ความสุขมีอยู่ทุกวัน เรามองเห็นได้..โดยไม่ต้องมองหา

<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
17 กันยายน 2554
 

อยู่ได้ไหม...โดยไม่ต้องใช้เงิน

เวลาเราทำงานหาเงินจนอ่อนอกอ่อนใจ คงจะมีสักครั้งในชีวิตที่แอบคิดว่า " เราจะมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องใช้เงินบ้างได้ไหม? " ฉันลองคิดถึงเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง แล้วคิดว่าถ้าเราทำได้จริงก็คงจะดี เราจะได้มีเวลาหยุดวุ่นวายกับการหาเงินเสียที เพราะนับวัน "เงิน" ก็ยิ่งมีบทบาทมากล้นฟ้า แทรกตัวเข้าไปอยู่ทุกหนทุกแห่ง .. อะไร ๆ ก็ต้องเริ่มต้นที่ "เงิน"

คำถามนี้กลายเป็น "วาระแห่งชีวิต" ที่ฉันเริ่มเสาะแสวงหาความจริงว่ามีใครทำได้บ้างไหม ฉันย้อนไปถึงคน ๆ หนึ่ง ฉันจำได้แม่นยำว่าเคยได้ยินคน ๆ นี้พูดในรายการ "คนค้นคน" หลายปีมาแล้ว (น่าจะจำไม่ผิด) เขาเคยเป็นพนักงานทำงานประจำ รับเงินเดือนทุกเดือน ทำไปก็ทั้งเหนื่อยและเบื่อ จนวันหนึ่งเขาเปลี่ยนวิถีชีวิตไปเป็นเกษตรกรแล้วค้นพบความสุขที่ยั่งยืน

เขาเล่าว่า วันหนึ่งเขาถามตัวเองว่า ทำไมคนเราจะต้องไปทำงานเพื่อให้ได้เงิน แล้วถึงจะเอาเงินไปซื้ออาหารกิน

คำถามของเขาก็คือ ทำไมเราต้องผ่านกระบวนการถึง 3 ขั้นตอน ก่อนจะเอาอาหารเข้าไปในปาก คือ 1.ไปทำงาน 2. ได้เงิน 3. นำเงินไปซื้ออาหารกิน ทำไมเราต้องไปผ่าน "เงิน" ก่อน

ทำไมเราไม่ลดขั้นตอนลงคือ 1. อยากกินอะไรก็ปลูกสิ่งนั้น 2. กินอาหารนั้นเข้าไป ที่เหลือเราก็อาจจะแลกของกินกับเพื่อนบ้าน ซึ่งฉันคิดว่าตรงกับภาษาธุรกิจเรียกว่า barter นั่นเอง ที่เหลือจากนั้นก็ขายได้เงินมาก็เก็บเงินไว้ ปัจจุบันเขามีเงินเก็บได้มากกว่าตอนทำงานเสียอีก

หากถามว่าเขายังต้องใช้เงินไหม คำตอบก็คือยังใช้บ้าง แต่น้อยเหลือเกิน ที่สำคัญคือเขาได้ลดความวุ่นวายกับกระบวนการหาเงิน เขาไม่เครียดอีกต่อไปแล้ว

ลองย้อนคิดดูว่า สมัยปู่ย่าตายายพ่อแม่ของเรา ใช้เงินน้อยกว่าเรามากมายเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะไม่มีอะไรให้ซื้อ เพียงแต่บรรพบุรุษเรารู้จักใช้เงินรู้จักซื้อแต่ของจำเป็น พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาวัน ๆ หาแต่เงินเหมือนพวกเราเวลานี้

สมัยนี้เราซื้อกินทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่เราคิดจะปลูกเพื่อกินเลย ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันไม่เคยซื้อมะละกอ ไม่เคยซื้อตำลึง พริกขี้หนู ฟัก แฟง บวบ ผักบุ้ง ผักแว่น กระเพรา เพราะผักพวกนี้ขึ้นง่ายอยู่ตามริมรั้วหรือปลูกในบ้านเราเอง หาง่ายยิ่งกว่าเดินไกลไปตลาดเสียอีก หากจะซื้อก็เป็นพวกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู กุ้ง ไก่ ฯลฯ แล้วทำไมเวลานี้เราถึงเลิกปลูกสิ่งเหล่านี้ และหันไปซื้อทุกอย่างที่ต้องกิน แม้แต่น้ำดื่มที่เป็นของหาง่าย เราก็ต้องซื้อดื่ม ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องใช้ เงิน เงิน เงิน เพื่อซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าตลอดเวลา
หน้าที่ของเราคือ หาแต่ เงิน.. เงิน... เงิน.. เพื่อ ซื้อ.. ซื้อ... ซื้อ...

