Bloggang.com : big_leely - ว่าด้วยเรื่องของใช้แล้ว

ว่าด้วยเรื่องของใช้แล้ว

เพิ่งสังเกตุเห็นว่า ตัวเรานั้น เดี๋ยวบริโภคของที่เป็นมือสองเยอะขึ้น

สมัยก่อนของมือสองถือว่า ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ดี น่ากลัว จิปาถะ

เดี๋ยวมีทุกอย่างมือสองหมด

ที่เขียนขึ้นมาแบบนี้ เหตุเพราะไปซื้อร่ม (กันฝน) มือสองมา

เลยฉุกคิดว่า ของรอบตัวเรามือสองทั้งนั้นเลยอะ

แถมมีกระแสรักษ์โลก กระแสการใช้ของให้คุ้ม การบริจาค การแบ่งปัน เป็นต้น ทำให้ของมือสองได้รับความนิยม

อันดับแรกที่ได้สัมผัสหรือเริ่มเข้าวงการของมือสอง คือ กระเป๋า

ในยุคที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นมาฮิตในประเทศ

พวกกระเป๋ามือสองเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เรารู้สึกของมือสอง เพราะกระเป๋าบางใบ ถุงผ้าบางลาย นั้น ช่างน่ารักจริง ๆ

แถมฟังชั่นการใช้งานก็เลิศ เพราะขึ้นชื่อว่าของญี่ปุ่นนั้น ต้องมีความเป็นตัวเอง และเอนกประสงค์พอสมควร

ซึ่งช่วงนั้นตลาดที่ได้รับความนิยมคงไม่พ้นตะวันนา หรืออื่น ๆ ที่เราไม่รู้จัก แต่ที่ไปบ่อยก็ jj กับ ตะวันนา

อันดับสอง ก็เป็นประเภทเสื้อผ้า ยิ่งในช่วงที่กระแสญี่ปุ่น และเกาหลี เข้าประเทศ แล้วแฟชั่นก็ฮิตกัน

ทำให้สินค้าใช้แล้ว สภาพดี เข้ามาเมืองไทยเยอะ แถมมียี่ห้ออีกต่างหาก ทั้งยี่ห้อญี่ปุ่น หรือฝรั่งเอง แม้ราคาจะสูง เมื่อเทียบกับของใหม่ แต่ถ้าเทียบกับมือหนึ่งของยี่ห้อนั้น คงสูงกว่าหลายเท่าตัว

ประกอบกับดีไซน์และเนื้อผ้า ของเสื้อแบรนด์ ต่างประเทศ ซึ่งต้องยอมรับในความสบาย หรือมันเก่าเลยใส่สบายก็ไม่รู้ ทำให้ชอบซื้อ แล้วก็ดไซน์ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง

สมัยก่อน สนนราคาก็ตัวละ 50 บาท 30 บาท อะไรแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้มีการคัดเกรด ทำให้พวกที่ยังดีอยู่มาก และแบบสวย ราคาสูงขึ้นตามตัวประมาณ 100- 150 บาท สำหรับแหล่งซื้อ เดี๋ยวมีเยอะมาก

หาได้ตามตลาดนัดขนาดใหญ่ หรือ แหล่งซื้อขายของ

อีกร้านที่เป็นร้านมือสอง + เข้ากระแสใช้ของให้คุ้ม+ช่วยเหลือผู้อื่น คือ ร้าน ปันกัน เราได้ของจากร้านนี้หลายชิ้น รวมทั้งชอบในแนวคิดด้วยอะ

อันดับที่สาม คือ รองเท้ามือสอง

เราหันมาใส่รองเท้ามือสอง เพราะมีร้านแถวบ้าน ซึ่งเดินผ่านทุกวัน คู่ละ 60 บาท

แรก ๆ ไม่ใส่ หลัง ๆ ราคารองเท้าในตลาดมือหนึ่งมีราคาสูงขึ้นและแฟชั่นไปเร็วมาก ทำให้บางแบบซึ่งเราใส่สบายและชอบใส่ เป็นการส่วนตัว หายไปจากตลาดรองเท้ามือหนึ่ง แต่ยังคงเห็นตามตลาดรองเท้ามือสอง

