Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
7 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
สุดยอดคำถามเพื่อการบวช [รวมคำถามเรื่องการบวช]....... คลิกเลยมีคำตอบ

Smiley

สุดยอดคำถามเพื่อการบวช


        ในชีวิตของลูกผู้ชาย ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องบวชให้ได้อย่างน้อย 1 พรรษา ซึ่งการเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วบวชได้นั้นถือว่าโชคดีมาก เพราะการได้บวชถือเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ผลบุญจะแผ่ไปถึงบุคคลผู้ใกล้ชิด และตัวเองได้ ตามกำลังการบำเพ็ญตน และหากท่านยินดีที่จะดำรงสถานภาพของสมณะเพศไปจนตลอดชีวิต ก็นับว่า เป็นการอุทิศตน ช่วยสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาไปจนตราบชั่วกาลนาน


สาเหตุที่ทำให้การบวชใช้เวลาน้อยลงไปเรื่อยๆ นั้นเป็นเพราะอะไร?


        คงเป็นเพราะภารกิจรัดตัวมากขึ้น ทุกคนรู้สึกว่าต้องแข่งกันทำงานมากขึ้น จะลางานเพื่อไปบวช 3-4 เดือนก็เกรงว่าหัวหน้างานจะไม่อนุญาต และกลัวจะเสียตำแหน่งหน้าที่การงานไปด้วย ก็เลยให้ลาได้แค่ 7 วันบ้าง 15 วันบ้าง 1 เดือนบ้าง เลยได้บวชแค่ช่วงสั้นๆ อย่างนั้น
        เมื่อมีเวลาบวชแค่ช่วงสั้นๆ ก็จะไม่ค่อยได้รับการอบรม แล้วมักจะรู้สึกว่าไม่ค่อยได้อะไร การบวชนั้นมีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะถ้ารักษาประเพณีเดิมว่า บวชให้ได้เต็มทั้งพรรษา มาพร้อมๆ กันแล้วได้รับการอบรมอย่างเต็มที่ ความรู้ทางธรรมะที่ได้รับ การฝึกฝนปฏิบัติที่ได้รับก็จะสามารถเอาไปใช้ได้ตลอด


ถ้าไปบวชแล้วทำให้ไม่ได้ดูแลพ่อแม่ อย่างนี้จะถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณพ่อแม่ได้อย่างไร?


        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านแบ่งประโยชน์เป็น 3 ขั้น คือ
        1. ประโยชน์ในชาตินี้
        2. ประโยชน์ในชาติหน้า
        3. ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ การบรรลุพระนิพพาน
        ประโยชน์ในชาตินี้ คือ ให้อยู่ในชาตินี้ได้อย่างมีความสุข ตั้งตัวได้ มีทรัพย์สินเงินทองใช้ มีปัจจัย 4 พร้อมบริบูรณ์
        ประโยชน์ในชาติหน้า คือ ได้สร้างบุญกุศลจนกระทั่งว่า เมื่อละโลกไปแล้วได้ไปเกิดในสุคติภูมิโลกสวรรค์
        ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งกิเลสน้อยลงๆ แล้วบรรลุพระนิพพานได้ในที่สุด
        การที่เราดูแลพ่อแม่แบบให้เงินท่านใช้ก็จะได้ประโยชน์แค่ชั้นต้น คือ ประโยชน์ในชาตินี้เท่านั้นเอง แต่ประโยชน์ในชาติหน้านั้นยังไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ถ้าเรามาบวชเรียนตั้งใจประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี แล้วชักนำคุณพ่อคุณแม่ ญาติพี่น้อง ครอบครัว ให้มาเข้าวัดปฏิบัติธรรมตามด้วย อย่างนี้ท่านก็จะได้สร้างบุญกุศลให้ได้ประโยชน์ในชาติหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งด้วย มันลึกซึ้งกว่ากันมาก
        ถ้าเราไปบวชแล้วได้ศึกษาธรรมะ และปฏิบัติตัวให้ดี อย่างนี้แม้ในชาตินี้ก็ตาม เราจะเอาความสุขใจชื่นใจที่แท้จริงไปให้กับท่าน เพราะเราเองเป็นผู้ดำรงชีวิตโดยมีหลักธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจ


ในกรณีที่ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการบวชน้อยลงควรทำอย่างไร?

