ไหว้พระจังหวัดอ่างทอง – สิงห์บุรี กับ ขสมก เขต 6 (ตอนแรก) อาทิตย์ 20 กุมภาพันธ์ 2554 โปรแกรมนี้นู๋เมี่ยงขอฉายเดี่ยว เพราะเห็นว่าเป็นทริปสั้นๆ เช้าไปเย็นกลับ ค่าใช้จ่ายก็ไม่หนักหนา พอที่จะประเดิมออกเที่ยวคนเดียวแบบง่ายๆ อู่รถเมล์เขต 6 วัดม่วง ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก และยิ่งเป็นวันอาทิตย์ ใช้เวลาตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านถึงอู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ มาถึงก็นั่งรอ ... เดินออกไปซื้ออาหารเช้าทานก่อนดีกว่า ปกติไม่เน้นทานอาหารเช้าเท่าไหร่นัก แค่นี้พออยู่ได้สบายละ 7 โมงเช้าเตรียมขึ้นรถกันเลย เจ้าหน้าที่เช็คจำนวนผู้โดยสาร ออกรถค่อนข้างตรงเวลา เดินทางด้วยรถยูโรปรับอากาศ นู๋เมี่ยงเลือกที่นั่ง ได้ตรงเบาะแรก ที่นั่งคนเดียวฝั่งเดียวกับคนขับ ตลอดการเดินทางมีการเล่นเกมตอบคำถามบนรถ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ขสมก ได้เตรียมเหรียญพระและเหรียญที่ระลึกให้กับผู้ตอบคำถามได้ถูกต้องด้วย นอกจากนี้ยังมีการเล่าเรื่องขำขัน แสดงมายากลสั้นๆ จากเจ้าหน้าที่ สร้างความเพลิดเพลินแก่ผู้โดยสารเป็นอย่างดี วัดจันทรังษี 8.30 น. แวะกราบหลวงพ่อสดที่วัดจันทรังษี อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดสิงห์บุรี วัดนี้มีพื้นที่สองฝั่งถนน (วัดอกแตก) ฝั่งหนึ่งมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “หลวงพ่อโยก” ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นที่ตั้งของวิหารหลวงพ่อสด รถโดยสารจอดให้นักท่องเที่ยวลงอยู่ด้านฝั่งวิหาร - วัดจันทรังษี สาขาของวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ - - รูปหล่อเหมือนโลหะ หลวงพ่อสด - ภายในวิหารประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อสด – พระมงคลเทพมุนี (แห่งวัดปากน้ำ กรุงเทพฯ) องค์ใหญ่ที่สุดในโลก องค์หลวงพ่อทำจากโลหะสีทองเหลืองอร่าม ขนาดหน้าตักกว้าง 6 เมตร 9 นิ้ว สูง 9.9 เมตร หนัก 45 ตัน สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2539 นอกจากนี้บนผนังภายในพระวิหารมีภาพวาดการทำสมาธิตามอุบายของหลวงพ่อ ซึ่งบางคนอาจเคยได้ยินสูตร “ศูนย์ เจ็ด สอง” มาก่อนหน้านี้ อธิบายคือ การวางตำแหน่งของการจับสมาธิให้ใจอยู่ที่ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด เหนือสะดือขึ้นมาสองนิ้ว ไม่รู้ว่นู๋เมี่ยงเข้าใจผิดหรือถูกประการใด ผู้ใดรู้ก็ช่วยเข้ามาชี้แจงด้วยนะคะ เพื่อเป็นวิทยาทาน ฝั่งพื้นที่บริเวณเดียวกับพระวิหารยังมี “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ สี่หน้า แกะสลักด้วยไม้หอม สูง 5 เมตร 8 นิ้ว จากสาธารณรัฐประชาชนจีนประดิษฐานอยู่ในวิหารเก๋งจีนรูป 8เหลี่ยม ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ยังไม่แล้วเสร็จ - เก๋งจีน “วิหารเมตตาธรรม” ที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร – หลังจากแกะสลักองค์เจ้าแม่กวนอิมเสร็จแล้ว ได้อัญเชิญท่านลงเรือมาประเทศไทย และประดิษฐานที่วัดจันทรังษี ในวันที่ 15 มีนาคม 2552 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันประสูติของพระโพธิสัตว์กวนอิม* ในเวลา 