"Gravitation is not responsible for people falling in love"
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
25 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 
Schindler's List (1993)

นักแสดงนำ : Liam Neeson, Ben Kingsley, Ralph Fiennes
ผู้กำกับ : Steven Spielberg

Shindler's List เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนายทุนสงครามและทาสแรงงานชาวยิวที่ไม่เคยรู้ชะตาตนเองเลยว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันไหน!!

ก่อนอื่นเลย ขอออกตัวล้อฟรีก่อนว่า ก่อนหน้าที่ผมได้เคยอ่านบล็อกที่เขียนเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ไว้แล้ว และข้อมูลทางประวัติศาตร์ก็แน่นเอามากๆ (พอดีไม่ได้เก็บ link เอาไว้) แต่ว่าในบล็อกนี้ ผมอยากจะสื่อถึงความประทับใจในหนังเรื่องนี้ เอาเป็นว่าชอบมากแค่ไหนไม่รู้ แต่บ้าเลือดถอย DVD แผ่นแท้ Import (Zone3) มาเกือบพัน อาจจะมั่วนิดๆแต่เอาขำๆละกันครับ

============================================

ย้อนไปช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันได้บุกประเทศต่างๆและทำการกวาดล้าง/กวาดต้อนชาวยิวในเมืองต่างๆทั้งในเยอรมันเองและในประเทศที่เยอรมันยึดได้

ช่วงนั้น Oskar Schindler (Liam Neeson) นักธุรกิจเลือดเยอรมันได้ตัดสินใจทำโรงงานผลิตหม้อ(เสบียง)ส่งบำรุงกองทัพ โดยที่เค้าได้ทำการตีสนิททหารในกองทัพโดยการสินบนเล็กๆน้อยๆเพื่อให้ได้ปัจจัยในการเริ่มต้นธุรกิจคือโรงงานและแรงงาน

ในช่วงที่ Schindler บริหารโรงงานของเขานี่เอง เขาก็ได้สัมผัสกับความโหดร้ายของ ผู้ควบคุมค่ายกักกัน Amon Goeth (Ralph Fiennes) ภายในค่ายของ Amon ทุกคนมีสิทธิตายได้ทุกวินาทีแม้จะเป็นด้วยเหตุผลเล็กน้อยแค่ว่า "เล็บยาว" และด้วยความโหดเหี้ยมไร้ความเมตตานี่เอง ทำให้ Schindler เอง ก็เริ่มเปลี่ยนตัวเองจากนายทุนผู้มีลมหายใจเป็นผลประโยชน์ของตน กลายเป็นผู้ที่แสวงหาความเมตตาและความอยู่รอดของเหล่าเชลยทาสชาวยิวที่เขาพบว่าถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมได้ทุกวัน การกวาดล้างชาวยิวที่หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน จะอายุเท่าไหร่ จะอยู่อย่างหลบซ่อนแค่ไหน ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในค่ายกักกันหรือโรงงาน ที่ที่ทุกคนจะต้องไปคือความตายเท่านั้น!!! Schindler เคยแม้กระทั่งโน้มน้าวให้ Amon รู้จักใช้ความเมตตาและการให้อภัย แต่ก็ไม่สำเร็จ

Schindler เริ่มซื้อแรงงานชาวยิวเข้ามาในโรงงานมากขึ้นๆ ด้วยเหตผลที่ว่าความปลอดภัยที่มีมากกว่าในค่าย เขาเลือกซื้อคนที่ลำบากอย่างคนแก่.. คนพิการ.. ช่วงนี้เขาต้องตระเวนสินบนเจ้าหน้าที่ทหารนาซีไปทั่ว เข้าสู่ช่วงท้ายสงคราม ฮิตเลอร์ ได้มีคำสั่งลงมาให้สังหารชาวยิวในค่ายทั้งหมด.. Schindler รู้ดีว่าทางรอดเดียวของคนเหล่านั้นคือโรงงานของเขา หากไม่แล้ว ปลายทางของคนเหล่านั้นก็ไม่พ้น "โรงงานสังหาร" อย่าง Auschwitz Schindler ซื้อคนเหล่าด้วยเงินมี่เขามีอยู่เกือบทั้งหมด.. ช่วงต้นสงครามจากบุรุษที่ร่ำรวยทรัพย์สินเขาแทบหมดตัว.. Schindler ได้ให้ผู้ช่วยชาวยิวของเขาคือ Itzhak Stern (Ben Kingsley) ช่วยกันจัดทำรายชื่อชาวยิวทั้งหมดเท่าที่เขามีกำลังจะซื้อ(สินบน)ได้.. ซึ่งมีมากกว่า 1,100 คน เรียกรายชื่อนี้ว่า Schindler's List

