Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์ ตอน6 (จบแล้ว T T) สายน้ำแห่งชีวิต



นิตยสารในวงสังคมและวงการแฟชั่น หนังสือพิมพ์หน้า Gossip ยาวไปถึงรายการคุยข่าวยามเช้าหลายช่องเพิ่งจะเริ่มซาๆ การประโคมข่าวร้าวฉานระหว่างคุณหญิงกับดีไซเนอร์ชื่อดังโดยมีชื่อและนามสกุลดึงดูดสายตาบรรดาไฮโซอย่างของอวิกามาเป็นจุดขาย คิดดูเอาถึงความไร้ชื่ออาชาของฉันสิ ได้ปรากฏในหัวข้อบ้างก็แค่ 'เพื่อนไฮโซสาวสวยลูกท่านรัฐมนตรีช่วยฯ' แต่ว่ายังมีนิตยสารอยู่เล่มนึงลงเรื่องโดยใส่ชื่อฉัน และประวัติย่อๆ พร้อมช่วยโปรโมทร้านศิลปินให้พร้อมสรรพ ไม่ต้องสงสัย มันก็ไอ้นิตยสารที่ฉันรับจ๊อบเขียนบทความให้นั่นแหล่ะ

"แหม...น้องชุบก็ ใครจะไปคาดคิดว่าคนธรรมด๊า ธรรมดา อย่างน้องชุบจะได้ไปเป็นนางแบบงานใหญ่กับเขา แถมยังเอาตัวไปพัวพันกับข่าวฉาวดังสนั่นสะเทือนวงการคุณหญิงคุณนายเสียขนาดนั้น"

รู้ค่ะ...ไม่ต้องย้ำคำว่า'ธรรมดา' ขนาดนั้นก็ได้

"พี่ก็อยากให้ใครๆ ได้รู้สิคะ ว่านักเขียนบทความเราคนหนึ่งเป็นศิลปินที่มีหัวคิดประกอบกับความสามารถหลากหลาย...แถมสวยด้วย ดูซิ ออกจะขึ้นกล้องขนาดนี้"

บก.สาวสวยหยาดเยิ้มยิ้มพรายให้ฉันเป็นครั้งแรกในรอบครึ่งปีโดยไม่มีการทวงบทความเหมือนทุกครั้ง มือเรียวมีรอยเหี่ยวแต่สวยในเล็บยาวสีชมพูเหลือบมุก เหมือนๆ จะมีกากเพชรโรยเอาเด้ง เปิดหน้าหนังสือเล่มล่าสุดที่มีรูปฉันยืนหราอยู่หน้าเวที นี่คงมาทำพูดจาดีด้วยค่าที่เอาเรื่องฉันไปลงโดยไม่ขออนุญาตเสียก่อน

วันนี้ฉันเดินทางมาถึงสำนักพิมพ์ทางรถไฟฟ้าศิวิไลซ์ไม่เปลืองน้ำมันรถ เพื่อที่จะมาส่งบทความเป็นแผ่นมินิดิสก์พร้อมกับจะมาดูหน้า บก.สาวที่ถือวิสาสะ ยังดีที่ฉันไม่งกมากพอที่จะเจียดเงินซื้อหนังสือปักษ์นี้มาดูด้วยความประหลาดใจว่าทำไมทางสำนักพิมพ์ไม่ส่งมาให้ฟรีเหมือนทุกที ประกอบกับจะมาบอกกึ่งเตือนว่าอย่ามาติดต่อฉันในอีกหลายวันข้างหน้านี้เพื่อเห็นแก่เวลาส่วนตัวกับครอบครัวที่น่ารักของฉัน

"อ้าว...จะกลับไปเยี่ยมบ้านที่อยุธยาหรือคะ คิดยังไงเสียล่ะ เห็นช่วงนี้พี่ติดต่อไปทีไรก็ไปอยู่แต่ลาว แต่ลาว นึกว่าไปติดใจใครที่ลาวซะแล้วอีก"

ไม่ได้ไปติดใจใครที่ลาว ถ้าเป็นหนุ่มไทยที่ตามไปลาวก็ว่าไปอย่าง แล้วฉันกลับบ้านนี่ก็ไม่คิดไงล่ะค่ะ เพราะนิตยสารพี่น่ะแหล่ะ อย่าลืมสิว่าพ่อแม่และยายที่บ้านฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสือพี่เหมือนกัน

'ซื้อเก็บไว้เดือนละเล่มเป็นไรไป คิดเสียว่าเผื่อไว้ให้ลูกหลานลูกชุบมันดูว่าสมัยสาวๆ แม่มันก็เคยมีผลงานตีพิมพ์กับเขาอยู่บ้าง'

นั่นเป็นเหตุผลที่ยายฉันว่าไว้ในการเสียสตางค์ซื้อหนังสือประเภทที่ไม่เคยคิดจะหยิบมาอ่าน ราคาออกแพงแถมมีแต่อะไรไม่รู้เรื่อง สู้เอาเวลามาดูละครหลังข่าวน่าจะดีกว่า

บังเอิญเสียแต่ว่าเรื่องฉาวๆ ที่น้ำเน่าพอกับละครหลังข่าวที่เกิดมันมาเกี่ยวข้องกับหลานสาวแก หนำซ้ำเล่มนี้ยังพาดหัวบทความขายไว้ในหน้าปกแรกเลยด้วย

"ลูกชุบ กลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่เยี่ยมยายหน่อยเป็นไร งานๆ ก็ทิ้งๆ ไว้บ้างก็ได้ จะเอารวยไปอะไรนักหนา"

แม่โทรมาหาฉันเมื่อคืนตอนที่ฉันนั่งหาวท้าวคางวาดรูปอยู่ ลงว่าแม่โทรมาหาเรียกตัวกลับอย่างนี้มันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล

"ยายเองเขาก็บ่นๆ ถึง ว่าไม่รู้หลานไปทำงาน ทำอะไรถึงไหน เห็นอีกทีก็ไปยืนสวยอยู่บนเวทีนางแบบเขาเสียแล้ว"

นั่นปะไร...

