Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
10 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 

สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์ ตอน5 เพราะฉันภาคภูมิใจ



ฉันกลับมาเยือน ณ แดนดินถิ่นไทยด้วยความอิ่มเอิบใจยิ่ง ได้หมดตัวภาระไปซะที งานการก็ไม่ได้ทำ ต้องคอยมาดูแลพาวัตถุเคลื่อนที่ไวไปป้อนข้าวป้อนน้ำ ห้ามวิ่งเล่น ห้ามบ้าพลังเดินตามคนพยายามทำงานอย่างฉัน

นี่มันคนอายุสามสิบหรือลิงเด็กป่วยกันแน่หือ?

โชคดีที่ตัวภาระหน้าหล่อยังรู้จักมีหิริโอตัปปะ ทดแทนคุณหลังจากสร้างบาปให้ฉันได้บุญคุ้มหัวที่ต้องเอาตัวไปดูแลคนเจ็บขาเดี้ยงด้วยเวรที่ตัวเองเป็นคนก่อจนเสียงานเสียการ เสียความตั้งใจที่จะไปซึมซับความเป็นลาวดั้งเดิมเพื่อกลับมาสรรค์สร้างงานศิลปะเพื่อ(เงิน)ชาวต่างชาติคนหนึ่ง คุณนทีต้องรื้อเอาภาพถ่ายที่ลาวเมื่อครั้งก่อนมาให้ฉันได้ยลทุกรูปเพื่อเสาะหาความเป็นลาวที่อาจสอดแทรกอยู่ในติ่งใดติ่งหนึ่งของรูปเหลี่ยมๆ

"ผมรับเล่ารายละเอียด สถานการณ์ สภาพแวดล้อมทุกอย่างให้คุณลูกชุบฟังแบบฟรีๆ ไม่มีชาร์จเลย ไม่ต้องกลัวเรื่องอารมณ์ของศิลปะว่าจะไม่เหมือนชมของจริง รับประกัน"

ฉันกลัวคุณมากกว่าค่ะ คุณนทีไม่มีหยุดพูดค๊า...

"ดีซะอีกสิครับ คุณจะได้เกิดความภาคภูมิใจในงานที่สร้างได้จากอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริง จากการคิดตามและสัมผัสด้วยใจ มากกว่าใช้การมองเห็นด้วยตา...มันน่าภูมิใจออก"

ความภาคภูมิใจของคุณมันดูเข้าข้างตัวเองยังไงชอบกล หากความภูมิใจของคนมันแอบสแทรก(Abstract) ขนาดนั้นล่ะก็ฉันขอสมัครเข้าพวกวัตถุนิยมอีกคนก็แล้วกัน ฉันเข้าไม่ถึงหรอก โชคดีที่พี่ฝรั่งแกติสท์มากพอมั่วบิวท์อารมณ์ไปกับวัตถุหน้าตาประหลาดขนาดฟุตครึ่งที่ฉันอธิบายว่าส่วนเว้าส่วนโค้งมันเป็นลาวยังไง โอย...เกือบไม่รอด

นี่ยังไม่เหมารวมเรื่องที่ทำให้ฉันเสื่อมเสียสถานภาพโสดไปอย่าง(ไม่)ตั้งใจอีกนะ ข่าวค(ร)าวฉาวโฉ่ระหว่างฉันกับคุณนทีที่พากันมั่วนิ่มเป็นสามีภรรยาในลาวกลับกำจรกำจายผ่านสายโทรศัพท์ได้ชัดแจ๋ว ขอบคุณวิทยาการทางการสื่อสารที่ล้ำหน้ามากนะคะ คิดดูเอาเถอะ ตอนขากลับมาอวิกามันโทรทักทายฉันทันทีที่เปิดเครื่องเหมือนมีเหยี่ยวข่าวคาบไปบอกมันตั้งแต่เครื่องแลนดิ้งที่ดอนเมือง

"เสียประตูให้ช่างภาพไปแล้วหรือไงหล่อน นี่ลำเพยเขาถึงกับโทรมาซักฉันตื่นเต้นยกใหญ่เลยนะว่าแกไปได้เสียกันตอนไหน"

หืม ปาก...จริงๆ นะเพื่อนฉัน เชื่อว่าคนน่ารักรู้จักใช้ภาษาไทยมากกว่าคนในชาติอย่างลำเพยพรรณมณีต้องใช้ภาษาสวยหรูดูดีมีสกุลกว่านั้นแน่ๆ แต่แม่นี่เล่นแปลมาตรงๆ ทำเอาสะเทือนไปถึงลิ้นปี่

"แหม...ฉันรู้น่าว่ามันไม่จริง แซวเล่นหรอก หน้าตารูปร่างอย่างหล่อนยั่วใครไม่ขึ้นหรอกน่า..." อือ...ขอบใจนะ "ที่โทรมานี่จะบอกว่ามีบัตรฟรีชมแฟชั่นโชว์การกุศลมาให้...ไปดูซะเลย ชั้นได้เดินชุดฟินาเล่ด้วยนะแก๊..."