โดยเปรียบเทียบจะเห็นว่า ในชนบทจะดีกว่าสังคมในเมือง เพราะชีวิตคนในเมืองค่อนข้างเร่งรัดมาก เราจึงจำเป็นต้องเร่งฟื้นฟูทัศนคติให้ถูกต้อง ก่อนจะสายเกินไป แม้ในยุคสมัยนี้จะรู้สึกว่าการรณรงค์ฟื้นฟูนั้นค่อนข้างยาก ถ้าช่วยกันทำจริงๆ เรื่องยากๆ ก็จะกลายเป็นง่าย คนที่รู้แล้วว่าการบวชนั้นดีมีประโยชน์ และมีความสำคัญอย่างไร ก็ขอให้ลุกขึ้นมาอย่างนิ่งดูดาย แล้วช่วยกันคนละไม้ละมือ ชี้ให้เห็นว่าการบวชดีอย่างไร ก็จะทำให้ประเพณีที่ดีๆ ค่อยๆ ฟื้นกลับขึ้นมา

การบวชจะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

      ในช่วงที่บวชนั้น จะเป็นช่วงที่เราเองได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ต่างจากชีวิตปกติ ตอนเราอยู่ที่บ้านอยากนอนตอนไหนก็นอน อยากตื่นตอนไหนก็ตื่น อยากกินตอนไหนก็กินทันที แต่ตอนบวชนั้นทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะเวลาที่จะฉันภัตตาหารได้นั้นก็แค่ตะวันขึ้นถึงเที่ยงแค่นั้น ช่วงบ่ายอย่างมากก็แค่น้ำปานะ เราจึงต้องฝึกนิสัยไม่ตามใจปากท้อง จะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงหมู่คณะ ทำตามระบบระเบียบเป็นการฝึกนิสัยตัวเองเสียใหม่ โดยไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง




ในช่วงที่บวชจะเป็นช่วงที่เราเองได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้น


คนที่ผ่านการบวชและฝึกฝนอบรมตัวเองในสภาวะที่เอื้อให้ คือได้มีการสวดมนต์นั่งสมาธิ(Meditation)มานั้นใจมันจะนุ่มละเอียด ถึงคราวจะรองรับธรรมะก็รับได้เต็มที่ เนื้อหาที่เราเองปฏิบัติในแต่ละวันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนนิสัยเราเอง ค่อยๆ ซึมซับไปในตัว ถ้าบวช 7 วัน 15 วัน จะยังเห็นไม่ค่อยชัด เพราะเวลามันยังสั้นไป แต่ถ้าได้ทั้งพรรษาก็จะได้ประโยชน์มากๆ เลย ปฏิบัติจนซึมซับเข้าตัว แล้วเราเองก็ได้สวดมนต์นั่งสมาธิด้วย และได้ศึกษาเนื้อหาหลักธรรมคำสอนต่างๆ ด้วย พอเจอปัญหาอะไรในชีวิตก็จะนึกได้ว่า เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างไร ควรจะใช้หมวดธรรมข้อไหนในการแก้ เราจะกลายเป็นคนที่มีหลักในการดำเนินชีวิตขึ้นมา ซึ่งเรียกว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ คือเป็นผู้ใหญ่ที่มีหลัก เป็นคนที่มีหลักในการดำเนินชีวิตที่แท้จริง โบราณจึงเรียกคนที่บวชมาแล้วทั้งพรรษา ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีแล้วว่าเป็น ทิด ซึ่งแปลว่า คนสุก คือกิเลสในตัวถูกย่างจนสุกแล้ว ซึ่งยังไม่หมดหรอกแต่มันสุกแล้วคือมันไม่ดิบ