"มาได้มะรืนนี้ใช่ไหม รีบมาล่ะ เห็นยายว่าจะทำจ่ามงกุฎกับขนมหม้อตาลไว้รอด้วย"

แม่ย่อมเป็นบุคคลแรกที่รู้นิสัยฉัน ผ่านไปนานแค่ไหนแกก็จำได้ว่าฉันเห็นแก่กิน

"อ้อ...แล้วขอแบบละเอียดๆ นะ ตอนที่คุณหญิงเขาปะคารมกับพวกชุบกับดีไซเนอร์นั่นน่ะ อู้ย...เพื่อนแม่แถวนี้เขาเม้าท์กันมันส์ รอลูกมาแฉความจริงอยู่เนี่ย"

เปรี้ยวไหมล่ะแม่ฉัน ใช้ภาษายังกะวัยรุ่นแถมยังเอาลูกไปขายอีกต่างหาก

.......................................................

เช้าวันถัดมาฉันรีบตื่นมาจัดเตรียมข้าวของที่จะแบกกลับบ้าน จัดแจงเทอาหารแมวชนิดสุดหรูราคาแพงให้น้องน้ำตาลเป็นการเอาใจก่อนนำไปฝากร้านรับเลี้ยง ช่วงนี้มันค้อนฉันแปลกๆ ทุกที สงสัยว่าจะหนีเที่ยวบ่อยไปหน่อย มันเลยดูจะงอนๆ ฉันชอบกล เอาน่า...เดือนหน้าจะหาสามีดีกรีอเมริกันช้อตแฮร์มาให้ เอาไหมลูก

โจทย์ข้อแรกของวันนี้คือจะเอาอะไรดีไปฝากที่บ้าน เดินวนรอบบ้านไปสองสามรอบจนหน้ามืดมานั่งดมยาดมอยู่ก็ตัดสินใจได้ว่าแจกันทรงสูงที่ฉันตั้งอกตั้งใจเพ้นท์ลาย'สายน้ำแห่งชีวิต' คู่นี้น่าจะมีราศีเหมาะดีกับการหอบไปเอาอกเอาใจพ่อและยายที่มักเห็นทุกอย่างจากฝีมือฉันเป็นของล้ำค่าเสมอ ส่วนแม่แค่รายละเอียดหลังเวทีแฟชั่นผ้าไทยก็เหลือล้ำแล้ว

ขณะที่ฉันนั่งจุมปุ๊กอยู่กับพื้นนั่งบรรจงห่อแจกันไม่ให้มันกระทบกระทั่งเวลาที่ต้องกระเสือกกระสนหอบหิ้วขึ้นรถทัวร์ที่หมอชิต รอบๆ ตัวมีกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ถูกขยำๆ ระเกะระกะรอบตัว สติที่ล่องลอยไปถึงที่มาของสายน้ำแห่งชีวิตก็ถูกดึงกลับมาด้วยเสียงครางกระหึ่มของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่

เด็กแวนท์ที่ไหนมาหยุดรถแซวหน้าบ้านกันฟะ

แต่เมื่อออกไปชะเง้อชะแง้แลมองหน้าบ้านก็พบว่าที่มาของเสียงหาใช่เด็กแวนท์ไม่

"สวัสดีคร้าบคุณลูกชุบ มีผลไม้สดๆ จากไร่จัน'บุรีมาส่งคร้าบ" นั่น...เสียงมาก่อนตัวอีก

คุณนทีขี่รถมอเตอร์ไซค์คันโตพ่วงท้ายซ้ายขวาด้วยบรรดาถุงผ้ามากมายมาหยุดอยู่หน้าบ้านที่เขาสามารถมาถูกได้โดยไม่ต้องมีรายการสแกนแผนที่ส่ง แท็กซี่ที่เขาใช้บริการเมื่อครั้งมารับฉันไปงานผ้าไทยครั้งก่อนฉลาดพอจะมาตามซอย ตามถนนบ้านฉันได้ แล้วนี่ไปตกบิ๊กไบค์ใครมา แถมยังตะโกนแข่งเสียงเครื่องยนต์มาเป็นคำทักทายยามสาย

"คุณชุบว่าอะไรนะครับ ดังๆ หน่อย ผมไม่ได้ยิ้น..."

เขาตะโกนกลับมาเมื่อเห็นฉันพยายามพูดให้เขาเข้ามาในบ้านได้เลยเพราะประตูไม่ได้ล็อค วะ...ก็แล้วทำไมไม่ดับเครื่องยนต์ก่อน โลกมันร้อนไม่รู้รึไง

"ฉันจะให้คุณเปิดประตูรั้วเข้ามาเลย มันไม่ได้ล็อค แล้วถ้ายังไงดับเครื่องลงมาคุยกันก่อน" ฉันรีบเดินไวๆ ไปเปิดประตูอัญเชิญให้เขาเข้ามานั่งโซฟาในบ้าน ไม่เช่นนั้นคนข้างบ้านคงได้เยี่ยมหน้ามาเจริญพรกันมั่งโทษฐานปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์ใส่มะม่วงสามฤดูหน้าบ้านคนอื่นเขา

"แหม...โทษทีครับ พอดีใจร้อนไปนิด กะว่ามาก็จะรับคุณขึ้นรถคันใหม่ของผมไปกินลมชมวิวกันซะหน่อย"

ไม่นิดล่ะค่ะ ความใจร้อนคุณน่ะ แล้วจะมารับฉันไปกินลมอะไรกัน ไม่ใช่นางเอกผู้หญิงข้าฯ ภาคล่าสุดนะคะ พี่หลิวขา แหม...มีทักซิโด้สีขาวแบกถังดับเพลิงสีแดงหน่อยล่ะก็พอได้เลย อีกอย่าง ฉันยังไม่พร้อมจะเป็นสกอยซ์ในตอนนี้ แต่เอาเถอะ มายิ้มเยื้อนหน้าเจื่อนแบบนี้ก็พอถูไถอภัยให้ได้ เห็นว่ามีข้าวของติดไม้ติดมือมาหรอกนะ

"ผลไม้จากไร่บ้านผมเองครับ พอดีผมกลับไปเมืองจันฯ มา พ่อผมเลยบอกให้ขนเอามาฝากคุณด้วย"

แล้วฉันไปรู้จักมักจี่กับพ่อคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เห็นจะจำได้

"เพิ่งแบ๊นพี่เบิ้มเขากลับมาเมื่อตอนเช้ามืดนี้เอง มาจากจันฯ เลยนะครับ เครื่องแรงจริงๆ เก้าร้อยซีซีแน่ะ นี่ผมก็ได้มามือสองซื้อต่อจากคนออสซี่แถวบ้าน พอดีเขาจะพาเมียกลับประเทศเขาไปเลยขี้เกียจเอาไว้เป็นภาระ ผมเลยได้มาถูกๆ คุณลูกชุบชอบไหมครับ"

