|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Matchless รถใหญ่ ของพ่อ
ไม่รู้ด้วยความว่างที่ทำให้ฟุ้งซ่านหรือด้วยเรื่องของวัยที่โกยลิ่วไปไม่รอจิตใจแบ๊วๆ ของฉันถึงทำให้ช่วงนี้ฉันมักจะรื้อฟื้นอะไรเก่าๆ มารำลึกตลอดเวลา หรือเพราะวันนี้วันเด็กก็ไม่รู้ อารมณ์ย้อนอดีตเยาว์วัยเลยกระตุ้นต่อม
เรื่องคือ เมื่อวานนี้ได้คุยกับพี่คนหนึ่งเรื่องของรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ หลายครั้งฉันเรียกบิ๊กไบค์ (Big bike) ก็เลยได้ลามปามยาวไปถึงเรื่องในอดีตอีกแล้ว (แก่จริงกู) อันที่จริงฉันก็พร่ำเพ้อพรรณนาถึงบิ๊กไบค์อยู่เนืองๆ โผล่มาหลายทีในเรื่องสั้นต่างๆ อยู่พอสมควร ด้วยความชอบส่วนตัว มันเป็นอะไรที่โคตรจะใช่เอามากๆ คือ ใช่อะไรก็ตามที่ดูแล้วฉันจะไม่สามารถไปขึ้นคร่อมและควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้ แล้วแล่นฉิวไปให้รู้สึกเท่และบาดลูกกะตาผู้ที่บังเอิญพบเห็น
ก็แมงกะไบค์ธรรมดาที่วัยรุ่นเขาขี่กันร่าผ่าเมืองฉันยังขี่ไม่เป็นเลย
ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัด (อย่างที่ชาวกรุงเทพฯ เขาเรียกกัน) ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น และมันก็สร้างอาการประหลาดใจให้ใครหลายคน บางคนเบิ่งตาทำท่าเสมือนประหลาดใจเสียเต็มประดาเมื่อรู้ว่า เด็กต่างจังหวัด อย่างฉันไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ ฉันก็เลยย้อนถามกลับไปมั่งว่า ทำไมเด็กต่างจังหวัดจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์
ในความเข้าใจของหลายคน พาหนะสองล้อห้อปร๊าด ปรู๊ด บางทีก็แป่ดๆ รำคาญรูหูที่เห็นกันทั่วไปนี่เปรียบเสมือนของคู่เรือนของชาวต่างจังหวัด ข้อแรกคือ การเดินทางตามต่างจังหวัดไม่ได้เปิดเป็นเซเว่นอีเลฟเว่นโอเพ่นยี่สิบสี่ชั่วโมง จะไปไหนก็ต้องร่อนไปด้วยสองล้อเครื่อง เพราะสะดวกและราคาถูกกว่ารถสี่ล้อยัดเครื่องใต้กระโปรงมากนัก หากเป็นคนในกรุงเทพฯ ถ้าบ้านรวยพ่อถูกหวยทุกงวดก็จะมีสตางค์ให้ลูกไปเป็นค่าแท็กซี่กลับบ้านหลังจากหนีเที่ยวกลางคืน หากอายุครบสิบแปดมีใบขับขี่ ก็จะหนีเที่ยวได้ด้วยรถยนต์ที่พ่อมันซื้อให้อีกเช่นกัน แต่หากที่บ้านสอนลูกให้ประหยัดมัธยัสถ์และรู้จักเก็บเงินซื้อรถยนต์ด้วยตัวเอง หรือเอาง่ายๆ ว่าไม่มีตังค์ซื้อรถให้ลูกขับ ลูกก็จะมีสตางค์จ่ายค่าตั๋วรถไฟฟ้า หรือว่าโหนรถเมล์ประเทศไทยอย่างใดอย่างหนึ่ง
