|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความรู้สึก"ชั่ววูบ"
ความจริงแล้วผมมีเรื่องที่เตรียมจะเขียนลงบลอกอยู่ประมาณ 3-4 เรื่องซึ่งก็ดองเค็มมาหลายวันแล้วแต่ทำอีท่าไหนไม่รู้ บทความนี้ที่เพิ่งเขียนเมื่อตอนตี2 นี่เองกลับแซงโค้งเขียนได้รวดเดียวจบซึ่งผิดวิสัยของคนชอบทำอะไรค้างๆ คาๆ อย่างผมเป็นอันมาก
นึกสาเหตุแล้วก็คงเป็นเพราะเรื่องที่เขียนนี้เหตุการณ์มันเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ และกระทบข้าพเจ้าดุจเอาไม้หน้าสามฟาดหน้าเป็นอย่างยิ่ง
และก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า เรื่องที่จะเขียนนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เพื่อไม่ให้น่าเกลียด ผมจะพยายามเรียบเรียงประโยคคำพูดเพื่อให้เหมือนเป็นเรื่องเขียนส่วนรวมทั่วๆไป ถ้าคุณอ่านแล้วยังคงรู้สึกว่า แล้วมึงจะมาบอกตูทำไมเนี่ย ก็ขอให้โทษที่ความสามารถในการเรียบเรียงประโยคของผู้เขียนแล้วกันนะครับ
เรื่องของเรื่องคือ เพิ่งไปงานแต่งงานของคนรู้จักที่ต่างจังหวัดมาครับ เสร็จจากงานแล้วก็เลยชวนเพื่อนเก่าไปเลี้ยงฉลองรำลึกความหลังกันต่อ ซึ่งตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาแห่งความครื้นเครงและผมควรจะสนุก แต่พอดีดันไปเจอเหตุการณ์หนึ่งจากคนคนหนึ่งซึ่งทำให้ตะกอนแห่งความรู้สึกอย่างหนึ่ง (ทำไมคำว่าหนึ่งเยอะจังฟะ!) ที่คิดว่ามันนอนก้นกลับฟุ้งกระจายขึ้นมาอีกครั้ง จนทำให้ผมต้องนั่งเหม่อลอยมองไปยังที่ไกลๆ เป็นพักๆ แต่คงไม่มีใครสังเกตเพราะอาการของผมตอนนั้นดูแล้วเหมือนคนเมาแล้วเหล่สาวเป็นอันมาก (ฮา)
กลับมาทำงานกทม.หลายวันจนจวนจะลืมๆ มันไปแล้ว แต่แล้ววันหนึ่งคนๆ นั้นก็โทรมาหาผม ถามว่าวันนั้นเป็นอะไรหรือเปล่า ดูอาการแปลกๆ เหมือนไม่ใช่คนเดิม
ผมก็พยายามแก้ตัวว่า อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก พอดีวันก่อนนั้นไม่ได้นอน บวกกับกินเหล้าเยอะเลยเมา ก็เลยดูซึมๆ เศร้าๆ ไปบ้าง ซึ่งไม่รู้ว่าเขาเชื่อหรือไม่เชื่อแต่ขี้เกียจถามต่อก็เลยเลิกพูดเรื่องนี้หนีไปคุยเรื่องอื่นกันต่อ
ผ่านไปหลายวัน(เรื่องนี้กินเวลานานจริงๆ) ผมก็เริ่มรู้สึกผิดว่า เขาอุตส่าห์จับโกหกเราได้ แล้วเราจะยังไปโกหกเขาซ้ำสองอีกทำไม ก็เลยโทรไปหาเขาอีกที บอกความจริงไปว่าเมื่อวันก่อนผมโกหก
บอกดื้อๆ เดี๋ยวจะเสียอรรถรส ขอถอดเทปเอาคำพูดในวันนั้นมาลงสดๆ เลยดีกว่า
ผม ผมจะโทรมาบอกว่า ขอโทษครับ วันก่อนผมโกหกที่บอกว่าไม่มีอะไร จริงๆแล้วมันมี เธอ อ้าว! ถ้าไม่เมาแล้ววันนั้นเป็นอะไร ผม ผมมีเรื่องบางเรื่องที่มันติดค้างให้คิดอยู่ในหัวนิดหน่อยครับ เธอ บอกได้ไหม ผม จริงๆ ก็กะจะโทรมาบอกนี่แหละครับ เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับคุณโดยตรง เธอ เรื่องอะไรหรือ ผม เออ...เดี๋ยวผมขอเรียบเรียงคำพูดก่อนนะครับ เธอ ไม่ต้องเรียบเรียงก็ได้ มีอะไรก็บอกออกมาตรงๆ ได้เลย อยากฟังแล้ว ผม ...........................................................................................