และอื่นๆ อีกมากมายเท่าที่คนช่างประชดอย่างมันจะพ่นและเล่าออกมาได้ให้หน่ายหัวอก และมาตบท้ายด้วยประโยคน่าเสยปลายคางสักทีก่อนวางสายไป

"เดี๋ยวชั้นส่งตั๋วให้แกสองใบ ชวนสามีแกไปด้วยล่ะ"

.................................................................................

พอถึงวันงาน ฉันกับสามี เอ้อ...ไม่ใช่สิ ฉันกับคุณนทีก็พากันทำตัวขวางโลกเดินลงจากแท๊กซี่สีม่วงสดเข้างานไปท่ามกลางสายตาบรรดาไฮโซราตรียาวรองเท้าแหลมเปี้ยบที่ควงคู่กันมากับหนุ่มน้อยใหญ่ในสูทราคาแพงทำให้ต้องก้มลงมองตัวเองจากเท้าขึ้นมาจดตัว ไปหัวไม่ได้...มันไม่เห็น ก็ไม่เห็นจะเลวร้ายตรงไหน นี่ชุดออกงานฉันเลยนะนี่ รองเท้าสานป่านปอสุดเดิ้น กระโปรงยาวลายผ้าไทยป้ายหน้าป้ายหลังแถมกระพรวนแมวประดับตามขอบเอวที่พับป้ายลงมาออกน่ารัก เสื้อสายเดี่ยวตัวสั้นผ้าฝ้ายคุ้มไทยออกเก๋ไก๋ขนาดนี้ แล้วฉันถึงกับลงทุนเข้าร้านให้เขาเกล้ามวยสวยเด้งเชียวนะนี่ ปักปิ่นที่ได้มาจากสาวลาวอีกที อู้ย...เป็นนางแบบแทนยัยเพชรยังได้

ชื่นชมตัวเองหนำใจก็หันไปสำรวจคนข้างๆ ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน แต่งตัวมาได้เข้ากับฉันจะตาย เสื้อคอปกผ้าฝ้ายเนื้อพลิ้ว สีขาวสะอาดตา ประดับด้วยผ้าทอตีนจกลายสวยพาดผ่านที่บ่าข้างหนึ่ง กางเกงผ้าไหมไทยสีเข้มนั่นก็ออกจะดูดี หล่อมีจรรยาบรรณ นี่ขนาดไม่ได้นัดกันแต่งตัวมานะ

"เอ่อ...เราเข้างานไปเขาจะไล่ออกมามั๊ยล่ะนี่" คุณนทีกระซิบกระซาบกับฉันท่าทางหวาดๆ

"ถ้าเป็นงั้นก็ไม่ต้องกลัวค่ะ อย่างน้อยคุณก็มีเพื่อนโดนไล่อีกคน"

มันใช่ความผิดฉันที่ไหน แค่ฉันโทรไปหาเขาบอกสั้นๆ ง่ายๆ ให้ไปเป็นเพื่อนฉันออกงานแฟชั่น 'ผ้าไทยปลายศตวรรษยี่สิบเอ็ด' เพราะบัตรมันเหลือหนึ่งใบ แค่เนี้ย เขาเองก็ดีใจหายรับคำฉับไวทันใจตั้งแต่ยังชวนไม่จบประโยค ในบัตรก็ไม่ได้ระบุไว้นี่นา ว่ามันจะเป็นงานใหญ่ หรูหราขนาดนี้

"เอาเถอะ...จะเป็นไรไป เพราะเราภาคภูมิใจในความเป็นไทย!" คุณนทีสร้างความฮึกเหิมให้เราทั้งสองก่อนเดินยืดอกเข้างานไปพร้อมบัตรเชิญ อ้อ...ขาเขาหายดีแล้ว เราเลยดูไม่น่าสมเพชเท่าไร

ปรากฏว่างานนี้ไม่มีใครโดนไล่ เจ้าหน้าที่ต้อนรับหน้างานแทบเปลี่ยนกิริยาอาการจากเหยียดบึ้งมาเป็นหมอบคลานแทบไม่ทันเมื่อได้เห็นบัตรเชิญขอบทองที่เพชรมันส่งมาให้เข้า ต้องยกประโยชน์ให้ความเด็ดดวงของ นางสาวอวิกา นางแบบชุดฟินาเล่ของคืนนี้ ที่มีความใหญ่ของนามสกุลและมีทุนหนาโปะค่าใช้จ่ายในงานไปไม่น้อยจนทำให้ฉันได้บัตรเชิญขอบทองแสดงความมี 'ระดับ' ของอภิมหาอมตะค่อดพ่อบัตรวีไอพี!

