Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
เสียงกังวานกับความสดใส... เมื่อแรกพบ



เมื่อราวๆ หนึ่งปีที่ผ่านมาฉันเขียนเรื่องสั้นไว้เรื่องหนึ่งเอาไปลงในบล็อกลายปากกา คอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ตอนนั้นฉันได้รับเมล์... เอะ หรือหลังไมค์หว่า เอาเถอะ สรุปว่า ได้รับข้อความจากท่านบก. บห. พีทคุง ณ ลายปากกาว่า ตีม (Theme) ที่ฉันได้รับคือ “แรกพบ”

ทันทีที่เห็นว่า “แรกพบ” เชื่อขนมกินได้เลย ไม่ว่าใครก็ต้องใส่คำต้นไว้อีกคำ กลายเป็น “รักแรกพบ”

ฉันนั่งคิดพล็อตอยู่หลายวันเลย เรื่อง “รักแรกพบ” ปั้นน้ำเป็นตัวไปเรื่อย ตั้งใจให้เป็นเรื่องสั้นฮาปนน่ารัก นั่งจินตนาการล้านสามแล้วก็เอามาเขียน เขียนอยู่สามวัน แก้ไปแก้มาอีกสองวัน กว่าจะได้ส่งให้ท่านบก. บห. พอส่งไปได้ไม่เท่าไร ฉันก็ต้องกลับลำส่งเรื่องใหม่ไปทันควัน

เรื่องใหม่ที่ว่านี่ ฉันใช้เวลาเขียนประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงเท่านั้น

มันเกิดอาการ “ปิ๊ง” พล็อตตอนที่เข้าไปในร้านเช่าวีดีโอแล้วพบกับหนุ่มเซอร์ผมยาวที่ขับบิ๊กไบค์มาจอดหน้าร้านแล้วผลักประตูเข้ามา คือ... ฉันชอบลุคแบบนี้ไง แฮ่ๆ

แต่ตอนนั้นปิ๊งพล็อตนะ ไม่ได้ปิ๊งหนุ่ม คือ หนุ่มแบบนี้มีมาให้ดูก็ดี ใช้เป็นอาหารหูอาหารตาได้เสมอ แต่ถามว่าฉันจะพยายามไปปะหน้าหาเรื่องรู้จักมักจี่กับคนที่เจอในร้านเช่าวีดีโออย่างตัวละครในเรื่องสั้นไหม ก็คงตอบว่าไม่ มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องทำให้เสียเวลานั่งหายใจทิ้งอันมีค่าของฉันหรอก (มีค่าตรงไหน???)

ตอนนั้น ฉันต้องเขียนบรรยายความรู้สึกตัวละครตอนที่เขาปิ๊งสาวในร้าน ความรู้สึกเมื่อแรกพบที่ทำให้เกิดอาการแบบที่ควรเรียกได้ว่า “รักแรกพบ” มันควรจะเป็นแบบไหน อย่างไร ฉันก็พยายามนึกจากหนังจากละครหรือแม้แต่การ์ตูนญี่ปุ่นที่เคยอ่านๆ มา

หัวใจพองโต เสียงกระดิ่งสั่นกังวานก้องในใจ

อาการแบบนั้นเป็นสิ่งที่ฉันเขียนไว้ในเรื่องสั้นเมื่อตัวเอกของเรื่องได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่งเป็นครั้งแรก แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้หรอก ว่าการพบหน้าใครเพียงครั้งแรกแล้วเกิดความรู้สึกแบบนั้นมันเป็นอย่างไร กับคนที่ไม่เคยรู้จัก ไม่รู้ชื่อ ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยแม้แต่จะรู้ว่าคนคนนี้อยู่ตรงส่วนไหนในเส้นทางเดินของชีวิตที่ผ่านมา มันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือเปล่า

จนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันเพิ่งนึกย้อนกลับไปถึงหนึ่งปีเต็มว่าสิ่งที่ฉันบรรยายไว้มันเป็นแบบนี้นี่เอง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันออกจากบ้านไปตอนราวๆ เที่ยงเพื่อไปธุระที่ธนาคารตามปกติปลายเดือน ก็ไปจ่ายหนี้ค่าผ่อนบ้านนั่นแหละ บรรยายสวยไปงั้นเอง แล้วธนาคารที่เปิดวันอาทิตย์ก็ไม่พ้นธนาคารในห้าง