เมื่อสิ้นสุดสงคราม Schindler กลายเป็นผู้ต้องหาค้าสงคราม, Amon ถูกแขวนคอ และก่อนที่ Schindler's จะต้องหนีไป Stern ได้รวบรวมลายชื่อของพวกเขา(ชาวยิวทั้งหมดที่ Schindler ช่วยเหลือไว้) พร้อมลายเซ็นต์เป็นหลักฐานความบริสุทธิ์เผื่อต้องถูกจบกุมพร้อมกับแหวนทองที่เป็นสิ่งที่ค่าสิ่งเดียวที่คนยิวเหล่านั้นจะมี โดยหลอมจากฟันของแรงงานยิวคนหนึ่ง ขณะที่ Schindler รับสิ่งของท่านกลางกลุ่มคนยิวของเขา เขามองผู้ที่รอดรอบตัวเขาเริ่มร้องไห้และฟูมฟายถึงสิ่งมีค่าที่ยังติดตัวเขาอย่างปากกา,เข็มกลัด ที่เขาน่าจะเอาไปแลกเป็นคนได้มากกว่านี้.. สุดท้าย Stern ก็เข้ามากอดและปลอบว่า "มากพอแล้ว.. แค่นี้ก็มากพอแล้ว" และคนยิวของเขาที่อยู่รอบๆก็เข้ามากอดและส่งเขาขึ้นรถเพื่อหลบหนีไป...

ปัจจุบัน คนยิวของ Schindler และลูกหลานของคนเหล่านั้น มีประชากรมากกว่า 6,000 คน (1993 ข้อมูลจากภาพยนต์) ฉากสุดท้ายของหนัง เป็นบุคคลใน Schindler's List พร้อมลูกหลาน ได้มาวางหินบนหลุมศพของ Oskar Schindler เพื่อเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของเขา และรัฐบาลอิสราเอลได้ตั้งชื่อถนนเส้นหนึ่งในกรุงเยรูซาเลมเพื่อเป็นเกียรติแก่ Oskar Schindler ด้วย...

==========================================

ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆสำหรับเรื่องนี้ของพ่อมดแห่ง Holywood สำหรับเรื่องนี้ดูจนจบแล้วพาลน้ำตาจะไหล ทำได้น่าจดจำจริงๆ เห็นฉากหลายๆฉากในเรื่องนี้ทำให้เข้าใจเลยว่า ความกลัวต่อมนุษย์ด้วยกันเอง ความกลัวที่จะไม่มีชิวิตอยู่ในวันพรุ่งนี้มันรุนแรงจริงๆ ความเครียดสุดๆของแรงงานยิวที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะถูกส่งไปที่ไหน แต่ละคนก็ได้ยินแต่ข่าวลือว่าจะถูกส่งไปโรงงานสังหาร ภาพการเอาชีวิตรอด การสังหารโดยไร้ความปราณี ความโหดร้ายของมนุษย์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำกับมนุษย์ด้วยกันได้ถึงขนาดนี้ มันสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่ว่า หากมนุษย์จะถูกทำให้หายไปจากจักวาลนี้ได้ ก็คงเป็นเพราะน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง

==============================================



1. Amon(ขวาสุด)ลากคนงานออกมาจ่อยิง




2. เด็กในค่าย Plazow ต้องหนีหัวซุกหัวซุนหลบในส้วม ส่วนที่ถูกจับได้ราว 300-400 ถูกส่งขึ้นรถไปสังหารที่ Auschwitz




3. ...




4. ศพที่ถูกกวาดต้อนและสังหารหมู่ที่สลัมรวมทั้งที่ถูกสังหารภายในค่ายทั้งหมดกว่า 10,000 ศพ ถูกขุดขึ้นมาเผาทำลาย




5. Stern กับ Schindler ตอนที่ทั้งคู่ร่วมกันทำรายชื่อ Schindler's List




6. รายชื่อเหล่านี้คือชื่อคนงานที่ Schindler ทำการสินบนทหารนาซี(Amon ก็ด้วย)เพื่อขอซื้อและย้ายไปทำในโรงงานที่เชค-สโลวักฯ




7. รถไฟที่ผิดพลาด ส่งผู้หญิงไป Auschwitz ขณะที่ขบวนของผู้ชายไปถึงเชกฯก่อนหน้านี้แล้ว ผู้หญิงต้องอยู่ที่นี่นานถึงสามสัปดาห์ ในภาพเป็นวินาทีที่ทุกคนต่างนึกว่าถูกรมแก๊ส ว่ากันว่า ค่าย Auschwitz เพียงแห่งเดียว สังหารคนไปกว่า 4 ล้านคน 80% เป็นยิว




8. ...




9. ...




10. List ที่คาดว่าจะเป็นฉบับจริง..??



11. ...He was life , He was maybe future, He was God for us...
Farewell Oska Schindler



Whoever saves one life,saves the world entire.