ชอบไม่ชอบแล้วมันเกี่ยวอะไร นั่นมันมอเตอร์ไซค์ของคุณ แล้วยังมีชื่อด้วย พี่เบิ้ม! ดีเนาะ ตัวเองไม่มีชื่อเล่นแต่ยังอุตส่าห์ตั้งให้รถซะอย่างนั้น

"คิดยังไงไปซื้อมาล่ะคะ ทุกทีก็เห็นมีความสุขดีกับแท็กซี่และรถไฟฟ้า"

เขายิ้มแต้ หน้าตาเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ จิบน้ำเย็นๆ ที่ฉันวางไว้ให้หนึ่งอึกแล้วตอบฉันฉะฉานน่าหมั่นไส้

"ไว้ให้สาวซ้อนซีครับ เผื่อวันไหนสาวเขาอารมณ์ติสท์เกิดแตกขึ้นมาอยากให้พานั่งรถรับลมทะเลยามเย็นก็จะได้พาไปได้สบายๆ ไม่ต้องลำบาก แถมเท่ห์อีกต่างหาก...ว่าไหม"

แหม...ก็ไม่ได้เถียงสักหน่อยว่าไม่เท่ห์ แต่ทำไมไม่พูดให้เคลียร์ สาวอารมณ์ติสท์ที่ไหนกันที่จะพาซ้อน เอ๊ะ...นี่ฉันไม่ได้กำลังค้อนใส่เขาหรอกนะ เปล๊า...

"แล้วนี่จะแพคของไปไหนครับ กระดาษกองเกลื่อนเชียว" เขาคงเห็นความผิดปกติกลางบ้านฉัน ซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ทุกทีก็อย่างนี้ ไอ้โน่นไอ้นี่กองเกลื่อน วันนึงฉันยังเคยเหยียบกองดินเหนียวลื่นล้มสะโพกครากไปเหมือนกัน

"กลับบ้านค่ะ จะเอาของกลับไปด้วย"

"อ้าว...แล้วที่อยู่นี่ไม่ใช่บ้านหรือครับ" นี่จงใจจะกวนหรือถามจริงกันคะ คุณนที

"หมายถึงบ้านยายที่พ่อกับแม่เขาอยู่น่ะค่ะ นี่เรียกบ้านเช่า" เอาไว้ทำมาหารับ'ทานค่ะ

ฉันแอบต่อประโยคท้ายในใจ มือรื้อถุงผ้าใส่ผลไม้ออกดู มีเงาะ มังคุด ลองกอง โอ...ของชอบทั้งนั้น แต่เดี๋ยวต้องกลับบ้านไปหลายวัน ทิ้งไว้คงสุกงอมหมด เอ...หรือจะกินมันให้หมดก่อนไป บ้าแล้ว กระเพาะคนนี่หว่าไม่ใช่ควาย หรือจะเก็บไว้ที่ถุงใต้คอ ฮื้อ...นั่นมันนกเงือก

"เอ่อ...คุณลูกชุบครับ คิดอะไรอยู่ครับ หน้าตาสับสนมาก ใช้ผมช่วยอะไรไหม"

ช่วยเก็บกลับไปแล้วเอามาฝากใหม่คราวหน้าดีกว่าค่ะ เปล่าหรอกฉันได้แต่คิด จริงๆ ที่บอกออกไปคือฉันเสียดายหากทิ้งไว้เพราะต้องรีบออกเดินทางวันนี้ก่อนเที่ยง เดี๋ยวยายจะงอน ฉันเลยได้ข้อสรุปจากคนสมองใสมาง่ายๆ แบบสบายไปทุกฝ่าย ยกเว้นฉัน

"งั้นก็เอายังงี้ ของง่ายๆ คุณก็เอาผลไม้ทั้งหมดนี่ไปด้วย ไปฝากคุณพ่อคุณแม่และยายของคุณซะ ไม่ต้องกลัวถือไม่ไหว เพราะผมก็จะไปช่วยถือส่งให้ถึงบ้านคุณเลย รอผมเอารถไปฝากบ้านเพื่อนแถวนี้แป๊บ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลับมาถึง แค่มีข้อแลกเปลี่ยนเป็นข้าวสามมื้อต่อวัน ผมกินไม่เยอะหรอก พาเที่ยวบ้างถ้ามีเวลาว่าง เดี๋ยวผมขออนุญาตยายคุณเอง เห็นไหม...เรื่องออกง่าย...สบายจะตาย"

...............................................................

เมื่อมาถึงถิ่นฐาน ณ บ้านเรือนไทย พ่อของฉันต้องมายืนอึ้งที่กระไดขึ้นชานหน้าบ้านเพื่อรอรับเราสองคน อันหมายถึงตัวฉันที่ตกกระไดพลอยโจนและคุณนทีที่ตกกระไดท่าน้ำหลังบ้านทำให้ฉันต้องโจนลงไปช่วยเขาขึ้นมาด้วยประโยคเด็ดที่ว่า

'ช่วยผมที ผมว่ายน้ำไม่เป็น'

คิดดูเอาแล้วกันเถิดค่ะ ลูกสาวนานๆ กลับบ้านที คราวนี้กลับหนีบหนุ่มมาด้วย ซ้ำร้ายยังเปียกปอนดูไม่ได้ทั้งคู่ ความผิดทั้งหมดฉันขอโยนโครมให้พ่อตัวดีที่เกิดอยากนั่งเรือหางยาวอยุธยาขึ้นมา ทางถนนดีๆ ก็มีไม่รู้จักไป แถมว่ายน้ำไม่ได้ก็ไม่บอกตั้งแต่แรก

โชคไม่ดีที่เขาอาสาถือข้าวของของฉันอันมีกระเป๋าผ้าใบโตใส่แจกันสองใบหนักอึ้งที่ฉันยัดๆ เสื้อผ้ารวมลงไปด้วยประมาณให้มันช่วยกันกระแทกอีกแรง ถุงผ้าหูรูดใส่ผลไม้สองถุงโตกับสัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้าของเขาทั้งหมดคนตัวโตรับไป ส่วนฉันหิ้วกระเป๋ากล้องของเขาซึ่งยังถือว่าเบาหากเทียบกับเขาแล้ว และฉันก็ขึ้นมายืนบนท่าน้ำได้สำเร็จก่อนที่คุณนทีจะก้าวตามมาให้ขาเหยียบพลาดตกน้ำป๋อมแป๋มไป ฉะนั้น สิ่งเดียวที่ติดตามเรามาแบบแห้งๆ คือกระเป๋าใส่กล้องและอุปกรณ์ของเขาน่ะแหล่ะ