เมื่อถูกเรียกว่า ทิด มันเหมือนเป็นเครดิตติดตัวอย่างหนึ่งว่า จะไปทำอย่างนี้ไม่ได้ เป็นทิดแล้วไปทำได้อย่างไร เสียชื่อเสียงครูบาอาจารย์หมด บวชเรียนมาแล้วทำอย่างนี้ไม่ได้ ต้องเป็นคนที่มีมาตรฐานทางศีลธรรมได้ โบราณเขาถือกันเลย เวลาจะไปขอลูกสาวบ้านไหนถ้ายังไม่ได้บวชเขาจะไม่ให้ เพราะยังไม่สามารถอุ่นใจได้ กลัวจะเอาลูกสาวเขาไปตกระกำลำบาก แต่ถ้าบวชเรียนเป็นทิดมาแล้วอย่างนี้ก็พอจะวางใจได้



การบวชสามารถช่วยชาติได้หรือไม่และเกี่ยวข้องกันอย่างไร?


        ชาติใดชาติหนึ่งจะก้าวหน้ามากน้อยเพียงใด ปัจจัยสำคัญที่สุดคือคุณภาพของคนในชาตินั้น ถ้าคนมีคุณภาพดีก็จะเจริญ ถ้าคุณภาพคนไม่ดีมันก็ยาก ต่อให้มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่ดีเยอะแยะมากมายแค่ไหนก็ตาม มันก็แค่ทำให้สะดวกขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่มันก็ยังไปได้ยาก แต่ถ้าคุณภาพคนดีแล้วจะไปได้ไกลเลยทีเดียว
        ฉะนั้น การบวชคือการฝึกพื้นฐานคุณภาพคนในชาติได้อย่างดีเยี่ยมเลย ของไทยเราเองนั้นต้องบอกว่าเราอยู่ร่วมกันมาอย่างผาสุขได้อย่างนี้ ก็เพราะมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักธรรมรองรับจิตใจของทุกๆ คน
        บางคนอาจคิดว่า ทำไมเศรษฐกิจของเมืองพุทธไม่ก้าวหน้าขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ก็ให้ดูว่าเงื่อนไขตัวแปรมันมีหลายตัว ภูมิอากาศก็มีส่วนสำคัญ ถ้าเป็นเขตอากาศที่รุนแรง เช่น เขตอากาศอบอุ่น เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวใบไม้ผลิ เดี๋ยวใบไม้ร่วง สภาพภูมิอากาศจะบังคับให้เขาเองต้องวางแผน อย่างน้อยต้องปีต่อปี เพราะถ้าเป็นหน้าหนาวหิมะตก ต้นไม้ทิ้งใบหมด ถ้าไม่เตรียมตัวล่วงหน้าแล้วไม่มีอะไรกินก็จะอยู่ไม่ได้ ส่วนเมืองร้อนอย่างบ้านเรานั้นก็หาเช้ากินค่ำได้ ไม่ค่อยเดือดร้อนอะไรมากไม่ลำบาก ของเราเองนั้นสภาพดินฟ้าอากาศมันเอื้อให้อยู่ได้สบาย



        ฉะนั้นโดยเฉลี่ยคนที่อยู่ในเมืองหนาวจึงเป็นคนมีการวางแผนอะไรต่างๆ ล่วงหน้ามากกว่า และเป็นตัวขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจมันก้าวหน้าไปได้มากกว่า แต่พอถึงยุคปัจจุบันที่วิทยาการอะไรต่างๆมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว สภาวะอากาศต่อนิสัยของคนมีอิทธิพลไม่มากเหมือนแต่ก่อน เพราะมีแรงจูงใจอย่างอื่นเข้ามามีส่วนด้วยมาก ความแตกต่างระหว่างภูมิอากาศจึงลดน้อยลง ตอนนี้เป็นตอนที่เริ่มเห็นได้ชัดว่า โซนที่นับถือพระพุทธศาสนานั้นมีอารยะธรรมและวัฒนธรรมที่มีพื้นฐานจากพระพุทธศาสนาเริ่มไปเร็วกว่าที่อื่นเช่นจีนญี่ปุ่นสิงคโปร์เป็นต้น

แม้กระทั่งในประเทศเดียวกันที่มีคนอพยพมาจากหลายๆ พื้นฐานมาอยู่รวมกันเช่น อเมริกาจะเห็นชัดเลยว่าคนจากเอเชียนั้นที่ส่วนใหญ่มีพื้นฐานจากพุทธนั้น จะไปได้ดีกว่าคนกลุ่มอื่นๆ เพราะรากฐานคำสอนในพระพุทธศาสนาทำให้ระบบครอบครัวแข็งแรง โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตก็สูงกว่าคนที่มีพื้นฐานวัฒนธรรมอื่นๆ



การบวชสามารถช่วยให้โลกดีขึ้นได้จริงหรือ?


