ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
30 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
+-+-+-+-+แนะนำให้ดู - อินทรีแดง+-+-+-+-+

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เวบ POPpaganda
//www.poppaganda.net/entertainment/559/

ผู้เขียนขอขอบคุณบก.ตี้สำหรับเอื้อเฟื้อพื้นที่ให้กับบทความนี้ครับ





+-+-+-+-+แนะนำให้ดู - อินทรีแดง+-+-+-+-+

โดย ฟ้าดิน

ในคราวแรก ผู้เขียนขอสารภาพว่า ไม่คิดที่จะเขียนบทความแนะนำให้ดูหนังเรื่องอินทรีแดงเลย ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะว่า เห็นว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าสนใจ (ในทางตรงกันข้าม อินทรีแดง คือหนังไทยที่ผมอยากดูมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของปีนี้) เหตุเพราะเห็นว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่หลายคนน่าจะสนใจเข้าไปรับชมอยู่แล้ว

แต่พอได้รู้ว่าหนังเรื่องนี้ทำรายได้ในสัปดาห์แรกไปเพียงแค่ 5.3 ล้านบาท และปัจจุบันทำเงินไปได้ 10 กว่าล้านซึ่งน้อยกว่าที่หลายคนคาดหวังไว้มาก ก็เลยทำให้ผู้เขียนเกิดแรงฮึด ลุกขึ้นมาเขียนแนะนำหนังเรื่องนี้ส่งบก.ตี้คนงามทันที (ปกติคนอื่น ถ้าเกิดแรงฮึดก็ลุกขึ้นมาเขียนเลย ตรงข้ามกับผู้เขียนที่ต้องใช้เวลารวบรวมแรงฮึดประหนึ่งโงกุนรวบรวมลูกบอลเกงกิในดราก้อนบอลประมาณ 1 อาทิตย์ขึ้นไป) เผื่อจะช่วยให้หนังเรื่องนี้มีคนสนใจมากขึ้น เพื่อที่หนังจะได้ไม่ต้องประสบกับโศกนาฏกรรมทางรายได้เหมือนที่หนังไทยดีๆ หลายเรื่องเคยเป็น

อินทรีแดง เป็นผลงานการกำกับของวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากที่สุดท่านหนึ่ง ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของเขาทั้งสามเรื่องอย่าง ฟ้าทะลายโจร, หมานคร, เปนชู้กับผี นั้น มีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ มีสไตล์จัดจ้านทั้งการถ่ายภาพและฉากหลัง อีกทั้งมีความเป็นไทยอยู่ในหนังค่อนข้างสูง (ดังจะเห็นได้ชัดเจนจาก เปนชู้กับผี ที่ไร้ซึ่งกลิ่นนมเนยหรือปลาดิบแบบที่หนังผีไทยในช่วงหลังหลายๆ เรื่องเป็นอยู่อย่างสิ้นเชิง) และกล้าที่จะเอาองค์ประกอบที่หลายคนมองว่าเชยหรือตกยุคมาประยุกต์ใช้ในหนังได้อย่างลงตัวจนทำให้สิ่งที่เคยดูเชยกลับกลายเป็นความแปลกใหม่ (Modern) ขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่งอีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังทุกเรื่องของเขาจะได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมากจนทำให้ชื่อของเขาเป็นที่ติดปากของนักวิจารณ์เมืองนอก ไม่แพ้ผู้กำกับอย่างอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุลหรือเป็นเอก รัตนเรืองเลย แต่น่าแปลกใจ (หรือว่าไม่ควรแปลกใจแล้วหว่า?) ที่หนังไทยน้ำดีของเขากลับไม่ได้รับการต้อนรับจากคนดูหนังชาวไทยมากเท่าที่ควร ทั้งทางด้านรายได้และเสียงตอบรับ