9 โมง 9 นาที *หมายเหตุ วันประสูติของพระโพธิสัตว์กวนอิมในปี 2554 ตรงกับวันพุธที่ 23 มีนาคม - ซูมให้เห็นพระพักตร์องค์เจ้าแม่กวนอิมกันอย่างชัดๆ – วัดอัมพวัน เจ้าหน้าที่ฯ กะเวลาให้พวกเราเดินทางไปถึงวัดอัมพวัน เพื่อให้ทันนมัสการ “หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม” ซึ่งจะลงมาพบญาติโยมประมาณ 9 โมงครึ่ง ซึ่งคณะเดินทางของพวกเราทำเวลาทันหลวงพ่อพอดี นู๋เมี่ยงเห็นผู้คนยืนรอต่อแถวจนล้นออกศาลา เลยไม่ได้เข้าไปกราบท่าน แต่ก็ได้เห็นศรัทธาของผู้คนที่หลั่งไหลเวียนเข้าไปกราบท่าน เลยยกมือพนมมือวันทาท่านจากด้านนอกศาลาแทน ขณะที่ศาสนิกชนหลั่งไหลเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อจรัญ นู๋เมี่ยงก็ออกมาเดินไปเรื่อย หาพระอุโบสถ รู้สึกเงียบดี ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านบริเวณนี้ เดินกลับมานั่งรอในรถ ใช้เวลาเดินทางจากวัดอัมพวันสู่วันพระนอนจักรสีห์ประมาณ 15 นาที วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พระพุทธเจ้าขณะประสูติ ได้ทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว มีดอกบัวผุดขึ้นรองรับขณะทรงก้าวเดิน และทรงประกาศว่า “เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา" เชื่อว่า ต้นสาละที่นี่หากใครปรบมือแล้วดอกสาละตกลงมาใส่มือได้ (ห้ามเด็ดนะจ๊ะ) จะโชคดี เหอ เหอ นู๋เมี่ยงเลยต้องงัดกลยุทธ์ใหม่ ถ่ายรูปดอกสาละมายกช่อ ยกกิ่งเลย ไม่ใช่แค่ดอกเดียวด้วย กะว่าจะได้โชคดียกแผงไปเล้ยยยย - ต้นสาละลังกาใหญ่ ต้นไม่สำคัญในพุทธประวัติ - ถ่ายภาพดอกสาละมาฝากค่ะ ขอให้เพื่อนๆ ชาวบล็อกโชคดีกันทุกคนนะคะ เข้าไปกราบองค์พระนอนจักรสีห์กันเลยดีกว่าค่ะ ท่านประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหาร พระนอนจักรสีห์เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ซึ่งมีขนาดยาวกว่าพระนอนองค์อื่นๆ ของไทย มีความยาว 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้วหรือประมาณ 47 เมตร 42 เซนต์ มีพุทธลักษณะแบบสุโขทัย ไม่มีหลักฐานระบุชัดว่าองค์พระสร้างขึ้นในสมัยใด เสียดายว่าตอนนี้กำลังมีการบูรณะองค์กันอยู่ ไม่แน่ใจว่ามีการลงสี ขัดเงาท่านใหม่ด้วยรึเปล่าเพราะผิดแผกไปจากที่เห็นในถ่ายภาพเดิม ประวัติหลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ "หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์ " เป็นรูปของพระพุทธเจ้าปางไสยาสน์เทศนาปาฏิหาริย์แก่อสุรินทราหู ผู้เป็นยักษ์ เพื่อลดทิฎฐิของอสุรินทราหูที่ถือว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์ "หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว 3 เส้น 3 วา 2 ศอก 3 คืบ 7 นิ้ว ดังที่กล่าวมาแล้ว พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักต์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามอย่างมาก มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า “สิงหพาหุ“ มีพ่อเป็นสิงห์พอรู้ความจริงคิดละอายเพื่อนว่าพ่อเป็นสัตว์เดรัจฉานจึงฆ่าสิงห์ตาย ภายหลังรู้สึกตัวกลัวบาปและเสียใจเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระพุทธรูป โดยเอาทองคำแท่งโต 3 