Create Date : 25 มิถุนายน 2548
Last Update : 23 มีนาคม 2549 21:00:14 น. 8 comments
Counter : 5744 Pageviews.

 
เย้ๆๆๆ ดีใจ

กลับมาอัพบล็อกซะทีนะคะ


ขอบคุณที่ไปบอกเล่าเรื่องราวการทำดี (หรือไม่ทำเลว) นะคะ

จริงๆ เราว่าความซื่อสัตย์ (ในกรณีของคุณ) ก็เป็นความดีอย่างหนึ่งนะคะ แล้วเราก็เชื่อว่าในปัจจุบันนี้น้อยคนที่จะคืนเงินค่ะ ส่วนใหญ่ก็คิดว่า โชคดีว่ะ ฟลุค ฯลฯ



มาอัพเรื่องหนังบ่อยๆ นะคะ จะคอยอ่าน

หลายบล็อกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหนังก็น่าอ่านนะคะ ลองไปอ่านของเพื่อนๆ ดู



ส่วน Schindler's List ไม่ชอบตอนเค้าร้องไห้ตอนสุดท้าย (ที่บรรดาลูกน้องเค้าเอาเงิน+ทองทั้งหลายมาให้ เราว่ามันเฟคน่ะ) กับตอนเป็นภาพสีแล้วคนที่มีชีวิตจริงๆ มาวางดอกไม้น่ะ เราว่ามันพิกลๆ ยังไงไม่รู้




โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 มกราคม 2549 เวลา:9:16:00 น.  

 
อิอิ ขอบคุณครับที่เข้ามา Comment

ได้เข้าไปอ่านที่ Blog ของคุณสาวไกด์แล้วท่าจะทางจะเป็นนักดูหนังตัวยงเหมือนกันนะครับ ของผมแค่ part time ครับ เมื่อก่อนจะดูบ่อย แต่ก็เก็บเฉพาะหนังบิ๊กเนมหน่อย หลังๆนี่ไม่ค่อยได้ดูแล้วหล่ะครับ

ว่ากันต่อด้วยเรื่องพอดีมีข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยเกี่ยวกับ Schindler's list ตอนแรกก็ว่าเรื่องนี้น่าจะมี fake บ้างหล่ะครับ ตามความเหมาะสมสไตล์สปิลเบิร์ก คล้ายๆกับที่ได้ทำกับ Saving Private Ryan ครับ แต่พอได้ดู DVD แผ่นโบนัส "Voices from the list" ทำให้ความคิดเปลี่ยนครับ รู้สึกว่าสปีลเบิร์กได้รับแรงบรรดาลใจในการทำเรื่องนี้จากที่เขาไปร่วมงานของมูลนิธิที่ช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกทำทารุณกรรม(ทั่วโลก มีหลาย case) ชื่อมูลนิธิผมจำไม่ได้แต่เขาได้พบกับบุลคลใน Schindler's list ที่งานนั่นเอง.. และเท่าที่ได้ดูบทสัมภาษณ์ของบุคคลจริง เทียบกับหนัง รายละเอียดก็ตรงกันอยู่มากทีเดียว ที่ต่างก็คือหนังไม่ได้กล่าวถึงตอนต้นของสงครามและความอึมครึมในโปแลนด์ก่อนที่เยอรมันจะบุก

ส่วนฉากสุดท้ายในหนังที่ไม่นับตอนเอาหินมาวาง ผมชอบครับ.. ดูแล้วซึ้งดี อิอิ และก็คุณสาวไกด์อาจจะจำผิดนิดนึงนะครับ Schindler ไม่ได้รับของจากคนงานนะครับ นอกจากแหวน 1 วงที่หลอมจากฟันทอง กับจดหมายบันทึกยืนยันจากคนงานพร้อมลายมือชื่อที่ว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจาก Schindler ที่จะทำให้เขาพ้นจากข้อหา อาชญากรสงครามได้ แต่เป็นฝ่าย Schindler ที่ให้ผ้า
,บุหรี,เหล้า ไปแจกจ่ายแก่คนงาน จุดประสงค์คือสิ่งเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินได้ง่ายเอาไว้เป็นทุนไปเริ่มต้นใหม่ครับ สุดท้าย ถึงบางฉากจะดูแล้วเวอร์ๆไปบ้างดูเหมือน fake บ้าง(ตามสไตล์หนัง) แต่ผมก็ประทับใจกับสิ่งที่คนหนึ่งพยายามที่ช่วยเพื่อนมนุษย์ให้พ้นจากการถูกทารุณกรรมสมกับคำกล่าวของผู้ที่อยู่ในเหตการณ์ที่ว่า

"Whoever saves one life,saves the world entire"



โดย: บาโว่ (UnExpected ) วันที่: 15 มกราคม 2549 เวลา:21:07:50 น.  

