Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
13 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ ตอนที่ 11 <เพราะผมมัน 'อ่อน'>



ไม่รู้ว่าจะโทษใครดี ระหว่างความจิตอ่อนของผมที่ดันถูกน้องสาวตัวเท่าแมวหลอกปั่นหัว หรือว่าจะโทษการยวนยั่วโดยไม่ตั้งใจของคุณเพชรที่บังเอิญมาสวยสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกขนาดนั้น ผู้ชายที่เคยป่วยนับครั้งได้อย่างผมก็มีอันต้องมาจมอยู่ที่เตียง

"ถ้ารู้ว่าพี่แทนใจเสาะ เปราะ อ่อน อย่างนี้นะ ก้อยไม่ใช้แผนนั้นหรอก"

น้องสาวผมมายืนกอดอกมองพี่ชายที่นอนหมดสภาพอยู่กับเตียง เสียงที่ตั้งใจเน้นย้ำคำทำร้ายความยิ่งใหญ่ของลูกผู้ชายถูกกรอกเข้าหู ก้อยมาระรานตามปกติเพื่อให้ผมออกไปส่งที่มหาวิทยาลัยในเช้าวันจันทร์ โดยปกติแล้วก้อยไม่ค่อยอยากจะใช้บริการผมเท่าไรนักหรอก หาเรื่องจะนั่งแท็กซี่ไปเองประจำ แต่สำหรับวันจันทร์แรกของเดือนที่มักมีรถราออกมาผลาญน้ำมันกันถ้วนหน้าอย่างนี้ โชเฟอร์ดีๆ พร้อมซีรีย์เจ็ดย่อมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอันดับหนึ่ง

"ไหนดูซิ" ก้อยก้าวเข้ามาเอามืออังหน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย

"โห...ร้อน สามสิบแปดจุดห้าได้มั้งนั่น"

ใครไปฝังชิพโปรแกรมเทอร์โมมิเตอร์ให้ก้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่ขออนุญาตผมก่อน

"ไม่ต้องปงไปมันแล้วที่ทำงาน นอนอยู่บ้านนี่แหล่ะ เดี๋ยวก้อยให้คนขับรถของแม่แวะไปส่ง"

ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าบ่ายๆ พอหายแล้วจะไปรับ แต่ไม่ยักจะทำได้ อาการที่ส่งออกไปก็แค่ปากพะงาบๆ เท่านั้น

"อ๊ะ...ได้การ เอางี้ เดี๋ยวสายๆ ก้อยจะสั่งยามาให้ เอาแบบพิเศษสุด รับรองหายป่วยเป็นปลิดทิ้ง ไม่ก็อาจจะอาการหนักกว่าเก่า หึ หึ"

เอาอีกแล้ว มาทำตาเจ้าเล่ห์แบบนี้ละหมายความว่าเดี๋ยวจะมีเรื่อง จิตสังหรณ์ผมดีขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่น้องผมเข้ามาช่วยวางแผนจีบสาว สังหรณ์ทีไรก็ได้เรื่องทุกที ซวยซ้ำซวยซากอยู่อย่างนี้ไม่มีจบ

"แต่ตอนนี้พี่แทนต้องกินข้าวกินยาก่อน เดี๋ยวก้อยให้ป้าสามาจัดให้ เดี๋ยวจะสาย ไปละพี่แทน" ว่าจบก็พลิ้วออกไปจากห้อง

ไม่นานเกินรอ ข้าวต้มร้อนๆ ที่แทบลวกคอสุกกับยาแก้ไข้สองเม็ดก็ถูกลำเลียงมาถึงข้างเตียงด้วยความอนุเคราะห์คนป่วยนอนซมของป้าสา แม่บ้านคนสนิทของครอบครัว ผมบังคับตัวเองกระเดือกข้าวร้อนๆ ลงคอไปได้เกือบครึ่งชามก็หมดแรงถือช้อนอีกต่อไป ยัดยาลงคอได้ก็ดื่มน้ำตามจนหมดแก้วโดยมีสายตาป้าสาคอยลุ้นอยู่ข้างเตียง

"คุณแทนอยากได้อะไรอีกไหม เดี๋ยวป้าไปจัดให้"

"ไม่รบกวนแล้วครับป้า" แต่ถ้าจะให้ดีไปฝึกคาถาเสกไข้ให้หายพลันแล้วมาใช้กับผมก่อนดีกว่า อยู่อย่างนี้นี่แสนจะทรมาน ปวดหัวเหมือนโดนบีบขมับ แถมยังครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด คอก็ขมๆ ฝาดๆ โอย...

"งั้นอีกพักนึงป้าขึ้นมาดูใหม่นะคะ ถ้าอาการไม่ดีจะได้ตามหมอ" ป้าสาเข้ามาเก็บถาดอาหารเช้าออกไปจากตักผม

"ไม่ต้องเรียกหมอหรอกครับ แล้วป้าก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นมาบ่อยๆ หรอก แข้งขาจะล้าเสียเปล่า เดี๋ยวก็หาย" เสียงแหบแห้งผมปฏิเสธความช่วยเหลือ ได้ยังไง คนหนุ่มสุขภาพดีอย่างผมเนี่ยนะ ต้องตามหมอ ไม่มีทางหรอก

"นอนพักเถิดค่ะ ป้าขอไม่ล็อคห้องนะคะ เกิดเป็นอะไรไปจะได้เข้ามาทัน" ป้ายิ้มอย่างใจดี และมองด้วยสายตาเอ็นดูผมเหมือนเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง ก่อนจะค่อยเดินออกไปปิดประตู ทิ้งคนหล่อไข้ขึ้นไว้เพียงลำพังจนกระทั่งผมตาปรือ จิตล่องลอยสู่ภวังค์



เสียงกุกกักภายในสถานที่ส่วนตัวของยอดชายนายแทนธรรม์ปลุกให้ผมกลับมาสู่พื้นโลกอีกครั้งหลังจากหลับใหลไปถึงอวกาศไหนไม่รู้ แต่ผมยังคงหลับตาด้วยความล้าจากพิษไข้

เพียงพักเดียวที่เสียงรบกวนต่อมอารมณ์ผมมันดังต่อเนื่องไม่หยุด กลิ่นหอมเย็นอย่างที่คอยหลอกหลอนปั่นป่วนจิตใจผมในช่วงหลังๆ มานี้ก็ลอยมาเข้าจมูก ท่าทางประสาทรับกลิ่นผมจะดีจริงๆ ขนาดว่าป่วยซมอย่างนี้จมูกก็ยังใช้การได้ดีไม่มีเพี้ยน ผมรีบลืมตาเมื่อคิดว่าจะได้เจอหน้าขาวรูปไข่ จมูกเล็กๆ เชิดรั้น ปากอิ่มสีส้มอมชมพูอย่างที่ผมจ้องมองทุกครั้งยามเจ้าของมันเผลอไผล

"อ้าว...กูทำมึงตื่นหรือเปล่าวะเนี่ย"