เดือดร้อนพ่อฉันต้องมายืนฟังคำอธิบายแบบหนาวสั่นของฉันเพื่อให้อนาถใจในตัวเพื่อนลูกสาวมากเข้าไปอีก โธ่...พามาพบพ่อแม่ทั้งที เสียฟอร์มตั้งแต่ก้าวขาเข้าบ้าน หมอนี่ยังไง ขึ้นเขาก็ตกเขา ลงน้ำก็ตกน้ำ คราวหน้าจะพาไปทุ่งหญ้าสะวันนาเรียบโล่งดูสักที ดูซิ คราวนี้จะตกอะไรอีก

ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นผ้าถุงลายไทยของยายกับเสื้อคอกระเช้าสีส้มสะท้อนแสงไบร์ออเร้นจ์ที่ยายคุยนักหนาว่ากำลังฮิตในหมู่วัยยาย ก็พ่อเล่นเอาเสื้อผ้าฉันลงไปว่ายน้ำพร้อมกันซะอย่างนั้น จะไปเหลืออะไร ส่วนเสื้อผ้าของแม่ฉันก็ไส่ไม่ได้ แม่ตัวอวบเจ้าเนื้อกว่าฉันเยอะ ไอ้ชุดเก่าๆ สมัยอยู่บ้านนั่นแม่ก็ทำใจดีเอาไปบริจาคเสียหมดแล้ว

คิดอย่างหงุดหงิดพลางเหลือบมองคนช่างหาเรื่องที่นั่งจ๋อยอยู่นอกชานบ้าน เขาเองก็ดูประหลาดตาดีไม่น้อยในกางเกงม่อฮ่อมของพ่อกับเสื้อผ้าป่านผ่าหน้าผูกเชือก ลุคแบบลุงๆ เข้าครอบงำได้ใจ ขัดกับใบหน้าเหลือเกิน

"เอ้า...เข้ามานั่งกินขนมกันก่อน นี่น้ำตะไคร้หอมๆ ร้อนๆ ร่างกายจะได้อบอุ่น" ยายฉันเดินออกมาจากหลังบ้านมือถือถาดใส่ขนมไทยมีแม่ในชุดขาวตามมากับถาดวางจานมังคุดปอกเปลือกครึ่งหนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นมังคุดนักว่ายน้ำทีมชาติ ณ เมืองจันฯ อย่างไม่ต้องสงสัย กับน้ำตะไคร้ควันกรุ่นอีกสองถ้วย

ยายฉันเป็นคนอายุเจ็ดสิบกว่าๆ ที่ยังแข็งแรงยังกะอายุน้อยกว่านี้สักยี่สิบปี และถึงแม้คนที่ยายร้องเรียกจะไม่ถูกระบุชื่อ แต่อาการที่เรียกว่า'เข้ามา'ก็คงจะหมายความได้ถึงคนคนเดียวที่นั่งสำนึกผิดอยู่นอกชานบ้าน เพราะฉันนั่งรอประจบยายอยู่ตรงพื้นยกสูงที่ประจำของยายตรงนี้อยู่แล้ว

บ้านยายของฉันนี้เป็นบ้านเรือนไทย หน้าบ้านมีนอกชานบริเวณกว้างที่โล่งโปร่ง รับลมธรรมชาติที่ต้องเดินขึ้นบันไดมาหลายขั้นเพราะตัวบ้านยกไต้ถุนสูง เข้ามาใต้ชายคาอีกหน่อยติดกับผนังห้องด้านในก็จะมีพื้นยกสูงขึ้นมาเกือบฟุต ขนาดกว้างยาวไม่มากนัก พอตั้งวงไพ่ใหญ่ๆ ได้หนึ่งวง เอ่อ...นั่นเป็นพฤติกรรมฉันกับเพื่อนสมัยที่พามาเที่ยวเล่นกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่ใช้เป็นที่นั่งเล่นหย่อนอารมณ์ของยายฉันซะมากกว่า

รอบๆ ตัวเรือนบ้านจะมีระเบียงกว้างขนาดหนึ่งเมตรโดยรอบสามารถเดินได้จากส่วนครัวไทยหลังบ้านอ้อมมาได้ถึงนอกชานโดยไม่จำเป็นต้องผ่านตัวบ้านเลยทีเดียว ยายเคยบอกว่า คนไทยสร้างบ้านเน้นให้โปร่งโล่ง ลมพัดได้ทั่ว ซึ่งถือว่าเป็นความฉลาดของคนไทยที่สร้างบ้านได้ถูกหลักประหยัดพลังงานไปในตัว

ส่วนท่าน้ำที่มีลูกหมาไปตกป๋อมแป๋มเมื่อพักใหญ่ที่ผ่านมามันก็อยู่ถัดไปด้านหลังบ้านอีกนิด ศาลาท่าน้ำที่นั่นมันก็เป็นที่ที่ฉันเคยใช้นั่งทอดอารมณ์ศิลปินตามกระแสน้ำเมื่อสมัยก่อนๆ ตอนอยู่บ้าน การตัดสินใจเรียนศิลปกรรมของฉันมันเริ่มจากตรงนั้นแหล่ะ

ก๊วนเพื่อนที่เคยมาเที่ยวเล่นที่บ้านฉันมีอึ้งไปหลายคน บางคนถึงกับคิดเลยเถิดไปว่าฉันอาจเป็นลูกหลานเจ้าพระยาอะไรตั้งแต่สมัยยังไม่เสียกรุงฯ นู่น

'ยายเล่าให้ฟังว่า สมัยปู่ทวดของยาย เขาเป็นคนสนิทของเจ้าขุนมูลนายอะไรสักอย่างจำชื่อพลาดๆ อยู่ แล้วตอนนั้นเขามีภรรยาเล็กๆ ไว้คนที่ภายหลังเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป ท่านเลยตรอมใจไม่อยากเก็บบ้านไว้จึงยกให้คนสนิท ตระกูลเราเลยส้มหล่น ได้เรือนไทยมาไว้ประดับบารมีซะงั้น'

ฉันต้องสาธยายรากเหง้าของตัวเองให้เพื่อนฟังก่อนที่มันจะหมอบคลานเข้าหาให้ระอาแก่ใจ พวกนี้ยิ่งอารมณ์แปรปรวนไปตามประวัติอันยาวนานอยู่ บิวท์อะไรก็ขึ้น

'แสดงว่าแกเป็นคนอยุธยาดั้งเดิมงั้นเถอะ...มิน่า กรุงถึงแตก'

อ้าว...แล้วมันเกี่ยวอะไร ฉันไม่ได้เกิดตั้งแต่สมัยพระเจ้าตากนะคะ

คิดยาวไกลไปซะเพลิน ใครบางคนเคยพูดไว้ว่า หากเราเริ่มคิดเรื่องเก่าๆ แสดงว่าเราแก่ หนอย...แก่ที่ไหน นี่เห็นมั๊ย คอกระเช้าสีไบรท์ออเร้นจ์เนี่ย...

