<><><> ขอต้อนรับทุกท่านสู่...บ้านอาหารไทย <><><>
Group Blog
ยินดีต้อนรับครับ
แนะนำเมนูอาหาร
หมูสะเต๊ะ
ลูกชุบ
หมั่นโถว
พะแนงหมู
ข้าวเหนียวสังขยา
ข้าวมันไก่ตอน
ปลาเค็มหลน
ลอดช่องไทย
ต้มข่าไก่
น้ำพริกกุ้งเสียบ
แกงฮังเล
กุ้งทอดกระเทียม
ปลาหมึกนึ่งมะนาว
ปูผัดผงกะหรี่
ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
ทอดมันกุ้ง
บัวลอยไข่หวาน
ฝอยทอง
ทองหยอด
ทองหยิบ
ขนมครก
ซ่าหริ่ม
ยำผักกูด
หอยเชล์ลผัดน้ำพริกเผา
ปลากะพงนึ่งบ๊วย
ขนมจีบกุ้ง
ไข่ลูกเขย
กุ้งผัดน้ำมะขาม
ปลาอินทรีย์สดทอด
กระเพาะปลาน้ำแดง
แกงคั่วหอยขม
ฉู่ฉี่ปลาทูสด
ยำใข่แมงดา
โอต๊าวภูเก็ต
บะหมี่ฮกเกี้ยน
โอเอ๋วภูเก็ต
ข้าวหมกไก่
ทับทิมกรอบ
ขนมชั้นใบเตย
สะตอผัดกุ้ง
เมษายน 2551
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
26 เมษายน 2551
ลูกชุบ
All Blogs
ลูกชุบ
ลูกชุบ
ขนมไทยเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในสมัยอยุธยา ดังปรากฎข้อความในจดหมายเหตุหลายฉบับ บางฉบับกล่าวถึง ย่านป่าขนม หรือตลาดขนม บางฉบับกล่าวถึง บ้านหม้อ ที่มีการปั้นหม้อ และรวมไปถึงกระทะ ขนมเบื้อง เตาและรังขนมครก แสดงให้เห็นว่าขนมครกและขนมเบื้องนั้น คงจะแพร่หลายมากจนถึงขนาดมีการปั้นเตาและกระทะขาย บางฉบับกล่าวถึงขนมชะมด ขนมกงเกวียนหรือขนมกง ขนมครก ขนมเบื้อง ขนมลอดช่อง
ขนมไทยแท้ๆ นั้น จากการศึกษาพบว่า ส่วนประกอบหลักของขนมไทยมักหนีไม่พ้นของสามสิ่ง คือ แป้ง น้ำตาล และ มะพร้าว นำมาคลุกเคล้าผสมผสาน ดัดแปลงตามสัดส่วนที่เหมาะสมด้วยวิธีต่างๆ เช่น นึ่ง ต้ม ทอด จี่ ผิง ก็จะได้ขนมไทยมากมายหลายชนิด คนไทยสมัยโบราณไม่ได้กินขนมทุกวัน หากแต่จะได้กินก็ต่อเมื่อมีงานนักขัตฤกษ์ หรืองานบุญสำคัญเท่านั้น ขนมไทยที่มักพบกันบ่อยที่กินกับน้ำกะทิ และทำเลี้ยงแขกเสมอ คือ ขนมสี่ถ้วย ซึ่งหมายถึง ไข่กบ (เม็ดแมงลัก) นกปล่อย (ลอดช่อง) มะลิลอย (บัวลอย) และอ้ายตื้อ (ข้าวเหนียวน้ำวุ้น) ส่วนขนมอื่นๆ มักใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น ขนมชั้น ขนมจ่ามงกุฎ ขนมกง ขนมสามเกลอ ขนมปุยฝ้าย เป็นต้น ฯลฯ
ในงาน "นิทรรศการขนมนานาชาติ" ซึ่งจัดโดยภาควิชาภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ.2541 ได้จำแนกกลุ่มขนมหวานของไทยที่ได้รับอิทธิพลจาก วัฒนธรรมโปรตุเกส คือ ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอด บ้าบิ่น ลูกชุบ ขนมผิง ทองม้วน ขนมหม้อแกง ขนมไข่กะหรี่ปั๊บ มีหลักฐานพบว่า ในโปรตุเกส ขนมที่ชื่อ ตรูซูช ดาช กัลดัช (Trouxos das caldas) คือ ต้นตำรับของขนม ทองหยิบ และขนม Fios de Ovos คือ ขนมฝอยทอง ส่วนขนม เกลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา (Queijadas de Coimbra) เป็นต้นตำรับ ขนมบ้าบิ่น ของไทย ซึ่งใช้เนยแข็ง แต่ในบ้านเราใช้มะพร้าวแทน
สำหรับ ลูกชุบ เป็นขนมประจำถิ่นโปรตุเกส แพร่หลายมาถึงย่านเมดิเตอร์เรเนียนแถบฝรั่งเศสตอนใต้ เพราะอยู่ใกล้บ้าน เช่น เมืองนีซ เมืองคานส์ ก็มีขนมลูกชุบมากมายทั้งเมือง ลูกชุบในภาษาโปรตุเกส เรียกว่า Massapa'es เป็นขนมประจำถิ่นของ แคว้นอัลการ์วิ (Aigaeve) โดยโปรตุเกสใช้เม็ด อัลมอนด์ เป็นส่วนผสมสำคัญ แต่บ้านเราไม่มี จึงต้องคิดด้วยการใช้ ถั่วเขียว แทน เนื่องจากขนมโปรตุเกสจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์และความรู้ความชำนาญพิเศษ จึงจะได้ขนมหวานที่รสชาติดีออกมาสีสันสวยงาม
ดังนั้น แม้ทุกวันนี้ ขนมฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ยังเป็นขนมยอดฝีมือที่ผู้ทำต้องมีความชำนาญ และได้รับการยกย่อง หากทำขนมประเภทนี้ได้รสชาติดี สวยงาม ประณีต
"ส่วนผสมเนื้อลูกชุบ"
1.ถั่วเขียวนึ่งสุกบดละเอียด 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
3.หัวกะทิ (มะพร้าว 400 กรัม) 1 ถ้วยตวง
4.สีผสมอาหารสีต่างๆ
"ส่วนผสมตัวชุบ"
1.วุ้นผง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำ 2 1 /2 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
"ขั้นตอนการทำลูกชุบ"
1.นำถั่วเขียวที่กะเทาะเปลือกแล้วล้างน้ำให้สะอาดและแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
2.นำถั่วเขียวที่ผ่านการแช่น้ำแล้ว ไปนึ่งจนสุก
3.นำมะพร้าวที่แก่จัดมาขูดเอาเฉพาะเนื้อมะพร้าวขาวอย่างเดียว
4.คั้นมะพร้าว ด้วยน้ำต้มสุกใส่แต่ทีละน้อย เพื่อให้ได้น้ำกะทิที่ข้นมันตามปริมาณที่ต้องการ
5.นำกะทิที่ได้มาผสมกับถั่วที่นึ่งจนสุกและขดจนได้เนื้อถั่วที่เนียนละเอียด
6.นำถั่วที่มีเนื้อละเอียดดีแล้วมาใส่ลงกระทะทองพร้อมทั้งน้ำตาลทรายขาว
7.กวนด้วยไฟอ่อน ๆ จนเนื้อถั่วข้นเหนียว ล่อนไม่ติดกระทะ
8.ยกถั่วลงปล่อยไว้ให้เย็นแล้วจึงนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
9.แบ่งถั่วเป็นก้อนขนาดเท่ากับลูกชุบที่ต้องการปั้น
10.นำไปอบควันเทียนมีกลิ่นหอมจรุงทุกเม็ดก่อนจะนำมาปั้นแต่งจนกลายเป็นผลไม้ชนิดต่าง ๆ
