Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
23 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Review : Hadalabo Retinol Lifting and Firming Set ช่วยลดริ้วรอย ยกกระชับผิวสำหรับสาววัย 30 ปีขึ้นไป

วันนี้ส้มจะมารีวิวผลิตภัณฑ์จาก Hadalabo ที่มีโอกาสได้ไปงานเปิดตัวมาค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์ชุดใหม่นี้ จะเหมาะสำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป

ซึ่งเค้าบอกว่า จะช่วยยกกระชับผิว และ ลดริ้วรอยอีกด้วย


ทั้งเซตจะมีทั้งหมด 3 ตัวด้วยกันค่ะ

เนื่องจากเซตนี้ นำเข้ามาจากญี่ปุ่น

แพคเกจจิ้งเลยมีภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมดเลย (อ่านไม่ออก)




เดี๋ยวเรามาดูทีละตัวกันเลยนะคะ ว่ามีอะไรกันบ้าง

ส้มขอเริ่มจากตัวแรก อันนี้จะเป็น 

Hada Labo Retinol Lifting + Firming Lotion

ปริมาณ 170 ml ราคา 620 บาท

ขวดจะใหญ่พอๆกับฮาดะลาโบะ ขวดสีน้ำเงินเลยค่ะ

คำเคลมจากทางแบรนด์

                     ฟื้นบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์และช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เห็นได้ชัด

                         ให้ดูตื้นขึ้นด้วย Retinol Vitamin A พร้อม Collagen

                ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและยกกระชับผิวเพื่อป้องกันริ้วรอยในอนาคต

       และเติมเต็มความชุ่มชื่นล้ำลึกด้วย Super Hyaluronic Acid เหมาะกับทุกสภาพผิว

ลักษณะของผลิตภัณฑ์

คล้ายกับน้ำใสๆ ถ้าใครเคยใช้ฮาดะลาโบะขวดสีน้ำเงินอยู่แล้ว

ก็จะมีลักษณะคล้ายกันค่ะ เป็นสีขาวๆขุ่นๆ

เพียงแต่ตัวนี้ จะมีความเหนอะมากกว่านิดหน่อย

ไม่ค่อยมีกลิ่นค่ะ


วิธีใช้

หลังทำความสะอาดใบหน้าเรียบร้อยแล้ว

ให้หยดลงบนฝ่ามือ ประมาณ 2-3 หยด จากนั้นก็นำมาลูบเบาๆ 

และตบเบาๆ ให้ทั่วใบหน้า 

ความรู้สึกหลังใช้

ส่วนตัวส้มใช้แล้วรู้สึกว่าค่อนข้างเหนอะนิดหน่อยค่ะ

เพราะส้มผิวมันด้วยก็เลยจะรู้สึกเหนอะๆ หนืดๆหน้านิดหน่อย

แต่ว่าบางคนที่ผิวแห้ง ทาแล้วจะซึมเข้าผิวได้ดีค่ะ

น่าจะเหมาะกับคนผิวแห้งมากกว่าผิวมันค่ะ 

สำหรับตัวถัดมา จะเป็น

 Hadalabo Lifting and Firming Essence 

ปริมาณ 30 กรัม ราคา 790 บาท


คำเคลมจากทางแบรนด์

เอสเซ้นซ์เข้มข้นฟื้นบำรุงผิวให้แลดูอ่อนเยาว์

และลดเลือนริ้วรอยที่เห็นได้ชัดให้ดูตื้นขึ้น

ด้วย Retinol Vitamin A พร้อม Collagen

ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและยกกระชับผิวเพื่อป้องกันริ้วรอยในอนาคต

 และเติมเต็มความชุ่มชื่นล้ำลึกด้วย Super Hyaluronic Acid เหมาะกับทุกสภาพผิว

ลักษณะของผลิตภัณฑ์


เป็นเอสเซ้นส์ที่ค่อนข้างข้นมากๆ สีออกเหลืองไข่

ทาบนผิวแล้วต้องเกลี่ยนานนิดนึงว่าจะซึมเข้าผิวค่ะ


วิธีใช้

ให้กดออกจากขวดปั๊มประมาณ 1-2 ปั๊ม 

ไม่ต้องใช้เยอะมากนะคะ เนื่องจากเอสเซ้นส์นี้ข้นมากอยู๋แล้ว

จากนั้นแตะ 5 จุดทั่วใบหน้า แล้วใช้นิ้วนาง เกลี่ยเบาๆ วนๆ ให้ทั่วใบหน้าค่ะ

ความรู้สึกหลังใช้

ใช้แล้วหน้านุ่มดีค่ะ ชุ่มชื้นดี

แต่เวลาเอาหลังมือสัมผัสแล้วมันจะรู้สึกหนืดๆค่ะ

แต่ถ้าคนที่มีผิวแห้งจะไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ เพราะทาแล้วผิวจะดูดซับ