ต่อมสร้างสารเอ็นโดรฟินเหี่ยวลงอย่างรวดเร็วเชียวครับ เมื่อได้เห็นหน้ามันชัดๆ ไอ้คนพูดมันทำหน้านิ่งหันมาถามผม ในมือถือกระป๋องแป้งเย็นกลิ่นลาเวนเดอร์และกำลังเคาะให้มันขึ้นเป็นฝุ่นแป้งบางๆ ฟุ้งกระจายทั่วห้องผม

"ทำอะไรของมึงวะ ไอ้ พะ คะ แค่กๆๆ" ตะเกียกตะกายดึงตัวจะลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งเตรียมด่าไอ้พลที่เข้ามาทะลึ่งยืนทำรกอยู่ในห้องผม แต่ยังไม่ทันได้ด่าให้สะใจก็มาไอเสียก่อน

"เอ้าๆ อุตส่าห์รีบมาดูใจ ไม่ได้มาทำให้ตายไวขึ้นสักหน่อย" มันวางกระป๋องแป้งที่โต๊ะข้างเตียงตรงเข้ามาตบหลังผมนัยว่าจะช่วยให้หายไอ แต่ด้วยความที่มือมันทั้งใหญ่ ทั้งหยาบแถมไม่มีออมแรงกันมั่ง มาตบหลังนี่กะให้จุกตายไปง่ายกว่าเดิม

"พะ พอแล้ว ทำบ้าอะไรวะ" ผมปัดมือมันออกจากหลังนั่งพิงพนังหัวเตียงด่ามันพร้อมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ

"หือ...ทำอะไร" นั่น เลิกคิ้วตีหน้าตาย ไอ้เวรเอ้ย...

"มาโปรยฝุ่นแป้งทำไม มันเลอะเทอะเห็นไหม" ถึงฤทธิ์และเดชผมจะลดลงไปโขแต่อีโก้ก็ยังสูง ครั้นจะยอมให้ใครมาสร้างความขัดใจให้ได้ละก็ ไม่มีทาง

"ก็เห็นก้อยบอกว่ามึงชอบ ให้เอามาโปรยให้กลิ่นมันฟุ้ง ทีนี้ กูเห็นมึงป่วยอยู่ คาดว่าอาจต้องใช้แป้งอยู่เยอะสักหน่อย กลัวมึงจะไม่ได้กลิ่น"

คนที่ตอบเหมือนเรียกร้องเอาความดีความชอบนั่งลงเก้าอี้ที่ลากมาจากหน้าโต๊ะทำงานส่วนที่ผมกั้นไว้เป็นสัดส่วนอย่างที่ก้อยเคยเบะปากมองแล้วบ่นว่าเป็นวัตถุของพวกบ้างานที่เอาของอย่างนี้มาวางไว้ในบ้านตัวเอง

ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมันเลยได้แต่นั่งหายใจถี่ๆ พลางมองชุดทำงานเต็มยศของมันที่เริ่มมีผงขาวของแป้งฝุ่นจับ

"อู้งานมาใช่ไหม รีบไสหัวกลับไปเลย เดี๋ยวบริษัทกูจะขาดรายได้เพราะผู้จัดการฝ่ายขายหนีงาน"

"อะไรวะ เห็นคุณชลบอกว่ามึงลาป่วย เลยรีบแล่นมาประจบสอพลอสักหน่อย แค่เนี้ย ต้องไล่กันด้วย แบบนี้พลก็น้อยใจแทนแย่สิ" มันทำท่าดีดดิ้นบีบเสียงตรงประโยคสุดท้ายให้ชวนถวายผางใส่หน้าเสียแต่ว่าสังขารผมไม่อำนวย

"หิวน้ำ คอแห้ง ไปหาน้ำมาให้หน่อยเด๊ะ" ผมรำคาญมันเต็มที หวังจะเจอหน้าสวยๆ ของคุณเพชรกลับเห็นแต่หน้าทะเล้นชวนเหม็นหืนของมัน

"เอ๊อ...เห็นว่าป่วยหรอกนาเว้ย" พลมันลุกขึ้นยืนทำท่าค้อนใส่อย่างกับแต๋วแตกขึ้นมาจริงๆ เสียอย่างนั้นก่อนที่จะเดินออกไปทางใดที่มันเข้ามานั่นแหล่ะ ทิ้งไว้แต่ฝุ่นแป้งที่ยังคลุ้งอยู่เต็มห้อง

พอเหลืออยู่คนเดียวผมก็ก้มลงมองสภาพตัวเอง เสื้อยืดคอกลมที่ผมใส่นอนทั้งคืนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ฤทธิ์ยาแก้ไข้ช่วยขับเหงื่ออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับป้าสาห่มผ้าให้ผมเสียแน่นหนาอีกต่างหาก ผมเลยรู้สึกเหนียวตัวขึ้นมาทันที ไข้ก็ลดลงมากแล้ว อาบน้ำเสียหน่อยคงไม่เป็นอะไรนะ ก็มันร้อนเหลือเกิน

ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาทรงตัวบนพื้นอย่างไม่มั่นคงนัก ถอดเสื้อออกมากองไว้กับพื้น ดึงกางเกงหูรูดลงทางขา สะบัดให้มันพ้นๆ ไปทีโดยไม่คิดจะเก็บขึ้นมาให้เสียพลังงานที่มีอยู่น้อยนิดในเวลานี้

ผ้าขนหนูสีขาวกลิ่นหอมสะอาดจากในตู้ถูกผมดึงออกมาพันรอบเอวและไม่ลืมที่จะเดินไปลดอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศก่อนเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวพอผมอาบน้ำเสร็จออกมาก็จะมีแอร์เย็นๆ น้ำเย็นๆ ที่ไอ้คุณพลมันต้องไปเตรียมมาตามคำสั่งเอ็มดีหรือที่เรียกอีกทีว่าเพื่อนป่วย



น้ำอุ่นที่ออกมาจากฝักบัวสแตนเลสไหลลงมารดตัวผมตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้ความรู้สึกเหนียวตัวหายไปสิ้น กลิ่นสบู่หอมสะอาดทำให้รู้สึกดีขึ้นจากอาการสกปรกตัวเอง แต่ที่น่าเป็นห่วงคือไข้ที่อาจจะรีเทิร์นกลับมาเพราะว่าผมดันมาระเริงแช่น้ำนานเกินไป นี่ขนาดว่าเพิ่งอาบน้ำอุ่นจนมีไอน้ำเกาะเป็นฝ้าขาวอยู่ตามกระจกห้องน้ำจนมัว แต่ผมกลับขนลุกซู่และรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวขึ้นมาอีกครั้ง เห็นทีจะต้องรีบออกไปทำตัวให้แห้งและใส่เสื้อผ้าแห้งๆ โดยด่วน

ผมก้าวออกจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเดิมที่พันรอบเอว ปล่อยให้แผงอกล่ำๆ ที่มีหยดน้ำเกาะพราวออกมาท้าไอเย็นเครื่องปรับอากาศที่ผมปรับไว้ให้ทรมานตัวเองเล่น

"อูย...หนาว บ้าชะมัดเลยตู"

บ่นด่าตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกหนาวสะท้านทันทีที่ย่างออกมา และจุดแรกที่ผมต้องการจะพุ่งไปหาในตอนนี้คือรีโมทแอร์เท่านั้น ด้วยความมุ่งมั่นหารีโมทเลยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ในห้องผมแล้ว

"อุ๊ย..." เสียงอุทานดังขึ้นเข้าหูผมทันทีที่มือผมถึงรีโมทแอร์ข้างเตียง ซึ่งต่อให้ผมโง่หรือว่าบ้าแค่ไหนก็ไม่มีทางจะคิดว่านั่นเป็นเสียงป้าหรือว่าไอ้พลแน่

"คุณเพชร!"