        ต้องเข้าใจว่า ใจคนกับสิ่งแวดล้อมนั้นมีความสัมพันธ์กัน ถ้ามีคนที่มีจิตใจดีรวมกันเข้าเป็นหมู่มากจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม บรรยากาศให้ดีตามไปด้วยแต่เมื่อใดใจคนร้ายๆ มันก็จะดึงดูดสิ่งร้ายๆ ให้เกิดขึ้นตามมา ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็จะรู้ว่า ถ้ามีคนบวชมากๆ มาปฏิบัติธรรม มาทำความดีกันมากๆ ใจที่ดีงามของแต่ละคนก็จะเสริมบรรยากาศรอบตัวให้สงบและทุกอย่างราบรื่น แต่เมื่อใดที่ใจคนร้ายๆ อะไรแรงๆ ก็จะเกิดขึ้นมา โบราณจึงถือว่าเกิดฝนแล้งข้าวยากหมากแพงเมื่อใด ผู้นำประเทศจะนำทีมประชาชนถือศีล นุ่งขาวห่มขาว ตั้งใจสวดมนต์ภาวนา แล้วทุกอย่างจะคลี่คลายโดยเร็ว




ถ้ามีคนมาทำความดีรวมกันเข้าเป็นหมู่มากจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมให้ดีได้ตามไปด้วย


จึงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะต้องมาบวชและชวนกันทำความดีเพราะครอบครัว สังคม ประเทศชาติ โลก ก็ได้ประโยชน์จากตรงนี้ เป็นประโยชน์ทุกระดับชั้น


ผู้ที่ไม่มีลูกชายจะบวชให้ ต้องไปขอให้ลูกหลานคนอื่นมาบวชให้จะได้อานิสงส์แค่ไหน?

        คือผู้บวชนั้นจะได้อานิสงส์มาก คือ 64 กัป ถ้าพ่อแม่ที่มีลูกบวชให้ก็จะได้อานิสงส์ 32 กัป ส่วนผู้สนับสนุนการบวช เช่น เราไปชวนลูกหลานของพี่ป้าน้าอาให้มาบวช อย่างนี้จะได้ 16 กัป ได้ไม่เท่าลูกตัวเอง แต่ก็ยังได้มากอยู่ ถ้าเราไปชวนได้ 2 คน ก็เท่ากับได้ลูกของตัวเอง 1 คนแล้ว ดังนั้นยิ่งเราชวนคนอื่นมาบวชได้มากเท่าไร อานิสงส์ก็จะยิ่งได้มากขึ้นตามลำดับ



ราจะมีวิธีการอย่างไรให้ผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ได้รู้ว่า การบวชนั้นสามารถปิดนรกไปสวรรค์ได้จริง?


        ต้องเข้าใจพื้นฐานอย่างหนึ่งก่อนว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีหรือไม่ เรื่องนี้แทบจะบอกได้ว่าได้ข้อสรุปมาแล้ว คือมีฝรั่งเป็นคุณหมอ ศาสตราจารย์นายแพทย์ เอียนสตี เดนสัน เกิดมาในศาสนาคริสต์ ซึ่งศาสนาเขานั้นไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด คือเชื่อว่าเกิดครั้งเดียว ตายแล้วก็รอวันพิพากษาไปฝังไว้รอวันพิพากษา