เอาเอสเซ้นส์เข้าสู่ผิวได้ดีกว่าคนที่ผิวมัน

ส่วนตัวก็เลยใช้ได้แค่ตอนกลางคืนก่อนนอนค่ะ ทากลางวันไม่ได้เลย

หน้าจะเยิ้มมาก

ถัดมากับ

Hada Labo Retinol Lifting and Firming Cream

ปริมาณ 50 กรัม ราคา 689 บาท


คำเคลมจากทางแบรนด์

เนื้อครีมเข้มข้นฟื้นบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์

และลดเลือนริ้วรอยที่เห็นได้ชัดให้ดูตื้นขึ้น

ด้วย Retinol Vitamin A พร้อม Collagen

ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและยกกระชับผิวเพื่อป้องกันริ้วรอยในอนาคต

 และเติมเต็มความชุ่มชื่นล้ำลึกด้วย Super Hyaluronic Acid

เหมาะกับทุกสภาพผิว

ลักษณะของผลิตภัณฑ์

เป็นเนื้อครีมเข้มข้นมาก ตัวนี้จะเป็นเหมือนพวก Cream Pack

ที่สามารถทาในขั้นตอนสุดท้ายก่อนนอน

วิธีใช้

ตักครีมขึ้นมาจากกระปุก พอประมาณ

ไม่ต้องเยอะมากนะคะ จากนั้นก็ลูบไล้ทั่วใบหน้า

ให้ใช้หลังจากที่ทาโลชั่นและเอสเซ้นส์แล้วนะคะ

ความรู้สึกหลังการใช้

ความคิดเห็นส่วนตัว ส้มว่ามันเหนอะหน้าจนเกินไปสำหรับผิวมันอย่างส้ม

เพราะส้มมองว่า ผลิตภัณฑ์ทั้งเซตนี้ จะทำงานได้ดีกับคนที่ผิวแห้ง

ขาดความชุ่มชื้น เพราะส่วนตัวส้มเองเป็นคนผิวมันอย่างที่บอกค่ะ

สำหรับผลิตภัณฑ์เซตนี้ก็เลยยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

ชอบอย่างเดียว คือ มันช่วยทำให้หน้าชุ่มชื้นมากๆค่ะ

และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ใช้แล้วเป็นอย่างไรบ้างนั้น

หลังจากส้มได้ทาทั้ง 3 ตัวลงบนหน้าแล้ว

ส้มก็เลยเอาเครื่องมือวัดสภาพผิวมาทดสอบดู

ผลปรากฏว่า

หลังใช้ ความมันของผิวจาก 4 ขีด ลดเหลือเพียง 2 ขีด

(แต่ส้มยังรู้สึกหน้ามันอยู่ดีนะ)

แต่ความชุ่มชื้น และ ความเนียนเรียบของผิว ได้คะแนนเต็ม 5 เลยทีเดียว


 สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Retinol หรือเรียกง่ายๆกันว่า Hadalabo เซตสีแดงนี้

สำหรับส้มแล้ว ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นได้ดีมากๆค่ะ

แต่ส้มขอแนะนำให้กับคนที่มีผิวแห้ง และ ผิวเริ่มขาดความเนียนเรียบ

มีริ้วรอยบ้างแล้ว ก็แนะนำให้ใช้ได้ค่ะ

แต่ต้องใช้อย่างต่อเนื่องนะคะ ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วยค่ะ

ว่าจะเห็นผลในกี่เดือน 

วันนี้ส้มก็ต้องขอขอบคุณทาง Hadalabo ประเทศไทย

ที่เชิญให้ส้มได้เข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เซตนี้

และรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ที่มอบให้มาด้วยค่ะ

 สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

//www.facebook.com/WeLoveHadaLabo

แล้วพบกันใหม่ในรีวิวครั้งหน้าค่ะ



Sponsored by:






Create Date : 23 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2555 7:27:24 น. 3 comments
Counter : 6783 Pageviews.

 
ใช้ phd หรือ hada ดีคะ^^


โดย: nina IP: 110.171.54.18 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2555 เวลา:20:48:01 น.  

 
แล้วแต่สภาพผิวนะคะ ถ้าผิวแห้ง HADA ก็น่าจะเหมาะ เพราะมันจะทำให้ผิวชุ่มชื้นมาก แต่ถ้าผิวธรรมดาถึงผิวมัน PHD น่าจะเหมาะค่ะ


โดย: beautybyorangina วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:41:55 น.  

 
แล้วแต่สภาพผิวนะคะ ถ้าผิวแห้ง HADA ก็น่าจะเหมาะ เพราะมันจะทำให้ผิวชุ่มชื้นมาก แต่ถ้าผิวธรรมดาถึงผิวมัน PHD น่าจะเหมาะค่ะ


โดย: beautybyorangina วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:15:41:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

beautybyorangina
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 132 คน [?]




Friends' blogs
[Add beautybyorangina's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.