|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์ ตอน3 มูลค่า คุณค่า และอารยะ
งานแต่งงานแบบลาวที่ฉันฝันไว้ว่าจะพิสดารพันลึกกว่าที่เคยๆ เห็นในไทยกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ลำเพยแก้ตัวเสียงแห้งๆ ว่าหลังๆ มานี้ชาวลาวรับวัฒนธรรมสมัยใหม่จากไทยมาเยอะเลยทำให้ประเพณีการแต่งงานแบบลาวดั้งเดิมค่อยๆ เหือดไปทุกที
"บางครั้ง...เวลาที่เราทำอะไรตามขนบธรรมเนียมและประเพณีแบบลาวดั้งเดิม คนเขามองกันว่าไม่พัฒนา ไม่มีอารยะ"
ลำเพยพรรณมณียังคงใช้ภาษาแบบสละสลวยงดงามตามฉบับภาษาไทยเป๊ะๆ เกือบปีที่คบกับพวกภาษาวิบัติอย่างพวกฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลำเพยได้เลย น่านับถือจริงๆ
"แล้วหากผมยังไหว้ผู้ใหญ่โดยก้มหัวจรดนิ้วชี้ที่ตรงระหว่างคิ้ว พูดจาลงหางเสียงว่าครับเรียกตัวเองว่าผม แบบนี้จะถูกคนไทยมองว่าไร้อารยะไหมนี่"
ตอนนี้นทีแปรสภาพช่างภาพอิสระมาเป็นช่างภาพงานแต่งของเพื่อนชาวลาวเราไปแล้วเพียงแค่จับความได้จากอวิกาว่าเราเดินทางมาร่วมงานแต่งของเพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่ง คนอะไรเปลี่ยนสีไวยังกะกิ้งก่า
สิ่งที่นทีพูดมาทำให้ลำเพยพรรณมณียิ้มแหยๆ อย่างน้อยเธอก็รู้จักการประชดที่คนไทยทำเก่งพอๆ กับต่อยมวย
และหากเราตั้งใจจะไปเสาะหาการแต่งงานแบบลาวแท้ๆ คงต้องเข้าป่าฝ่าดงไปดูกันเสียแล้ว หมู่บ้านเก่าๆ ไกลๆ อาจพอมี แค่นั้นยังไม่พอ คุณนที(ไม่มีชื่อเล่น) ยังบอกอีกว่าเขาเคยไปดูประเพณีการแต่งงานแบบลาวซ่งในภาคอีสานจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่จัดเป็นงานประจำปีเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาดู เราจะได้เห็นพิธีบวงสรวงบูชาผี เลยกลายเป็นว่าหากจะหางานประเพณีแต่งงานแบบลาวให้ไปดูที่ไทยนะเออ
หลังงานแต่งงานผ่านพ้นไปได้เพียงคืนเดียว ฉันก็มีอันต้องตาลีตาเหลือกเก็บผ้าผ่อนกลับก่อนกำหนดเพราะฉันเจอข้อความด่าทางอีเมล์อย่างน่าขนลุกขนพองทำนองว่าไฟล์ที่ส่งไปให้ทั่นบก.กลายเป็นภาษาขอม แถมน่าจะเป็นขอมโบราณถึงขั้นให้เซียนถอดรหัสคอมพิวเตอร์(ภาษาบ้านฉันเรียกแฮกเกอร์)แกะแล้วแกะอีกก็ไม่สามารถถอดรหัสได้ น่ากลัวจริงๆ ฉันจำได้ว่าเขียนบทความที่ว่านั่นตอนกลางดึกแบบเบลอๆ ชนิดว่าไม่รู้อะไรประทับร่างให้เขียนข้อความอะไรไปบ้าง หรือว่า...(ขนลุกซู่เลยฉัน)
