขิงๆ กินแล้วอะจึ๊ยๆ สวรรค์รำไร (ขออภัย ศัพท์ชวนปวดตับไปหน่อย)
ขออภัยที่ไม่มีเมนูอื่นให้เห็น เนื่องจากมัวแต่กินด้วยความหิวโหย ไม่มีใครหยิบกล้องมาถ่ายภาพอาหารทันเลย
กินกันจนฟ้ามืด พวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังแม่สายทันที สรุปแล้ว เป็นอันว่า พวกเราพลาดการไปดูไร่ชาอย่างน่าเสียดาย (แต่ถ้าไปดูไร่ชาตอนนี้ กลัวว่าการดูไร่ชาในความมืด อาจสร้างความระทึกขวัญโดยไม่จำเป็นต่อสมาชิกทริปได้)
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด...กี่ชั่วโมงไม่รู้ (เพราะข้าพเจ้าหลับตลอด) ก็มาถึงแม่สาย เหนือสุดแดนสยาม ขับผ่านตลาดโต้รุ่ง และเวทีคอนเสิร์ตของใครสักคนซึ่งผมดูไม่ทัน แต่คิดว่าคงไม่ดัง เพราะไม่ค่อยมีคนดูสักเท่าไร ในที่สุด รถตู้ก็พาเรามาส่งตรงตรอกแคบๆ ริมน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งรถตู้ไม่สามารถผ่านได้ ดูบรรยากาศแล้วไม่น่ามีเกสต์เฮาส์หรือบ้านพักใดตั้งอยู่เลย แต่พอเข้าไปแล้ว ผิดคาด พบว่า ข้างในมีเกสต์เฮาส์ที่ตั้งอยู่ริมน้ำ บรรยากาศดีสุดๆ ตั้งอยู่
พวกเราตกลงกันว่า พอเก็บกระเป๋าข้าวของ อาบน้ำแต่งตัว ดื่มน้ำปัสสาวะเสร็จ พวกเราจะลงมาสหวีวี่วี ร้องรำทำเพลง พูดคุยถกเถียงกันที่ระเบียงริมน้ำ
*********
โปรดติดตามชมกันต่อไปว่า สมาชิกทริปจะถกเถียงเรื่องอะไร ระเบียงริมน้ำจะรับน้ำหนักสมาชิกทริป 24 คนไหวไหม ไำปเที่ยวเมือง พม่า ซึ่งยังมีอะไรที่เด็ดกว่า แผ่นแม่สาย อาหารพม่าแท้ๆ แซ่บอย่างไร โปรดติดตามได้ในตอนที่ 3 (ตอนจบ) วันที่ 25 พย.ครับ
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552 |
|
15 comments |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2552 7:46:28 น. |
Counter : 2819 Pageviews. |
|
|
|