โรบินสันศรีราชา ห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นที่ฉันไปเดินวนเวียนบ่อยจนพื้นห้างจะทรุดเพราะฉันเดินอยู่แล้ว เอ่อ... ไม่ได้หมายความว่าฉันหนักแผ่นดินหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด หมายถึงเดินย่ำบ่อยๆ หลับตาเดิน... คงไม่ได้ สงสัยชนบรรลัย แต่ฉันก็จำได้เม่นเพ๊ะว่าอะไรอยู่ตรงไหนในห้างนี้ รวมไปถึงธนาคารมากมายที่อยู่ในห้างนี้ด้วย

ธนาคารที่ฉันจะต้องไปเททรัพย์สินเงินต้นและดอกเบี้ย(ที่แง่ง... โคตรเยอะ บานตะเกียง) อยู่ใช้ล่างสุด ฝรั่งเรียกชั้นกราวน์ บ้านเราเรียกใต้ดิน ถ้าบางท้องถิ่นเรียกชั้นหนึ่ง... แล้วก็ให้ไปงงว่าแล้วไอ้ที่เขียนว่า 1 Fr. ทำไมเรียกว่าชั้นสองกันต่อไป

คือธนาคารที่ฉันไปอยู่ชั้นใต้ดิน ตรงส่วนนั้น ด้านหน้าธนาคารจะเป็น ศูนย์อาหารขนาดย่อมที่ปกติตามห้างจะสร้างไว้หย่อมเล็กๆ ติดกับซุปเปอร์มาเก็ต มีไก่ผู้พันแซนเดลอร์ขาย มีข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว ตามสั่ง นู่นนี่ตามสะดวก รวมไปถึงซุ้มขายน้ำปั่น ไอศกรีมปั่นแบบที่มีวิปปิ้งครีมบีบสวยๆ โรยขนมแต่งหน้างามๆ อยู่ด้วย ร้านไอศกรีมที่ว่า จะอยู่พอดีกับบันไดห้างกว้างขวางที่ทอดลงมาจากทางเข้าด้านหน้าห้างพอดี

ฉันกำลังเดินมึนลงบันไดมาช้าๆ ทีละก้าว อันที่จริงตั้งใจจะเดินหน้าสองก้าว ถอยหลังอีกหนึ่งก้าวไปเรื่อยๆ ค่าที่ว่างมาก ถึงมากที่สุด ทำเดินถอยหน้าถอยหลังฆ่าเวลาไปงั้น แต่ครั้งจะเอาจริงก็เกรงชาวบ้านร้านห้างจะหาว่าฉันเป็นโรคจิตชนิดย้ำคิดย้ำทำ เลยเปลี่ยนเป็นเดินช้าๆ ดีกว่า

ก้าวลงมาจนอีกสองสามขั้นก็ถึงพื้นชั้นใต้ดิน ฉันก็หยุดมันกลางบันไดนั่นแหละ

แม่ค้าในผ้ากันเปื้อนขาวสะอาดกับหมวกคลุมผมมิดชิดกำลังพูดคุยกับลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาถามเรื่องไอศกรีม ฉันจำแม่ค้าได้เพราะอาศัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวสายตาขณะกำลังตั้งจิตภาวนาก้าวขาลงบันได (เพราะก้าวช้ามาก ชะรอยไม่ตั้งใจก้าวอาจโดนตะคริวแหลกเอาได้) ส่วนลูกค้าคนนั้น...

ไม่รู้ตัวบ้าอะไรทำให้ฉันหยุดกึกแล้วยืนเอ๋อมันกลางบันไดคนเดียวอยู่นั่นแหละ ฉันมองผู้ชายธรรมดาๆ ที่ใส่แว่นสายตากรอบบางสีเงินเงาวับ คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ผิวขาว ผมหนารองทรงดำสนิทที่เซ็ทให้ตั้งๆ ตามสมัยนิยม กับรูปร่างขนาดมาตรฐานชายไทยในเสื้อยืดคอปกลายขวางเส้นเล็กๆ สีน้ำตาลเข้มบนพื้นขาวกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อนระดับหัวเข่าตรงหน้าแล้ว...

ให้ตาย หายใจแน่นปอด เหมือนหูได้ยินเสียงอะไรดีดดังกิ๊ง... ใส กังวาน แน่นอน ตอนนั้นไม่มีใครทะลึ่งมาสั่นกระดิ่งข้างหูฉันแน่ ก็นี่มันบันไดห้าง

ท่าจะบ้า... หมายถึง ฉันเนี่ย สงสัยจะกลายเป็นนังบ้าไปแล้ว

ก็ยังรู้อยู่ มีสติและรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี รู้ว่าการยืนมองผู้ชายไม่รู้จักมักจี่แบบเอาเป็นเอาตายมันไม่งาม ไม่ควรแก่การเป็นกุนสตรี** (หมูผู้หญิง???) แต่ก็ยังมองอยู่