ฉันและอวิกาได้รับการตอบแทนของการร่วมงานแต่งชาวลาว(ที่ลอกงานแต่งไทยไปทั้งดุ้น)ด้วยราชรถกระบะขายดีอันดับหนึ่งของประเทศไทยเพราะแห่ไปซื้อตามๆ กันและพลขับสัญชาติลาวที่มีชื่อเหมือนพระเอกวรรณคดีไทยแสนเจ้าชู้เป่าปี่จนมีเมียเป็นทั้งยักษ์และเงือกไปส่งเราถึงรอยต่อระหว่างประเทศเพื่อข้ามสะพานมิตรภาพกลับฝั่งไทย
สำหรับคนในประเทศลาว ใครที่มีบ้านมีรถเป็นของตัวเองนี่จัดได้ว่ามีฐานะดีเลยทีเดียวเพราะทุกอย่างต้องซื้อเงินสด ไม่มีระบบเงินผ่อน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นแค่คนสองประเภทที่นี่ จนแสนจน กับรวยแสนรวย ลำเพยพรรณมณีกับครอบครัวเป็นอย่างหลัง
ก่อนออกจากพี่พัก นทีได้ฝากนามบัตรของตัวเองไว้ให้ฉันพร้อมทั้งบังคับเอาเบอร์มือถือ เบอร์ร้าน เบอร์บ้าน กับอีเมล์แอดเดรสฉันไปได้อย่างนุ่มนวลรวดเร็ว จะบอกว่าบังคับไปก็อาจไม่ถูกเท่าไร เพราะฉันเตรียมใส่พานไว้เรียบร้อยแล้วเหลือแค่รอยักท่าแต่พองามแค่นั้นเอง อวิกามาบ่นด่าฉันทีหลังว่าเล่นตัวน้อยไป ส่วนมันเลิกสนใจนทีตั้งแต่รู้ว่าเขามีรายได้ต่อปีก่อนหักภาษีไม่ถึงหกแสนบาทแล้ว 'เงินคือปัจจัยพิเศษและออพชั่นนอลสำหรับบางคนแต่สำหรับฉันมันคือคุณสมบัติข้อแรกในประกาศรับสมัครย่ะ'
ดีนะที่ฉันเข้าอกเข้าใจในความเป็น'เพชร'ของมัน ตอนนี้เลยรู้สึกเฉยๆ กับคำพูดน่าตบหน้าหันของมันไปเสียแล้ว
ชีวิตฉันเกือบเข้าที่แล้วหลังจากที่ใช้เวลาสองวันเต็มในการเขียนบทความใหม่หมดก่อนถึงเดธเดทไลน์ (Death date line) ตามที่บก.คนสวย (สวยสยองสองพันปี!) ก่นด่าให้ฟังตามสายโทรศัพท์ทุกๆ สองชั่วโมงไม่ขาดตกบกพร่อง การตามงานเหมือนมีผีเกาะหลังนั่นทำให้เวลาเขียนแรกเริ่มเพียงหนึ่งคืนขยายออกเป็นสองวันที่ต้องนั่งหัวฟูหูแฟบอยู่หน้า laptop เหลี่ยมๆ ทิ้งลูกทิ้งผัว เอ้อ...ไม่ใช่ ฉันยังไม่มีผัว (ถึงจะอยากก็เหอะ) ทิ้งลูกน้ำตาลขนนุ่ม ขี้อ้อน น่ารักให้กินอาหารเม็ดสอดไส้ปลาทูน่าซองม่วงที่เทใส่ชามข้าวทิ้งไว้แบบกินสามวันไม่หมดเพียงลำพัง
วันนี้ฉันจะนอนทำลายสถิติโลก กินเนสบุ๊คมีบันทึกรึเปล่าไม่สน แต่สถิติโลกส่วนตัวของฉันนี่แหล่ะที่จะถูกทำลาย สมัยเรียนหลังสอบเสร็จฉันเคยนอนเลยเวลาตื่นไปสองรอบนาฬิกาและที่ตื่นมาเพราะรูมเมทมันมาปลุกด้วยความเป็นห่วงเป็นใย 'กลัวนอนไหลตายคาห้องเป็นผีมาหลอกกันทีหลังว่ะ'
แต่ยังไม่ทันน็อครอบดีโทรศัพท์บ้านที่รักก็กรีดร้องโหยหวนชวนเผาทิ้งขึ้นมา