สาวสวยขนตางอนเช้งเดินยักย้ายร่ายรำนำเรามาถึงที่นั่งบริเวณด้านหน้าเกาะขอบเวที รู้สึกดี๊ดีเหมือนเป็นลูกท่านหลานเธอ ในเมื่อมีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตติสท์ๆ ปอนด์ๆ ได้มานั่งยืดคอเสมือนเป็นพญาหงส์กลางพงไพร

การเดินแฟชั่นยังไม่เริ่ม ตอนนี้ก็มีแต่ภาพฉายจากวีดีโอจอยักษ์ประกาศเกียรติคุณความงามของผ้าไทยและรางวัลทั้งหลายที่ดีไซเนอร์คู่บัดดี้ชื่อดังไปคว้ามาจากทั่วโลกจากการออกแบบชุดหลากสไตล์โดยเน้นใช้เฉพาะผ้าไทยพื้นเมืองล้วนๆ เล่นเอาฉันเพลินดูไปพอนาน สักพักคนข้างๆ ก็เริ่มยุกยิกเสมือนผีลิงตัวเก่าที่ลาวมาเข้าร่างอีกครั้ง ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถากคนอยู่ไม่สุข โทรศัพท์ฉันก็สั่นสะเทือน

"ยัยชุบ มาช่วยฉันหลังเวทีหน่อย เดินๆ เข้ามาเลยบอกเป็นเพื่อนอวิกา ใครหน้าไหนมันไม่ให้เข้ามาบอกฉัน" กรอกเสียงฮัลโหลไปไม่ทันจบลอลิงเพชรก็สวนกลับมารวดเร็วน้ำเสียงกระวนกระวายแปลกๆ ลางสังหรณ์ฉันชักไม่ค่อยดีแล้วสิ

ฉัยเลยต้องปล่อยคุณนทีนั่งทำหน้าเป๋อเหรออยู่ลำพัง อกคงแตกตายเลยมั้งนั่น กล้องก็ไม่ได้เอามาหาคนคุยด้วยก็ไม่ได้ ฮ่า ฮ่า สม...
...............................................................

ไม่เคยนึกรังเกียจลางสังหรณ์ตัวเองได้เท่าครั้งนี้มาเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตอนก้าวขามาประตูหลังเวทีที่เป็นส่วนแต่งตัวสาวๆ นางแบบแท้และเทียมทั้งหลายก็ว่าตาซ้ายตาขวามันขยิบสลับกันอยู่ ใครจะไปรู้ว่ามันจะซวยได้ใจขนาดนี้

"น่า น้องช่วยเจ๊หน่อยเถอะ...ชุดนี้มันเป็นเกาะอก แล้วร้านพี่ตัดมาเล็กไปไม่พอดี พอดีน้องเพชรเขานึกได้ว่าน้องลูกชุบแบ...เอ่อ...เล็กกว่านิ๊ดนึง น่าพอได้" หนุ่มร่างใหญ่ใจสาวแตกจีบปากจีบคอพูด ตรงประโยคช่วงท้ายปรายตามองส่วนเจ้าปัญหาที่ว่าของเพชรและฉันสลับกัน ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเบาลง เล่นเอาฉันต้องกอดอกปกป้องสิทธิสตรี (ที่ดันมีอยู่น้อยนิด)

และอย่างที่ฉันรำคาญตัวเองอยู่ตลอดเวลาคือความขี้เกรงใจไม่รู้จักมีปากของฉันนี่แหล่ะ ผสมกับความเจ้ากี้เจ้าการอันน่าชังของเพื่อนสาวทอร์นาโด (ทั้งนิสัยและหน้าอกหน้าใจ) ทำให้ฉันไหลไปตามกระแสอย่างช่วยไม่ได้ กระแสอะไรกันฟะ ทำฉันต้องมานั่งหน้าเมื่อยเป็นตุ๊กตาอีกแล้ว

"แหม...มันจะอะไรนักหนา แค่เดินๆ ไปก็พอน่า เนี่ยๆ เดินตรงๆ ไป พอสุดทางก็หมุนซ้าย หมุนขวา ยิ้มสวยๆ ใส่หน้ากล้องสักที แล้วเดินกลับ...มันยากตรงไหน" เพชรบ่นตอนฉันทำท่าเหมือนจะตายเมื่อแต่งตัวเสร็จรอคิวขึ้นเดิน

"แล้วพูดก็พูดเถอะนะ...พอจับแต่งหน้าแต่งตา แต่งตัวดีๆ เข้าหน่อยแกก็สวยใช้ได้ มั่นใจหน่อย...เผื่อไงสามีแกจะได้หลง ไม่ดีเหรอ" ดูมันช่างสรรหาคำมาหว่านล้อมปลอบประโลมฉันเสียจริง ตัวเองผิดเองที่เกิดมาหน้าอกใหญ่ไซส์เอ็กซ์แอลเล่นเอาคนตัดผ้าหน้ามึนทำออกมาเล็กกว่าของจริง ดีนะว่าชุดฟินาเล่อะไรของเจ๊แกไม่ใช่เกาะอก เย็บๆ กลัดๆ อะไรเข้าหน่อยก็ปล่อยไปเฉิดฉายบนร่างกายแบบบางแต่อึ๋มจัดของอวิกาได้ อือ...อิจฉามันจัง