"มานั่งกินขนมนมต้มกันก่อน ยายทำเอง สูตรเก่าชาววังเชียวนา พูดแล้วจะหาว่าคุย"

วังไหนคะยาย อยู่มาตั้งนานในบ้านนี้ไม่เคยเห็นสักที ชาววัง

หนุ่มหน้าเจื่อนชะโงกหน้ามาเมียงมองถาดใส่ขนมสีสวย มีอาลัว จ่ามงกุฎ และขนมหม้อตาลที่ฉันโปรดปรานนักหนา แล้วดูทำท่าหยิบชิมสงบเสงี่ยมเชียว

"อร่อยไหมล่ะ หากินไม่ได้ง่ายๆ นาสมัยนี้ จ่ามงกุฎนี่ไม่เคยเห็นมีตามตลาด สมัยก่อนเขาให้เป็นขนมของฝากแสดงความยินดีเวลามีการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งกัน ไม่ใช่ใครก็จะทำได้อร่อยนะ เห็นไหม...แป้งกวนเหนียวหอมนุ่มนี่ต้องใช้แป้งถั่วเขียวกวนกับกะทิ น้ำตาล เนื้อเข้ากันไม่ดีก็ไม่ได้อย่างนี้นา ทองเปลวเล็กๆ นี่ต้องใช้ของจริงนะ เจอเป็นทองปลอมเข้าไปล่ะอันตรายแย่..." ยายฉันได้ที นานๆ มีใครมาเป็นเหยื่ออาหารคาวหวานแกเข้าล่ะมีท้องแตกตายกันมั่ง

"อร่อยมากครับ อาลัวนี่ก็ไม่หวานแหลมอย่างที่เคยซื้อกินตามร้าน ออกจะหอมๆ กรอบนอกนุ่มใน รสติดลิ้นดี ขนมหม้อตาลนี่ก็เพิ่งจะเคยกินครั้งแรก ติดใจเลย คุณยายเก่งจังครับ สาวๆ คงมีเสน่ห์ปลายจวักแน่ๆ" แหม...รู้จักเอาใจคนแก่

"โอ๊ย...กินเข้าไปเยอะๆ ปกติยายทำๆ ไปก็ไม่ค่อยมีใครกิน พ่อลูกชุบมันก็ไม่ชอบของหวาน แม่มันก็จะไดๆ อะไรนะ ลดความอ้วนอะไรของมัน มีลูกชุบมันมาทีนี่แหล่ะ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทรายบ้านยายค่อยหายไปบ้าง"

นั่น...ตีแผ่ความเห็นแก่กินของหลานสาวให้ชาวบ้านฟังอีก

"กินไปเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ เห็นหนุ่มคนรุ่นใหม่กินได้มันก็ดีใจ อย่าไปสนใจลูกชุบมัน มันก็ทำหน้าคว่ำหน้างอไปงั้น มันโกรธใครได้ไม่นานหรอกพ่อคุณ..."

อ้าว...ยาย

"ดูสิ เอาแต่นั่งงอนเขา ชื่อเสียงเรียงนามอะไรไม่รู้จักมาแนะนำ ใช้ไม่ได้เลยหลานฉัน"

นี่ฉันผิดอีกใช่ไหมนี่ อุตส่าห์มาเสนอหน้ากะว่าได้ประจบรับการปลอบใจลูบไหล่ลูบหลังจากยายมั่ง ดันโดนคนหนุ่มขโมยซีน

"ผมชื่อนทีครับ นที...ไม่มีชื่อเล่น" คนได้ใจ(ยาย)รีบเสนอตัวเสนอชื่อหน้าบาน ได้พวกแล้วซี

ยายฉันขมวดคิ้วมองหน้าพ่อโฉมเอกคนใหม่ของแก แล้วถามขึ้น

"ชื่อแม่น้ำแต่กลับว่ายน้ำไม่เป็น...แล้วตอนแม่อุ้มท้องพ่อนทีเขาชอบกินอะไรล่ะ"

เขาดูงงๆ กับคำถามยาย ส่วนฉันเริ่มคิดอะไรได้แวบๆ ชักสนุกกับการถามตอบระหว่างยายกับชายหนุ่มผู้โชคร้ายนี่เสียแล้ว
"อืม...จำได้รางๆ เหมือนแม่บอกว่าเขาชอบกินน้อยหน่านะครับ"

โป๊ะเชะค่ะท่านผู้อ่าน งานนี้คุณนทีมีชื่อเล่นแน่




...................................................................


ฉันกำลังก้าวขาขึ้นเรือนหอบหิ้วถุงกับข้าวพะรุงพะรังกลับจากตลาด (ไปมันในสภาพผ้าถุงคอกระเช้านี่ล่ะ สะใจคนทั้งตลาด) ตามแม่มาพอดีกับที่หลานชายคนใหม่ของยายหัวเราะร่าสนุกสนาน นี่ถูกคอกับคนแก่ขนาดที่ไม่ร้องตามฉันไปตลาดอย่างที่ชอบทำนักตอนอยู่ลาวเพียงเพื่ออยู่เอาใจยายฉันหรือ แล้วดูสิ ขนาดตอนก่อนออกไปยังร้องเรียกแม่มาบอกรายการอาหารยาวเหยียด เลี้ยงรับขวัญคนตกน้ำ

'อย่าลืมเอาของมาทำแกงจืดลูกรอกด้วยนะ คุยกันมาเห็นว่าพ่อน้อยหน่าเขาไม่เคยกิน'

พ่อน้อยหน่าของยายยิ้มรื่นรับชื่อเล่นใหม่อย่างหน้าบานเป็นจานใส่ขนมหวานตรงหน้าที่กวาดไปกว่าครึ่งถาด ขนาดฉันยังไม่ได้จกเลยนะนี่ ใครหว่า บอกฉันไว้ก่อนมาว่ากินไม่เยอะ

