|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ฝันที่อยากไป...อังกฤษนะ...ไม่ใช่อเมริกา อ้าว...ต้องทำวีซ่าด้วยเหรอ
ตอนเด็ก ๆ เคยคิดว่าชาตินี้คงจะไม่มีประสบการณ์เดินทางไกลไปรับประสบการณ์นอกประเทศที่แตกต่างดอก เหตุผลหนึ่ง คือ เรามักจะเจียมและสำเนียกตัวเองค่อนข้างต่ำว่า "มันไม่มีวันหรอก" ฉันจะเอาเงินมากมายก่ายกองไปได้อย่างไรกัน
โตขึ้น บทเรียนพร้อมกับแบบทดสอบใหม่ ๆ ก็ยิ่งมากขึ้น จากที่ไม่เคยคิดว่าคงจะไม่เคยไปนอกประเทศ ก็มีพม่าเป็นประเทศแรก ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เพียงการเดินข้ามฝั่ง ก็สุขใจแล้วนะ จะได้กลับไปคุยได้ว่า ตรูไปต่างประเทศมาแล้วนะเฟ้ย
ต่อมาเมื่อทำงานก็มีโอกาสติดตามรัฐบาลไปมาเลเซียด้วยการนั่งรถยนต์ผ่านรัฐเคดาห์ เอกสารการเดินทางพัฒนาขึ้นมาเป็นแบบ Boarding Pass วุ้ย...ตื่นเต้นจัง เกือบ ๆ เหมือนจะได้ไปเมืองนอกแระ (เมืองนอกของเราคือมีพาสปอร์ตล่ะ) เห็นบ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ต่างจากเมืองไทยจังเลย
หากจะพูดว่าแล้วครั้งไหนเล่าที่เสมือนว่าได้ไปเมืองนอกเมืองนาด้วยการผ่าน ตม.ที่สนามบิน มีการใช้พาสปอร์ตพร้อมประทับวีซ่า แบบว่า ตรูไปเมืองนอกจริง ๆ ไม่ได้โม้เนี่ย เห็นจะเป็นทริปการไปสัมภาษณ์ผู้นำองค์กรระหว่างประเทศสถาบันหนึ่ง ไป 4 วัน นั่นคือ การบินไปกัวลาลัมเปอร์นี่แหละค่ะ
เคยคุยกับเพื่อนว่า หากจะต่อปริญญาโทและได้รับทุนก็อยากจะไปเรียนที่อังกฤษหรือแถบยุโรป เพราะว่าเราชอบตึกเก่า ๆ วัฒนธรรมเก่า ๆ แต่มันก็แค่ฝัน
อย่าพูดถึงความฝันเลย มาพูดถึงปัจจุบันและความจริงที่อเมริกา ประเทศที่ไม่เคยคิดอยากไปกันดีกว่า
วันนั้นประมาณกลางปลายเดือนกันยายน 2549 ท่านผู้ใหญ่นายหนึ่ง โทร.มาบอกว่าได้รับทุนไปอเมริกาให้เตรียมตัวโดยด่วน จะเดินทางเดือนมกราคม 2550 โอ้แม่เจ้า ช่วงนั้นชีวิตตกวิบากกรรมเรื่องหนี้สินเต็มประดา ได้ยินครั้งแรกลูกตาหมุนเป็นค่าเงินดอลลาร์กันเลยทีเดียว (ตรูจะประหยัดจะเก็บเงินมาใช้หนี้ได้บ้างก็คราวนี้แหละ)
แทนที่จะดีใจว่าได้รับทุนไปได้ความรู้ ดั้นเจือกคิดแต่เรื่องเงิน
ก็สารภาพจริง ๆ นี่หน่าว่าคิดแบบนั้นจริง ๆ
ขั้นตอนต่อไปเราก็ต้องจัดเตรียมเอกสารเพื่อไปติดต่อสถานทูตเพื่อขอวีซ่านักเรียน (F1) โดยการย้ายตรูดตัวเองไปนั่งที่ห้องไกลบ้านอยู่ตลอดสองถึงสามเดือน ได้เว็บบล็อกคุณ Susie และความรู้จากผองเพื่อนห้องไกลบ้านมากมาย เอกสารของเราทำให้เชื่อมั่นได้ว่าตรูจะไม่ไปไหน ยังไงก็ต้องกลับมาตายรังที่ประเทศของเราแน่นอน แต่ก็ยังหวั่น ๆ อยู่บ้างว่าวีซ่าเมกาไม่หมูแน่ ๆ
