น้องแก้ม-กวินตรา เดินทางกลับสู่ประเทศไทย
ภายหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2008 ที่ประเทศเวียดนาม พร้อมสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้แก่ชาวไทยทั้งประเทศด้วยการคว้าตำแหน่ง ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยม (Best National Costume) มาครองได้เป็นผลสำเร็จ น้องแก้ม-กวินตรา โพธิจักร มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551 ได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 681 โดยมีสมาชิกในครอบครัว แฟนคลับ และกองทัพนักข่าวให้การต้อนรับอย่างคับคั่ง
เมื่อ 16 ก.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น้องแก้ม กวินตรา โพธิจักร มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2551 เดินทางจากประเทศเวียดนามถึงประเทศไทย โดยโผกอดพ่อแม่ นายเกรียงศักดิ์ และนางชุลีพร โพธิจักร ที่มารับ จากนั้นสาวงามเปิดให้สัมภาษณ์พร้อม นำถ้วยรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2008 มาอวด พร้อมอีก 2 ถ้วยรางวัล ที่มาจากกิจกรรมในกองการประกวด คือ อันดับ 3 จากรางวัล สุดสวยในชุดอ่าวหญ่าย และรางวัลขวัญใจมหาชนที่ได้จากการโหวตใน //www.missosology.org จากประเทศฟิลิปปินส์
น้องแก้มเล่าถึงบรรกาศบนเวทีตอนที่ประกาศผลรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม ว่า ตอนแรกสับสน เพราะไอร์แลนด์ กับไทยแลนด์ เรียกคล้ายกัน ยืนงงอยู่สักพัก จนทุกคนหันมามองจึงรู้ว่าเป็นเรา จึงเดินออกไป ซึ่งวินาทีนั้น เป็นความภาพภูมิใจอย่างที่สุด เพราะเคยบอกไว้แล้ว ว่าแก้มใส่ชุดนี้แล้ว แก้มมีความมั่นใจที่สุด และทำให้คิดถึงคนไทยทั้งประเทศด้วย
ตอนที่ประกวดชุดประจำชาติ เมื่อใส่ชุดมวยโบราณออกมา ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตอนที่ทำท่าทางประกอบ เรียกเชียร์ได้อย่างฮือฮาขึ้นมา เป็นกำลังใจได้มาก ซึ่งในกองประกวด มีความสนุกสนาน มีเพื่อนสนิทที่อยู่ห้องเดียวกัน เป็นมิสฟิลิปินส์ มิสมาเลเซีย มิสตุรกี ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน กับมิสเมนโดซ่า มิสยูนิเวิร์ส 2008 ก็มีความสนิทสนมกัน เขาชอบชุดประจำชาติ มาขอลองใส่ รวมถึงเพื่อนๆ ชาติอื่นๆ ก็ต่างชื่นชอบ ซึ่งทางกองประกวดเป็นชุดเอาไว้ จึงไม่มีใครได้ใส่ แต่ก็มีหลายคนที่ขอมาเรียนทำท่าทางมวยไทย น้องแก้มกล่าว
พูดถึงความรู้สึกแรกที่เดินทางถึงเวียดนาม
ความรู้สึกแรกในตอนนั้น กดดันมาก....กกกก!! เพราะแก้มแบกความหวังกับคนทั้งประเทศไว้ ในหัวไม่รู้คิดอะไร เครียดไปหมด ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง เครียดเรื่องภาษา จะพูดกับคนอื่นรู้เรื่องหรือเปล่า จะตอบคำถามคณะกรรมการยังไง แต่พอเวลาผ่านไปสักพักก็เริ่มปรับตัวได้ แต่คราวนี้ก็ดันมามีปัญหากับเรื่องของอาหาร ที่ทานไม่ค่อยได้เพราะจะเหมือนเดิมเกือบทุกวัน แต่ก็ยังดีค่ะ ที่ได้รูมเมตน่ารัก อย่างเจนิเฟอร์ ซึ่งเธอเป็นสาวฟิลิปปินส์ รวมถึงมาเลเซีย และตุรกีด้วย เราทั้ง 4 คนเหมือนไม่ได้มาประกวด เพราะไม่ต้องมาแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันเหมือนคนอื่นๆ จะไปไหนมาไหน และจะคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจกันตลอด
แล้วความรู้สึกแรก ที่ได้รับรางวัลชุดประจำชาติล่ะ
พอพิธีกรประกาศรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม บอกตามตรงเลยค่ะว่าวินาทีนั้นแก้มเข้าใจว่าเป็น ''ไอซ์แลนด์'' เพราะออกเสียงแล้วจะคล้องจองกับไทยแลนด์มั่กๆ ถ้าใครได้ดูถ่ายทอดสดทางช่อง 7 สี ก็จะเห็นว่าแก้มนิ่งไปสักพัก ซึ่งที่นิ่งไป ไม่ใช่ว่าอึ้งหรืออะไรนะคะ แต่ว่าแก้มไม่รู้ว่าเป็น มิสไทยแลนด์ มารู้ก็ตอนที่เห็นเพื่อนๆ กันมาปรบมือให้ ซึ่งรางวัลนี้แก้มก็ต้องขอขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ ที่ร่วมกันโหวตให้แก้มด้วยค่ะ
กับชุดมวยไทยโบราณ ทางคณะกรรมการและเพื่อนสาวงามเค้าว่ายังไง
ฮือฮามากเลยค่ะ จริงๆ นะ!! คือตอนแรกที่แก้มคลุมผ้าเดินออกไป ทุกคนก็ยังเฉยๆ เพราะคิดว่าคงจะเป็นผ้าไหม หรือไม่ก็พวกชุดไทย เหมือนทุกๆ ปี แต่พอเปิดผ้าคลุมและตั้งท่ารำมวยไทยเท่านั้นแหละ ทุกคนถึงกลับปรบมือและตะโกนไทยแลนด์ๆๆ ซึ่งพอแก้มได้ยินเสียงเชียร์ ก็เลยโชว์รำแม่ไม้มวยไทยเต็มที่เลย ปลื้มมากๆ ค่ะที่มีคนชอบ และไม่ใช่แค่คนเวียดนามเท่านั้นนะคะที่ชอบ แก้มจะบอกให้ว่า ขนาด ดายาน่า เมนโดซ่า มิสยูนิเวิร์สคนล่าสุด เค้ายังมาขอสวมชุดมวยไทย และเพื่อนๆ คนอื่นๆ เค้าก็ขอให้แก้มสอนท่ารำมวยไทยให้ด้วย
ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่วัฒนธรรม
รู้สึกภูมิใจค่ะ ยังตื่นเต้นไม่หายเลย เพราะไม่นึกมาก่อนว่า พี่-น้องชาวเวียดนามจะให้การต้อนรับแก้มมากขนาดนี้ เชื่อมั้ยว่า เพื่อนๆ ในกองประกวดตั้งฉายาให้ และเรียกแก้มว่า ''แก้มไทยแลนด์บ็อกซิ่ง'' ซึ่งแก้มภูมิใจนะ ที่ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ศิลปะความเป็นไทย ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก ขนาดบอร์ดี้การ์ดที่กองประกวด ยังบอกเลยว่าพอเสร็จงานแล้วเค้าจะมาเรียนมวยไทยที่บ้านเรา นี่ยังเสียดายอยู่เลย เพราะชุดนั้นทางกองประกวดเค้าเก็บไว้ ไม่งั้นแก้มกะว่าจะใส่ลงจากเครื่องเลยนะ (หัวเราะ)
สิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำ หลังกลับถึงบ้าน
ไม่ทำอะไรนอกจากจะกอดและหอมแก้ม พ่อกับแม่ เพราะอยู่ที่เวียดนาม 1 เดือนเต็มๆ คิดถึงท่านมากค่ะ
จากเวทีนางงาม วางอนาคตในวงการบันเทิงไว้ยังไง??
อย่างที่แก้มเคยพูดไว้นะคะ ว่าถึงตอนนี้แก้มยังไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบอะไร เหมาะสมกับงานประเภทไหนในวงการบันเทิง เพราะฉะนั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ ที่จะให้โอกาสและเห็นสมควรว่าแก้มเหมาะกับอะไร แต่ถ้าเลือกได้แก้มก็อยากจะเล่นละคร เพราะแก้มเป็นตัวของตัวเองมานานแล้ว อยากจะสวมบทบาทเป็นคนอื่นบ้าง ซึ่งมันจะเป็นบทพิสูจน์ความสามารถของเราได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ส่วนเจ้าของตำแหน่งชุดประจำชาติ คนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ชาติไทย บนเวทีนางงามจักรวาล อย่างน้อง ''แก้ม'' กวินตรา โพธิจักร จะเดินไปในทิศทางใด และจะประสบความสำเร็จ เหมือนดั่งเส้นทางการประกวดของเธอหรือไม่ ต้องติดตาม
| Create Date : 17 กรกฎาคม 2551 |
| Last Update : 17 กรกฎาคม 2551 2:37:48 น. |
|
2 comments
|
| Counter : 1650 Pageviews. |
 |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [
