"รัก" และ "กำลังใจ" ฉันมีไว้เพื่อแบ่งปัน Blog ของสาวน้อยขี้เหงาและช่างฝัน (Beee Diary & Music)
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าธรรมะ - พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ

เรื่องเล่าธรรมะ

พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ
โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)


พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ ข้างหน้าพระพุทธรูปมีลิงข้างหนึ่ง กับช้างข้างหนึ่ง มีประวัติตามนี้นะ พระพุทธเจ้าทราบว่าพระภิกษุชาวโกสัมพีทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าห้ามไม่ฟัง ท่านก็แยกตัวไปอยู่ปาลิไลยกะ ไปอยู่ป่าส่วนนั้น ป่าส่วนนั้นมีช้างเชือกหนึ่งชื่อ ลิไลยกะ ช้างเชือกนี้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์มีบารมีเกือบจะเต็มอัตรา จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต

ต่อมาเมื่อพระพุทธเจ้าหลีกมาแล้ว ก็มาอยู่ที่ป่านั้น ช้างปาลิไลยกะก็เข้าปฏิบัติหาผลไม้มาให้ต้มน้ำถวาย เขาต้มน้ำได้นะ เอาไม้มาสีไปสีมาเกิดเป็นไฟเอากระบอกตั้งเข้า ต้มน้ำถวายพระพุทธเจ้า ทีนี้มีลิงอยู่ตัวหนึ่งเขาเห็นช้างทำได้ เขาตั้งใจถวายพระพุทธเจ้าบ้าง

ช้างหาผลไม้มา ลิงก็ไปหารังผึ้งมา แล้วก็ส่งให้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงคว่ำมือไม่ยอมรับ ที่ไม่ยอมรับเพราะรังผึ้งยังมีตัวอ่อนอยู่ ลิงก็เสียใจคิดว่าช้างตัวใหญ่ ลิงตัวเล็ก ช้างตัวใหญ่หาผลไม้มาให้พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงรับ แต่ว่าเราเป็นลิงตัวเล็กเอารังผึ้งมาให้ พระพุทธเจ้าไม่รับก็เสียใจ

นิสัยของลิงก็ส่องไปส่องมาก็เห็นตัวอ่อนก้ดึงตัวอ่อนออกหมด พระพุทธเจ้าก็รับ ที่นี้แบมือรับ เมื่อพระพุทธเจ้ารับเขาก็ดีใจว่าเขาเป็นลิงตัวเล็กเราก็มีสิทธิ์ถวายพระพุทธเจ้าได้เหมือนกัน ด้วยความดีใจของลิง ก็กระโดดโลดเต้นข้างล่างแล้วขึ้นไปกระโดดบนยอดไม้ โดดไปโดดมาเลยตกลงมาตายเลย พอตายจากความเป็นลิง ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เรื่องของลิงจบเท่านี้นะ

เล่าถึงช้าง ช้างก็ตายเหมือนกัน ในเมื่อพระพุทธเจ้าออกพรรษาแล้ว พระพุทธเจ้าจะกลับ ก็ทรงเรียกพระอานนท์เข้าไปเฝ้า พระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าให้ไปเรียกพระสงฆ์ก็มาพร้อมกัน ในเมื่อพระสงฆ์มาพร้อมกันก็ประชุมสงฆ์ที่วัด (ถ้าไปวัดป่าเลไลย์จะเห็นมีวัดประชุมสงฆ์ มีเจดีย์อยู่องค์ นั่นเขาเรียกวัดประชุมสงฆ์) สงฆ์ประชุมกันที่นั่น

เมื่อสงฆ์ประชุมกันเสร็จ ก็อาราธนาพระพุทธเจ้ากลับ เมื่อถึงกาลควรจะกลับ เมื่อเวลากลับพระพุทธเจ้าก็ลาช้าง ช้างก็เสียดายพระพุทธเจ้า ขณะที่พระพุทธเจ้าเดินไปพอเดินจะออกจากป่า พระพุทธเจ้าบอกว่า ปาลิไลยกะ แดนมนุย์ที่อยู่มนุษย์ไม่ควรแก่เธอ จะมีอันตราย เธอจงอย่างไปเลย อยู่ป่าเถอะ

พระพุทธเจ้าไปลับตา ช้างเสียใจเลยเอาปลายงวงสอดเข้าปากแล้วขาดใจตาย ตายไปก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต อยู่เวลานี้นะ ก็รอเวลาเพียงแค่จะลงมาบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ สรุปแล้วทั้งช้างทั้งลิงดีกว่าเรา ใช่ไหม ลิงไม่ได้ปรารถนาพระโพธิญาณ

อย่าลืมว่า คนที่ทำบุญกับพระพุทธเจ้าด้วยศรัทธาแท้ จะเป็นคนหรือว่าเป็นสัตว์ก็ตามมีผลแน่นอน ถ้าไม่ปรารถนาพุทธภูมิก็มีหวังเป็นพระอริยเจ้า ก็เลยสงสัยว่าลิงในสมัยพระศรีอาริย์เป็นอรหันต์แน่ ก็รวมความว่าดีกว่าเรา.


ช้างปาลิไลยกะ


ตอนสาย (ก.พ. ๒๕๓๕) เขาถวายสังฆทานเข้าสมาบัติไปหน่อยหนึ่ง ก็มานึกถึงพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า อโนมทัสสี ท่านก็บอกว่าช้างปาลิไลยกะนี่ท่านเป็นองค์ทรมานเป็นองค์แรก ตอนนั้นช้างปาลิไลยกะไม่ใช่ชื่อนี้นะ เป็นนายฝูงดุร้ายมาก กำลังตกมัน ลูกน้องทำผิดระเบียบ แทงเขาบ้าง ตีเขาบ้าง ถึงกับบอบช้ำ ท่านคิดว่าสัตว์ตัวนี้ต่อไปจะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องไปทรมาน

ทีนี้ลีลาการทนมานของท่าน ท่านบอกว่า ตามปกติท่านต้องใช้สมาบัติเป็นพื้นฐาน เพื่อเป็นการเร่งรัด ก่อนจะรับทานเข้าสมาบัติก่อน เรื่องนี้ขอยืนยันว่าไม่มีทั้งในตำนานและพระสูตร เพราะพบเมื่อกี้นี้เองนะ

เป็นอันว่าท่านบอกช้างปาลิไลยกะดุร้ายมาก คือว่าช้างตัวนี้ต่อไปจะเป็นพระโพธิสัตว์ คือตั้งใจไปทรมาน ท่านก็ไปกับสาวกจำนวนมาก ก่อนจะเข้าไปถึงเข้าสมาบัติก่อน เป็นลีลาของท่าน เข้าไปถึงก็ไปแนะนำถามว่า

พระญาช้างสารทำไมดุร้ายแบบนี้ ในเมื่อเราเป็นนายฝูง ควรจะมีทั้งสองอย่าง คือ หนึ่ง ขนม สอง ไม้เรียว คือมีทั้งอำนาจและเมตตา ไม่ใช่ใช้ไม่เรียวอย่างเดียว ช้างกำลังตกมันก็ยืนหูผึ่ง ทำท่านึกใครหว่า

ท่านก็เลยบอกว่า ตถาคตชื่ออโนมทัสสี คือพระพุทธเจ้า ก็มีสาวก มีลูกศิษย์อย่างเธอเหมือนกัน ตถาคตเองก็ลงโทษลูกศิษย์เหมือนกัน ถ้าทำความผิด แต่ไม่ลงโทษขนาดนี้ นี่แทงช้างล้มไปสองตัว ลงโทษเพียงให้รู้ว่า ทำอย่างนี้เป็นความผิด

ช้างปาลิไลยกะก็ถามว่า จะลงโทษอย่างไร ถ้าตัวไหนผิดระเบียบก็ให้กักบริเวณกินหญ้าเฉพาะเขตหนึ่ง พออิ่ม แต่เลือกไม่ได้

ในที่สุดท่านก็บอกว่า ต่อไปเธอจะได้เป็นพระพุทธเจ้ามีนามว่า ปาลิไลยกะ ช้างก็ลดพยศ หูผึ่งหายไป หูตก ก็เดินตามพระพุทธเจ้าไป พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนแนะนำทุกอย่าง

ท่านก็เลยบอกว่า กลับไปเดินไปดูช้างสองตัวที่นอน ไปลูบไล้เสีย ให้เธอมีกำลังใจ ดูตถาคตมีสาวกมากมายกว่าเธอ ยังไม่ลงโทษเท่าเธอ เพราะเธอดุร้ายมากเกินไป ไม่ควรที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่นี่จะเป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาช้างปาลิไลยกะก็เลยเลิกพยศ

คือตอนเข้าสมาบัติขึ้นไปที่นิพพาน ไปนึกถึงพระอโนมทัสสี พอนึกถึงท่านก็บอก ฉันนั่งอยู่นี่แล้ว ฉันรู้ว่าเธอจะมา ท่านก็เลยนั่งข้าง สมเด็จองค์ปฐม นะ

ท่านก็บอก เธอก็เหมือนกัน สมัยนั้นฉันก็ทรมาน ถามผมเป็นอะไรครับ เป็นพรหม ไม่ได้ปรามาส แค่สงสัยว่าองค์นี้จะเป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่า เคยโดนแล้ว ขึ้นไปเลย