ขาไม่ขยับอยู่ชั่วครู่ กลั้นลมหายใจโดยไม่มีเหตุผล สมองไม่สั่งการอะไรนอกไปจากการมองคนตรงหน้าให้นานที่สุดเท่าที่เขาจะยังยืนอยู่ตรงนั้น

คำว่า “อีเดียต” ที่ได้ยินบ่อยๆ จากตัวเอกในซีรีย์ต่างชาติที่ฉันติดงอมแงมอยู่ตอนนี้อาจจะเหมาะแก่การใช้งานในตอนนั้น ระยะห่างประมาณสองถึงสามเมตร ฉันจับความที่เขาคุยกับแม่ค้าไอศกรีมได้ว่าเขาถามถึงราคาของไอศกรีมสองสามแบบ แล้วเขาก็หมุนตัวผละออกไปยังเคาท์เตอร์จำหน่ายคูปองของศูนย์อาหาร

ตอนนั้นแหละ ที่สมองบังคับการให้กล้ามเนื้อขาขยับไหว

ขยับเดินตามเขาไปน่ะสิ

คงบ้าอย่างที่คิด ฉันเดินตามไปดูเขาต่อจริงๆ นั่นแหละ ด้วยระยะห่างที่มากกว่าเดิม แต่เขายังคงเป็นเป้าหมายเดียวของสายตาที่กวาดไปไกลๆ ฉันเดินอ้อมมาอีกด้านหนึ่งของกระบะสินค้าที่จัดวางไว้บริวเณนั้นเพื่อมองตรงไปยังพื้นที่ด้านหลังซึ่งเป็นเคาท์เตอร์ขายคูปอง

ฉันยืนมองเขาต่อแถวซื้อคูปองอยู่ที่เดิม จนกระทั่งเขากำลังจะผละออกจากเคาท์เตอร์แล้วกลับไปยังร้านไอศกรีม ฉันก็ยังเดินเนิบนาบ เชื่องช้า อ้อมวนกระบะสินค้าเข้าไปใกล้อีกนิดโดยมีจุดประสงค์เพียงแค่อยากมองคนคนนี้ต่อไปอีกนิด

อือ... ฉันนี่มันช่างอีเดียตจริงๆ

เพราะความที่เป็นช่วงเที่ยง ผู้คนในศุนย์อาหารจึงแน่นตากว่าปกติ เขาเลือกที่จะเดินเข้าไปในฝูงชนเพื่อตัดไปยังร้านไอศกรีม ในขณะที่ฉันอยู่ห่างออกมาหลายเมตร แถมยังมีกระบะสินค้าขวางไว้ ฉันจึงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น แล้วมองตามเขาไป

จนเขากลืนหายไปกับผู้คน...



จะครบสัปดาห์แล้ว แต่ฉันยังจำหน้าเขาได้แม่นอยู่เลย จำได้แม่นกว่าหน้าของพนักงานขายสินค้าในกระบะที่จ้องฉันแบบงงๆ ว่าฉันมองตามอะไรตาลอยแบบนั้น นั่นมันเป็นตอนที่ฉันถอนสายตามาจากเขาแล้วมาปะสายตามีเควชั่นมาร์คของเธอหรอก

ตอนที่เขาหายไปจากระยะสายตาแล้ว สมองฉันเริ่มกลับมาทำงานด้านวิเคราะห์ ฉันมีทางเลือกสองทาง คือหนึ่ง เดินเข้าไปแลกคูปองแล้วตามไปที่ร้านไอศกรีม หรือสอง หันหลัง หมุนตัวกลับไปยังตู้กดเงินแล้วเดินไปจ่ายค่าบ้านเสียที

ฉันไม่มีปัญหาเรื่องการผลาญเวลาให้สูญเปล่า เวลาฉันมีเหลือเฟือเผื่อแผ่ให้ใครต่อใครได้ไม่น้อย แต่ฉันก็เลือกที่จะหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น แล้วทำธุระปะปังอย่างที่มันเป็นจุดประสงค์ของฉันในทีแรก

ฉันยิ้มให้กับตัวเองแม้แต่ตอนที่เดินออกมาแล้ว ขำที่เจอตัวเองในแบบที่นานครั้งจะได้เจอ คนที่มีความมั่นใจสูงจนน่ารังเกียจอย่างฉันนั้นไม่ค่อยจะหลุดฟอร์มแบบนี้บ่อยๆ แต่วันนั้นฉันก็เป็นจนได้