ถึงจะมึนด้วยพิษไข้ที่ใกล้จะกลับมาหรือว่าตาถั่วแค่ไหนก็สามารถหยั่งรู้ได้ว่านี่ตัวจริงเสียงจริง กลิ่นแป้งที่ไอ้เวรพลมันมาโปรยไว้ทำให้ผมไม่สามารถแยกแยะได้ว่ามีคนที่ผมคิดถึงมายืนอยู่ที่นี่แล้ว

สงสัยว่าผมคงตะลึงอึ้งนานเกินไปหน่อย ลมหายใจเลยขัดๆ และไปได้ไม่ทั่วท้องซึ่งนั่นก็ทำให้ไอ้ผ้าที่ผูกปมไว้หลวมๆ ไม่สามารถยืดหดได้ตามช่องท้องมนุษย์ที่กำลังเกร็งหายใจอยู่เสียด้วย มันเลยหมดแรงคลายตัวเองออกมาเสียอย่างนั้น

"ว้าย"

"เฮ้ย!"

สัญชาติญาณสั่งให้ผมโยนรีโมททิ้งแล้วโยกมือตัวเองกลับมาตะครุบปมผ้าอย่างรวดเร็วเฉียดกลายเป็นเปรตทั้งที่ยังไม่ตายไปเส้นยาแดงผ่าแปด ส่วนผู้หญิงที่บุกรุกห้องหนุ่มโสด (กลัดมัน) ตอนนี้หันหลังให้ทั้งที่มือยังประคองถาดเหยือกน้ำไว้มั่น

"คุณเพชรมาได้ยังงั้ย" แรงสั่นสะเทือนจากลมในลำคอแปลงออกมาเป็นเสียงแห้งๆ แต่สะบัดผันวรรณยุกต์สูงในตอนท้ายอย่างไม่สามารถควบคุมได้ อะดรีนาลีนคงกำลังหลั่งออกมากันใหญ่

"น้องก้อยโทรมาบอกเพชรว่าคุณป่วยหนัก แล้วทุกคนมีธุระ ไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากป้าสาที่อายุมากแล้วเดินขึ้นลงไม่สะดวก เลยขอให้เพชรมาช่วยดูคุณแทน ทีนี้ เพชรเลยขับรถออกมาจากบ้าน แล้วพอมาถึง ป้าสาก็ให้เด็กไปเปิดประตูให้ เพชรเลยได้มาจอดออดี้ในโรงรถคู่กับซีรีย์เจ็ดของคุณ พอเข้ามาข้างในก็เจอคุณพลกำลังถือถาดน้ำอยู่ แล้วจู่ๆ คุณพลก็นึกได้ว่ามีงานด่วนต้องรีบกลับบริษัท ส่วนป้าสาก็เกิดมีธุระด่วนขึ้นมา เพชรเลยอาสาเอาน้ำมาให้คุณแทน...เพชรก็มาได้ด้วยวิธีนี้แหล่ะค่ะ"

กระจ่างถึงขั้นสุดเชียวครับ ผมเดาเอาจากเท็มโป (Tempo) กับช่องไฟที่คุณเพชรใช้พูดแล้วก็รู้ได้ว่าตอนนี้เธอกำลังแอบหอบหายใจอยู่แน่ๆ เล่นพูดออกมายืดยาวแทบไม่หยุดหายใจอย่างนั้น อยากจะคิดว่าเธอกำลังหวั่นไหวกับภาพชายงามกึ่งเปลือยที่ดันมาโชว์หวิวให้ดูตรงหน้าแบบไม่คิดค่าตัว

"อ่า...งั้น ขอตัวแป้บนะครับ" ผมรู้หน้าที่รีบเดินไปเปิดตู้คว้าเสื้อคว้ากางเกงได้ก็ผลุบเข้าห้องน้ำไปอีกหนเพื่อสวมเสื้อผ้ากันอุจาดตาให้เรียบร้อย โดยไม่ลืมที่จะกวาดเอาเสื้อกางเกงที่ผมสะบัดไปกองอยู่บนพื้นโยนเข้าตะกร้า แล้วค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมาอีกที

เธอยังคงหันหลังยืนตัวแข็งอยู่อย่างนั้น เพิ่งเคยเห็นปฏิกิริยาตอบสนองแบบตื่นๆ อย่างนี้จากคุณเพชร ปกติเธอออกจะมาดมั่นเปรี้ยวจี๊ด พอมาวันนี้กลับดูเหมือนเขินอาย...น่ารัก

"น้ำนั่น เอามาให้ผมใช่ไหม"

'ต้องทำเสียงให้นุ่มทุ้ม เป่าลมหายใจอุ่นใกล้ๆ หู' ปมยังจำคำพูดก้อยได้ขึ้นใจ พยายามทำตามอย่างเคร่งครัด ถึงแม้ว่าเสียงนุ่มทุ้มวันนี้ออกจะแหบแห้งขึ้นจมูกและลมหายใจอุ่นก็เพิ่มดีกรีจนร้อนไปหน่อยก็ตาม

"คะ ค่ะ" เธอเอี้ยวตัวมากระแทกถาดน้ำเข้ากับอกผมจนน้ำกระฉอก แต่ไม่ยอมหันหน้ามามองคนที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ อาการอย่างนั้นทำให้ผมขำ ขำทั้งๆ ที่เริ่มมึนหัวแล้วนี่ล่ะ ผมรับถาดมาถือไว้เองก่อนบอกให้เธอผ่อนคลายลงหน่อย

"ผมแต่งตัวเรียบร้อยแล้วครับ หันมาเถอะ"

นั่นแหล่ะ คุณเพชรค่อยๆ หันมาทางผมจนได้ และเมื่อเธอมองผมหัวจรดเท้าเธอก็ปล่อยลมหายใจเฮือกออกมาเบาๆ

"ไหนก้อยบอกว่าคุณป่วยหนักนอนซม ทำไมลุกขึ้นมาเดินโทงๆ ตากแอร์อย่างนี้" เธอเอียงคอจ้องตาผม อาจเป็นเพราะพิษไข้ บรรยากาศเป็นใจ หรืออะไรก็ช่างแง่งมัน ผมถึงได้มองเห็นผู้หญิงตรงหน้ากลายเป็นอะไรหวาน หอม ปากอิ่มๆ ที่ขยับตอนพูดนั่นก็ช่าง... น่าลิ้มรส...อืม

"คุณแทนคะ?"