ด้วยเหตุที่หนังของเขามีเอกลักษณ์อยู่ที่ความเป็นไทย และการประยุกต์เอาของเก่ามาใช้ในหนังได้อย่างลงตัว จึงไม่น่าแปลกใจที่วิศิษฏ์จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นตัวแทนนำเอานิยายคลาสสิคเมื่อ 50 ปีที่แล้วอย่างอินทรีแดง ของเศก ดุสิตมาสร้างใหม่ในปีพศ.นี้ (และหากมีการนำเอานิยายพล นิกร กิมหงวนของป.อินทรปาลิตมาสร้างเป็นหนังเมื่อไร แน่นอนว่าตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด ก็ย่อมจะเป็นเขาอีกเช่นกัน)

หลายท่านคงทราบกันแล้วว่า อินทรีแดงเคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาก่อน ซึ่งบทนี้เป็นบทที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้รับบทนี้อย่างมิตร ชัยบัญชา พระเอกระดับตำนานเป็นอย่างมาก จากบทสัมภาษณ์ของผู้เกี่ยวข้องกับหนังอินทรีแดงยุคก่อน ทำให้เราทราบว่า บทโรม ฤทธิไกรหรืออินทรีแดงเป็นบทที่มิตรชอบและรู้สึกผูกพันมากที่สุด ซึ่งหนังที่ปิดตำนานนักแสดงของมิตร ก็คือหนังเรื่อง อินทรีทอง ซึ่งเป็นภาคหนึ่งของหนังชุดอินทรีแดงนั่นเอง

หากจะให้วิเคราะห์แล้ว เราจะพบว่าทั้งนิยายและหนังชุดอินทรีแดงในยุคนั้นสามารถจัดอยู่ในกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโร่แบบที่กำลังฮิตไปทั่วโลกในขณะนี้ได้เหมือนกัน ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่า ที่จริงแล้วเมืองไทยมีหนังกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่เหมือนที่อเมริกามีเหมือนกัน เพียงแต่ทางอเมริกาได้มีการเชื่อมต่อหนังกลุ่มนี้อย่างเป็นระบบผ่านหนังสือการ์ตูนและหนังชุด ต่างจากประเทศไทยที่ไร้ซึ่งเชื่อมต่อ จนทำให้หนังกลุ่มนี้ขาดฐานรากที่มั่นคง จนทำให้ภายหลัง หนังกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมของสังคมไทย และหนังไทยอแนวซูเปอร์ฮีโร่ที่ออกมาในยุคหลังจึงขาดเอกลักษณ์และก่อให้เกิดความรู้สึกอีหลักอีเหลื่อเวลาดู ยกตัวอย่างเช่น มนุษย์เหล็กไหล เป็นต้น (ซึ่งเป็นเช่นเดียวกับหนังอนิเมชั่นของไทยที่หลังจาก สุดสาคร ของประยุต เงากระจ่างแล้ว ก็ขาดการสานต่อ จนตอนหลังก็โผล่มาเป็นอนิเมชั่นสามมิติไปเลย)

หากเราจะวัดจากคุณภาพงานสร้างซึ่งมักจะเป็นจุดอ่อนของหนังไทยหลายเรื่องแล้ว ต้องถือว่า อินทรีแดงเป็นหนังที่มีคุณภาพงานสร้างที่ดีมาก เรียกได้ว่าสูสีกับมาตรฐานสากลเลยทีเดียว เอฟเฟคต์พิเศษดูเนียนตา ฉากการต่อสู้ดูจริงจังไม่หลอกตาดูแล้วลุ้นตามพระเอกให้ชนะ (ไม่ใช่ลุ้นให้จบเร็วๆเหมือนหนังแอ็คชั่นไทยบางเรื่อง) งานสร้างดูสวยงามและเป็นมืออาชีพ ทำให้อินทรีแดงเป็นหนังไทยที่สามารถนำไปอวดกับชาติไหนก็ได้โดยไม่ต้องอายใคร ส่วนหนึ่งต้องชื่นชม taste ทางด้านศิลปะและความงามของผู้กำกับวิศิษฏ์ ซึ่งเราจะเห็นความพิเศษทางด้านนี้ของเขาได้อย่างชัดเจนผ่านทางโฆษณาที่เขาเคยทำมาก่อน (กางเกงยีนส์แรงเลอร์, MK ชุดกินอะไร)