กำมือ ยาว 1 เส้น เป็นแกนขององค์พระ เป็นการไถ่บาปและพระพุทธรูปมีอยู่ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชามาหลายชั่วอายุคน จนองค์หลวงพ่อพระนอนได้พังทลายลงเป็นเนินดิน กาลนานต่อมา “ท้าวอู่ทอง” ได้นำพ่อค้าเกวียนผ่านมาทางนี้ แล้วพบแกนทองคำฝังอยู่ในเนินดิน และทราบเรื่อง “สิงหพาหุ” จึงเกิดความเลื่อมใสและเห็นเป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา จึงชักชวนพ่อค้าเกวียนก่อสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้น โดยใช้ทองแท่งทองคำที่พบนั้นเป็นแกนองค์พระ จน พ.ศ. 2297 และ พ.ศ. 2299 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ แห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เสด็จมานมัสการและซ่อมแซมองค์พระพร้อมทั้งได้สร้างพระวิหาร พระอุโบสถ และเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้นใหม่ ในปี พ.ศ. 2423 และ พ.ศ. 2444 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จมานมัสการ และวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชได้เสด็จมานมัสการพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ข้อมูลจากเวปไซค์ “ธรรมะไทย” //www.dhammathai.org/watthai/central/watpranonjaksi.php ภายในพระวิหารพระนอนจักรสีห์ยังมี “พระกาฬ” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลาลงรักปิดทอง และ “พระแก้ว” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหล่อ ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธ์ แต่ที่นู๋เมี่ยงแปลกใจคือชาวบ้านมีคติความเชื่ออะไรนอกจากจะปิดทององค์พระแล้ว ยังต้องแปะเหรียญไว้ตามตัวองค์พระ หรือแม้แต่อย่างรอยพระพุทธบาทอีก เป็นต้น จนทำให้ศาสนวัตถุดูตะปุ่มตะปั่มไปหมด จนขาดความงดงามไปอย่างน่าเสียดาย - หลวงพ่อพระกาฬ – ทั้ง “หลวงพ่อพระกาฬ” และ “หลวงพ่อพระแก้ว” เป็นพระเก่าแก่สมัยรัชกาลที่ 5 ใช้เป็นพระประธานในการถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ - หลวงพ่อพระแก้ว - พวกเราใช้เวลาที่วัดแห่งนี้ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ เจ้าหน้าที่จาก ขสมก.แนะนำว่าโอเลี้ยงของที่นี่อร่อย เข้มข้น ทำให้รู้สึกว่าต้องลิ้มลองสักหน่อย เมื่อรับประทานทานอาหารและเครื่องดื่มของทางวัดแล้ว ก็ขออนุโมสาธุกับสาธุชนผู้ร่วมบริจาคทานเลี้ยงอาหารในครั้งนี้ และนู๋เมี่ยงขอร่วมสมทบบริจาคให้กับโรงทานกลับคืนไปด้วยค่ะ - มื้อกลางวันข้าวต้มหมูกะโอเลี้ยง – 11.30 น. ล้อหมุนสู่วัดพิกุลทอง ระหว่างเดินทางบนรถ เจ้าหน้าที่ขสมก.ที่ร่วมเดินทางมาด้วยออกมาเล่นมายากลให้ผู้โดยสารชม เรียกเสียงปรบมือจากทุกๆ คน จวนเที่ยงแล้ว รถยูโรของพวกเราก็มาถึง “วัดพิกุลทอง” นับเป็นวัดที่สี่ การเดินทางไหว้พระช่วงเช้าที่ผ่านมาทั้ง 3 วัดนั้นถือว่าจบครึ่งหนึ่งของการท่องเที่ยวโปรแกรมนี้พอดี นู๋เมี่ยงขอยกการเที่ยวครึ่งหลังไว้เล่าในบล็อกหน้าแล้วกันนะคะ ราตรีสวัสดิ์ นอนหลับฝันดีกันทุกคนค่ะ บันทึกจากภาพความทรงจำ พฤหัสบดี 24 มีนาคม 2554   Create Date : 25 มีนาคม 2554 11 comments Last Update : 25 มีนาคม 2554 0:42:41 น. Counter : 6158 Pageviews. Share Tweet