 
โณเคยดูเรื่องนี้นะคะพี่บาโว่ ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง(คือตอนที่ดูตอนนั้นยังเด็กมากๆ) โณชอบฉากที่เขาต้อนคนไปอาบน้ำค่ะ คือแบบว่าหน้าตาแต่ละคนลุ้นมากๆว่า เขาจะอยู่หรือจะไป หนังเรื่องนี้ทำได้กระชากน้ำตาจริงๆอ่ะค่ะพี่บาโว่ โดยเฉพาะภรรยาของนายSchindlerรู้สึกว่าจะเป็นคนที่ดีมากๆด้วยนะคะ คือจำไม่ค่อยได้แล้วแต่คลับคล้ายคลับคลาอ่ะค่ะ

อีกเรื่องนึงที่โณชอบเป็นหนังอิตาลี่ค่ะ เรื่องนั้นไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร แต่ที่เป็นพ่อลูกคู่นึง ถูกต้อนเข้าไปในค่ายกักกันแบบเรื่องนี้ล่ะค่ะ หากโทนหนังทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าสนุก หัวเราะได้แม้สองพ่อลูกจะลำบากมากๆ พ่อจะคอยหลอกลูกว่าตอนนี้เรากำลังเล่นเกมกัน และตอนหลังตัวพ่อถูกยิงตาย แต่รู้สึกว่าลูกจะรอด เรื่องนี้ดารานำแสดงชายได้รับรางวัลออสการ์ด้วยอ่ะค่ะ ไว้เดี๋ยวจะไปถามเพื่อนอีกที แล้วจะมาบอกละกันนะคะว่าเรื่องนั้นคือเรื่องอะไร จำได้ว่าไปนั่งดูในโรงแล้วชอบมากๆค่ะ


โดย: อโณทัย IP: 203.107.200.21 วันที่: 29 มกราคม 2549 เวลา:17:40:28 น.  

 
ขออนุญาตคัดลอก Brvve Heart ไปทำ Decription
และลิงค์มาที่นี่นะครับ ขอบคุณมากครับ


โดย: spinn IP: 203.188.41.81 วันที่: 23 กรกฎาคม 2549 เวลา:17:44:15 น.  

 
กำลังจะดูเรื่องนี้ค่ะ ได้แผ่นมานานแล้ว แต่ทราบว่าเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับสงครามในช่วงนั้นก็กลัวนิดหน่อย เพราะหลังๆ หนังสงครามหนังเรื่องการสังหารชาวยิวมีภาพที่โหดร้ายเยอะดูแล้วนอนไม่หลับ ตอนนี้ก็ยังสองจิตสองใจอยู่แต่คงจะตัดสินใจดูค่ะ

เรืองที่คุณอโณทัย ว่าน่าจะชื่อเรื่อง นะคะ เป็นหนังช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ซอฟท์ที่สุดสำหรับเรา ที่ดูแล้วได้แก่คิดเกี่ยวกับเรื่องความรักของผู้ชายคนหนึ่งที่มีต่อคนที่เค้ารัก มากกว่าความโหดร้ายของสงครามที่มีเลือดสาดเต็มจอ


โดย: พื้นที่สีเขียว IP: 116.232.179.208 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:10:34:53 น.  

 
จากเรื่องที่สหายคนที่ 3พูดมาเรื่องนี้ชื่อ Life Is Beautiful ได้รับรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (โรเบอร์โต เบนนิกนิ ) ในปี 1999 เป็นหนังที่ดีมากเรื่องนึงเลยทีเดียว


โดย: สหายคนที่ 6 IP: 161.200.255.162 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:21:45:05 น.  

 
สตีเว่น สปิลเบิร์คได้ทำในสิ่งที่เคยตั้งใจอยากจะทำหนัง เพื่อบอกให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงความเลวร้าย อำมหิตของนาซี เยอรมัน
สงครามล้างเผ่าพันธ์ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า มนุษย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ จะกระทำกับมนุษย์ด้วยกันได้อย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์ป่า สัตว์จะฆ่าก็แค่ต้องการอาหารยังชีพเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น
นี่เป็นหนังยอดเยี่ยมสมกับที่ได้รางวัลมากมาย เป็นช่วงขึ้นสู่สุดยอดของผู้กำกับคนนี้ ซึ่งได้ฉายาว่า "พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด"


โดย: psw2548 IP: 112.142.53.102 วันที่: 15 กรกฎาคม 2552 เวลา:7:40:02 น.  

 
ใจนึงก็อยากจะดู อีกใจก็ T___________T มันสะเทือนใจ อ่ะคะ เหอ เหอ เศร้าจับจิตแน่ๆ


โดย: radiergummi วันที่: 30 กันยายน 2554 เวลา:7:12:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

UnExpected
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add UnExpected's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.