"เอ้า...คุณหญิง แหม...มาทันเวลาพอดีเลยค่ะ" สิ้นเสียงคำประชดของเจ๊เจ้าของร้านตัดเสื้อที่เหมางานนี้โดยตรงฉันก็รู้สึกเหมือนเดจาวูบังเกิดขณะที่หันไปสบตาคุณหญิงที่ว่านั่นพอดี

เจ้ย...ซวยล่ะสิ

ไม่ซวยยังไงไหว ก็ยัยคุณหญิงคนนี้ที่ฉันไปยืนด่าปาวๆ อยู่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนฉันยังร้อนๆ หนาวๆ ว่าแกจะส่งคนมาสืบหาพาลูกปืนมาเยี่ยมจากมือดีของแกบ้างรึเปล่า เอาล่ะหวา ยั๊งต้องมาเดินคู่กันอี๊ก...โอ ชะตาฟ้าแกล้งนางเอกอย่างฉันเสียจริง

ท่าทางผะอืดผะอมของฉันกับอาการกัดฟันเข่นเขี้ยวของคุณหญิง 'กัลยาณี' มันคงชัดเจนแดงแจ๋มาก ขนาดหยาบๆ อย่างเพชรยังจับได้

"แกจะมีความหลังอะไรกับคุณหญิงรึเปล่าชั้นไม่สน แต่ขอบอกไว้ ว่าชั้นอย่างดีใจเลยที่ไม่ต้องเดินกับยัยคุณหญิงนี่ โชคดีนะแก" แล้วมันก็เดินตัวปลิวไปอีกทางตอนที่ช่างแต่งหน้าแต่งตัวมาเรียกไปประดิษฐ์ประดอยชุดฟินาเล่ของมันในคิวท้ายสุด

เพชร ฉันเกลียดแกว่ะ!

.........................................................................

สาบานตลอดชีวิตว่าต่อให้อดตายฉันก็จะไม่ยอมพลีกายเป็นนางแบบอีกเลย ความหน้าด้านตามสันดอนปกติของฉันมันไม่ช่วยเลยในสภาวะการณ์แสนกดดันและบีบคั้นจิตใจยิ่งอย่างนี้ ไอ้ชุดรึก็ประหลาดพิกล เกาะอกแน่นดีก็จริงแต่ดันเปิดสะดือเย็นวาบ ไอ้ผ้าไทยลายสวยสุดใจนั่นก็เหลือเกิน ใครหนอช่างใจร้ายออกแบบมายาวลากพื้นแต่ดันทะลึ่งเอวต้ำต่ำ แถมยังเจื๋อนผ่าหน้าขาซะเกือบเห็นไปถึงไหนๆ เวลาก้าวขาทีละอยากมุดลงรูตุ่น เอ่อ...ถ้ามันมาขุดไว้บนเวทีนี่อ่ะนะ

แสงไฟเฟลชวูบวาบจากด้านล่างเวทีที่พุ่งตรงมาที่ฉันทำให้รู้สึกสั่นๆ แปลกๆ ทีตอนคุณนทีชอบแชะเล่นไม่ยักรู้สึก ไหนยังต้องมาเดินเกร็งหลบรังสีอำมหิตจากคุณหญิงยิ้มด้วยปากถากด้วยนัยน์ตาอย่างคุณเธอกัลยาณีนี่อีก เอาฉันไปฆ่าให้ตายจะดีกว่าไหมคะ

บทท่องอาขยานจากเพื่อนรักนามอวิกาสะเทือนก้องกลับไปกลับมาในหัวฉัน เดินตรงไป หมุนซ้ายขวา ยิ้มหวาน แล้วเดินกลับมา ง่ายจะตาย เออ! ง่าย แต่ฉันกำลังจะตายอยู่แล้ว ค่าที่ความมัวเมาเอาแต่ท่องทำให้ลืมจังหวะเดินกับคนข้างๆ ที่แต่งชุดลายคล้ายกันแต่แบบดูเป็นผู้ใหญ่กว่าด้วยผ้าที่ค่อนข้างมิดชิด ฉันเดินสะเปะสะปะไปกระทบกระทั่งกับคุณหญิงเข้าหลายหน จนมายืนยิ้ม(ที่พยายามให้มัน)หวานอยู่กลางเวที

ถึงตอนนี้ฉันก็ได้รับการตอกย้ำความแน่ของตำแหน่งที่นั่งตามบัตรวีไอพีระดับเทพแล้วว่ามัน ริงไซด์ จริงๆ อย่างว่า ดูเอาสิว่าขนาดฉันยืนตาพร่าขาสั่นอยู่บนเวทียังเห็นหน้าคุณนทีได้ชัดแจ๋วแถวหน้าขนาดนี้

หนุ่มหล่อผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง คีปวอร์คกิ้ง (Keep Walking) ตลอดเวลาอย่างเขากลับนั่งนิ่งประหลาด จ้องมาทางฉันแบบไม่ละสายตา นี่คงตะลึงว่าฉันสวยเอ็กซ์เซ็กกระจายล่ะสิ ไม่อีกทีก็คงอึ้งแบบทึ่งปนปลง โธ่...ฉัน บ๊ะ...ยัยป้านี่ก็ช่างเกะกะจริง ด่าอีกสักทีดีไหม