จังหวัดนี้วัดเยอะจริงๆครับ แต่ผมเคยไปทำบุญอยู่2วัด คือ วัดพระนอนจักรสีห์ กับ วัดพิกุลทอง   โดย: ouanoy 25 มีนาคม 2554 9:09:14 น.

แวะมาทักทายครับ ตามไปเที่ยวด้วยคน   โดย: กัปตันลูกชุบ 25 มีนาคม 2554 10:09:38 น.

ขอเข้ามานมัสการด้วยคนคะ   โดย: ASDK_MK 25 มีนาคม 2554 11:40:04 น.

มาไหว้พระด้วยคนคะ ขอบคุณที่เอารูปดี ๆ มาฝากนะคะ นัทคนอ่างทองแท้ ๆ ยังไม่เคยเอารูปวัดที่อ่างทอง อยุธยาและสิงห์บุรีฝากเลย แหะ ๆ   โดย: We Are FroM BeLGiUM 25 มีนาคม 2554 16:17:53 น.

สวัสดีค่ะ กำลังอ่านเพลินๆ เลยค่ะ ไว้อัพเมื่อไหร่ส่งข่าวบอกด้วยนะคะ ว่าแต่ขึ้นรถที่อู่ อู่อยู่ตรงไหนค่ะ แล้วราคาทริปเท่าไหร่   โดย: mamminnie 25 มีนาคม 2554 16:33:57 น.

สวัสดีค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ เราก็ไปกับทัวร์ขสมกหลายจังหวัดแล้ว ตั้งใจจะไปให้ครบทุกจังหวัดเลย   โดย: ชื่นใจ IP: 10.0.1.188, 180.183.108.244 26 มีนาคม 2554 9:12:22 น.

เข้ามานมัสการด้วยคนครับ นู๋เมี่ยง   โดย: อ๋อ ขอนแก่น IP: 223.207.32.112 26 มีนาคม 2554 10:53:01 น.

ตามมาเที่ยว สิงห์บุรี ครับ   โดย: Kavanich96 27 มีนาคม 2554 8:59:08 น.

ทริปนี้ต้องการไปเป็นอย่างมากเลยค่ะพอได้อ่านแล้วยิ่งอยากไปมากขึ้นอีกค่ะ ต้องหาเวลาไปให้ได้เลย เป็นแฟนขสมกเขต6 ค่ะ เพราะใกล้บ้านค่ะ   โดย: ศิริรัตน์ เทพอารีย์ IP: 58.11.3.63 30 มีนาคม 2554 14:11:34 น.

ดีใจค่ะ ที่เพื่อนๆ ชาวบล็อกสนใจทริปนี้ นู๋เมี่ยงไม่มีรถ และงบจำกัดเลยต้องอาศัยรถเมล์นี่แหละ เขียนไปเขียนมา อ้าว... เจอคนอ่านใช้บริการเขต 6 ด้วยเหมือนกัน สักวันเราอาจมีโอกาสโคจรเดินทางไปเที่ยวพร้อมกันก็ได้นะคะ ไม่ว่าจะเที่ยวที่ไหน ไม่ว่าจะเที่ยวถูก เที่ยวแพง ขอให้พร้อมที่จะเปิดใจรับรู้ ทำใจให้สนุก สดใส แล้วก็เข้าเชิญเพื่อนๆ ช่วยไปอ่านทริปนี้ตอนจบได้ในบล็อกถัดไปด้วยนะคะ   โดย: นู๋เมี่ยง (มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ ) 1 เมษายน 2554 21:03:17 น.

อยากไปวัดอัมพวัน   โดย: rungsoda 3 สิงหาคม 2554 9:50:47 น.