"ง่า...เอ่อ พอดีเหงื่อออกเยอะ และเห็นว่าดีขึ้นแล้วผมเลยลุกไปอาบน้ำน่ะครับ" เกือบตั้งสติตอบไม่ทัน

"อาบน้ำ! ทั้งที่ไข้ขึ้นอยู่เนี่ยนะ แล้วไหนจะแอร์นี่อีก ใครใช้ให้ปรับซะเย็นจัดขนาดนี้"

รู้สึกเหมือนผมกำลังถูกคุณครูดุ

"แล้วแน่ใจหรือว่าดีขึ้นแล้ว ตายังแดงๆ อยู่เลย แถมลมหายใจก็ร้อนด้วย ไหนขอเพชรดูหน่อย" คุณเพชรเอื้อมมือมานาบเข้ากับบริเวณใต้สันกรามสองข้างของผมเพื่อวัดอุณหภูมิ บางทีการวัดไข้แบบนั้นอาจทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนไปด้วยก็ได้

"ทำไมตัวยังร้อนจี๋อย่างนี้ นี่ต้องเป็นเพราะไปอาบน้ำแน่ๆ ใครเขาทำอย่างนั้นกัน แล้วยังแอร์นี่อีก เอาน้ำมาให้เพชร ส่วนคุณก็กลับไปนอนเลย"

อ้าว...ผมเพิ่งตื่น (เพราะโดนไอ้โรคจิตโรยแป้งรบกวน) แล้วยังจะโดนไล่ให้กลับไปนอนอีก แถมดูท่าทางขึงขังจริงจังสุดๆ คุณเธอเข้ามาแย่งน้ำจากมือผมไปอีกทั้งที่เพิ่งจะยัดเยียดให้มาแท้ๆ

ด้วยความที่เริ่มจะมึนๆ ขึ้นมาอีกรอบประกอบกับเคลิ้มในความห่วงใยจากผู้หญิงอีกคนที่ยืนในห้อง แถมการอยู่สองต่อสองในห้องที่มีอุปกรณ์ครบถ้วนอย่างนี้ (?) ไม่เป็นผลดีต่อตัวผมเลย ดังนั้น ผมจึงข่มจิตข่มใจที่อาจจะคิดอะไรเตลิด แล้วกลายร่างเป็นเด็กชายตัวน้อยว่านอนสอนง่ายปีนป่ายขึ้นเตียงไปอีกครั้งทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะหลับได้อีกหรือเปล่า

"น้ำค่ะ" คุณเพชรรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วส่งให้ผม

"จะเที่ยงแล้ว...เดี๋ยวเพชรเอาอะไรมาให้คุณทานก่อน จะได้กินยาแล้วนอนพักอีกที คราวนี้ห้ามลุกไปอาบน้ำหรือว่าเร่งแอร์อีกแล้วนะคะ"

ตัวการทำเคลิ้มของผมกะเกณฑ์ชีวิตให้เสร็จสรรพ

"อันที่จริง...คนที่น่าจะโดนตำหนิเมื่อวานนี้น่าจะเป็นคุณมากกว่า ยังจะไปเล่นให้ตัวเปียกแล้วมาเดินตากแดดร้อนๆ อีกทั้งที่อาการก็ไม่ค่อยดีมาตั้งแต่แรก บอกแล้ว ว่าคุณต่างหากที่ไม่รู้จักคิด"

ปล่อยเธอพูดไปเถิดครับ ผมไม่มีแรงเถียง

"อาบไปสิน้ำน่ะ ทำไมไม่คิดว่าเช็ดตัวจะดีกว่าละคะ คุณแทน" เสียงบ่นอ่อนอกอ่อนใจเรียกให้ผมเล่นบทอ้อน

"ไม่มีใครทำให้นี่ครับ ถ้ารู้ว่าคุณเพชรจะมา ผมก็คงรอ..."

"ไม่มีที่ไหน ตอนเพชรมาคุณพลก็ยังอยู่...เอ๊ะ!" เธอร้องขึ้นมาเหมือนบรรลุอะไรบางอย่าง

"หรือว่า คุณอาบน้ำรอคุณพล"

โธ่...สวยๆ อย่างนี้นี่ทำไมคิดอกุศลนัก อยากจับตัวมาเขย่าให้เลิกคิดเสียที นี่ถ้าเป็นเวลาปกติผมควรสวนอะไรออกไปแบบไว้เชิง แต่ตอนนี้ผมไม่พร้อมต่อปากต่อคำ ให้ตัวเองโดนบ่น โดนว่า ยังดีกว่าปล่อยให้เธอหงุดหงิดหนีไปในตอนนี้ อยากให้เธออยู่ใกล้ๆ นานๆ มากกว่า แล้วที่ผมต้องมาเป็นอย่างนี้ก็เพราะแผนโปรยเสน่ห์ที่ก้อยช่างสรรหามานั่นแหล่ะ

'พี่แทน...อยากล่อลวงพี่เพชรหรือเปล่า' ตอนที่อยู่ที่สวนสนุกเมื่อวาน ก้อยลากผมออกไปคุยนอกรอบตอบที่หาคนเล่นซุปเปอร์สแปลช

"ล่อลวง ฟังดูมิจฉาชีพไปหน่อยไหมก้อย'

'เอาใหม่...หลอกล่อให้ลุ่มหลง ใช้ได้มั้ย'

'บางทีอาจดีกว่าหากว่าจะไม่ใช่คำอะไรเลยก็ได้นะ พี่ว่า'

'ในสายตาของผู้หญิง ผู้ชายก็สามารถเซ็กซี่ได้ อย่างพี่แทนนี่นะระดับขวัญใจกะเทยไทย ลองแปลงกายเป็นผู้ชายในสายน้ำดูหน่อยไหม แล้วมาดูใจพี่เพชรกัน'

เมื่อน้องสาวผมยื่นข้อเสนออันหอมหวนขนาดนั้นแล้วใครกันจะไม่ลอง นั่นมันก็เป็นที่มาของอาการป่วยในวันนี้ทั้งหมด ไหนจะด้วยความที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บ่อยเกินไปอีก ดูเอาอย่างตอนที่เสื้อคุณเพชรเปียกชุ่มจนมองเห็นเนื้อในทะลุทะลวงไปถึงไหน ใช่ว่าผมจะไม่ชอบ โธ่...ก็ผู้ชายนี่ครับ แต่ผมหงุดหงิดที่มันมีผู้ชายคนอื่นๆ มองเห็นในสิ่งที่ผมต้องการเก็บไว้ดูคนเดียวด้วยนี่สิ ใครจะไปยอมได้ เสียแต่ว่าอาการที่แสดงออกมามันกลับเป็นการพยายามข่มไปเสียนี่ เสียนิสัยจริงๆ เลยผม ดีนะว่าไหวตัวทันตอนไอ้พลกรอกหูที่บ้านผีสิง ถ้าไม่ได้มันช่วยกล่อมก็ไม่รู้จะได้เข้าใกล้คุณเพชรขนาดนั้นหรือเปล่า นึกถึงมือนุ่มๆ ที่ยอมให้ผมเกาะกุมอยู่นานเมื่อวานนี้แล้วยังเสียดายไม่หายเลยจริงๆ ขอบคุณครับ...ไฟดับในบ้านผีสิง

กำลังมองหน้าเธอพลางคิดเรื่องเมื่อวานเพลินๆ ก็เริ่มสงสัยว่าเธอเดินวนไปมามองหาอะไร

"หาอะไรอยู่หรือเปล่าครับ คุณเพชร"