ฉันคงเริ่มพาลเพราะความประหม่า คงไม่ใช่เพราะสายตาคุณนทีหรอกนะ ไม่ร้อก...มั๊ง

การเดินแบบทุลักทุเลน่าปลงสังเวชของฉันผ่านไปได้แบบกระท่อนกระแท่น ฉันลากเอาสภาพเหนื่อยอ่อนหมดแรงราวกับวิ่งรอบสนามหลวงสองรอบหลังว่ายน้ำข้ามเจ้าพระยาที่ท่าพระจันทร์กลับเข้าหลังเวที เหลือบเห็นยัยเพชรสวยพริ้งยืนรอเดินออกคิวต่อไป

"ไม่รู้ใครช่างสะเออะเอาเด็กกะโปโลที่ไหนมาเดินแบบ ดูสิ จะพางานเขาล่มแล้วไหมล่ะ"

นั่งมึนๆ ก็แว่วเสียงเรไร เด็กกะโปโลอะไร ที่ไหน นิโคลมาหรือ (มุกเก่าไปเปล่าเจ๊?)

"ไหนตอนก่อนที่ซ้อมเห็นเป็นน้องเพชร ลูกรัฐมนตรีช่วยฯ เขาเดินคู่กับฉันนี่ แล้วมันเกิดอะไร นี่เอาใครมายะ"

ฉันยังเบลอๆ กับแสงเฟลชเมื่อครู่ที่ได้ยินผ่านหูยังไม่แปลความผ่านโพรเซสเซอร์เพนเที่ยมทูตกรุ่น

"เอ่อ...คุณหญิงขา นี่น้องลูกชุบ เป็นเพื่อนสนิ๊ท สนิทของน้องเพชรเขาน่ะค่า พอดีมีแอ๊กซิเดนท์นิดหน่อย เลยต้องให้น้องเขามาแทน" เจ๊ตัดผ้าน่ารักขาดใจ สะบัดสะบิ้งตอบเอาใจคุณหญิง

"ลูกใครล่ะเธอน่ะ ไม่เคยเห็นหน้าในงานไหนมาก่อน แหม...เจอกันครั้งก่อนร้ายนักนะ ปากแม่ค้าขนาดนั้น ลูกแม่ค้ารึเปล่าน่ะ"

เปล่า ไม่ใช่ลูกแม่ค้า ฉันนี่แหล่ะแม่ค้า ยังไม่ทันตอบตามความคิดฉันก็รู้สึกได้จากแรงอยากรู้อยากเห็นที่เริ่มแผ่มาจากรอบๆ ตัว เด็กๆ ฝ่ายจัดเสื้อผ้าเริ่มขยับใกล้เข้ามา สงสัยมารอดูละครตอนใกล้อวสาน

"ง่า พูดจากันดีๆ น่ารักๆ ดีกว่าไหมค๊า...นี่เพื่อนน้องเพชรค่า เพื่อนน้องเพชร" เจ๊พยายามย้ำชื่อคนพ่อใหญ่ไกล่เกลี่ยสถานการณ์หลังเวทีงานใหญ่ไฮโซก่อนที่มันจะกลายเป็นหลังโรงลิเกงานวัด สงสัยกลัวต้องรำกลับบ้านกันกระมังเพคะ...

"แสดงว่าน้องเพชรคบเพื่อนผิดๆ คบเด็กสร้างบ้าน ไม่มีบุพการีสั่งสอนถึงได้ปล่อยไปพูดจาถอนหงอกคนที่มีอาวุโสกว่า" นั่น เหยียดปากเชิดหน้าพูด ส่วนประมวลผลฉันเริ่มรันแล้วล่ะ อีกเดี๋ยวนะ อีกเดี๋ยว

"ไม่ได้เป็นเด็กสร้างบ้าน ไม่ได้เรียนวิศวะฯโยธา จบศิลปกรรมมา เป็นเจ้าของร้านศิลปิน ศักดินาพอใช้ได้ไหม" ฉันเอาน้ำเย็นเข้าลูบก่อน ถ้าไม่ได้ผลค่อยเอาน้ำร้อนสาด

"ต๊าย...จบศิลปกรรม พ่อแม่เป็นใครล่ะเธอน่ะ" ยัง ยังไม่เลิก ดูเหมือนคุณหญิงนี่ไม่รู้จักเข็ด เห็นว่าวันนี้ฉันไม่มีพวกละได้ใจ

"เป็นใครแล้วสำคัญตรงไหน...แล้วอย่างเพชรมีพ่อเป็นรัฐมนตรีล่ะคะ สำคัญไหม?" อวิกาเดินกลับมาแล้วค่ะ หิ้วชายผ้าฟินาเล่เดรสมาเลยค่ะ สวยซึ้งแต่แววตาโหดชอบกล

"แหม...น้องเพชรก็น้องเพชรสิคะ ท่านรัฐมนตรีออกน่านับถือ น่าภูมิใจจะตาย แต่น่าจะเลือกคบเพื่อนมีหัวนอนปลายเท้าหน่อยนะคะ จะพาคนอย่างเราๆ มัวหมองเสียเปล่า"