ไม่น่าเชื่อครับท่านผู้ชม ช่วงเวลานั้นผมกลายเป็นคนไม่มีเสียง เป็นใบ้ พูดออกมามีแต่ลม เวียนหัว เครียด อัดอั้น สุดท้ายตอนนี้ก็ยังไม่ได้บอกเธอไปว่าทำไม
เนื่องจากเคยเกิดอาการนี้มาครั้งนึงแล้ว (ผมเกิดอาการนี้เป็นครั้งที่สองในชีวิตแล้ว พวกคุณคงทายได้ไม่ยากว่า ครั้งแรกนั้นเกิดกับใคร) ทำให้พอรู้ว่า อาการนี้เขาเรียกกันว่า พูดไม่ออก
ไม่ใช่ว่าพูดไม่ออกเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ตรงกันข้าม ผมมีเรื่องที่จะพูดมากมายทั้งที่เกิดขึ้นตอนนั้นและที่เก็บมาในใจตลอดมา แต่พอเวลามีโอกาสได้พูดขึ้นมาจริงๆ ผมกลับไม่สามารถทำได้แม้แต่จะเริ่มคำแรก
มันยากแค่ไหน เอาเป็นว่า แค่ให้เขียนตอนนี้ ผมยังเขียนมันออกมาไม่ออกเลย
ที่ทำได้มากที่สุดก็คงแค่ เขียนอ้อมไปอ้อมมาลงในบล็อกลับนี้หลัง โดยที่คิดเอาเองว่าเธอสักวันเธออาจจะได้เห็น
การพูดกับการทำจริงมันคนละเรื่องกันจริงๆ ครับ
พูดอะไรมันก็พูดได้ แต่เวลาทำให้ได้อย่างที่พูดนี่ยากกว่าเป็นร้อยเท่า เห็นอย่างนี้ ผมก็ถือเป็น ศิราณี อันดับต้นๆ ของเพื่อนๆ เหมือนกันนะครับ ใครเคยให้คำปรึกษามาเกือบทุกเรื่องแล้ว ทั้ง-ลืมเขาไปเหอะ อย่าไปยึดติด เขาไม่รักเราแล้ว ทำอะไรไม่ได้ก็ให้ทำใจ
แต่พอโดนเข้ากับตัวเอง ทฤษฏีกี่ข้อลืมหมดเกลี้ยงเลยครับ
ผมฟังเพลงของคุณมาโนช พุตตาล ชี่อ ชีวิตที่เจ็บปวดของคนป่วย แล้วมีเนื้อเพลงท่อนนึงที่ผมชอบและตรงใจผมมากๆ
ท่อนนี้เขาร้องว่า เชื่อว่าเป็นเหตุเป็นผล แต่ผลของเหตุผล ทนได้หรือเปล่า
ครับ ถึงแม้เราจะรู้หมดว่าควรทำอะไร ต้องทำแบบไหน แต่เอาเข้าจริงๆ เวลาเมฆหมอกบังตา แทนที่เราจะเลือกไปทางซ้ายก็ดันไพล่เลี้ยวไปทางขวาจนได้
ผมบอกได้แค่ว่า ผมรู้ว่าต้องทำอะไรแล้วพยายามทำอยู่ แต่มันอดเศร้าไม่ได้ว่าสุดท้ายที่พยายามทำมา 2 ปี ที่เราคิดว่าเราทำได้แล้ว แต่ที่จริงเราแค่หลอกตัวเองว่าทำได้
ตอนนี้ผมเปรียบตัวเองก็เหมือนเป็นนักวิ่งที่ไม่รู้จุดหมาย ไม่รู้จะไปไหน แค่ขอให้ได้วิ่งไว้ก่อน ไม่อยากหยุดอยู่กับที่เฉยๆ
แม้ลู่วิ่งข้างหน้าจะเป็นปากเหว
ความจริงการที่ช่วง 2 ปีมานี้ผมหมดแรงไฟ หมดแรงบันดาลใจในชีวิต หมดแรงที่จะรู้สึกดีๆ กับใคร มันไม่ใช่ความผิดคุณหรอก มันเป็นความผิดผมเองที่อ่อนด้อยและโง่เขลาเกินกว่าที่จะก้าวต่อไป
แต่ถ้าเธอคนนั้นบังเอิญมาอ่านเจอแล้ว ผมอยากจะบอกคุณแค่ว่า ผมยังมีความหวังในชีวิตอยู่ และพร้อมที่จะก้าวต่อไป แต่ช่วงนี้ผมขอแค่เวลาเพื่อรวบรวมสมาธิในการย่างก้าวแรกก่อน
ท่านผู้อ่านครับ ท่านอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันช่างเป็นการเขียนจากความรู้สึกชั่ววูบเหลือเกิน แต่วิธีนี้มันก็เหมาะที่จะเขียนเรื่องแบบนี้แล้วไม่ใช่หรือ
ดั่งที่มีบางคนบอกไว้เหมือนความรักนั่นแหละ ใช้เวลานิดเดียวในการรัก แต่ใช้เวลาทั้งชีวิตในการลืม
เพลง ผูกพัน ศิลปิน ตรัย ภูมิรัตน
นี่ใช่ไหม อะไร อะไรที่เคยคิด ชีวิตที่มีแต่ฉัน ต่อจากนี้คงตัวคนเดียวอย่างที่คิด นี่หรือที่ใจต้องการ นี่ใช่ไหมที่ฉันเคยฝันตลอดอยู่ในใจ ชีวิตที่ไม่มีเธอรู้สึกเหมือนมันขาดอะไรไปไม่เข้าใจ
เก็บเรื่องราวที่มันเก่าๆใส่กล่องไว้ มองเห็นแล้วมันปวดร้าว รูปถ่ายเราไปเที่ยวด้วยกันเมื่อตอนนั้น ตอนนี้ยิ่งดูยิ่งเศร้า
ไม่มีเสียงคำคำของเขาที่เราได้เคยฟัง ไม่มีใครให้คอยมาไถ่ถาม เหลือเพียงแค่ความทรงจำ ที่ย้ำให้รู้ว่า
* เธอใช่ไหม ที่หัวใจของฉันผูกพัน และคือเธอเท่านั้น วันนี้ฉันเพิ่งจะเข้าใจ ไม่มีเธอมันดูเหงาๆ ยิ้มเศร้าๆบอกตัวเองไว้ นี่ยังไงโลกที่ไม่มี เธอแล้ว