ท่านถามว่า สัมพเกษี เธอสงสัยหรือ บอกท่านว่าสงสัย พระพุทธเจ้าข้า ท่านถามว่า พระพุทธเจ้าลักษณะเป็นอย่างไร เธอทราบไหม บอก ไม่ทราบ เอายังงี้ก็แล้วกัน พระพุทธเจ้าไม่ใช่มีสีเดียว เอาสักกี่สีล่ะ เธอเป็นพรหมมีกี่สี บอก มีสีเดียว แสงสว่างใช่ไหม ท่านบอก ของฉันมี ๖ สีนะ ออกทีละสีก็ได้ ออกทั้งหมดหกสีก็ได้ แล้วท่านก็ทำให้ดู

ช้างปาลิไลยกะไม่ใช่ก้อยนะ โอ้โฮตัวสำคัญเลย มองดูภาพ ผึ่งผายดุร้ายมาก คือมีระเบียบ ใครไม่ปฏิบัติตามระเบียบก็เอาจริงเอาจัง

พระพุทธเจ้าตั้งหลายแสนองค์ ชื่อต้องซ้ำกัน แต่มีเรื่องแปลกอยู่ว่า เมื่อเข้าเขตนิพพาน เราจะไม่รู้องคืไหนเป็นองคืไหน ต้องเข้าไปถาม เหมือนกันหมด ทีนี้เวลาที่เป็นมนุษย์ก็เหมือนกัน ท่านสวยเหมือนกันหมด

พระอโนมทัสสีนี่ท่านทีหลังพระพุทธทีปังกรนะ เ คยเกิดเป็นลูกท่าน ยังนึกถึงช้างปาลิไลยกะ เขาปรารถนาทีหลัง แต่ไปก่อนเรา ของเราอีกเยอะถ้าจะไปตามนั้นบ้างนะ ต่อจากพระศรีอาริย์ไป ๒๒ องค์ เราขยันเกินไป จะเอาให้ดี

อย่างพระศรีอาริย์ก็เหมือนกัน ตั้ง ๑๖ อสงไขย ก็เอาให้ดีที่สุด ในเมื่อเป็นสมัยของเราแล้วคนจนต้องไม่มี นี่เห็นไหม คนไม่สวยต้องไม่มี ก็ต้องโกยนานแบบนี้.


หมายเหตุท้ายเรื่อง: พระพุทธรูปปางปาลิไลยกะ คือพระพุทธรูปประจำวันพุธกลางคืน จะเป็นรูปช้างปาลิไลยกะ และลิง นั่งอยู่ด้านซ้ายและขวา กำลังถวายอาหารให้แก่พระพุทธเจ้า


ที่มา: จากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ ๑๓
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี



Create Date : 29 กันยายน 2551
Last Update : 30 กันยายน 2551 10:40:49 น. 6 comments
Counter : 1401 Pageviews.

 
...

อ่ะนะ

ยอมก็ได้ ...



โดย: lastmoon วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:17:59:14 น.  

 

สาธุจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:20:13:54 น.  

 
น่ารักจัง

อ่านแล้วพี่ต้องนอนหลับฝันดีแน่นอน

ฝันดีนะน้องบี

คิดถึงจ้า


โดย: be-oct4 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:22:30:16 น.  

 
แวะมาเยี่ยมก่อนไป ที่บิจิเนสคลาสเลาจ์มีเน็ตให้ใช้ อิอิ อุตสาห์แบกโน๊ตบุคซะหนักขอใช้หน่อยนะ อิอิ


โดย: แม่มด IP: 202.176.120.137 วันที่: 29 กันยายน 2551 เวลา:23:03:44 น.  

 


เคยอ่านมาแล้ว แต่ได้อ่านอีกก็ดี


โดย: hs_olj วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:8:29:54 น.  

 
ขอบคุณคะทำรายงานได้แล้ว


โดย: นู๋ B_E_S_T IP: 58.9.77.142 วันที่: 1 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:48:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beee_bu
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




"ไม่ได้คิดถึงทุกครั้งที่หลับตา
แต่คิดถึงทุกเวลาที่หายใจ"


ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือเพื่อสุขภาพ
รายละเอียด
www.taradplaza.com/dxn

www.pantipmarket.com/mall/dxnshop/

www.facebook.com/SozityShop

www.facebook.com/BeeeGadgets

www.Sozity.com
Friends' blogs
[Add Beee_bu's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

สาวๆเอนมาหนุ่มๆเอนไปเทพมังกรอวยชัยเอนมาๆ width=40 height=40 align=middle vspace=2 hspace=2 border=0 title="cilladevi">
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.