เสียงหัวเราะคิกคักน่าหมั่นไส้ทำให้ฉันเกิดความสงสัยว่าคุยอะไรกัน ฉันเลยเลียบๆ เคียงๆ ทำยกแจกันในกระดาษห่อเปียกๆ ไปนั่งแกะเรียกร้องความสนใจอยู่ใกล้ๆ

"โอ้...สวยจังครับ ลายแบบนี้ผมไม่ยักเคยเห็นคุณวางขายที่ร้าน มันดู...เหมือนมีชีวิต"

"ชื่อมันคือ สายน้ำแห่งชีวิต ค่ะ...ที่คุณไม่เคยเห็นเพราะฉันไม่เคยคิดจะขาย" ฉันตอบคนอยากรู้อยากเห็น

"แสดงว่ามันคงมีความหมายกับคุณมากล่ะสิ ปกติของที่ดูน่าจะขายได้ราคาดีไม่น่ามีเหลือ ไม่ใช่วิสัยที่คุณจะปล่อยไว้"

แสนรู้ไปไหม หือ

"อืม...เวลาที่คุณทำงานอยู่ไกลบ้านแล้วคุณเกิดคิดถึงบ้านขึ้นมา คุณทำไง"

"ผมก็มักจะเอารูปถ่ายในอัลบั้มส่วนตัวมานั่งดูสิครับ ดูพ่อแม่ น้องสาว ไอ้ดำ ไอ้เขียว...เอ่อ...หมาที่เลี้ยงไว้น่ะครับ"

"ฉันมาลงกับงานศิลปะค่ะ รูปที่คุณเห็นเป็นลวดลายที่แจกันนี่ ฉันเพ้นท์มันด้วยความรัก ความคะนึงถึงที่ๆ ฉันสบายใจ ภาพที่เห็นเจนตามาตั้งแต่เล็ก มีบ้านริมน้ำ คนพายเรือตะโกนทักทายคนนั่งซักผ้าที่ตีนท่า เด็กเล็กๆ แก้ผ้าโดดน้ำ ชาวบ้านหัวเราะเริงร่า...เวลาที่อยู่ในเมืองที่แสนอึกทึกครึกโครม ฉันจะคิดถึงบ้านขึ้นมาจับใจทีเดียว...คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงยาย คิดถึงสายน้ำ" ฉันพูดยาวเหยียดพลางทอดสายตามองแจกันใบสวยในมือ ความเงียบที่ปกคลุมโดยรอบ มีเพียงเสียงลมหายใจทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่คล้อยตามของคนอีกสองคน

"เฮ้อ...เพราะมันน่ารักอย่างนี้แหละ ยายถึงปล่อยให้มันไปเรียน ไปทำงานอย่างที่มันต้องการ พอเหนื่อยๆ ก็อยากให้มันมาพักใจที่บ้านยายนี้"

ฉันพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ฉันถึงได้รับคำสั่งยายให้โทรเรียกฉันกลับมา สถานการณ์ที่ยายได้เห็นได้ยินทางข่าว ทางสื่ออาจทำให้ยายเป็นห่วงฉัน

ก่อนที่เราจะซาบซึ้งในเรื่องของคนในครอบครัวมากไปกว่านี้ คุณนทีก็พูดขึ้นมา

"ขนมยายจะหมดแล้วอ่ะครับ เห็นว่าทำไว้รับคุณลูกชุบ แต่ผมดันจัดการซะเกือบหมด แฮ่ะ แฮ่ะ...ขอโทษทีครับ ผมไม่ค่อยได้กินขนมไทยอร่อยๆ อย่างนี้มาก่อน" คนที่เคยออกตัวว่ากินน้อยในอดีตอันสั้นทำท่าประจบยาย'ของฉัน'

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หมดก็ทำใหม่ ว่าแต่...อยากกินขนมอะไรอีกไหมล่ะ อยู่หลายวันนี่ เผื่อพรุ่งนี้ยายจะได้ทำไว้ให้"

ยายฉันก็น่ารัก เห็นคุยถูกคอก็ถามไถ่เอาใจไปตามมารยาทคนไทยดั้งเดิม กระไรเลยจะไปทันคิดว่าจะได้คำตอบที่น่าซัดให้หมอบจากคนปากไว

"อยากกินลูกชุบครับ!"

.........................................................................

ห้าวันที่บ้าน ณ พระนครศรีอยุธยาของฉันนี้ดูจะมีเรื่องครื้นเครงตลอดเวลา พ่อน้อยหน่าคนกรุงผู้อัธยาศัยดีของคนบ้านนี้เป็นที่รักใคร่ของใครต่อใครเสียเหลือเกิน ดูเอาอย่างคนหวงลูกสาวที่ขึ้นชื่ออย่างพ่อฉันยังทำขึงขังได้ไม่เท่าไร ตอนนี้อะไรๆ ก็พ่อน้อยหน่า จะไปโรงเลี้ยงบอนไซก็ร้องหาพ่อน้อยหน่า แม่ฉันกับยายก็แทบจะทิ้งฉันให้เป็นหมาหัวเน่า วันก่อนยายทำขนมชื่อฉันยังเรียกเอาพ่อน้อยหน่าไปเป็นลูกมืออันดับหนึ่ง

'คนหนุ่มแรงดีกวนถั่วแป๊บเดียวก็นวลแล้ว ลูกชุบมันมือไม่หนักพอ ล้างผักยังไม่สะอาดเลย' ลูกมืออันดับสองอย่างฉันละแสนจะน้อยใจ มืออาร์ทติสท์นะยาย ไม่ใช่คนแบกข้าวสาร

ไหนจะมาทำตีสนิทกับเพื่อนบ้านฉันอีก ขนาดเขาตามมานั่งคุยกับฉันที่ศาลาท่าน้ำคนพายเรือผ่านยังร้องทัก

'เอ้า...พ่อน้อยหน่า มานั่งศาลาระวังตกน้ำตกท่าไปอีกล่ะ'

'ก่อนกลับอย่าลืมมาเอาพันธุ์เงาะไปปลูกที่ไร่นะ'

'รูปที่ถ่ายไอ้ตัวเล็กที่บ้านฉันไปอย่าลืมอัดส่งมาให้ดูล่ะ ฝากลูกชุบมันมาก็ได้'

ไปตีสนิทอะไรกันตอนไหน ที่ตะลอนไปกับพ่อฉันนี่มันยังไงกันแน่

"คุณไม่พอใจอะไรผมอยู่รึเปล่าเนี่ย..." เขาหรี่ตาถามฉัน และมันก็ได้รับคำตอบเป็นการเลิกคิ้วกวนส้นที่จงใจส่งไปให้ด้วยความเคารพ