เนื้อหาในอินทรีแดงฉบับใหม่ ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นในอนาคตปี 2016 โดยได้มีการดัดแปลงเนื้อเรื่องไปจากของเก่าที่พระเอกโรม ฤทธิไกรเป็นนักธุรกิจเพลย์บอยซึ่งปลอมตัวเป็นฮีโร่ไปปราบเหล่าร้าย (ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน โรมคงเปรียบได้กับโทนี่ สตาร์คใน Iron Man) เป็นอดีตทหารที่ถูกหักหลังและกำลังจะแก้แค้นกลุ่มคนที่เคยทำอะไรกับเขาไว้อย่างเจ็บแสบ เพื่อให้เข้ากับแนวโน้มของหนังฮีโร่ยุคใหม่ที่มักจะให้พระเอกเป็นคนมีปมเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดกับตัวพระเอกมากขึ้น ส่วนนางเอกอย่างวาสนา เทียนประดับที่เคยเป็นลูกสาวของสส.ที่แอบช่วยพระเอกอยู่ลับๆ ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็น NGO สาวที่คัดค้านการสร้างโรงงานนิวเคลียร์ ส่วนโทนของหนังในอดีตที่เคยเรียบง่าย มีพระเอกผู้ร้ายขาว-ดำชัดเจนก็ถูกเปลี่ยนให้มีซับซ้อนมากขึ้น บวกกับความรุนแรงในระดับเลือดสาด จึงอาจทำให้ผู้ชมที่เกิดทันหนังรุ่นเก่าที่เข้ามาดูหนังเวอร์ชั่นใหม่นี้เกิดอาการเหวอได้ หนังเรื่องนี้จึงเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่คุ้นชินกับตระกูลหนังซูเปอร์ฮีโร่มากกว่าคนรุ่นเก่าที่คาดหวังที่จะได้เห็นอินทรีแดงในรูปแบบเดิมๆ
ในขณะที่พระเอกมีการเปลี่ยนแปลง ทางฝั่งผู้ร้ายก็มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย อาจเป็นเพราะหนังยุคใหม่นั้นไม่สามารถที่จะใช้ตัวร้ายเดิมๆ อย่างคนที่หวังจะยึดครองโลกเอาดื้อๆ (ซึ่งก็ไม่รู้จะยึดครองไปทำไม มีเป็นสมบัติส่วนตัวไว้ก็วุ่นวายเปล่าๆ) หรือคอมมิวนิสต์ได้อีกต่อไปด้วยเหตุผลเรื่องความเชย ทำให้ตัวร้ายในอินทรีแดงถูกเปลี่ยนให้เป็นกลุ่มนักการเมืองที่ใช้อำนาจและสายสัมพันธ์ในการหาผลประโยชน์ใส่ตัว โดยพร้อมจะหักหลังประชาชนหรือคนใกล้ตัวได้อย่างไม่ละอายใจ หนังไปไกลถึงขั้นให้ตัวร้ายตัวใหญ่สุดที่เราเห็นในภาคนี้ คือ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มนักการเมืองที่ใหญ่ที่สุด (แต่ถึงกระนั้น หนังก็แสดงให้เห็นว่า ยังมีมือที่มองไม่เห็นอยู่เหนือนายกรัฐมนตรีตัวร้ายขึ้นไปอีกที)และที่สำคัญคือกลุ่มตัวร้ายไม่ได้โผล่มาให้ตัวละครหรือคนดูเห็นง่ายๆ แต่โยงใยเป็นเครือข่ายและมีสมาชิกองค์กรที่สำคัญกระจายอยู่ตามเครือข่ายอำนาจต่างๆ ซึ่งองค์กรนี้ชื่อ มาตุลี โดยมีสัญลักษณ์เป็นหัวโขน ซึ่งจะเห็นว่าทั้งฝั่งพระเอกและผู้ร้ายล้วนแต่ใส่หน้ากากเพื่อปิดบังโฉมหน้าตัวเองทั้งสองฝั่ง เหมือนจะแสดงให้เห็นว่าฝั่งพระเอกและตัวร้ายเหมือนเป็นกระจกกลับข้างของอีกฝ่ายก็ว่าได้