"หารีโมทแอร์...จะเพิ่มอุณหภูมิกับลดแรงพัดลม จะนอนอยู่ได้ยังไงถ้าหนาวยังกับขั้วโลกใต้อย่างนี้ หรือคุณมีเชื้อสายหมีขาวถึงได้ไม่รู้สึกอะไร แล้วฝุ่นแป้งนี่มันอะไรนักหนา ขาวเต็มพื้นไปหมด เล่นอะไรอยู่กับคุณพลหรือไงคะ เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขานิยมเล่นแป้งกันด้วย ชิ...ป่วยก็ไม่เว้น"

ขอบคุณครับคุณเพชรที่ช่วยประชดให้ผมปวดใจมากขึ้นกว่าเดิม คอนเซ็ปท์เธอชัดจริงๆ

"เอ้า...อยู่นั่นเอง" เธอชี้มาใกล้ๆ ตัวผม จริงสิ ตอนตกใจโยนมันลงมาบนเตียงนี่หว่า ผมหันไปมองรีโมทที่อยู่ห่างออกไปบนเตียงอีกฟาก กำลังนึกว่าควรจะเอื้อมไปหยิบมาให้เธอ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว คุณเพชรกำลังโน้มตัวเพื่อเอื้อมไปหยิบรีโมทเจ้าปัญหา แต่ว่ากลับมาเอื้อมอยู่เหนือตัวผมให้ได้อกสั่นขวัญหาย ทำไมไม่รู้จักระวังตัวบ้าง ถึงจะเป็นเกย์หรือกะเทยอะไรก็เถอะ ตราบใดที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ประจำตัวก็น่าจะกลัวกันมั่ง

"อึ๊บ...ได้แล้ว"

ผมมองตามคนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับเครื่องปรับอากาศ วันนี้เธอแต่งตัวปิดเนื้อปิดตัวมากกว่าปกติ กระโปรงสั้นที่คอยสั่นใจผมก็กลายเป็นกางเกงผ้าสีเทาพลิ้วเบายาวถึงข้อเท้า เสื้อเชิ้ตสีขาวแต่งลูกไม้เก๋ไก๋ก็ดูมิดชิดปิดอกได้อย่างดี หากเธอมาด้วยชุดหวาดเสียวอย่างทุกทีป่านนี้ผมคงอยู่โรงพยาบาล

"เดี๋ยวเพชรจะไปดูว่ามีอะไรพอทำกินได้มั่งนะ ป้าสาเพิ่งออกไปไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ ยังไงก็ทนๆ กินหน่อยแล้วกันค่ะ"

เสียงเธออาจฟังดูเหมือนประชดบ้าง แหย่บ้าง แต่กระแสห่วงใยจางๆ ก็แผ่มาจนผมรู้สึกได้ บางทีผมอาจกลายเป็นไอ้บ้าหากรู้ตัวดีว่ากำลังคิดอะไร ต่อให้ต้มน้ำข้าวให้ผมก็กินครับถ้าคุณเพชรตั้งใจทำให้ผม...ยอมทุกอย่าง



ผมกำลังยืนอยู่ในทุ่งดอกไม้กว้างท่ามกลางผีเสื้อสีสวยหลายตัวกำลังบินรุมล้อมรอบตัวผม บ้างก็มาเกาะไหล่ เกาะหลัง แต่ทุกครั้งผมกลับรู้สึกรำคาญพวกแมลงที่มีสีสันเหล่านี้นัก แล้วผมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง แมลงปอปีกสวยตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกถี่ยิบเพื่อบินหนีเหล่าผึ้งภมรที่ตามตอมอยู่ไม่ห่าง แมลงปอตัวนั้นช่างสวยเหลือเกิน ปีกใสที่สะท้อนประกายแดดระยิบระยับไม่อาจทำให้ผมถอนสายตาออกไปได้

ผมต้องการแมลงปอตัวนั้น อยากจะเก็บมันมาไว้เพียงคนเดียว จะไม่ยอมให้ผึ้งหน้าไหนมาทำความรำคาญใจให้มันอีก ผมรู้ว่าแมลงปอตัวนี้เกลียดการตามตื้ออย่างที่สุด ผึ้งหนุ่มหลายตัวตัดใจบินห่างออกมาเพราะว่าเจ้าแมลงปอไม่สนใจเลยสักนิด การตรงเข้าไปจับอาจทำให้ผมพลาดไปอย่างน่าเสียดายได้

การทำเฉยเสมือนผมไม่ได้สนใจอะไรแมลงปอตัวนั้นทำให้มันเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ มันค่อยๆ บินมาเกาะเข้าที่ข้างแก้มผมเบาๆ ปีกบางใสที่กระพือปัดผ่านผิวแก้มของผมทำให้รู้สึกอุ่นซ่านอย่างคาดไม่ถึง ผมอดใจไม่ได้ต้องยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะครอบครองมัน แต่ทันทีที่มันรู้ตัวว่าได้หลงกลผมเข้าให้ มันกลับหลุดมือผมไป มันบินสูงขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้ผมกระโดดไขว่คว้า แต่ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งห่างไกล ผมกำลังจะหมดแรงอยู่แล้ว รวบรวมกำลังกายเฮือกใหญ่เพื่อถีบตัวเองขึ้นไปให้ถึง แต่เท้าที่ลอยขึ้นมาจากพื้นกลับเคว้งเหมือนถูกปั่นป่วน ร่างกายผมหมุนคว้างอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนที่จะดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว!



รู้สึกถึงแรงกระตุกของร่างกายพร้อมกับลืมตาขึ้นมางงๆ นี่ผมหลับฝันไปเองหรอกหรือนี่ จำได้ว่าสุดท้ายเพิ่งนั่งกินโจ๊กซองเค็มๆ ที่คุณเพชรป้อนให้ถึงปากอยู่นี่นา

"พี่แทนตื่นแล้ว"

ผมหันขวับไปตามเสียงเล็กๆ แล้วก็ต้องประหลาดใจ เมื่อสาวฮ๊อตหน้าสวยเปลี่ยนไปเป็นสาวน้อยหน้าใส

"น้องฝน?"

ทำไมเพื่อนของก้อยถึงมานั่งอยู่ข้างเตียงผมได้ วันนี้ใครต่อใครต่างเห็นห้องส่วนตัวผมเปรียบเสมือนส้วมสาธารณะ เดินเข้าเดินออกกันให้วุ่นวายไปหมด

"เอ้า ฟื้นจากสลบเสียทีนะ" ก้อยเดินถืออ่างเล็กพร้อมผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ

"ว่าจะมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้สักหน่อย เห็นเหงื่อออก" ปากพูดไปแต่มือก็กำลังบิดผ้าขนหนูสะบัดพรืดจนน้ำกระเด็นเข้าหน้าผม มีมนุษย์ผู้หญิงสองคนอยู่ในห้องตอนนี้ ที่ก้อยกลับมาก็คงด้วยสารถีที่ชื่อฝน แต่คนที่ผมเห็นก่อนนอนหลับไปกลับไม่อยู่

"คุณเพชร กลับไปแล้วเหรอ"