"แล้วเพื่อนเพชรไม่น่าภูมิใจตรงไหน ทำไมต้องถามว่าลูกใคร ลูกพ่อค้าปาท่องโก๋มันน่าอายหรือไง ลูกช่างแต่งหน้าโน่นล่ะ ลูกช่างเสียงนี่ล่ะ" ช่างแต่งหน้ากับซาวน์เอ็นจินเนียร์สาวห้าวที่วิ่งตามชุดฟินาเล่ปิดท้ายกลับมาหลังเวทีผงะเฮือก ค่าที่ตกใจว่าถูกยัดเยียดให้มีลูกที่ละอายในความเป็นบุพการีของตนไปเสียอย่างนั้น ดีแฮะ...ฉันยังไม่ทันของขึ้นก็มีคนมาขึ้นของแทนเสียแล้ว ของเขาแรงเสียด้วยสิทีนี้

"ภูมิใจสิ ฉันยังภาคภูมิใจในความไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ของฉันเลย" เสียงหนึ่งดังขั้นมาท่ามกลางความตกตะลึงของชนกลุ่มน้อยที่เริ่มเพิ่มจำนวนหลังเวที เธอคนนี้คือดีไซเนอร์คนหนึ่งของงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงเวทีระดับโลก คนที่ใครๆ ต่างก็ยกให้เป็นฟินาเล่ตัวจริงของงาน แต่ความจริงที่ทำให้ความมีชื่อเสียงโด่งดังของเธอได้รับคำนิยมอย่างท่วมท้นคือความจริงที่ว่า...เธอตาบอด

"คุณหญิงกัลยาณีคะ ดิฉันเป็นเด็กกำพร้าค่ะ เกิดมาอยู่ในโลกมืดมนโดยไม่เคยรู้ว่าพ่อและแม่ชื่ออะไร ไม่เคยมีบุพการีที่ไหนมาสั่งมาสอน มีแต่ครูและผู้ให้ คนอีกมากมายที่ให้กำลังใจมาจนถึงวันนี้" เธอเดินเข้ามาท่ามกลางแสงไฟสลัวด้วยดวงตามืดมนอย่างสง่าผ่าเผย ยิ่งเสียกว่าฉันหรือใครๆ ที่พยายามยืดอกเดินไปท่ามกลางแสงไฟนับร้อยดวงเสียอีก

"ดิฉันนี่แหล่ะค่ะ ลูกไม่มีพ่อ ไม่มีหัวนอนปลายเท้าของจริง และคนพิการทางสายตาอย่างดิฉันมันคงต่ำต้อยเหลือเกินสำหรับคุณหญิงสินะคะ" เธอยังคงพูดเรียบๆ เรื่อยๆ น้ำเสียงที่ราบเรียบอ่อนโยนไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา ถ้าคิดจะสะกดสิ่งรอบข้างให้หยุดนิ่งด้วยคำพูดเรียบเฉยแต่หนักแน่นจริงใจขนาดนี้ นี่คือตัวอย่างที่ทำสำเร็จ

"คุณหญิงคะ...ดิฉันคงมิกล้าที่จะล่วงเกิน เพียงแค่อยากเสนอแนะให้ฟังสักนิด ว่าอย่าใช้ศักดินาอำนาจกับสิ่งลวงตามาตัดสินใครๆ" ด้วยประโยคยาวๆ ของเธอทำให้ฉันนึกถึงคำพูดใครบางคนขึ้นมา

"ขออภัยนะคะ อีกครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันจะพูด..." ฉันทำลายความเงียบจากความอึ้งตะลึงงันของทุกคนในที่นี้ขึ้นมา

"มีเพื่อนฉันคนนึง เขาเคยพูดเอาไว้ว่า เราสามารถมีความภาคภูมิใจจากสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจ ไม่ใช่มองเห็นได้ด้วยตา...เขาเป็นเพื่อนที่น่าภาคภูมิใจของฉันอีกคนนึงค่ะ..." ฉันหันไปสบตาเพชรเพื่อส่งสาน์นให้รู้ว่า เธอเป็นอีกคนหนึ่งในจำนวนนั้น

"ภาคภูมิใจแม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกใครก็ตาม" ฉันต่อจนจบประโยค คุณหญิงค่อยเปลี่ยนจากหน้าซีดขาวเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ

"พี่ พี่ต้อด...." ใครคนนึงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาซาวน์เอ็นจินเนียร์ในสถานการณ์ของเรา

"เปิดเสียงทำไม งานพินาศไปหมดแล้ว!" ซาวน์เอ็นจินเนียร์เบิกตาโพลง ก้มมองไมโครโฟนในมือตัวเองทำหน้าเหมือนโลกจะแตกเสียให้ได้