หากเราเลือกวิถีชีวิตบริโภคนิยมแบบนี้ "เราจึงอยู่ไม่ได้โดยไม่ต้องใช้เงิน" ฉันอยากสรุปอย่างนั้นเพื่อยอมจำนน.. แต่ความคิดของคน ๆ นั้นที่พลิกชีวิตจากมนุษย์เงินเดือนไปเป็นเกษตรกรได้ฝังอยู่ในสมองฉันมาตลอด ฉันคิดว่าความคิดเขาน่าสนใจ และฉันเห็นด้วยกับความคิดของเขามาก

เราเคยอยู่ในสังคมเกษตรกรรม มีแผ่นดินไว้ปลูกผักปลูกข้าว ทำมาหากินและอยู่ได้ด้วยตัวเอง แทบไม่ต้องใช้เงินเลย วันดีคืนดี เราก็ถูกโลกผลักไสให้ออกจากพื้นที่ชีวิต ต้องออกไปทำงานเป็นลูกจ้างให้คนอื่น ออกจากบ้านพร้อมกับคนทั่วโลกเพื่อไปทำงานให้ทันตอน 8 โมงเช้า กินข้าวพร้อมกับคนทั้งโลกตอนเที่ยงวัน กลับบ้านพร้อมกับคนทั้งโลก ตอน 5 โมงเย็น

ฉันอยากรู้มานานแล้วว่า เขาเป็นใคร? เขาถึงมาควบคุมชีวิตคนทั้งโลกให้อยู่ในกรอบเวลาชีวิตแบบนี้ได้ ทำไมเราต้องเชื่อเขาด้วย ? หลังจากนั้น ฉันจึงตัดสินใจว่าฉันจะหางานที่ไม่ต้องเข้าทำงานตอน 8 โมง ไม่กินข้าวตอนเที่ยง ไม่กลับบ้านตอน 5 โมงเย็น แล้วฉันก็พบว่าเป็นเรื่องดีของชีวิตที่เรามีกรอบเวลาของเราเอง เพราะบางที ตอนเที่ยงเราก็ไม่ได้หิวข้าวจริง ๆ เราอาจหิวตอนบ่ายโมง หรือหิวตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง และเราก็ไม่อยากขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านตอน 5 โมงเย็น ซึ่งรถแน่นมากจนลมหายใจเข้าของเราคือลมหายใจออกของคนอื่น

หากวันนี้หลายคนยังคงต้องใช้ชีวิตในกรอบเวลาที่ถูกกำหนดแบบนี้ ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะเราทุกคนยังคงต้องหาเงิน ต้องกินต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อย่าลืมว่าเราสามารถเริ่มต้นใช้เงินให้น้อยลงได้ ที่ริมรั้วบ้าน ริมระเบียงคอนโดของคุณ น่าจะมีที่ว่างพอสำหรับเถาตำลึงที่จะพันเลื้อยชูช่อรอฝนได้ กระถางพริก กระเพรา โหระพา ก็พอแทรกตัวได้ กระบะปลูกผักสลัดเล็ก ๆ ริมหน้าต่าง ทำให้คุณมีความสุขทุกเช้าที่เห็นใบเล็ก ๆ งอกเติบโตขึ้นทีละเล็กละน้อย

ทั้งหมดนี้ทำให้ชีวิตมีสีสัน และที่สำคัญนี่คือการเริ่มต้นปลด "เงิน" จำนวนเล็ก ๆ ออกจากกระบวนการใช้ชีวิต

ของบางอย่าง "ไม่ใช้นาน ๆ " กลับยิ่งเสื่อม..
แต่ "เงิน" นั้นนิสัยดีกว่า.... ยิ่ง "ไม่ใช้" ปล่อยทิ้งไว้ในธนาคาร กลับยิ่ง "เพิ่ม" มากขึ้น แปลกจริง ๆ ^ ^






Create Date : 17 กันยายน 2554
Last Update : 17 กันยายน 2554 13:57:42 น. 4 comments
Counter : 1446 Pageviews.  
 
 
 
 
มีความคิดอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าจะปลูกผักสวนครัวที่หลังบ้าน มัวแต่คิดไปคิดมาจนป่านนี้ยังไม่ได้ลงมือเลย
 
 

โดย: What would life be วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:18:51:36 น.  

 
 
 
ชีวิตทุกวันนี้ มันขึ้นอยู่ที่เงินจริงๆค่ะ...

คนส่วนใหญ่ มันคิดว่าเงินคือตัวกำหนดคุณค่าของการเป็นคนด้วยซ้ำไปค่ะ..

 
 

โดย: never the last วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:21:18:23 น.  

 
 
 
คิดๆ อยู่ค่ะว่าอีก 3-4 ปี จะไปเป็นเกษตรกร
"ปลูกทุกอย่างที่กิน และกินทุกอย่างที่ปลูก"
หวังว่าถึงวันนั้น ความฝันเราจะยังคงอยู่นะคะ ^^
 
 

โดย: กาน้ำชากะเชี่ยนหมาก วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:21:53:20 น.  

 
 
 


ความฝันยังคงอยู่ แต่แผ่นดินไม่รู้จะอยู่คอยเราหรือเปล่านะคะ กรุงเทพฯอีก 30 -40 ปีอาจโดนน้ำท่วมทั้งจังหวัด ส่วนพื้นที่ตรงอื่นก็มีความเสียงเหมือนกัน


ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะคะ ^ ^ ว่าแล้วก็ก้มหน้าหาเงินกันต่อไป
 
 

โดย: แมวดำอำมหิต วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:16:38:12 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

แมวดำอำมหิต
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ฉันรักแมว รักหนังสือ รักดนตรี และอยากเห็นคนบนโลกนี่มีความสุข เกื้อกูล แบ่งปัน ให้แก่กันและกัน
[Add แมวดำอำมหิต's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com