"ปกติถึงคุณจะพูดน้อย แต่ก็ไม่ได้น้อยขนาดนี้ นี่เหมือน งอนๆ อะไรผมอยู่...เห็นนะ มีค้อนผมด้วย"

หนอย...พ่อคนความรู้สึกไว

"เปล่าสักหน่อย" ฉันผ่อนลมหายใจยาว "แค่รู้สึกว่าคุณเป็นสาเหตุของการเป็นหมาหัวเน่าของฉันเท่านั้นเอง"

"โธ่...น้อยใจหรือครับ ไม่น่าจะน้อยใจนะ...ดีซะอีกที่ใครๆ เขาก็เอ็นดูผมน่ะ อีกไม่นานผมต้องมาเข้านอกออกในบ่อยๆ จะได้ไม่ยุ่งยากใจทีหลังไง ไม่ดีตรงไหน"

อะไร เข้าออกอะไร นี่บ้านฉัน ไม่ใช่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จะมาเข้าออกทำอะไรกันบ่อยๆ

"เฮ้อ...ต้องพูดกับคุณตรงๆ เสียที ดูท่าว่าบอกใบ้อย่างนี้คุณจะไม่เก็ท..."

นี่ด่าว่าฉันโง่อยู่หรือเปล่าคะ

"จังหวะนี้ละเหมาะสุด แม่คุณไปตรวจงานที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนยายก็เพิ่งฟังผมบรรยายภาพถ่ายในกล้องหลับไปเมื่อกี้ แล้วผมก็เพิ่งรายงานพ่อคุณว่าผมมีเรื่องจะมาคุยกับคุณที่นี่...ตามลำพัง"

อือ...แม่ฉันเป็นพยาบาลทหารบก รับราชการตามตาของฉันที่เสียไปตั้งแต่ฉันยังเรียนไม่จบด้วยเกียรติประวัติทหารเต็มฝาบ้าน ป่านนี้คงไปตรวจงานตามความเป็นหัวหน้าพยาบาลที่พึงมี อดีตแม่บ้านทหารบกก็คงเคลิ้มหลับไปตามความถนัดของคุณนที พ่อที่เป็นข้าราชการเกษียณอายุคงไปขลุกที่เรือนต้นไม้ตามปกติ แล้วที่รายงานพ่อว่าจะมาคุย...คุยอะไร

"คราวหน้าผมจะพาพ่อกับแม่ผมมาด้วยละนะ"

หือ...ยังไง

"ผมรู้นะว่าคุณคิดยังไงกับผม ผมก็คิดกับคุณยังงั้นแหล่ะ...เราใจตรงกันนะครับ"

ว่า...ว่าอะไรนะ

"ดูทำหน้าเข้า..." เขายกนิ้วมือขึ้นไล้แก้มฉันเบาๆ "ก่อนที่สติคุณจะล่องลอยสอยกลับมาไม่ไหว...ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าคุณคิดเหมือนผม...บอกหน่อยว่า คุณรักผม"

นะ...นั่น เขาบอกให้ฉันรักเขา เอ๊ะ...หรือว่านั่นเขาบอกรักฉัน โอ๊ย...ยังไงกันว้า

"นะ บอกผมหน่อย..." นั่นเขาอ้อนฉันอยู่ใช่ไหม หนุ่มหล่อไฮเปอร์กำลังอ้อนฉัน...อึ๊ย...

"เฮ้อ...แดงไปทั้งตัวแล้วคุณลูกชุบครับ ต้องโทรเรียกดับเพลิงไหมนี่...ถ้าไม่บอกผมจะพูด พูด พูด พูดไม่หยุดให้คุณหูแตกตายไปตรงนี้ซะเลยดีไหม เอาให้ไฟลุกกันไปเลยเนี่ยๆ..."

ง่า...อย่าทำงั้นเลยค่า...อยู่เฉยๆ ในสภาวะอย่างนี้ฉันก็แทบละลายกลายเป็นของไหลแล้วค่ะ

"...คุณลูกชุบครับ ตกลงให้ผมพาผู้ใหญ่มาสู่ขอคุณนะ ผมอยากอยู่กับคุณใจจะขาดแล้ว เวลาที่คุณเหงาและคิดถึงบ้าน ผมจะพาคุณมาเอง เวลาที่คุณเหนื่อย คุณจะมีผมอีกคนที่ให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ คอยห่วงใยตลอดเวลา ให้ผมเป็น...สายน้ำแห่งชีวิตของคุณ...นะครับ ผมรักคุณ..."

กรี๊ดดดดด.....พระแม่คงคาช่วยด้วย มือฉันจะเอาไปวางไว้ตรงไหน ทำไมมันเกะกะนักนะ โอย สบตาเขาไม่ได้ ฉันเป็นอะไรไปแล้วนี่ โทรหาแม่ดีกว่าไหม อย่างน้อยพยาบาลทหารย่อมสามารถปฐมพยาบาลผู้ป่วยเฉียบพลันได้ดีก่อนถึงมือหมอ

"ว่าไง...คุณรักผมไหม?"

ฉันหายใจไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่นักตอนพยักหน้าเร็วๆ ไม่ใช่ไม่อยากพูด ก็คนมันป่วย เสียงหายคอแห้ง แต่ดูเหมือนอีกคนจะสบายดีเข้าขั้นเกินพิกัด เขากำมือสองข้างถองไปข้างหลังอย่างคนสะใจ ก่อนกอดฉันแนบจมูกลงแก้มไวๆ หนึ่งทีแล้วรีบผละออกเหมือนโดนน้ำร้อนลวก

"ตายละหวา ลืมตัว บอกพ่อเขาว่าจะมาตกลงกับลูกสาวก่อนวันนัดผู้ใหญ่มา ดันเผลอไปหอมแก้มลูกสาวเขาเข้า ป่านนี้ไม่เตรียมลูกซองรอรับผมกลับขึ้นเรือนแล้วรึนี่"

"หา...บอกพ่อฉัน...อะไร ยังไง" เสียงแหบๆ ฉันพูดออกไป อายก็อาย แต่ใจหายวาบ

"ก็ผมคุยกับแม่กับยาย กับพ่อคุณไว้แล้ว นี่โทรนัดกับที่บ้านแล้วด้วย สั่งให้ไปหาฤกษ์หาอะไรกันเรียบร้อย เมื่อวานที่หายไปกับพ่อคุณก็ไปวัด ไปผูกดวงดูอีกที ก็คุยกันว่าเหลือแค่มาคุยกับคุณให้รู้เรื่อง..."