"เวรตะไลเอ๊ย..." ฉันลืมตัวตะโกนด่าลั่นบ้าน ด่าตัวเองที่ไม่รู้จักดึงสายโทรศัพท์ออกเสีย อุตส่าห์ปิดมือถือแล้วนะ
"ทายสิใครเอ่ย" เสียงฝั่งขะโน้นดังมาก่อนฉันอาโหลอีก "พ่อไอ้ตุ้ม" "..." "ไอ้ตุ้มไม่อยู่ มีไรให้ฝากไว้" "เอ่อ...ผมนทีครับ ไม่ทราบว่าโทรผิดหรือเปล่า แต่ผมขอสายคุณรวิชา...ลูกชุบน่ะครับ"
...เอ๋อ...ฉันเอ๋อไปชั่วขณะ ปรับสภาพสมองให้กลับสู่พื้นโลกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
"ง่า...ฮัลโหล...เอ้อ...เดี๋ยวผมลองโทรอีกทีดีกว่าครับ"
"รวิชาพูดค่ะ" รีบสวนก่อนอีกฝ่ายวางสาย อาการกวนส้นอวัยวะของฉันยามงัวเงียหงุดหงิดหายไปสิ้น ตกใจตัวเองเล็กน้อยที่ง่วงจนประสาทหลอน เกิดคนโทรมาเป็นรองผบ.มิต้องไปนอนซังเตฐานหมิ่นเจ้าหน้าที่หรือนี่
"เอ่อ...คุณลูกชุบมีปัญหาอะไรรึเปล่าครับ ไม่รบกวนใช่ไหมนี่"
รบกวนโครตๆ เลยค่ะ "ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไร กลับมาแล้วหรือ(เว้ย)คะ" พูดออกไปตามความคิดมันไม่งาม ท่องไว้ วาจาน่ารัก วาจาน่ารัก
"ครับ มีของฝากจากลาวมาให้ด้วย เป็นผ้าทอที่ตัดเป็นผ้าซิ่นสำเร็จสีเขียว ตัดแดง ขลิบขาว ล้าวลาว แล้วยังมีกระเป๋าย่ามสะพายลายแปลกพิกล เหมาะกับคุณมากๆ" หมายความว่ายังไงคะ "เอ๊ะ แต่คุณคงไม่อยากได้หรอก เพิ่งมาจากลาวเหมือนกัน งั้นผมเอาไปให้คนอื่นดีกว่า ตกลงตามนั้นนะครับ"
ถึงอยากได้ใจจะขาดแล้วฉันจะไปแทรกตรงไหนล่ะคะท่านผู้ชม พูดเองเออเองเรียบร้อย
"จริงๆ แล้วผมจะชวนคุณมาดูรูปที่ถ่ายที่ลาว เยอะแยะเลยครับกะว่าจะเลือกไปขยายใส่กรอบใหญ่ๆ ให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวสักรูป เลยจะให้คุณมาช่วยเลือก อ๊ะ มีรูปคุณด้วยนะ สวยไม่น่าเชื่อ คุณถ่ายรูปขึ้นนะนี่" เอ่อ นั่นคำชมใช่ไหม
"บอกไปก็ไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าผมรอที่ร้านคุณนี่แหล่ะ มายืนอยู่พักแล้วท่าทางจะไม่มาเปิดร้านสักทีเลยต้องโทรมาบ้านเนี่ย แล้วมือถือปิดทำไมล่ะครับ มันผิดจุดประสงค์การพกพารู้ไหม มีมือถือแต่ไม่เปิดเหมือนพกสากกะเบือนา อ่ะ...มีสายซ้อน คุณไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหม งั้นสรุปว่าบ่ายสองเจอกันครับ" อ่า...วางสายไปเสียแล้ว ทำไมรอบตัวฉันถึงมีแต่คนแบบนี้นะ จะมาจะไปไวกันเหลื๊อเกิน ชดเชยความเอื่อยเฉื่อยฉันหรืออย่างไรกัน .....................................................