        ประเพณีเขาจะไม่เผา แต่ให้เอาไปฝังเพื่อรอวันพิพากษา แต่ปรากฏว่าไปรู้เรื่องเด็กที่สามารถระลึกชาติได้ เขาเลยสนใจไปศึกษาอย่างเป็นแบบวิทยาศาสตร์ จัดทีมเก็บข้อมูล ทดสอบว่าจำได้จริงหรือไม่ บันทึกทุกอย่างไว้อย่างเป็นวิชาการเลย ก็สามารถเก็บหลักฐานเด็กที่ระลึกชาติได้จริงๆ แบบชนิดที่ว่าไม่สามารถเตี๊ยมกันได้เลย ทยอยเก็บรวบรวมอย่างนี้ไว้ถึง 3 พันกว่าราย รวบรวมลงในหนังทางวิชาการรวมแล้วได้ 200 กว่าเล่ม จนกระทั่งว่ายังมีคนอื่นมาศึกษากรณีแบบนี้อีกหลายคน ตอนที่เขาตายนั้นหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงมาก เป็นฉบับที่ขุดคุ้ยประธานาธิบดีนิคสัน เรื่องคดีวอเตอร์เกทจนกระทั่งต้องลาออกจากตำแหน่งเลย ได้ยกย่องคุณหมอท่านนี้ว่า เป็นผู้ที่รวบรวมเรื่องการระลึกชาติอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จนยากที่ใครจะปฏิเสธได้

        ตอนนี้คนในอเมริกากว่าครึ่ง เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เพราะหลักฐานมันชัดเจน ไม่ใช่คนสองคนแต่ 3 พันกว่าราย เก็บข้อมูลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์เลย มันไม่มีทางที่จะมาหลอกกันได้ ทั้งที่สิ่งที่เขาเชื่อนั้นมันขัดแย้งกับความเชื่อทางศาสนาของตัวเอง เพราะมันเป็นความจริงทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้แล้ว


        ฉะนั้น พอเราพิสูจน์เรื่องการเวียนว่ายตายเกิดได้แล้วว่ามีจริง แล้วตายแล้วไปไหน ก่อนจะมาเกิดมาจากไหน ก็มีหลักอยู่ว่า เกิดทุกชาติในโลกมีคนเคยเจอผี เปรต มาแล้วทั้งนั้น เพราะสิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จริง เป็นกายสัมภเวสีรอบตัวเรา เป็นผีก็มี ภุมมเทวาก็มี เปรตก็มี พบเจอกันไปในรูปแบบต่างๆ บอกได้ว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริง


        ชีวิตไม่ได้มีอยู่แค่คนหรือสัตว์เท่านั้น ยังมีชีวิตในอีกมิติหนึ่งที่ยังมีอยู่ ฉะนั้นสิ่งนี้ประมวลแล้วบอกได้ว่า สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเรามานั้น มันไม่ใช่ความเชื่อแต่มันคือความจริง จนเราแทบจะสรุปได้ว่ายิ่งวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปไกลกลับเป็นสิ่งที่ยิ่งมาช่วยยืนยันว่าสิ่งที่พระองค์สอนนั้นจริง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมระดับไอสไตน์ จึงยอมรับนับถือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างยิ่งยวด เพราะสิ่งที่พระองค์สอนนั้นมันเป็นสัจธรรม เป็นความจริง จึงให้รู้ไว้ว่าบุญบาปนั้นมีจริง การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง นรกสวรรค์ก็มีอยู่จริง


ผู้หญิงที่ไม่สามารถบวชพระได้นั้นควรทำอย่างไร จึงจะได้รับอานิสงส์โดยไม่ต้องบวช?


        1. ไปชวนคนมาบวช
        2. ชวนมาแล้วก็อุปถัมภ์ให้การสนับสนุนการบวช
        3. ตัวเองบวชพระไม่ได้ก็มารักษาศีล 8 เป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนไปก่อน
        เราก็สามารถทำได้ให้คุ้นเคยกับชีวิตของการปฏิบัติธรรม ที่ไม่ได้ตามใจตัวเอง ได้ฝึกตัวเองในรูปแบบคล้ายๆกับพระเหมือนกัน รักษาศีล8 ทำกิจวัตรกิจกรรม ศึกษาธรรมะ ฟังเทศน์ฟังธรรม ทำภาวนาตลอดทั้งวันได้เหมือนกัน




