Keep your eyes on the stars, and your feet on the ground.
เป็นยังไงมายังไง

เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เคยหลงคิดว่าตัวเองก็เรียนดีใช้ได้ พอโตขึ้นเราถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเราคิดผิด เพราะคณะที่เราเข้าเรียนล้วนแล้วแต่หัวกะทิกันทั้งนั้น รู้สึกตัวเองง่อกง่อยไปในทันทีทันใด

ช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เราเรียนอยู่ที่ต่างจังหวัด ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ ขับรถ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

ตอนประถม เราสอบได้ที่ 1 ของห้องมาโดยตลอด โดยที่ไม่เคยได้อ่านหนังสืออะไรกะเค้าเลย เคยเป็นตัวแทนนักเรียนไปแข่งขันเลขคณิตคิดไว เคยแข่งตอบคำถามภาษาอังกฤษ แข่งคัดลายมือ และเป็นนางรำของโรงเรียน ตอนจบ ป.6 ผลการเรียนเราได้เป็นที่ 1 ของโรงเรียน แต่ว่าเราก็ไม่ได้โควต้าเข้าเรียนต่อโรงเรียนประจำจังหวัด คุณครูบอกว่าให้เราสอบเข้าเอง เพราะยังไงก็น่าจะได้อยู่แล้ว (T_T) ส่วนโควต้านั้นก็ตกไปให้เพื่อนที่เป็นนักกีฬาโรงเรียนแทน

แต่ไม่เป็นไร เราสอบเข้าเองก็ได้ เราตั้งใจเรียนจนได้เกียรติบัตรเรียนดีทุกเทอม จนกระทั่งจบ ม.ต้น ทีนี้พอจะต่อ ม.ปลาย ก็สบายละ ไม่ต้องดิ้นรนอะไร เพราะได้โควต้าเรียนต่อที่เดิม

ตอน ม.ปลาย เป็นช่วงชีวิตช่วงหนึ่งที่สนุกมาก จำได้ว่าวิชาเลือกตัวแรกที่ลงเรียนคือพิมพ์ดีดไทย เป็นอะไรที่ตื่นเต้น ท้าทายมากโดยเฉพาะตอนจับเวลาสอบ แต่เราว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วเพราะมันทำให้เราสามารถพิมพ์แบบสัมผัสได้จนถึงทุกวันนี้ อ้อๆๆ รู้แล้ว มันมีประโยชน์อย่างงี้นี่เอง 55

ตอนนั้น เรียนๆ เล่นๆ สนุกไปวันๆ มีอยู่ครั้งนึงสงสัยอาจารย์เห็นเราลงเรียนวิชาเลือกเกี่ยวกับการเกษตรมั้ง (หลังจากพิมพ์ดีดไทยแล้ว เราเลือกแต่เกษตรตลอดเลย สนุกดี ชอบใช้แรงงาน ไม่ชอบใช้สมอง 555) ก็เลยส่งเราไปสอบแข่งขันวิชาการเกษตร หุหุหุ หนูไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังใช่มั้ยคะ ได้ตั้งที่รองบ๊วยมาแน่ะ 55

ช่วงที่ใกล้จะจบม.ปลาย จะเป็นช่วงมีโควต้าจากที่ต่างๆ มามากมาย ตอนนั้นเรามีทางเลือกอยู่ 3 ทาง ทางแรกคือได้โควต้าเรียนต่อวิศวะ อุตสาหการ ที่บางมดโดยไม่ต้องสอบ แต่ว่า โห...ใจตุ๊มๆ ต่อมๆ มากเลย เพราะกลัวว่าถ้าไม่คว้าเอาไว้ เดี๋ยวเกิดสอบอันอื่นไม่ติดล่ะ แย่เลยนะ แต่อีกใจนึงก็คิดว่าเราไม่เคยอยากที่จะเรียนวิศวะมาก่อนเลย ตอนนั้นก็เลยสละสิทธิ์ไป

ทางที่สอง คือ เราไปสมัครสอบโควต้าที่คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตร เอาไว้ สอบได้ด้วยสิ เอาไงดีละเนี่ย เฮ่อ ชักลังเล...

ทางสุดท้าย เอาละ มันเป็นทางที่เปลี่ยนชีวิตเรามาจนถึงทุกวันนี้นั่นแหละ เพราะในท้ายที่สุด เราก็สอบติดแพทย์ เรียนกันไป 6 ปีถึงจะจบ จบแล้วก็ต้องทำงานใช้ทุนอีก (ไม่รู้ทุนใคร) แต่ว่าตอนนี้เรากำลังเรียนต่อเฉพาะทางรังสีอยู่ จะจบอีกไม่กี่เดือนนี้แล้ว เย่ๆ.


Create Date : 06 สิงหาคม 2552
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2553 21:31:00 น. 5 comments
Counter : 520 Pageviews.

 
อ่านแล้วก็เหนื่อยแทน

วันๆ ก็ทำอะไรเยอะแยะอยู่แล้ว
เห็นใน profile ยังบอกว่า ท่อง
อินเทอร์เน็ตเป็นงานอดิเรกอีก

อะไรจะขยันปานนั้น

ว่าแต่มันท่องยากไม๊
ตอนนี้คุณบีมท่องได้เยอะรึยังครับ
เหลืออีกกี่หน้าอ่ะกว่าจะท่องหมด
เอาใจช่วยนะครับ อิอิ

emo


โดย: Kingdom of Heaven วันที่: 6 สิงหาคม 2552 เวลา:12:58:48 น.  

 
อีก 1 ปี ก็จบแล้วดีใจด้วย

ผ่านชีวิต resident ไปได้ ชีวิต เราจะอึดสุดๆ ไม่มีอะไรจะเครียดเท่าการเป็น resident แล้ว


โดย: big head วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:19:55:16 น.  

 
คุณหมอป้าบีมเก่งจัง เลยยยย.. เอิ๊ก.. เอิ๊ก..


ฮูเล ฮูเล ฮ่า ฮ่า (กองเชียร์)



โดย: Only HuMan วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:5:51:29 น.  

 
อืมมมมมมมมม ประสพความสำเร็จทั้งเรื่องเรียน การงาน เดี๋ยวความรักก็จะตามมานะจ๊ะ


โดย: ลกว. (ลองกองหวาน ) วันที่: 20 ธันวาคม 2552 เวลา:12:44:08 น.  

 
เย้ ๆ แฟนเราเก๊ง เก่ง


โดย: นางพญา...ผู้สง่างาม วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:40:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Beam of Love
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Beam of Love's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.