ขาดเธอไปวันนี้ จึงได้เจอความหมาย ไม่มีเธอวันนี้ ฉันถึงเข้าใจ
(ซ้ำ */ *)
นี่ยังไงโลกที่ไม่มีเธอแล้ว
Create Date : 14 มกราคม 2550 |
Last Update : 15 มกราคม 2550 1:17:54 น. |
|
27 comments
|
Counter : 525 Pageviews. |
|
|
|
โดย: walk in dream/เก๋ (walkin ) วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:11:55:50 น. |
|
|
|
โดย: ~pie~doki_doki IP: 203.188.8.199 วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:12:03:04 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:12:11:51 น. |
|
|
|
โดย: เทวาภิรมย์ (เทวาภิรมย์ ) วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:12:19:57 น. |
|
|
|
โดย: icebridy วันที่: 14 มกราคม 2550 เวลา:13:26:28 น. |
|
|
|
โดย: แหมบคร่า IP: 203.157.185.2 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:15:22:31 น. |
|
|
|
โดย: ...ฉันเอง... IP: 203.157.185.2 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:15:31:29 น. |
|
|
|
โดย: I will see U in the next life. IP: 61.7.174.93 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:21:34:07 น. |
|
|
|
โดย: jean-aeang IP: 203.156.100.19 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:23:48:11 น. |
|
|
|
โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:6:08:01 น. |
|
|
|
โดย: กัปตันเจิด (ฉันรอเธออยู่ ) วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:14:09:56 น. |
|
|
|
โดย: อนันตลัย วันที่: 16 มกราคม 2550 เวลา:16:43:46 น. |
|
|
|
โดย: มะลิหอม (mali_hom ) วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:0:22:33 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าดิน IP: 58.8.90.243 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:0:47:38 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าดิน IP: 58.8.90.243 วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:1:05:14 น. |
|
|
|
โดย: calcium_kid วันที่: 17 มกราคม 2550 เวลา:18:14:03 น. |
|
|
|
โดย: Room - mate IP: 58.8.83.175 วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:16:01:55 น. |
|
|
|
โดย: jean-aeang IP: 203.156.100.19 วันที่: 19 มกราคม 2550 เวลา:20:38:51 น. |
|
|
|
โดย: วายเอมีนา IP: 203.157.185.2 วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:15:36:32 น. |
|
|
|
โดย: วายเอมีนา IP: 203.157.185.2 วันที่: 23 มกราคม 2550 เวลา:15:37:09 น. |
|
|
|
โดย: ลืมซะทีเถอะ IP: 61.90.246.19 วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:13:21:36 น. |
|
|
|
โดย: ขล้าอีกแล้วววว IP: 124.157.184.176 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:17:45 น. |
|
|
|
โดย: ขล้า...เอง IP: 124.157.184.176 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:26:21 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ สำหรับคนไม่เคยมีฟามรักอย่างเรา(เพราะมัวแต่หลงรักหนุ่มๆในการ์ตูน) อยากรู้เรื่องราวความรักของใครๆอยู่เสมอ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังเกาหลีเลยค่ะ
ยังไงก็ขอให้คลี่คลายไปในทางที่ดีนะคะ