สิ่งที่นทีเคยคุยโวไว้ที่ลาวเป็นความจริงอย่างเขาว่า ฝีมือการถ่ายภาพเขาไม่ใช่ขี้ๆ แต่ละภาพที่ถ่ายออกมาดูสวยทั้งๆ ที่ยังเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่รู้ทำได้ไงสิน่า ขนาดภาพฉันตอนเหวอๆ อ้าปากงับข้าวเหนียวจิ้มอ่อมลาวยังดูดีเหลือเชื่ออย่างว่าจริงๆ
"คุณนี่...น่าทึ่งนะ" หาคำชมมาไม่ไหวจริงๆ เหนือคำบรรยาย
"แหม อย่าว่างั้นงี้เลยนะ แต่ว่าอาการอึ้ง ตะลึงงันแบบคุณไม่ใช่คนแรกหรอก หลายคนไม่เชื่อน้ำยาพอผมท้าให้จ้างไปสักงานออกมาชมกันไม่ขาดปาก" อ้อ...คนคนนี้รับงานจากการท้าทาย
เขาเอาภาพทั้งหมดจากกล้องโหลดลงทัมป์ไดรฟ์ (Thumb Drive) และถือมาอาศัยคอมพิวเตอร์โน้ตบุคของฉันเปิดดูด้วยรู้ว่าฉันมีมันอยู่ในครอบครอง (แอบได้ยินตอนฉันคุยกับลำเพยเรื่องงานตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไปร่วมงานแต่งที่ลาว) เวลาที่ไล่ดูทีละภาพเขาก็บรรยายมันทุกภาพ ใส่อารมณ์ความรู้สึกในทุกๆ ชอตจนฉันชักเคลิ้มๆ เหมือนดูละครศิลป์ตามโรงละครแห่งชาติ
สองชั่วโมงผ่านไปที่ไม่มีความเงียบสักนาที ช่างภาพอิสระที่ปฏิเสธค่าตัวงานนี้ก็เสียงแห้งร้องขอน้ำ แน่ละ พูดจ้อเป็นต่อยหอยเม่นจนฉันเกือบสัปหงกไปหลายทีขนาดนี้
ไม่เกินครึ่งนาที เครื่องดื่มอัดลมน้ำดำปราศจากน้ำตาลเย็นเยียบน้ำแข็งเกาะจากตู้เย็นที่ปิดตายมาหลายวันก็ถูกเสิร์ฟให้หนุ่มหล่อคอแห้งอย่างไม่มีพิธีรีตอง (เปิดฝาเสียบหลอดส่งๆ ไป)
"ตกลงรูปไหนดีครับ" ถามไปดูดไป โอ้...น่าทึ่งสามารถดูดได้พร้อมๆ กับทำอย่างอื่น
"หา...เอ่อ...ไม่รู้สิคะ สวยไปหมด เลือกไม่ถูก" ฉันรับลูกที่เขาโยนมาไม่ทันสักเท่าไร เพลินมองหน้าตอนเขาเล่ามากกว่า ไอ้รูปก็ไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่หรอก
"อ้าว แล้วกัน... คุณลองดูดีๆ อีกทีสิ รูปไหนที่มันจะทำให้คุณค่ามันสูงขึ้นอีก"
คุณค่าสูงขึ้นอีก? ทำไมคนคนนี้ชอบพูดอะไรเข้าใจยากนักนะ หรือพวกติสท์มันมีหลายประเภท ติสท์ไหลเรื่อยเป็นก๊าซเฉื่อยอย่างฉันล่ะเข้าไม่ถึงพวกติสท์ไฮเปอร์อย่างเขาเลยจริงๆ
"บอกตรงๆ ฉันไม่ถนัดเรื่องภาพถ่ายเท่าไหร่ รู้แค่ว่าภาพวาดที่ฉันขายแพงๆ มันคือภาพที่ฉันใช้เวลานานที่สุด มีความสุขที่สุดเวลาวาด อิ่มเอิบที่สุดเวลาจ้องมอง แต่ภาพถ่าย...กดทีเดียวออกมาเป็นรูป ขอโทษนะคะ ฉันแยกความแตกต่างไม่ออกจริงๆ"
"..." เขานิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
"อย่างกรณีรูปที่จะให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวนี่ ฉันว่าเลือกรูปแสงสวยๆ ภาพสองคนชัดๆ ขยายแล้วไปใส่กรอบที่ร้านดีไซน์หรูๆ โดดเด้ง สักร้าน นั่นน่าจะเพิ่มคุณค่ามันได้แล้ว หรือคุณว่าไง"
"คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงตัดใจจากแฟนเก่าที่ขอเลิกกับผมไปได้"