บังเอิญต่างจังหวัดไม่มีควายโดยสารประจำเส้นทางให้ใช้บริการกัน และบ้านฉันก็ไม่มีมอเตอร์ไซค์ให้ขี่
สมัยสาวๆ ฉันจะเดินออกจากซอยและไปโบกรถสองแถวเวลาจะออกจากบ้านไปไหน ถ้าไปที่ที่ไม่มีรถโดยสาร ก็จะอาศัยให้พ่อขับกระบะไปส่ง และแน่นอน ยามวิกาลฉันไม่เคยออกจากบ้านไปไหนที่ไม่ได้ไปกับพ่อ
หยุดเรื่องที่ว่าทำไมฉันถึงได้เป็นเด็กติดบ้านปานนั้นเอาไว้ก่อน แต่กลับมาที่เรื่องมอเตอร์ไซค์ดีกว่า ถึงฉันจะไม่ใช่สิงห์นักบิด เด็กแว๊นซ์ หรือสก๊อยวัยกระเตาะมาก่อนจะแก่แฮ่ดแบบทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์มาก่อน
ตอนฉันเด็กๆ หมายถึงตอนเป็นเด็กน้อยต้อยตีวิด สมัยเรียนยังไม่เข้าเรียนเลยโน่นแหละฉันเคยได้นั่งบนถังน้ำมันของรถมอเตอร์ไซค์คันแรกของพ่อที่พ่อซื้อมาได้ด้วยเงินเดือนพลทหารหลายเดือนรวมกัน
Matchless เป็นยี่ห้อมอเตอร์ไซค์ห้าร้อยซีซีมีตัวอักษรปะข้างตัวถังว่า Made in London ที่พ่อได้มาจากนายทหารในราคาต่ำสุดๆ ก่อนที่พ่อจะปลดประจำการ ตอนนั้นพ่อบอกว่า เงินเดือนพ่อเดือนละสี่ร้อยกว่าบาท แล้วพ่อก็เห็นนายทหารคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์คันนี้ประจำ จนกระทั่งเพื่อนพ่อคนหนึ่งเอาไปขี่ให้เห็น พ่อเลยกลับมาถามนายหทารว่ารถแกไม่ใช้แล้วหรือถึงเห็นคนอื่นเอาไปขี่
สุดท้ายพ่อเลยขอซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้ต่อด้วยเงินเดือนที่เหลือทั้งหมดในช่วงที่จะต้องประจำการ ศิริรวมแล้วประมาณสามพันกว่าบาท เพียงเพราะรถมันเก่าแล้วและสภาพการขับขี่ไม่ดีเหมือนเดิม นายทหารคนนี้เลยขายต่อให้
มันกลายเป็นมอเตอร์ไซค์ที่พ่อต้องเอาไปให้อาซ่อมที่จังหวัดน่านแถวบ้านอาสะใภ้ แล้วไว้ให้อาใช้งานอยู่พักหนึ่ง เพราะพ่อตั้งใจจะเอาไว้ใช้งานหลังปลดประจำการทหารแล้วนั่นเอง แถมมันยังเป็นรถที่พ่อขับพาแม่ซ้อนตอนรับรถกลับมาจากน่านสู่บ้านแม่ที่ลำปางตอนที่เพิ่งคบกันเป็นแฟนเสียด้วย แม่ยังบอกเลยว่า เสียวหัวเข่าเวลาพ่อเข้าโค้งบนเขาบนเส้นทางระหว่างน่านถึงลำปาง
มาลองนั่งนึกภาพแม่โพกผ้าใส่แว่นตากันแดดอันโตๆ กับแจ็คเก็ตซ้อนท้ายพ่อแล้วขำดี เสียดายที่ตอนนั้นไม่มีรูปถ่ายแม่กับพ่อเก็บไว้บ้างเลย มีแต่คำบอกเล่าเท่านั้น