น้องผมชะงักมือไป แวบหนึ่งหันไปสบตาเพื่อนสาวข้างๆ ที่นั่งทำหน้าเหมือนอึดอัดใจอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหันมาทำหน้าเนียนๆ พูดคล่องปากถากผมเล่น

"แหม...จะให้พี่เขาอยู่เอาโล่หรือไงพี่ นี่มันห้าโมงเย็นแล้ว นอนได้นอนดี นอนอึดอย่างนี้นี่เล่าใครเขาทำอะไรถึงไม่รู้ตัว" ถึงวาจาจะสามหาวสี่หาวแต่การประคองผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดคอให้ผมก็เบามือ นี่แหล่ะหนา ถึงว่าพี่น้องกันยังไงก็ตัดไม่ขาด ว่าแต่...ผมยังสงสัยในคำพูดและท่าทางก้อย

"มันมีอะไรเกิดขึ้นตอนที่พี่หลับไปหรือเปล่า เกี่ยวกับคุณเพชรด้วยใช่ไหม"

ใจคอผมชักไม่ค่อยดี หรือว่าผมเกิดละเมอลุกขึ้นมาปล้ำคุณเพชรเข้าให้ไม่รู้ตัว

"ไม่มีอะไรเป็นเรื่องใหญ่หรอก พี่แทนตัวไม่ร้อนมากแล้วนี่ อย่างนี้ก็หายวิ่งได้สบายปร๋อ"

"อย่ามาเฉไฉ เกิดอะไรขึ้น...ฝน?" เมื่อดูท่าว่าน้องตัวเองจะจิตแข็งผมเลยเบนเข็มไปทางอีกคนที่น่าจะจิตอ่อนกว่าพร้อมยันตัวขึ้นนั่งรอฟังคำอธิบาย

"เอ่อ...คือฝน...ไม่รู้ค่ะ" ซะงั้น...บอกว่าไม่รู้แล้วก้มหน้างุด

"ก้อย?"

"โห้...ไปติดนิสัยช่างซักแบบนี้มาจากไหน ทำยังกะภรรยาเวลาซักสามีกลับบ้านดึก นี่เกิดอินบทแต๋วจนริอ่านอยากเป็นขึ้นมาจริงๆ แล้วหรือไงกัน ฮะ" ก้อยโยนผ้าขนหนูลงอ่างและยกขึ้นมากอดไว้พร้อมยืนขึ้นด้วยอาการที่เรียกได้ว่า โวยวายกลบเกลื่อน

"ไปกันดีกว่าฝน ดูเหมือนพี่แทนจะหายดีแล้ว สมองกลับมาทำงานครบถ้วนแล้วนี่ รีบๆ ลุกมาเปลี่ยนเสื้อผ้ามากินข้าวกินปลาข้างล่างเองด้วย อีกเดี๋ยวพ่อกับแม่ก็คงกลับมาจากบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัดแล้ว เห็นโทรมาว่าจะกลับกันไวเพราะเกิดเป็นห่วงลูกชายสุดที่รักขึ้นมา ก้อยไปละ"

คุณเธอดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้นยืนตามกัน พร้อมทั้งเดินรุนหลังเพื่อนให้นำหน้าไปทางประตูห้อง ถึงแม้ว่าคนถูกดันจะทำท่าละล้าละลังหันมามองผมอยู่แต่ก้อยก็ไม่สนใจที่จะถามไถ่หรืออธิบายอะไรทั้งนั้น ฝนเดินออกไปก่อนเป็นคนแรก แต่ก้อยกลับยืนค้างตรงประตูอยู่อย่างนั้นเหมือนรอให้เพื่อนเดินลงไปก่อนเพื่อที่จะหันมาพูดอะไรบางอย่างกับผม

"พี่แทน มันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่น่าปวดหัวเกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ปล่อยให้ก้อยได้ไปจัดการกับความวุ่นวายที่อาจตามมาเสียก่อน แล้วก้อยถึงพร้อมที่จะบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

ก้อยจับลูกบิดประตูแต่หันมามองหน้าผมนิ่ง มองทำไม ไม่ช่วยคลายความสงสัยแล้วยังมามีปัญหาอะไรอีก

"เฮ้อ...คงเป็นความผิดของก้อยเองที่ดันมีพี่ชายหล่อร้ายกาจบาดใจได้ขนาดนี้"

ตามด้วยเสียงประตูปิดดังปัง

"อะ อะไรนะ"

.....................................................

จะบอกว่าน้องสาวผมใจร้ายก็ได้ที่ปล่อยให้พี่ชายคลางแคลงใจมาได้หลายวัน ซ้ำร้ายยังยกเลิกประชุมแผนทั้งหมดในรอบสัปดาห์ด้วยสาเหตุง่ายๆ ว่า 'ไม่ว่าง'

เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ พออ้าปากจะถามก็พาออกนอกเรื่องเตลิดไปได้ทุกที ทำไมทีเรื่องประเภทนี้น้องผมมันถึงได้ฉลาดนัก แถมผมก็ไม่เห็นหน้าค่าตาหรือว่าได้ข่าวคราวของคุณเพชรมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่วันที่เธอมาเยี่ยมผมที่บ้าน

"ถอนหายใจมากไปจะตายไวเอานะครับคุณหัวหน้า"

คุณผู้จัดการฝ่ายขายมันทักทายอย่างเคารพทันทีที่ก้าวเข้ามาเจอผมทอดถอนใจอยู่คนเดียว ผมเรียกมาให้ช่วยบรีฟสรุปยอดขายประจำไตรมาสให้ฟังคร่าวๆ ให้ฟังแทนการอ่านจากรายงานอย่างที่เคยเพราะผมไม่มีสมาธิมากพอ

"อือ...ผมไม่ตายง่ายๆ หรอกนะครับ คุณพล ดวงผมมันซวยอย่างร้ายถ้าตายมันจะไม่ทรมาน เอา...เรื่องที่ให้มาสรุป เป็นไงบ้าง"

คนที่ถูกเรียกมาทำตามหน้าที่ได้อย่างดี ข้อมูลเชิงตัวเลขพร้อมการวิเคราะห์ตลาดสำหรับไตรมาสหน้าครบถ้วนประกอบการเปิดรายงานโชว์กราฟแสดงสถิติที่พุ่งสูงเจริญเอาๆ แต่ทำไมจิตใจผมมันตกต่ำเอาๆ ทุกที

"ไม่พอใจหรือไงครับที่ยอดขายทะลุเป้ากระจุยกระจายขนาดนี้ อยากให้ขาดทุนก็บอกมาได้นะ อันนี้ง่าย เดี๋ยวจัดให้" ลอยหน้าลอยตากวนฝ่าบาทาเหลือเกิน

"ไอ้..."