ไปชวนคนมาบวช


        บุญในการบวชนั้นเยอะมาก คำว่ากัปนั้นเปรียบได้ว่า สมมติมีภูเขาหินแท่งทึบอยู่ 1 ลูก ลักษณะเหมือนลูกเต๋า แต่เป็นลูกเต๋ายักษ์กว้าง 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ คือ กว้าง 16 กิโลเมตร ยาว 16 กิโลเมตร และสูง 16 กิโลเมตร ในทุกๆ 100 ปี มีผู้เอาผ้าทิพย์บางเบาเหมือนควันไฟไปลูบ พอลูบทีหนึ่งมันก็จะสึกไปนิดหนึ่ง อีก 100 ปี ก็มาลูบอีกทีหนึ่ง ลูบอย่างนี้ทุกๆ 100 ปี ถ้าเมื่อไรมันสึกไปจนกระทั่งภูเขาลูกนี้ราบเตียนเสมอกับพื้นดิน นานเท่าไหร่ กัปหนึ่งนานกว่านี้ แล้วเราบวชทีเดียวได้อานิสงส์ตั้ง 64 กัป ในช่วงนี้ถามว่าไม่ตกนรกเลยใช่ไหม ต้องเข้าใจว่า บุญจากการบวชจะมาคุ้มตัว ถ้าบางครั้งจะไปทำอะไรผิดเข้ามันจะมีสติได้คิดว่าอย่างนี้ไม่ถูก ก็จะไม่ทำ แต่จะชักนำให้ไปทำในสิ่งที่ถูกต้องแทนซึ่งตรงนี้มีประโยชน์มากเลย โอกาสที่จะไปทำในสิ่งที่ถูกต้องมีสูงจึงมีโอกาสไปสู่สุคติโลกสวรรค์สูงกว่า


        ของพ่อแม่ที่ว่าได้ 32 กัปนั้น ก็จะคุ้มตัวไปอย่างนี้เหมือนกัน กัปหนึ่งก็ว่านานแล้วแต่นี่ได้ตั้ง 32 กัป ฉะนั้นบุญที่ได้จึงมหาศาล ถ้าเราไปชวนคนอื่นมาบวชแล้วให้การอุปถัมภ์บำรุงก็ได้ 16 กัป ก็ได้บุญมหาศาล


        ฉะนั้นบวชทีหนึ่งประโยชน์เกิดขึ้นอย่างมหาศาลเลย ถ้าอย่างน้อยบวชได้ 1 พรรษา แล้วตั้งใจปฏิบัติอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าจะให้หลักประกันนั้น การอบรมธรรมทายาทบวชพระ 1 แสนรูปอย่างนี้ได้แน่เพราะว่าทุกอย่างเป็นหลักสูตรมาบวชเข้าพรรษาพร้อมๆ กัน มีพระอาจารย์สอนทั้งวันสม่ำเสมอตลอด จึงได้รับประโยชน์จากการบวชอย่างเต็มที่และใช้เวลาอย่างคุ้มค่ายิ่งกว่าตอนเราอยู่ข้างนอกอีก


         เราจะซาบซึ้งเลยว่าชีวิตของพระนั้นเป็นอย่างไรบวชแล้วดีแบบไหน บางคนบวชแล้วก็ยังหาเวลามาบวชซ้ำอีกหลายครั้งก็มี เพราะรู้สึกว่าเป็นการกลับมาฝึกฝนตัวเองให้ดีขึ้นมากๆ อีกครั้ง จะทำให้เราได้ประโยชน์ทั้งในชาตินี้และชาติหน้าด้วย และได้บุญกุศลทั้งตัวเองพ่อแม่ญาติพี่น้องผู้สนับสนุนทุกคนเลย เพราะฉะนั้นคุ้มค่ามาก


Smiley




Create Date : 07 กรกฎาคม 2555
Last Update : 7 กรกฎาคม 2555 18:01:51 น. 0 comments
Counter : 2206 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ่นอาวรณ์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add อุ่นอาวรณ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.