วันไปสัมภาษณ์ถึงหน้าสถานทูตที่ ถ.วิทยุ ประมาณ 07.00 น. โอ้แม่เจ้ากาลี ประชากรมาจากไหนกันเนี่ย ทะลักมาจนนอกรั้วเลยรึ
ไม่เป็นไร ชุดพร้อม (ใส่ชุดเต็มยศอันพึงจัดหาได้) เอกสารพร้อม เดินไปให้สาวมดแดง (ใส่เสื้อสีแดง) ตรวจเอกสารกันเบื้องต้น ด่านนี้เขาจะเช็กวันและเวลาสัมภาษณ์ว่ามีชื่อตรงตามวันหรือไม่
ผ่านด่านแรกต้องไปเจอ รปภ.ข้างในอีก ด่านนี้อนุญาตให้เอาเฉพาะเอกสารกับเงินติดตัวไปเท่านั้น สำหรับข้าวของอื่น ๆ ขออนุญาตริบไว้ประเดี๋ยว
เดินไปสักแป๊บ ชมนกชมไม้เย็นใจ ก็จะเจอโต๊ะเช็กเอกสารความเข้มข้นปานกลาง เขาจะเน้นตรวจพวกการกรอก DS 156-158 มีแก้ไขบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ไปซื้อซองไปรษณีย์ ไว้สำหรับส่งพาสปอร์ต (พร้อมวีซ่า) มาให้เรา
และแล้วก็มาถึงด่านตรวจเอกสารขั้นเข้มข้น ด้วยการให้บัตรคิว ถามว่าจะเลือกสัมภาษณ์ภาษาอะไร อิฉันเลือกภาษาบรรพบุรุษค่ะ ช่วงนี้เอกสารที่เตรียมไปดึงออกเสีย 50%
ไฮไลท์มันอยู่ตรงนี้ค่ะ ในห้องสัมภาษณ์ขนาด 200-300 คน กำลังรอสัมภาษณ์ตัดสินชะตาชีวิตผ่านหน้าต่างเล็ก ๆ มีคนชี้ขาดอยู่ด้านใน (พูดเวอร์ ๆ ไปงั้นแหละ--ก็มันเหมือนมานั่งรอพิพากษาจริง ๆ นี่)
อิฉันได้สัมภาษณ์กับแหม่มช่อง 9 ค่ะ เลขมงคลจัง บอกกับตัวเองว่า สงสัยเราโชคดีนะเนี่ย
เข้าไปด้วยหัวใจเต็มร้อย เอกสารตรึม แต่ก็ไม่วายถูกบั่นทอนด้วยคำถามหักหาญน้ำใจ เชอะ...มั่นใจอย่างเดียว คำตอบต้องหนักแน่น ชัดเจน ตรง กระชับ แหม่มหัวทองคนนี้ ต้องยอมสิโรราบมอบวีซ่านักเรียนเกรดเอมาให้ชั้นซะดี ๆ
ได้ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้คงไม่มานั่งหัวฟูทำงานที่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ณ รัฐฮาวายอยู่นี่หร้อก
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 14:57:51 น. |
|
7 comments
|
Counter : 488 Pageviews. |
|
|
|
โดย: biebie999 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:41:25 น. |
|
|
|
โดย: smo วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:16:24:59 น. |
|
|
|
โดย: biebie999 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:41:09 น. |
|
|
|
โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight ) วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:11:18 น. |
|
|
|
โดย: biebie999 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:9:50:40 น. |
|
|
|