"ฉิบ-หา- ล่ะ" มือรีบกดปิดปุ่มไมโครโฟนพัลวัน ปากยังคงพึมพำถึงเคราะห์กรรมซ้ำร้ายเพียงเพราะเข้ามาใส่ถ่านไมค์ลอยเตรียมออกไปเปลี่ยนให้พิธีกรข้างนอก แต่ดันเดินมาเจอฉากไคลแมกซ์เผลอไปเปิดไมค์เมื่อไหร่ไม่รู้ ป่านนี้คนทั้งงานคงได้รับชมละครวิทยุเอเอ็มแบบเต็มๆ ชอตกันไปแล้ว

"เอาล่ะ ถึงคิวที่เราต้องไปโชว์ตัวขอบคุณแขกกันแล้ว ไปเถอะ" ดีไซเนอร์ที่มีดวงตาสมบูรณ์ประคองแขนเพื่อนดีไซเนอร์คู่หูที่ใช้ใจแทนดวงตากันเดินตามเพชรที่พร้อมกลับไปทำหน้าที่บนเวทีอีกครั้งในฐานะผู้นำเสนอผลงานจากความภาคภูมิใจด้วยความเต็มใจยิ่ง

"อ้อ...เดี๋ยว...คุณหญิงยังอยู่ใช่ไหม อย่าเพิ่งรีบกลับไปนะคะ รอฟังเสียงปรบมืออีกนิด คุณหญิงจะได้คำตอบทั้งหมดที่คุณยังไม่เข้าใจ...เพราะดิฉันภาคภูมิใจค่ะ"

นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่แว่วผ่านหูเข้ามาก่อนเธอเดินออกไปรับเสียงปรบมืออื้ออึงยาวนานยิ่งกว่าครั้งไหนมันทำให้ฉันไม่สามารถหุบยิ้มได้ ความภาคภูมิที่สัมผัสได้ด้วยหัวใจ ไม่ใช่การมองเห็นด้วยดวงตาอย่างนั้นหรือ ไม่ขอสนใจคุณหญิงอะไรนั่นแล้ว เธอจะยืนให้สื่อรอถ่ายรูปไปลงหน้าสังคมพรุ่งนี้ หรือจะรีบจรลีไปก็แล้วแต่ วันนี้ฉันมีความสุขเหลือเกิน

พอเปลี่ยนชุดสวยแต่เสียวกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้สำเร็จฉันก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวหลังเวทีพร้อมเพชร และก็ต้องหยุดกึกเมื่อใครคนหนึ่ง (ซึ่งฉันลืมไปแล้วว่าหิ้วเขามาด้วย) ยืนยิ้มพิงผนังข้างประตูรออยู่

"พ่อผมเป็นชาวไร่ จบปริญญาตรีสาขาวิชาเกษตรมาด้วยการขอทุนตลอดตั้งแต่จบการศึกษาภาคบังคับ แม่ผมเป็นครูสอนนักเรียนอยู่ที่โรงเรียนในจันทบุรีอีกห้าปีก็เกษียณ ปัจจุบันทั้งคู่อาศัยอยู่ที่บ้านไร่จังหวัดจันทบุรีอย่างแข็งแรงดีมีความสุขครับผม"

ค่ะ...แล้วมารายงานฉันทำไมคะ เมามาหรือเปล่า

"ถ้าไม่ขัดข้องอะไร สักวันผมจะพาคุณไปเยี่ยมท่านละกันนะ แนะนำเขาว่านี่ ผู้หญิงสวยๆ คนนี้เป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวผม...ดีไหม?"

โอ...แม่เจ้า
เพชรผิวปากหวือในขณะที่ฉันทำปากหายไปแล้ว ดีนะที่เขาไม่มีกล้องถ่ายรูปมาด้วยไม่งั้นเขาคงรีบยกมันขึ้นมาถ่ายมนุษย์ที่กลายเป็นตู้ไปรษณีย์ตรงนี้เสียแล้ว

บ้า...คนเขาเขินไม่ใช่รึไง!



...................................
<จบตอน 5 ค่ะ>


ไม่รีบไปไหนฝากคำทักทาย หรือวิจารณ์ได้นะคะ ถ้ารีบ...ก็อยากให้ฝากไว้อยู่ดีล่ะค่ะ แฮ่

ตอนหน้าก็จะเป็นตอนจบแล้ว (คนเขียนมันหมดมุกอ่ะดิ)




บุญรักษาค่ะ




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2551
5 comments
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2552 2:09:33 น.
Counter : 435 Pageviews.

 

ชอบมากค่ะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวน่ารักๆ มาให้อ่านนะคะ
อยากไปเที่ยวลาวมั่งอ่ะค่ะ

 

โดย: นุ IP: 77.97.142.74 10 พฤษภาคม 2551 8:34:41 น.  

 

ชอบมากๆเลยคะ ชักอยากอ่านต่อเร็วๆแล้วสิ
เขียนได้เคลิ้มจังเลยค่ะ

 

โดย: dena IP: 203.155.149.89 13 พฤษภาคม 2551 13:52:46 น.  

 

สวัสดีค่า เพิ่งเข้ามาอ่าน ตามมาจากห้องถนนนักเขียนค่า
ชอบเรื่องนี้มาก เรื่องสนุก ประชดสังคมดีค่า
ไปอ่านต่อให้จบก่อนนะคะ ^_^

 

โดย: satorn IP: 125.25.24.176 10 กันยายน 2551 21:06:57 น.  