รถคันนั้นมีอายุการใช้งานยาวนานหลายปีทีเดียว พ่อได้มาตอนเป็นพลทหาร จนออกมาทำงานเป็นช่างสำรวจของกรมชลประทาน จนได้พบแม่ และจนกระทั่งกลายมาเป็นครอบครัวที่มีพ่อเป็นคนขับ ลูกชายซ้อนท้ายกอดเอวพ่อ โดยมีแม่นั่งประกบด้านหลังอีกที และมีลูกสาวนั่งอยู่ตรงถังน้ำมันรถด้านหน้า
ตอนที่ฉันได้เป็นผู้โดยสารกิตติมศักดิ์ (โทษฐานที่นั่งโต้ลมอยู่หน้าสุด) เป็นประจำ ในตอนนั้นฉันยังเด็กมากๆ มีเพียงความทรงจำรางๆ ที่ฉันสงสัยในความกลมแต่ไม่กลมจริงของฝาถัง ฉันจำภาพได้ตอนที่ตัวเองกำลังเอานิ้วแหย่ๆ จิ้มๆ ตรงฝาถังน้ำมันด้วยความสงสัยว่ามันคืออะไร แล้วมาแปะอยู่บนที่นั่งของฉันได้ยังไง คงแอบเคืองๆ ด้วยแหละ ว่าผิวมันเรียบของ ที่นั่งของฉัน มีอันต้องมาสะดุดเพราะฝาถังน้ำมันเนี่ย
ทั้งพ่อและแม่เล่าให้ฟังถึงพระเอกปีแปดศูนย์คันนี้ให้ฟังบ่อยๆ พ่อกับแม่เรียกชื่อไอ้เจ้า Matchless คันนี้ว่า รถใหญ่ เป็นชื่อที่บ้านเราใช้ขนานนามมัน แม่บอกว่า ครูที่โรงเรียนตอนสมัยเรียนชั้นอนุบาล ครูของพี่หรือครูของฉันก็ไม่รู้ เริ่มจะเลือนๆ ไปมั่งแล้ว คือ ครูที่โรงเรียนอนุบาลเขาจะพูดกับฉัน (หรือพี่ชายฉัน) ว่า คอปเตอร์มารับแล้ว ด้วยความที่เสียงเครื่องจะกระหึ่มมาก่อนตัวเสมอ เสียงเครื่องยนต์จะเป็นสัญลักษณ์การได้กลับบ้านของลูกบ้านนี้
ฉันจำได้ไม่มากหรอก ว่าเราเคยไปไหนมาไหนด้วย Matchless ห้าร้อยซีซีคันนี้บ้าง รู้แต่ว่ามันไม่ใช่พาหนะประจำครอบครัวอีกต่อไปเมื่อฉันเริ่มจำความได้
พ่อบอกว่า พ่อมีทั้งแม่และลูกอีกสองคน การให้ครอบครัวนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เดินทางไปไหนต่อไหนมันลำบากเกิน และหากเดินทางไกล พ่อกับแม่ต้องกระเตงลูกสาวลูกชายที่อายุห่างกันแค่ปีเดียวขึ้นรถไฟชั้นสาม แล้วรถไฟไทยสมัยนั้น ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง เด็กเล็กๆ อย่างฉันกับพี่ถึงจะเลี้ยงง่ายแค่ไหนก็ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง
รถกระบะคันเล็กยี่ห้อ DATSAN สีน้ำตาลแดงมือสองที่พ่อได้มาจากอู่ในราคาห้าหมื่นบาทถูกแทนที่เจ้า รถใหญ่ ของบ้านตอนที่ฉันเข้าเรียนอนุบาลหนึ่ง เจ้ารถใหญ่ใช้มานานแล้ว สภาพก็ไม่ค่อยดีขี่ก็ไม่ค่อยปลอดภัย เลยกลายเป็นเหล็กกองใหญ่ที่คลุมไว้ด้วยผ้าอีกนานหลายปี จนกระทั่งมันถูกขายต่อให้อาของฉันในวันที่บ้านเราไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์อะไรอีกต่อไป