ถ้าถามว่า ทำไมวันนั้นฉันถึงปล่อยความต้องการที่ไร้เหตุผลตรงนั้นให้ผ่านไปแล้วเลือกที่จะทำสิ่งอื่น ก็เพราะฉันอยากจะให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายมันอบอวลอยู่แบบนั้น หากฉันตามเขาไป ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพบเจออะไรอีกบ้าง อาจเป็นแฟนสาวหน้าตาน่ารัก อาจเป็นภรรยาแสนสวย อาจเป็นลูกสาวหรือลูกชายเล็กๆ ของเขาสักคนหรือสองคน หรืออาจจะเป็นสามีสุดหล่อของเขา (?) แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ฉันปฏิเสธไม่ได้หรอก ว่าความรู้สึกอุ่นที่แผ่ซ่านอยู่มันจะไม่เปลี่ยนไป

ความรู้สึกบางอย่าง มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย อาการที่เรียกว่า ปิ๊ง เมื่อแรกพบ มันช่างน่าจดจำมากยิ่งกว่าการได้สัมผัส พิสูจน์ได้จากการที่ผ่านมาแล้วเกือบสัปดาห์ ฉันยังจำความรู้สึกนั้นได้อยู่ รู้สึกอิ่มทุกครั้งที่นึกถึง แม้แต่ตอนที่ฉันไล่จรด (หรือจิ้ม) นิ้วลงบนแป้นพิมพ์อยู่นี่ฉันก็ยังยิ้มอยู่อย่างห้ามไม่ได้จริงๆ

ยากจะหาเหตุผลว่าทำไมต้องคนคนนี้ ทำไมไม่เป็นคนอื่นๆ ที่เจอในสถานที่อื่น ในวันก่อนๆ มา ก็ตอบไม่ได้ เพราะเขาซื้อไอศกรีมหรือเปล่า ถ้าเขาไปยืนซื้อกาแฟสดแทนล่ะ ถ้าเขากำลังจะซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็ดล่ะ ฉันยังจะเกิดอาการแบบนี้กับคนคนนี้หรือเปล่า แล้วหากเป็นคนอื่นมายืนซื้อไอศกรีมแทนล่ะ ฉันจะรู้สึกแบบนี้กับคนนั้นแทนไหม

ก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

แค่เพียงใครคนหนึ่งบนโลกใบนี้ที่เราบังเอิญผ่านพบเพียงชั่วขณะ แต่เป็นชั่วขณะจิตที่ทำให้ทุกอย่างช่างสดใส ชั่วขณะจิตที่จดจำได้และไม่คิดว่าจะลืมมันลง แน่นอนว่าฉันไม่ได้เป็นตัวละครในเรื่องสั้นของตัวเองและก็ไม่ได้อินมากพอที่จะเข้าไปทำความรู้จักเขา เพียงแค่ความรู้สึกวูบหนึ่งที่ผ่านมาแต่อยากเก็บเอาไว้ให้เนิ่นนานเท่านั้นเอง

แต่... หากได้พบกับเขาอีกสักครั้ง มันก็คงจะดี ถึงแม้ว่าฉันก็คงจะทำแค่มอง จดจำ แล้วเดินผ่านไป แต่มันก็คงจะทำให้ฉันรู้สึกเต็มแน่นในอกอีกครั้ง ระฆังจะดังกังวานอยู่ข้างหู แล้วหัวใจก็คงจะเต้นแรงกว่าปกติ ในช่องท้องอาจรู้สึกหวิววูบ ก็ยังจะอยากเจออีกสักครั้ง...

คนที่ทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างรวดเร็วจู่โจม... เมื่อแรกพบ





**กุลสตรี คือคำที่ถูกต้อง ในข้อความด้านบน ตั้งใจเขียนให้เข้าใจในอีกความหมายหนึ่งค่ะ




Create Date : 04 ธันวาคม 2552
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 22:45:24 น. 9 comments
Counter : 595 Pageviews.

 
ขออนุญาตออกความเห็น
1.ในบางช่วงอ่านแล้วรู้สึกว่า "อยากจะรู้เสียทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น" เหมือนถูกผู้เขียนประวิงเวลาไว้ อาจเป็นเพราะผมเองอ่านในช่วงจังหวะที่มีเวลาไม่มากนัก........อยากบอกว่า...ช่วงที่ประวิงเวลา เพื่อรอช่วงประเด็นสำคัญ หรือจุดไคลแม็กของเรื่อง ช่วงนั้นน่าจะชวนติดตาม หรือจะให้ขำๆ ก็ได้ หรือปูเป็นพื้นเพื่อเอาไว้ปิดบัญชีตอนจบ หรือเอาไว้หักมุมตอนจบก็ได้
2.อันนี้ชมบ้าง..อ่านแล้วทำให้เรานึกถึงความรู้สึกเล็กๆ ที่เราอาจมองข้ามไป และยืนยันว่าบางทีการทำตามหัวใจของเราโดยไม่นึกถึงเหตุผล แต่ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนมันก็ก่อให้เกิดความสุขใจ...ความรู้สึก และเหตุการณ์แบบนี้ผมก็เคยมี (ไอ้อาการปิ๊งอ่ะมีบ่อย แต่เคยตามดูเขา (หล่อน) คงสักครั้ง หรือ 2 ครั้งเท่านั้น
********ว่างเขียนอะไรมาเล่าให้ฟังอีกเน้อ*******