อ้าว เฮ้ย...ผ่ามาผิดประเด็นงี้ใครไปรับทัน ฉันตกใจ (อู้ววว...ยังโสด)
"เธอเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยมูลค่า สวย ฐานะดี การงานดี มีชื่อเสียงใหญ่โตทางสังคม..." คุ้นๆ แฮะเหมือนรู้จักคนประเภทนี้ "แต่เธอไม่รู้จักคุณค่า...เธอตีทุกอย่างเป็นมูลค่า และผมก็ด้อยมูลค่าเหลือเกินสำหรับเธอ" อ้อ...หลุดรอดไป คนที่ฉันรู้จักดีไม่เข้าข่ายนี้ เพื่อนรักฉันมองเห็นคุณค่าของมนุษย์เสมอ (แต่จะรับมาใส่ใจไหมนั่นอีกเรื่องนึง)
"และนั่น ผมถึงได้รู้ตัวว่าผมคบกับเธอมาตลอดเพราะผมเองก็มองแต่มูลค่าของเธอ ไม่ได้มองคุณค่าทางจิตใจ เพราะคนที่มีคุณค่ากับผมไม่จำเป็นต้องสวย รวย หรูเริ่ด แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ รับฟังผมได้ในทุกเรื่อง..." หืม...จ้องตาฉันทำไม อย่าทำงั้นสิ ใจไม่ค่อยดีนะนี่
"สรุปแล้วผมโหวตรูปนี้"
เอ๊า...นึกจะเปลี่ยนเรื่องก็เปลี่ยน ความจริงฉันก็น่าจะชินได้สักที พี่เขามามุขนี้ตลอด
"ถึงจะไม่ใช่แค่คนสองคนในรูป แต่รูปคนอื่นๆ ที่ติดกล้องมามีแววตาสีหน้าเหมือนกันหมด นี่ล่ะ คุณค่าที่ผมคิดว่าใช่" ฉันยังนั่งงงๆ อยู่กับคุณค่าในรูปที่เขาว่า และคงนั่งมึนตึ๊บอยู่อีกนานหากโทรศัพท์เขาไม่ดังตัดความเอ๋อ(ของฉัน)ขึ้นมาเสียก่อน
คุณนทีเดินกลับมาในร้านอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยปากขอตัวเพราะลูกค้าที่นัดไว้มาถึงแล้ว อ้อ...ฉันยังไม่ได้บอกว่าร้านฉัน(ไอ้ที่เปิดมั่งไม่เปิดมั่งแล้วแต่อารมณ์เจ้าของมัน) อยู่ข้างๆ ห้างใหญ่ เขานัดลูกค้าไว้ที่ร้านกาแฟในห้างที่ว่า รีบจัดแจงเซฟไฟล์รูปภาพทั้งหมดในทัมป์ไดรฟ์ลงเครื่องพร้อมเปิดโฟลเดอร์ตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ
ก่อนไปเขายังยื่นหน้ามาฝากฝังอีก "โทษที พอดีผมรีบเลยยังไม่ได้ไรท์ใส่แผ่นซีดีให้ ในนั้นมีไฟล์วีดีโอสั้นๆ ด้วย ถ้าให้ดีไรท์ใส่ดีวีดีให้ลำเพยพรรณมณีไปดีกว่า ส่วนรูปที่ผมจะขยายให้เป็นของขวัญ พรุ่งนี้จะเอามาให้ที่ร้านนี้อีกทีเวลาเดิม เอารูปนั้นล่ะ...ส่วนกรอบรูปไม่ต้องไปหาที่อื่นเลย ของในร้านคุณมีเยอะแยะ ทำเอาจากความคิดคุณนั่นแหล่ะ ถึงอาจจะไม่ไหลตามคนอื่นเขา ไม่ซ้ำรอยใคร แต่ว่ามันไม่ไร้อารยะหรอกครับ " ผลุบออกไปได้ไม่ทันกระพริบตาก็แหลมหน้ามาอีกที
"อย่าลืมมาเปิดร้านนะครับ แล้วเจอกัน" เอ่อ...พัดไปแล้วลมบ้าหมูขนาดย่อม โชคดีที่ตอนนี้ทอร์นาโดอย่างอวิกาไปปรากฏตัวในงานเพื่อสังคมกับแม่ที่เจ้าตัวมันบ่นชะมัดว่าเมื่อยปั้นหน้า ไม่อย่างนั้นมันคงมาพัดผสมกันให้ฉันหัวหมุนหนักกว่าเดิม