เราย้ายบ้านในสี่ปีให้หลังจากที่พี่ชายฉันเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนที่เราย้ายบ้านจากบ้านเช่าหลังแรกไปหาบ้านเช่าหลังใหม่ ตอนนั้นฉันเพิ่งขึ้นประถมชั้นปีที่ห้า เจ้ารถใหญ่ก็ไม่ได้อยู่กับเราให้ต้องย้ายตามไปด้วยอีกแล้ว ฉันจำไม่ได้ว่าขายรถใหญ่ไปตอนไหน จำได้เพียงว่า ภาพรถใหญ่ที่ฉันจำได้ครั้งสุดท้าย มันอยู่ใต้ผ้าคลุมเก่าๆ ในโรงรถที่บ้านเช่าหลังเก่าแล้วมันก็ไม่ได้ผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำของฉันอีกเลย
ตอนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ฉันมีโอกาสได้ไปเยี่ยมอาที่จังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วก็คงไม่แปลกที่ฉันจำมันไม่ได้ในทีแรกที่เห็น จนกระทั่งพ่อบอกนั่นแหละว่าจำได้ไหม นี่คือ รถใหญ่ ของพ่อ มันอยู่ที่บ้านของอาในรูปแบบที่ถูกขัดสีฉวีวรรณตามที่พ่อบอก มันถูกใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมและเปลี่ยนอะไหล่หายากบางชิ้น ลูกชายของอาเป็นคนหาอะไหล่และเอาไปเปลี่ยน แต่ในเรื่องการใช้งาน ลูกชายอาบอกว่ามันช่างไม่สะดวก แม้แต่ตอนที่เขาสตาร์ทโชว์ยังดูออกจะยักแย่ยักยัน และเสียเหงื่อกับปวดกล้ามเนื้อกันไปไม่น้อยกว่าจะมีเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่สปาร์คจนติด
ตอนนั้นฉันมองว่า มันเป็นรถที่ไม่ได้ใหญ่อย่างที่ฉันจำได้ตอนเด็กๆ เลยแฮะ แต่ที่แน่นอนอยู่อย่างหนึ่ง เป็นรถที่เท่มากๆ ฉันคิดแบบนั้นจริงๆ
รถใหญ่ของพ่อ อยู่ที่บ้านอาได้ไม่นานหลังจากที่ฉันเห็นครั้งสุดท้าย มันถูกขายต่อให้คนอื่นที่ขอซื้อ เมื่อลูกชายสองคนของอาไม่เห็นว่าการขี่เจ้ารถใหญ่จะทำให้เกิดประโยช์อะไร เท่าที่ฉันรู้มาจากการบอกเล่าของพ่อเมื่อคืนนี้ รถถูกขายต่อไปให้คนรู้จักที่จังหวัดพิษณุโลก ก่อนที่เขาจะขายต่อไปอีกทีให้ใครสักคนที่ฉันคงไม่มีวันได้รู้ที่ไปของเจ้า รถใหญ่ คันนี้อีกต่อไป
ความรู้สึกที่มากมายในใจฉันมันบอกออกมาดังๆ ดังขนาดเป็นคำพูดที่ฉันพูดออกมากับพ่อเลยว่าถ้ามีโอกาสได้พบรถคันนี้อีกครั้ง ฉันจะซื้อมันกลับมา ราคาของมันจะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้หรอก แต่ราคาค่างวดทางจิตใจของมันสูงเหลือเกิน มันเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่พ่อได้เป็นเจ้าของเมื่อสมัยหนุ่มๆ เป็นสมบัติชิ้นแรกของพ่อที่อยู่คู่กันมาตั้งแต่ยังไม่เจอกับแม่ จนได้พบกับแม่ นำพามันมาสู่การเป็นครอบครัวของเรา และเราก็ปล่อยมันไป...