โดย: dose IP: 203.156.169.51 วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:7:52:50 น.  

 
คุณโด๊ส - โอ้ ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมบ้านนี้แล้วช่วยออกความเห็นทิ้งไว้ให้ด้วย แต่แหม อ่านแล้ว เหมือนคุณโด๊สยังเขียนแบบเกรงใจกุ้งอยู่นะนี่ คราวหน้าไม่ต้องเกรงใจค่ะ วิจารณ์ตรงๆ เลยได้ ไม่ว่ากัน

เขียนอยู่ประจำอยู่แล้วค่ะ เรื่องเล่าเนี่ย ไว้มาอ่านใหม่นิ


โดย: BestChild วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:9:48:36 น.  

 
เห็นในตีวิด เลยจะมาเยี่ยมคนเป็นภูมิแพ้ซะหน่อย อ๊ะ มีบล็อกใหม่ อ่านเลยละกัน

แค่กๆๆๆ

ทีหลังไม่ต้องอ้างละเอียดก็ได้ม้าง ^^"

พยายามนึกภาพพื้นห้างสึก... เอ้อ... เดินขนาดไหนนะ มันถึงสึกได้ จ๊าก

น่าดีใจนะเนี่ย ที่คุณเบสต์มีประสบการณ์กระดิ่งกิ๊งๆ แบบนี้ มันคงไม่เกิดขึ้นง่ายนัก ผมเคยรึเปล่าหว่า... นึกไม่ออกจริงๆ ไอ้กิ๊งๆ นี่ ขอเวลานึกนานๆ หน่อยนะ กิ๊งๆๆๆ


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:20:22:30 น.  

 
นานมากแล้วที่ไม่ได้เป็นแบบที่น้องเบสต์ว่า มันทำให้ปั่นป่วนไปหมดไม่เฉพาะแต่ท้องไส้ แต่ก็เก็บไว้ดีกว่า ความทรงจำ ที่นึกถึงทีไร ขำตัวเอง เศร้าใจ สุขใจ เสียใจ ทุกอย่างเป็นเธอคนนั้นไปหมด..เธอทั้งนั้น

ดีใจจังที่น้องเบสต์ก็เป็นกับเขาเป็น (นึกว่าจะเป็นแค่แท่งๆ...อือ..โยงสายไฟ เอิ๊กๆ (ล้อเล่นนะ))



โดย: พี่คนนั้น..อีกและ IP: 203.146.6.28 วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:22:43:00 น.  

 
คุณพีท - ก็บรรยายอารัมภบทไง อ้างถึงด้วยความเคารพนิ

พี่คนนั้น - ไม่ใช่เสาไฟจิคะ เป็นคนมีเลือด มีเนื้อ มีหัวใจ ร้องไห้ได้ เจ็บเป็น (แต่ไม่ยอมเจ็บคนเดียว ใครทำกรูเจ็บ เมิงตาย!!!)


โดย: BestChild วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:19:25:54 น.  

 
^
^
^
"โหด..อ่ะ"

หวัดดีคับ...แวะมาเยี่ยมทักทาย...@^_^@


โดย: @...SHO_THSIC...@ วันที่: 15 ธันวาคม 2552 เวลา:10:43:41 น.  

 
ถ้าไม่โหดไม่ใช่คุณเบสต์ตัวจริง ^^"


โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 16 ธันวาคม 2552 เวลา:7:28:31 น.  

 
คุณโช - หงะ

คุณพีท - หงะ อีกที


โดย: BestChild วันที่: 16 ธันวาคม 2552 เวลา:9:12:14 น.  

 
แล้วตรู จาโดนลูกหลงตายด้วยไหมเนี้ย เขาจะฆ่ากัน เจือกโผล่หัวไปดู กร๊ากกกก


โดย: พี่คนนั้น..อีกและ IP: 203.146.6.28 วันที่: 18 ธันวาคม 2552 เวลา:13:28:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.