ความพิเศษ ของรองเท้ามือสองคือ ความเป็นแบรนด์ อีกเช่นกัน บางครั้งตาดีไปเจอของมียี่ห้อ ซึ่งต้องยอมรับว่่า ใส่สบายจริง ๆ รู้เลยว่าสมดุล แม้สูงแต่เดินสบาย แล้วก็ขนาดรองเท้าพอดีกับเรา ก็จะได้เป็นเจ้าของกันไป

แน่นอนว่า รองเท้านั้นก็มีหลายแบบหลายแนว อยู่ที่ร้านจะจับและคัดสรรมา ในสภาพใด เช่นเดียวกัน บางแห่งขาย 100-150 บาท ถ้าเป็นของมียี่ห้อ สภาพดี และมียี่ห้อ ก็จะราคาสูงอีกนิดหนึ่ง

เดี๋ยวนี้ร้านรองเท้ามือสองมีให้เห็นจำนวนมาก พอสมควร เวลาเลือกซื้อก็ต้องดูรายละเ อียดมากหน่อย เพราะบางคู่ซ่อมมาเยอะหลายจุด

อันดับที่สี่ คือ อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ เช่น มือถือ

อันนี้ เคยซื้อแต่ไม่บ่อย เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็มือถือ ฮาร์ดิสก์ อะไรประมาณนั้น

เคยซื้อแต่ไม่บ่อย เท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็มือถือ ฮาร์ดิสก์ อะไรประมาณนั้น

อันดับที่ห้า คือ ร่ม

สินค้าประเภทนี้เพิ่งเคยเจอคะ หรือจริง ๆ เค้ามีนานแล้วก็ไม่รู้ แต่เราเพิ่งเคยอุดหนุน ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นของใหม่ มือหนึ่ง แต่พอเดิดูอ้าวนี่มือสองนี่นา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของญีปุ่น และฝรั่ง และมีจีนบ้าง

ส่วนใหญ่เน้น ยี่ห้อดังในญี่ปุ่นก่อน เช่น waterfront รองลงมาที่เห็นน่าจะเป็นดีไซน์และรูปร่างของร่ม เช่น เป็นร่มพับ สองตอน สามตอน หรือร่มยาวเป็นต้น

สนนราคายังสูง (สำหรับเรานะ) แต่ถือว่าสินค้าของเค้าก็อยู่ในสภาพที่ดีทีเดียว อันที่ ป่วยเยอะราคาก็จะถูกลง แต่ก็จะได้ความเป็นอันเดียวชิ้นเดียว และ นวตกรรม (ใหม่) สำหรับบ้านเรา แต่เก่า สำหรับบ้านเค้า เช่น ผ้าเต้นท์กันน้ำเอามาทำร่ม เมือไทยไม่มีคะ การเคลือบสารกัน UV หรืออัดไปบนผ้า ทำให้ตัวร่มไม่ต้องมีปรอท เคลือบไม่ว่าจะเป็นด้านในหรือด้านนอก โครงร่มที่เราเห็นๆ เป็นเหล็ก อลูมิเนียม แต่ที่เห็นบางอันเป็นพลาสติกสีขาว เป็นต้น

อันดับที่หก คือ เสื้อชั้นใน

ิอันนี้เคยเห็น และเห็นว่ามีคนซื้อ เพราะใส่สบายและบางส่วนเช่นกันเป็นของมียี่ห้อ ซึ่งราคาค่อนข้างสูงถ้าซื้อมือหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ต่างชาติอันนี้เราเห็นแต่เราไม่ซื้ออะคะ

เพราะยังไม่คุ้น แต่มีคนซื้อนะ เยอะอยู่

เอาเป็นว่า มาแลกเปลี่ยนกระแสโลกให้ทราบทั่วกัน

ท้ายสุดเอารูปร่มมือสอง กับรูปชุดบางชุด+รองเท้ามือสองมาอวดแทนละกันคะเพราะถ้าเอามาหมดจะเยอะ