ตัวละครในเรื่องมีความเป็นสีเทามากกว่าจะเป็นสีขาวจัดดำจัด พระเอกอย่างอินทรีแดงก็ใช่ว่าเป็นคนดีบริสุทธิ์ผุดผ่อง การกระทำของเขาอย่างการทำตัวเป็นศาลเตี้ย ไม่สนใจกฎหมาย ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทำให้เขาดูคาบเกี่ยวระหว่างการเป็นคนดีหรือคนร้าย แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของเขาสร้างความถูกใจให้กับคนที่เบื่อหน่ายกับกระบวนการยุติธรรมที่แสนล่าช้า จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวละครตัวนี้จะกลายเป็น controversial (ประเด็นถกเถียง) ทั้งกับตัวละครในเรื่องและคนดูในโรง ขนาดตัวละครตำรวจในเรื่องยังเกิดความคิดขัดแย้งกันเองเลยว่า สังคมไทยทุกวันนี้ควรมีตัวละครอย่างอินทรีแดงอยู่หรือไม่

สิ่งที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้ อีกอย่างคือ โทนหนังที่สลับกันไปมาระหว่างทีเล่นกับทีจริง หนังดูซีเรียสจริงจังดูสมจริง แต่ในความสมจริงนั้นกลับแฝงไปด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่ดูเหนือจริง อาทิเช่น เหล่าตัวละครใส่หน้ากากทั้งหลาย (ขนาดตัวละครเด็กแว้นซ์ในเรื่องยังเหมือนหลุดออกมาจากปาร์ตี้แฟนซี) หรือมุขตลกเสียดสีทั้งหลาย ด้วยความที่มีสิ่งเหนือจริงผสมผสานไปกับสิ่งสมจริงในแทบทุกอณูของหนัง ทำให้เกิดเป็นหนังรสชาติประหลาดที่ไม่ได้เห็นจากหนังในกระแสบ่อยๆ

สิ่งที่ช่วยลดโทนจริงจังของเรื่องและมีเอกลักษณ์แตกต่างไปจากหนังฮีโร่เรื่องอื่น ได้แก่มุขเสียดสีแบบกวนๆ หลายอย่าง ซึ่งแม้ว่ามุขบางมุขจะดูไม่เข้ากับเรื่อง แต่ด้วยความที่มุขส่วนใหญ่ออกมาเวิร์ค ทั้งประโยคต่างๆ ที่หลุดออกมาจากตัวละครปากหมวดชาติ หรือมุขเสียดสีการเซนเซอร์ ทำให้สิ่งเหล่านี้สามารถเพิ่มรสชาติให้กับเรื่องได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่น่าสนใจอีกสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นในหนังเรื่องนี้ (ซึ่งเป็นข้อสังเกตส่วนตัว อาจจะไม่ตรงกับมุมมองของคนทำหนังก็ได้) นั่นคือ อินทรีแดงเป็นหนังที่ลงทุนสูง แน่นอนว่าทางทีมสร้างหนังต้องได้รับโจทย์และแรงกดดันอย่างมหาศาลด้วยความที่นายทุนต้องการให้หนังเรื่องนี้ออกมาประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายทางทีมสร้างหนังก็เลยจับเอาโจทย์ดังกล่าวมาล้อเลียนหรือแม้กระทั่งย้อนศรให้ชวนขบขันแทน จะเห็นได้จาก การนำโฆษณาแฝงที่มีอยู่ทั้งเรื่องมาพลิกให้กลายเป็นเรื่องตลก ดังจะเห็นได้ชัดจากฉากการต่อสู้ที่ป้ายเมืองไทยประกันชีวิต หรือการจบหนังในวิธีที่คนดูคาดไม่ถึง เป็นต้น

แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่ทำให้หนังไปไม่ถึงขั้นคลาสสิคเหมือนหนังเยี่ยมเรื่องก่อนๆ ของวิศิษฏ์ ก็คือ การสำรวจจิตใจของตัวละครที่น้อยเกินไป จนคนดูไม่รู้สึกผูกพันหรือสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกระตุ้นหรือแรงกดดันของตัวละครต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครโรม วาสนา หมวดชาติ-คู่ปรับของอินทรีแดง หรือตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งด้านความแค้นหรือความรัก (จนผู้ชมหลายท่านเกิดความรู้สึกงงว่าตัวละครไปรักกันตอนไหน) บวกกับบทสนทนาการเชิงการเมืองที่ดูไม่เข้าปากตัวละคร ทำให้ผู้ชมต้องใช้ความพยายามเหนือกว่าหนังปกติเรื่องอ่นถึงจะทำให้เกิดอาการอินกับเรื่องได้

แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ และไม่รับประกันว่าทุกคนจะชอบ แต่อินทรีแดงก็ถือว่าเป็นหนังไทยที่น่าสนใจที่สุดในช่วงนี้ และเป็นหนังที่ผู้เขียนใคร่ขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านไปช่วยกันอุดหนุน ซึ่งถ้าหากหนังแนวนี้ประสบความสำเร็จ นายทุนไม่เจ็บตัว ต่อไปเราอาจจะได้เห็นหนังที่มีแนวทางแปลกใหม่และกล้าลงทุนมากขึ้น


จากบทสัมภาษณ์ในช่วงหลังของวิศิษฏ์ในนิตยสารหลายเล่ม ทำให้เราทราบว่า นี่อาจจะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา หรือถ้าเขาจะกลับมาทำหนังอีก เขาจะไม่ทำหนังในระบบสตูดิโออีกแล้ว เนื่องจากทนต่อระบบหนังไทยที่บิดเบี้ยวไม่ไหว ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเมื่อคิดถึงอายุของเขาที่ยังน้อยอยู่ (เมื่อคิดว่าผู้กำกับหนังต่างประเทศหลายท่านแม้จะอายุ เกิน 80 ปีก็ยังทำงานอยู่) ไม่เพียงแต่เสียดายฝีมือการกำกับที่มีเอกลักษณ์ของเขา แต่ยังก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าใจที่แม้จะผ่านไปกี่ปี แต่ผู้สร้างหนังไทยที่ยังได้พบเจอแต่ปัญหาและอุปสรรคเดิมๆ จนน่าลุ้นว่า ระหว่างปัญหาการเมืองในเรื่องกับปัญหาหนังไทย ปัญหาไหนจะได้รับการแก้ไขก่อนกัน






Create Date : 30 ตุลาคม 2553
Last Update : 30 ตุลาคม 2553 7:40:24 น. 2 comments
Counter : 4439 Pageviews.

 
ฉันเป้นดั่งนกไร้ขาบินไปบินมาไร้จุดหมาย


โดย: ชิตเน้อ IP: 119.42.127.139 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:14:00 น.  

 
เคยดูในโรงแล้วประทับใจมากอยากให้ทำภาค 2 ต่ออีกเสียดายหนังดีๆคนไทยไม่ชอบดูกัน วงการหนังบ้านเราขายได้แต่หนังผีตลกปัญญาอ่อนการดูหนังมันก็เป็นการสะท้อนถึงสติปัญญาของคนในชาตินั้นๆได้เลยนะ


โดย: อ้อม IP: 223.206.153.179 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:22:05:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.