"อ๊ะ...สุภาพชนครับ นี่ที่ทำงานนะ" ยังไม่ทันได้ด่ามันก็ชี้หน้าเตือนสติเอ็มดีที่ดูจะเสียจริตเข้าไปทุกทีแล้ว

"คุณพล...โอ้ย...ไอ้พล" หมดกันครับ ผมแหกกฎที่ตั้งเองเสียแล้ว

"เรื่องยอดขายน่ะก็ขอบใจมึงมากนะเว้ย แต่กูไม่รู้เป็นอะไร ไม่มีสมาธิ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน จิตใจมันไม่นิ่งเอาเสียเลย"

"โถ...คุณแทนคร้าบ แค่ไม่เห็นหน้าเจ้าวิญญาณก็ไม่เข้าประทับร่างแล้วหรือคร้าบ" ดูเหมือนมันจะจับประเด็นได้ไวกว่าผมเสียอีก

"ตอนนี้น้องก้อยกำลังซุ่มเงียบอยู่น่า อย่าทำเหมือนหมาติดสัดสิเอ็ง" มันคงมีปัญหากับการเปรียบเปรย ไอ้นี่...

เสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้นเป็นเสียงเรียกเข้าเฉพาะสำหรับคนในครอบครัวเท่านั้น เป็นอันรู้กันว่าสายนี้ได้วีไอพี ผ่านตลอด

"ว่าไงก้อย...อือ ได้...ไว้พี่ไปรับนะ"

"เอาเถอะว่ะ กูจะพยายามฝึกสมาธิให้มากกว่านี้นะ ไปๆ ได้แล้ว เข้ามานานเกินไปเดี๋ยวคุณชลจะสงสัยว่ามีอะไรกันอีก"

ผมไล่มันออกไปค่าที่มันไม่สามารถแก้ปัญหาจิตตกให้ผมได้ ไร้ประโยชน์จริงๆ

"จะกลัวอะไร เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วว่ามึงจ้องจะจีบคุณเพชรเขาด้วยวิธีพิเรนอย่างนี้น่ะ" มันลุกขึ้นยืนหลังตรงเป็นสัญญาณว่าพร้อมไปจริงๆ "ดูเอาเถอะ นานๆ ทีจะได้เห็นคนอย่างมึงว้าวุ่นอย่างนี้เสียที คุณเพชรนี่เจ๋งจริงๆ"



หลังจากเคลียร์เอกสารด่วนของวันนี้หมดและปัดนัดมื้อเย็นลูกค้าออกจากตัวได้ด้วยฝีปากคุณชลลดาเลขาผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถล้นหลาม ผมก็เรียกเธอเข้ามาบอกตารางงานวันพรุ่งนี้ก่อนที่ผมจะเลิกงานไวไปรับน้องสาวที่โทรมาให้พาไปแวะร้านหนังสือ

"ทั้งหมดก็มีเท่านี้แหล่ะค่ะ คุณแทน" สรุปตารางงานล้านแปดของผมจบก็ยืนประสานมือไว้บนสมุดออร์แกนไนเซอร์อยู่หน้าโต๊ะผมรอคำสั่งต่อไป

"ไม่มีอะไรแล้วครับ ต้องขอโทษคุณชลด้วยที่ผมจำไม่ได้ ต้องให้เตือนหลายรอบ"

"ขอโทษนะคะคุณแทน มีอะไรให้ช่วยไหมคะ เอ่อ...อย่าคิดว่าดิฉันละลาบละล้วงนะ แต่ว่าไม่อยากให้บอสทำหน้าเมื่อยอยู่อย่างนี้ เห็นแล้วอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย" นอกจากจะไม่ยอมกลับไปอย่างที่บอกยังออกปากจะช่วยเหลือ น่ารักไหมเล่า

"เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ครับ พอดีว่าเพิ่งหายป่วยได้ไม่นาน เลยอาจพาลมึนยาวไปหน่อย" ผมปฏิเสธอย่างสุภาพ

"งั้น ดิฉันขอตัวนะคะ"

"ครับ"

"ไม่มีอะไรจะให้ผู้หญิงช่วยให้คำปรึกษาจริงๆ หรือคะ"

เธอเอิ้นมาแปลกๆ แต่แววตากระตือรือร้นนั่นก็ทำให้ผมลืมไปเลยว่ากำลังถูกล้วงความในอยู่

"เอ้อ...คุณชลครับ ในฐานะที่คุณชลเป็นผู้หญิงจริงๆ คุณชลจะสนใจผู้ชายที่รักผู้ชายไหมครับ"

"แหม...นึกว่าจะไม่ถามเสียแล้ว กรณีนี้ถ้าเป็นตัวดิฉันนะคะ สะบัดหน้าหนีไปตั้งแต่รู้ว่าเป็นเกย์แล้วค่ะ ใครจะไปคิดอะไรด้วยได้ แต่หากไม่รู้มาก่อน เกิดหลงรักไปแล้วก็คงลำบากหน่อย แต่ผลสุดท้ายก็ต้องตัดใจค่ะ มันเป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราจะรับไม่ได้เด็ดขาดหากวันหนึ่งสามีของเราไปมีสามีใหม่"

อาการเหวอขึ้นหน้าอ้าปากค้างของผมคงทำให้คุณชลขำปนสงสาร

"แต่กรณีคุณแทนนี่มันไม่ได้เข้าข่ายนั้นเพราะคุณแทนเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ที่ดิฉันพยายามจะบอกก็คือ หากคุณแทนยังคงหลอกเธออยู่ก็จงรีบบอกให้เธอรู้เสียเถิดค่ะ เพราะถ้าเถิดเธอยังไม่คิดอะไรกับคุณ นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสกลับตัวเป็นผู้ชายแล้วลงสนามแข่งกับคนอื่นได้อย่างแฟร์ๆ แต่ถ้าเกิดเธอคิดอะไรกับคุณไปแล้วจริงๆ ล่ะก็...คุณอาจจะกำลังทำร้ายจิตใจเธออยู่ก็ได้นะคะ"

"คุณแทนคะ คุณเพชรไม่ใช่คนโง่...อย่างไงก็อย่าหลอกเธอนานเกินไปเลยค่ะ"



ผมอาจจะทำร้ายจิตใจเธออยู่ก็ได้...เป็นผู้ชายแล้วไปลงสนามแข่งอย่างแฟร์ๆ...คำพูดคุณชลยังคงวนเวียนอยู่ในหัวผมสะท้อนกลับไปกลับมาเหมือนตกลงไปในหุบผาลึก ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะมาเดินตามก้อยเลือกหนังสืออยู่ในร้านแล้วก็ตามที

"ใจลอยอีกแล้ว เมื่อกี้ก็จะไปชนขอบถนนทีละ ขอร้องล่ะพี่แทน เรียกสติกลับมาหน่อยได้ไหม" น้องสาวผมกระแทกคำพูดเข้าลิ้นปี่พอดิบพอดี

"เดี๋ยวซื้อหนังสือเสร็จแล้วแวะไปที่ร้านคุณเพชรข้างบนหน่อยดีไหมก้อย" เผื่อว่าใจผมจะลอยไปอยู่ที่ชั้นบนของห้างอันเป็นตำแหน่งของร้าน 'เพชร'

"จะเอางั้นก็ได้ แต่ไม่รู้นะว่าจะเจอไหม พี่เพชรเขาไม่ได้มาร้านทุกวัน"

"ก้อย...ตกลงว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น" บางทีเรื่องวันนั้นมันอาจมีอะไรจริงๆ ลมทะเลถึงสงบแบบประหลาดขนาดนี้