พ่อฉันไม่ได้พูดว่าอะไรตอนที่ฉันบอกออกมาอย่างนั้น พ่อแค่ยิ้มเฉยๆ แต่ฉันเชื่อสุดใจเลยว่า คนที่มีประสบการณ์และเรื่องราวร่วมกับเจ้ารถใหญ่มามากที่สุดก็คือพ่อนี่แหละ ถ้าจะมีใครสักคนต้องการพบเจ้ารถใหญ่อีกครั้งมากที่สุด ฉันเชื่อ ว่าคนนั้นคือพ่อของฉัน
เมื่อคืน เราสามคนพ่อแม่ลูกใช้เวลาพักใหญ่กับการรื้ออัลบั้มรูปเก่าๆ ในตู้เก็บมาเปิดออกหาว่ามีรูปของเจ้า รถใหญ่ นี่ไหม เรื่องคือฉันไม่สามารถจินตนาการถึงภาพในอดีตของมันออกมาได้ชัดเจนมากพอ แล้วพ่อก็ยังจำได้ว่า ครั้งหนึ่ง เคยถ่ายภาพมันไว้ที่หน้า อุทยานสวรรค์ สวนสาธารณะในจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดบ้านเกิดของฉันที่อาศัยมาตั้งแต่เล็กจนโตเป็นสาว
"ในรูป ผู้หญิงเสื้อแดงกระโปรงขาวคือแม่ฉันเอง ส่วนเด็กผู้ชายตัวน้อยก็คือพี่ชายของฉัน ตอนนั้นฉันยังไม่มาเกิดเลย ประมาณสองเดือนหลังจากถ่ายภาพนี้ แม่ก็ตั้งท้องฉันอีกคน"
แปลกดีที่ตัวแทนความทรงจำเก่าๆ กว่าสามสิบปียังถูกเก็บไว้อย่างดีในภาพถ่าย ถึงแม้เจ้ารถใหญ่ของพ่ออาจจะไม่ได้หลงเหลือเป็น เจ้ารถใหญ่ ในความทรงจำของฉัน มันอาจจะกลายเป็นชิ้นส่วนเก่าๆ หรืออาจจะเข้ากรุคลังสะสมของบ้านใครสักหลังไปแล้ว แต่เรื่องราวของมันทั้งหมดยังคงอยู่ และแน่นอน เด็กตัวน้อยที่เคยได้นั่งอยู่บนถังน้ำมันรถอย่างฉันก็ยังคงจำมันได้แม้เป็นเพียงเสี้ยวเล็กๆ ส่วนหนึ่งในอดีตวัยเด็กที่ผ่านมานานเหลือเกิน
ฉันยังจำฝาถังน้ำมันที่มีร่องนิ้วให้จับหมุนได้ง่าย และเป็นอะไรที่ฉันรู้สึกขัดใจเวลาขึ้นไปนั่งทุกครั้งถึงแม้ตอนนั้นฉันจะเด็กมาก จำได้แม้กระทั่งความร้อนผิวเนื้อเวลาที่ขึ้นไปนั่งหลังจากที่รถจอดตากแดดเอาไว้นานๆ
เราคิดถึงแกมากนะ เจ้า Matchless รถใหญ่ของพ่อ
"ความทรงจำสีจาง - ปาล์มมี่"
Create Date : 09 มกราคม 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2553 22:26:57 น. |
Counter : 3296 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พี่คนนั้น IP: 203.146.6.28 9 มกราคม 2553 21:46:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 11 มกราคม 2553 11:25:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) 16 มกราคม 2553 16:53:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตจว.เหมือนกัน IP: 203.185.68.138 1 กรกฎาคม 2553 14:53:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ชลบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!
~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~
ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย
ShoutMix chat widget
BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009 BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010
|
|
|
|
|
|
|
ไม่แพ้ฮาเลย์เลยแม้แต่นิดเดียว
สมชื่อของมัน "Matchless" (หาที่เปรียบไม่ได้)
ไปตามล่า..หา เจ้ารถใหญ่ของพ่อ คืนมา