หา....

"ตอนแรกที่บ้านผมก็ตกใจ ว่าอะไรผมจะใจร้อนปานนี้ แต่ไม่เท่าไหร่ เขาน่าจะชินกันได้แล้ว ผมก็เป็นงี้แหล่ะ อีกอย่างผมไปเล่าสรรพคุณของคุณไว้แล้วตอนกลับบ้าน อ้อ...เอารูปคุณให้น้องสาวผมดูด้วย รายนั้นตื่นเต้นดีใจใหญ่ว่าเดี๋ยวคงได้พี่สะใภ้น่ารัก..."

ง่ะ...

"ฮึ ฮึ ยายคุณน่ารักนะ เชียร์ผมใหญ่ บอกอยากได้หลานเขยมานานแล้ว มีหลานเป็นผู้หญิงคนเดียวมันเหงา แถมยังกลัวคุณขึ้นคาน แม่คุณเลยไฟเขียวสว่างโร่...ที่ลงมาคุยกับคุณนี่ไม่รู้พ่อคุณส่องกล้องดูจากบนเรือนหรือเปล่า..."

อะ อะ อะ...

ตูม!

สิ้นเสียงขนมไทยตกน้ำก็มีเสียงตะโกนของพระเอกช่างภาพตามมา

"คุณลูกชุบ ถ้าคิดจะเขินอายก็โดดหานทีซีครับ อย่าโดดลงแม่น้ำ ผมตามไปช่วยไม่ได้"


*********************************************

<จบจริงๆ แล้วจ้า>

เพิ่มเติมค่ะ:
แกงจืดลูกรอก อ่านว่า แกง-จืด-ลูก-รอก อันนี้คนเขียนชอบมาก เมื่อก่อนตอนมีงานบุญที่บ้านย่า ชาวบ้านมักมาช่วยกันเฮโลทำกับข้าวกันเต็มชานบ้าน เป็นที่สนุกสนานมาก ไอ้เราก็เด็กในเมืองธรรมดา จะหยิบจะจับอะไรช่วยก็ดูเกะกะเงอะงะ สุดท้ายเลยนั่งดูน้าๆ ป้าๆ เขาทำกัน เพลินเด็กไปเลย ก็เขามีเรียกเด็กไปชิมด้วยนิ

แต่ที่ประทับใจสุดคือ แกงจืดลูกรอก เขาจะใช้ไส้หมูมาล้างๆ ให้สะอาดด้านใน ตอนกรอกไข่ลงไปนี่สุดยอด เขาเอาไข่มาตีๆ ให้เข้ากัน ปรุงรสนิดหน่อย จำไม่ได้แล้วว่าเขาใส่อะไรลงไปบ้าง ผูกปลายไส้ข้างหนึ่งแล้วกรอกไข่ลงไป โหย เท่ห์มากเลยอ่ะค่ะ ท่ากรอกไข่ คือต้องใช้ฝีมือจริงๆ เสร็จแล้วเขาเอาไปต้มทั้งไส้ แช่เย็นไว้ก่อนค่อยเอามาต้มแกงจืด ตัดเป็นชิ้นๆ ก่อนโยนลงหม้อ พอเสร็จปั๊บ หน้าตาลูกรอกตัดชิ้นต้มจะน่ารักมาก ขาวๆ กลมๆ แบนนิดๆ รูปร่างคล้ายหอยเชลล์ เพราะตรงกลางจะคอดเข้า ไส้หมูมันจะหดตัว ฟังดูเหมือนประหลาด แต่อร่อยเด็ด...อยากกินอีกจัง





คราวนี้ต้องปล่อยคุณนทีกับลูกชุบเขาไปสวีทกันสองคนจริงๆ เสียทีโดยไม่มีคนเขียนไปยุ่งกับชีวิตของเขาอีกต่อไป

แต่ว่า...คิดถึงแย่เลยอ่ะ ซิก ซิก


ไว้เจอกันใหม่ที่นิยายเรื่องหน้านะจ๊ะ บอกให้นิดนึงว่า นางเอกเธอ...เลอค่าอมตะ


บุญรักษาค่ะ




Create Date : 15 พฤษภาคม 2551
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:09:12 น. 7 comments
Counter : 545 Pageviews.

 
สนุกมากกกกกกค่ะ
อ่านไปขำไป ลูกชุบ นี่ ความรู้สึกช้า นะค่ะ


โดย: ไอรดา IP: 124.157.90.19 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:24:03 น.  

 
อ่านแล้วยิ้มหัวเราะมีความสุขเพลินดี แล้วจะรออ่านเรื่องใหม่นะคะ


โดย: AUY IP: 58.137.0.100 วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:53:15 น.  

 
จบได้สวยค่ะ
แล้วมีเรื่องใหม่ๆมาให้อ่านอีกนะ


โดย: dena IP: 203.155.149.89 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:12:46 น.  

 
และแล้วก็เข้ามาอ่านทั้งเรื่องจนจบอีิกรอบ
พิมพ์เมื่อไหร่บอกด้วยนะคะ จะซื้อแจกเพื่อนๆ
(ของตัวเองต้งอซื้อเก็บซักสองเล่มละมั้งนี่)


โดย: Mnemosyne IP: 128.103.10.241 วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:10:56:39 น.  

 
สนุกมากค่า อ่านไปหัวเราะไปเลย
ต้องไปตามอ่านเรื่องต่อไปแล้ว
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่องสนุกๆ ค่า


โดย: satorn IP: 125.25.24.176 วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:21:31:09 น.  

 
สนุกมากๆเลยค่ะ

>_<

แอบเอาเวลา ทวนหนังสือมาอ่าน ฮะๆ

แต่...คุ้มค่ะ


โดย: RuNz วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:5:03:45 น.  

 
คราวก่อนก็นมตราหมีรสน้ำผึ้ง....

คราวนี้ก็ต้มจืดลูกรอก... 555

ขอบคุณท่านแม่ที่ทำได้พอดีกับที่อ่านตอนนี้...บังเอิญจริ๊งงงงงง


นทีเนียนได้ใจจริง ๆ อ่านตอนนี้เเล้วซานึกถึงคน ๆ หนึ่งค่ะ ตอนพาไปเที่ยวบ้านพี่ท่านก็เนียนรู้จักคนทั้งตำบล...ออกแนว... ซานี่หัวเน่าแล้วเน่าอีก...555


โดย: ซา'เคียว (samurai_KYO ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:37:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.