โดย: คุ๊กกี้ค่ะ IP: 117.47.242.46 วันที่: 11 มิถุนายน 2553 เวลา:19:49:43 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
|
"Erised stra ehru oyt ube cafru oyton wohsi"
"I show not your face but your hearts desire" "ฉันไม่ได้แสดงภาพใบหน้าของคุณ แต่แสดงถึงความปรารถนาภายในใจ"
"เราเข้าใจว่าความรักของแม่และลูก เป็นความรักแบบหาที่สุดมิได้ แต่ความรักแบบคู่รัก เป็นความรักที่ช่วยหล่อเลี้ยงการดำเนินชีวิต"
พล่าม เวลานี่ไวเหลือเกิน เผลอแป๊บ ๆ ก็ 36 แล้ว ชีวิตที่ผ่านมาได้ทำในสิ่งที่อยากทำมาเกือบหมดแล้ว สิ่งที่อยากทำล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกในวัยเด็ก
ทุกครั้งที่แหงนมองฟ้า เห็นเครื่องบิน ตอนเด็กคิดว่าเราไม่มีทางขึ้นได้หรอก เพราะที่บ้านไม่มีเงิน
อยากขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ก็ได้ขึ้น
อยากไปต่างประเทศ ก็ได้ไป
อยากไปเที่ยวบ้าง ก็ได้ไป
อยากนั่งรถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน ก็ได้นั่ง
อยากบวชพราหมณ์ ก็ได้บวช
อยากวาดรูป ก็ได้ทำ
อยากมีบ้านของตัวเอง ก็ได้มี
ชีวิตที่เหลือตอนนี้ ขอปลดหนี้ให้หมดก่อนตายและอยากทำให้แม่สบายกว่านี้
นั่งเพลิน ๆ ถามตัวเองว่าเรามาถึงช่วงปลายทางหรือยัง บางทีก็ตอบว่ามาถึงแล้ว ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แต่อีกใจก็ยังอยากรู้ต่อไปอีกว่า ในอนาคตจะมีอะไรให้ได้ตื่นเต้นอีกไหม
หากเปรียบเป็นกราฟ ชีวิตเราตั้งแต่เกิดมีสูงมีต่ำและติดลบ ปัจจุบันนี้กราฟเป็นเส้นเรียบ ๆ ไม่สูงไม่ต่ำ แต่...ก็ไม่แน่นะ อาจจะเป็นเส้นตรงที่มีองศาต่ำลงก็ได้
เรียนรู้ตัวเองเมื่ออายุครบ 32 รักครอบครัว / รักแม่ / รักสันโดษ / ไม่ชอบสังคม / ขอมีเพียงเพื่อนที่เรียกว่ามิตรแท้สัก 1 คน ก็พอ / ความรักคือความผูกพันและการให้อภัย / เราสามารถอยู่คนเดียวได้ทั้งวันโดยไม่พูดกับใคร / ไม่สนใจคำนินทาใด ๆ รอบข้าง / ไม่ทนกับคนที่เราไม่อยากอยู่ด้วย
บ้าต้นไม้ / เลี้ยงสุนัข / ฟังเพลง POP, Jazz, Classic / คลั่งงานศิลปะ / อ่านหนังสือ / ชอบเสียงกีตาร์ / ไม่บ้าแฟชั่น / ไม่ชอบเสียงดัง / ชอบทำสมาธิ / ไม่ชอบแชต / ไม่ชอบคุยโทรศัพท์ / โลกส่วนตัวสูง / เพื่อนน้อย / อารมณ์ขัน / ดูหนังตลก / ชอบทำกับข้าว / ไม่ชอบล้างจาน / กลัวการขึ้นเครื่องบิน / ไม่ดื่มกาแฟ / ไม่ชอบบุหรี่ / ไม่ชอบดูละคร / ชอบกินผักผลไม้ / ไม่ชอบความเร็ว / ไม่เสแสร้งแกล้งโกหก / ไม่ชอบคนพูดปดปกปิด / ไม่ชอบเล่นเกม!
.....ขอใช้ชีวิตแบบสมถะ แบบนี้ตลอดชีวิต
|
|
|
|
|
|
|
|