"โทษที ตอนนี้ก้อยยังแก้ปัญหาให้พี่แทนไม่ได้ ขออภัยด้วย พักทิ้งระยะรุกหน่อยก็ได้ ให้พี่เพชรเขาคิดถึงพี่แทนก่อน แล้วค่อยไปปรากฏตัวอีกทีให้มีการอิ่มอกอิ่มใจใครมั่งน่า" ก้อยพูดตัดรำคาญเดินหนีไปยังชั้นหนังสือแปลรูปปกวาบหวามอิโรติกซึ่งผมไม่กล้าเดินตามไป

"อ้าว...พี่แทน สวัสดีค่ะ"

จู่ๆ น้องฝนก็เดินเข้ามายกมือไหว้ผมจากไหนก็ไม่รู้เล่นเอาผมรับไหว้แทบไม่ทัน นี่ก็อีกคนในเหตุการณ์ ยัดซองให้หนักๆ สักซองแล้วคั้นเอาเรื่องจริงออกมาจะดีไหมนะ (คอร์รัปชั่นเป็นเรื่องไม่ดี คนอ่านกรุณาอย่าเอาเยี่ยงอย่าง)

"มาทำอะไรที่ร้านนี้คะ มาหาหนังสืออะไรไปอ่านหรือเปล่า" วันนี้หน้าตาน้องฝนดูสดใสกว่าทุกทีที่เคยเจอ แถมยังพูดจาฉะฉานยาวกว่าปกติ

"อ๋อ...พอดีพาก้อยมาหาหนังสือน่ะ ไม่รู้เดินไปไหนแล้ว" มองหาอีกทีก็ไม่เจอเสียแล้ว ไวยังกับน้องลิง

"เหรอคะ...พอดีเลย ฝนกำลังหา Text book ดีๆ สักเล่มที่สอนหลักบริหารน่ะค่ะ พี่แทนพอจะแนะนำให้ฝนหน่อยได้ไหมคะ" พูดโดยไม่หลบตาผม ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับเพื่อนน้องสาวผมคนนี้

"อะ เอาสิ" แล้วผมก็โดนสาวน้อยลากแขนเสื้อพาไปยังตู้สูงที่บรรจุหนังสือภาษาต่างประเทศไว้จำนวนไม่น้อย สันหนังสือหลายเล่มระบุผู้แต่งที่น่าสนใจ

"เอ...เล่มนั้นก็น่าสนใจนะคะ พี่แทนว่ามั้ย" น้องฝนชี้ไปที่เล่มหนึ่งที่อยู่สูงเลยหัวเธอขึ้นไปพอสุดเอื้อม เธอทำท่าเขย่งเพื่อจะหยิบลงมาให้ได้ แล้วคนสูงเกินกว่ามาตรฐานชายไทยอย่างผมจะมีไว้ทำไมเล่าครับ

"มาพี่หยิบให้" ผมเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้พร้อมกับหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมาอย่างง่ายดายและในนาทีนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกำลังทำผิดไปอย่างมหันต์เมื่อทันได้ก้มลงมาสบตาน้องฝนในระยะใกล้

มันคือสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกชัดเจนอย่างหนึ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดจากผู้หญิงรอบๆ ตัว ทั้งๆ ที่ผมมักจะระมัดระวังในการวางตัวกับเพศตรงข้ามอยู่เสมอแต่เกิดมาเผลอลืมไปกับคนที่คาดไม่ถึงเสียได้

"พี่แทนคะ"

ตุ้บ!

เสียงของตกใกล้ๆ ตัวทำให้ผมและน้องฝนต้องหันไปมองพร้อมๆ กัน และพอได้เห็นที่มาของมันชัดๆ ผมถึงรู้สึกเหมือนตัวชาๆ พร้อมกับอะไรบางอย่างในอกมันกระตุกไหว

ผู้หญิงที่ผมร่ำๆ จะไปหาให้ได้ในวันนี้เธอมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าผมแล้ว แต่ว่าเธอกลับไม่ได้มาคนเดียว

"อ้าวพี่เพชร นั่นมากับคุณปวริศนี่คะ" ประโยคลอยๆ ของน้องฝนพูดขึ้นไม่ดังนัก แต่มันชัดเจนในหูผมเหลือเกิน

ทำไมคุณเพชรถึงมากับหมอนี่?



*************************************************************

<จบตอนที่ 11 จ้า อะอิ้ว ๆ >

คราวนี้มาไวแถมยาวจุใจ (ใคร?) อีกต่างหาก ฝากปมไว้ให้ขบต่ออีกต่างหากตอนนี้ แม๊ ชอบจริงๆ
(แต่"ปม" ที่คนเขียนประทับใจที่สุดในตอนนี้คือ "ปม" ผ้าที่คุณแทนพันเอวไว้อ่ะค่ะ อิ อิ อิ)


บ้าแล้วยังหื่นอีก Bestฯ เอ้ยยย...


อ่ะนะ ก็แล้วเจอกันตอนหน้า บุญรักษานะคะ






Create Date : 13 กรกฎาคม 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:31:02 น. 8 comments
Counter : 357 Pageviews.

 


ติดตามมาค่ะ


โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:32:26 น.  

 


โดย: redclick วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:5:48:24 น.  

 
อีก.นะ
รออยู่


โดย: 2in1 IP: 124.121.150.31 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:57:45 น.  

 
น่านสิ เกิดอะไรขึ้นน้า อยากรู้จัง


โดย: บู้บี้ IP: 133.82.251.202 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:55:14 น.  

 
ยาวสะใจ อ้อนสะ หลงเสน่ห์คุณแทนไปสะแล้ว
(อันเนื่องมาจากผ้าหลุด และแผงล่ำ ๆ เปียกน้า เอ หรือตลาดสด)


โอ้ ว๊าววว ต่างฝ่ายต่างยืนกับคนอื่น อึมม์ คุณเพชรคงชัดเจนสะที
ปวริศน่าเบื่ออ่ะ

คนอ่านฃักงง ๆ ชื่อตัวละครมันคล้าย ๆ กันสะกับบ้านน้องพลอย
เล่นเกมแลกเปลี่ยนตัวละครหรือเปล่านี่ อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:20:18:41 น.  

 
โอ้ Time machine ลานหมดแล้ว พักปักหมุดไว้หน้านี้นะคะ
ปักไว้แถวผ้าขนหนูเปียก ๆ ...

แล้วจะกลับมาย้อนอดีตใหม่ค่ะ

ขอบคุณ เบจิจัง ที่สร้างสรรค์เรื่องสนุกมาให้บริหารขากรรไกร และ พุง!! อิอิ


โดย: พรายทราย วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:13:28 น.  

 
^
^
พี่อ้อคะ บริหารขากรรไกรได้หน้ายืดหยุ่น บริหารพุงได้หน้าท้องกระชับค่ะ อิ อิ

ว่าแต่ พี่อ้อช่างปักหมุดได้พอดิบพอดีกับตอนพี่แทนกึ่งเปลือยเหลือเกิน

จงใจป่ะเนี่ย?


โดย: BestChild วันที่: 3 พฤศจิกายน 2551 เวลา:23:39:45 น.  

 
ตามมาแล้วค่ะ

ไปสือบหาปมต่อน่ะค่ะ ^^


โดย: RuNz (RuNz ) วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:16:32:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.