 

อันที่จริง อ่านตอนพิเศษมาก่อนค่ะ

ติดใจ เลยตามอ่าน แหะๆ

สนุกมากๆค่ะ >_<

ห่างหายจากการหาอะไรเพลินๆ ไปนาน(เพราะเตรียม)

ได้อ่านเรื่องนี้ สนุกดีค่ะ ชอบจังค่ะ

 

โดย: RuNz 7 ธันวาคม 2551 4:34:52 น.  

 

มุกชวนไปเปิดตัวกับที่บ้านของนทีนี่...ขอยืมไปใช้นะคะ

 

โดย: ซา'เคียว (samurai_KYO ) 12 พฤษภาคม 2552 15:14:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


BestChild
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่ใช่คนเลว แต่ไม่ใช่คนดี
ไม่ใช่คนมีน้ำใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไม่ใช่คนใจร้าย แต่ไม่ใช่ผู้หญิงใจดี
ไม่ได้ต่อต้านใคร แต่ไม่ใช่คนยอมคน
รับรู้ในตัวตน และไม่สนใครจะว่าอย่างไร
รู้จักให้อภัย แต่ไม่ใช่ไม่รู้จักแค้น
เป็นผู้หญิงแท้ที่ชอบโชว์แมน แต่ความจริงแสนจะอ่อนโยน O_o!!!


~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ~


"...มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่เรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ถูกต้องเสมอไปในโลกใบนี้ หากจะมีก็ให้ไอ้คนนั้นมันไปเป็นเทวดาเสีย อย่ามาเป็นคนให้เสียชาติเกิดกันเลย"

โรม / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ







"คนที่บอกว่าคุณไม่สวยคือคนที่ไม่ได้มองคุณรู้ไหม ถ้าหากเพียงมองคุณดีๆ รู้จักมองให้ถึงความเป็นตัวคุณแล้วก็จะรู้ว่าคุณน่ะสวย..."

ยอด / ผมก็เป็นพระเอกคนหนึ่ง







จิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้พอดีทั้งสองฝ่ายมันไม่ใช่สิ่งที่จะซื้อหาง่ายๆ เมื่อได้มันมาแล้วต้องรักษามันไว้ให้ดี อย่าทิ้งขว้างเหมือนเป็นสิ่งที่หมดค่า เพราะรู้ไหม ว่าหากแกปล่อยมันหลุดมือไปแล้วความสูญเสียจะเทียบไม่ได้กับอะไรทั้งนั้น"

อวิกา / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ






"...ไอ้ผู้ชายมาดแต๋วที่พี่ก่นด่านักหนาตรงหน้านี่นะ...เท่าที่รู้จักมา บอกได้คำเดียว...โคตรแมนเลยเว้ยค่ะ"

นงนุช / แมน







คุณค่าที่ว่า ความรู้สึกในทุกๆ ใบหน้าของคนในรูปคือ 'ความสุข' ไม่เห็นจะต้องมีองค์ประกอบเป็นฉากสวยงาม

ลูกชุบ / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"...คุณกับผมอาจดูต่างกัน คุณเชื่องช้า ผมว่องไว คุณใจเย็น ผมใจร้อน คุณชอบจดจ้องและลากเส้น แต่ผมชอบมองผ่านเลนส์และกดชัตเตอร์ แต่รู้มั๊ยในจุดประสงค์ของทั้งหมดมันคือสิ่งเดียวกัน..."

นที / สาวติสท์แตกกับหนุ่มไฮเปอร์







"มันเป็นแค่ความทรงจำ จะดีหรือร้าย เราไม่สามารถลบมันออกไปได้ เก็บมันไว้ในอดีตและเดินต่อไปยังอนาคตข้างหน้า ปล่อยให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ"

Matsumura Ryo / Hiroshima eki สถานีแห่งความทรงจำ








"...บางทีสิ่งที่แกเห็นมันอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ เหรียญยังมีสองด้านได้เลยแก ประสาอะไรกับใจมนุษย์เล่า มันขึ้นอยู่กับว่าแกเลือกที่จะรับมันทุกด้านหรือเปล่า หากแกเลือกที่จะรับไว้เพียงด้านเดียวแล้วทุกข์ไปตลอดชีวิตน่ะมันคุ้มกันไหม..."

ลูกชุบ / เพราะเธอ...เลอค่าอมตะ









เฮ้อ... ผู้ชาย ไม่มีไม่ตาย แต่อยากได้สักคนแฮะ

"ฉัน"/ ท้องฟ้า หาดทราย สายลม ผมกระเจิง




ฝากคำทักทายไว้ด้วยจิ...รักตายเลย




ShoutMix chat widget




BestChild ในคอลัมน์นักเขียนรับเชิญ ลายปากกา 2009

BestChild ในคอลัมน์ "ลายรัก" ลายปากกา 2010




Friends' blogs
[Add BestChild's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.