รูปที่มีคุณค่าเหรอ...ฉันพิจารณารูปที่ว่านั่นอีกที เจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนอยู่ค่อนไปทางขวาของภาพ จะว่าจัดตำแหน่งอยู่ตรงกลางสวยงามหรือก็เปล่า มือเจ้าบ่าวจับข้อมือเจ้าสาวข้างหนึ่งไว้ขณะที่เจ้าสาวกำลังจะก้มตัวไปจับชายผ้านุ่งให้เข้าที่ด้วยมืออีกข้างดูหน้าตายิ้มแย้มเสียเหลือเกิน เด็กแก้มแดงตัวเล็กๆ สองคนใส่ชุดเลียนแบบเจ้าบ่าวทำท่าจะตรงเข้าไปช่วยจัดผ้านุ่งท่าทางสนุกสนาน ส่วนทางฝ่ายเจ้าบ่าวก็มองดูเจ้าสาวของตนอย่างเอ็นดู ด้านหลังมีพ่อเจ้าสาวกำลังลูบไหล่ลูบหลังแม่เจ้าสาวที่อ่อนไหวกับงานจนน้ำตาคลอทั้งๆ ที่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ฉันไม่รู้ตัวนักขณะที่ค่อยๆ ยิ้มออกมาทีละน้อยจนกลายเป็นยิ้มแฉ่ง เข้าใจในทุกอย่างที่นทีพยายามสื่อออกมาแล้ว คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม ไม่จำเป็นต้องจับเจ้าบ่าวเจ้าสาวมายืนกลางรูปตระกองกอดทำท่าว่ารักกันหนักหนาอย่างที่ใครๆ เขานิยมทำกันอย่าง'มีอารยะ' ถึงตอนนี้เหมือนหัวตามันร้อนๆ น้ำตามันชักจะคลอๆ ตามภาพถ่ายที่ประทับใจฉันเหลือเกิน
โอย...ประทับใจทั้งภาพถ่ายทั้งคนถ่ายเลยฉัน
ความรู้สึกนั่นปลุกใจให้ฉันฮึกเหิม พรุ่งนี้จะรีบแหกขี้หูขี้ตามาเปิดร้านแต่เช้าเลยเชียว ตอนนี้คิดแบบกรอบรูปไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน กรอบรูปที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าเหมาะสมกับภาพถ่ายที่มีคุณค่าแต่ประเมินมูลค่ามิได้...
ปล. ตอนค่ำนทีโทรมาหาฉันเพื่อถามคำถามเดียว "ตุ้มเป็นใครเหรอครับ?"
................................. <จบตอน3>
Create Date : 26 เมษายน 2551 |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:10:11 น. |
|
7 comments
|
Counter : 515 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พี่เฮฮา (พี่เฮฮา ) วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:0:28:25 น. |
|
|
|
โดย: แมง IP: 118.173.239.100 วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:3:27:35 น. |
|
|
|
โดย: BestChild วันที่: 28 เมษายน 2551 เวลา:12:19:58 น. |
|
|
|
โดย: OMG IP: 79.77.223.3 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:55:19 น. |
|
|
|
โดย: RuNz (RuNz ) วันที่: 7 ธันวาคม 2551 เวลา:3:21:56 น. |
|
|
|
โดย: โก้ IP: 61.90.91.218 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:22:07:59 น. |
|
|
|
โดย: ซา'เคียว (samurai_KYO ) วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:26:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ชลบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!
~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~
ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย
ShoutMix chat widget
BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009 BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010
|
|
|
|
|
|
|