11.นำลูกชุบที่ปั้นเสร็จแล้วมาชุบวุ้น 2-3 ครั้ง โดยการชุบแต่ละครั้งต้องรอให้วุ้นแห้งก่อนแล้วจึงชุบทับ
"ลักษณะของลูกชุบที่ดี"
1.มีความเหมือนจริง ตามลักษณะของจริงที่ปั้นเลียนแบบ
2.มีสัดส่วนที่เหมาะสม ทั้งรูปร่างและรูปทรง
3.มีสีสวยงาม คล้ายของจริงหรือใกล้เคียง และไม่เป็นอันตราย
4.รสชาติหวานมัน
5.ผิวสัมผัสของถั่วของถั่วนุ่มนวล เนื้อเนียน
6.วุ้นที่เคลือบไม่หนาจนเกินไป เป็นมันแวว
7.วัสดุที่ใช้ตกแตง ต้องไม่ทำให้เป็นพิษต่อผู้บริโภค
วิธีการอบควันเทียน
1.นำถั่วที่กวนได้ที่พักไว้ให้เย็น ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกจะทำให้กลิ่นเหม็นของ พลาสติกปนในถั่วกวน
2.วางถ้วยกระเบื้องเล็กไว้ตรงกลางถั่วกวน
3.จุดเทียนอบทั้ง 2 ข้าง ให้เปลวไฟติดดีแล้วดับให้เกิดควัน
4.วางเทียนบนถ้วยกระเบื้อง ปิดฝาให้สนิทพักไว้ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง
5.กลับถั่วด้านบนลงข้างล่าง แล้วจุดเทียนอบใหม่อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้อาจจะพักไว้ค้างคืนเลยก็ได้
อุปกรณ์สำหรับทำลูกชุบ
1.ไม้ไผ่ สำหรับเสียบลูกชิ้น เหลาปลายทั้ง 2 ข้าง
2.ถ้วยตะไลขนาดเล็ก สำหรับผสมสีควรใช้สีขาวจะได้เห็นความสดของสีได้อย่างชัดเจน
และควรเป็นกระเบื้องเพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด
3.โฟม หรือท่อนกล้วย สำหรับพักลูกชุบที่ทาสีหรือชุบวุ้น
4.สำลี พันกับไม้สำหรับระบายสี
5.พู่กัน สำหรับทำลวดลาย
6.มีดบาง สำหรับตัดวุ้นส่วนที่เกิน ควรจะต้องคม
7.กรรไกร สำหรับตัดใบหรือวัสดุตกแต่ง
8.ตะเกียบ ไม้จิ้มฟัน สำหรับช่วยในการตกแต่งรูปทรงลูกชุบ
9.อ่างใส่น้ำ สำหรับล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่มีถั่วติดมือ
10.ผ้าเช็ดมือ ผ้าที่มีการซับน้ำได้ดีไม่มีขนติดมือ สะอาด
11.กล่องพลาสติก สำหรับใส่ลูกชุบที่ปั้นเสร็จแล้ว
12.ถาด สำหรับวางหรือพักวัสดุอุปกรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้สกปรก
13.สีผสมอาหาร
14.หลอดหยด สำหรับหยดสี
15.ผ้าขาวบางสำหรับคลุมลูกชุบที่ปั้นเสร็จแล้ว ก่อนใช้ควรชุบน้ำบิดหมาด
Create Date : 26 เมษายน 2551
0 comments
Last Update : 4 พฤษภาคม 2551 0:19:39 น.
Counter : 4709 Pageviews.
Share
Tweet
บ้านอาหารไทย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [
?
]
Chef Tigger
Friends' blogs
อ้อมกอดของความเหงา
โอน่าจอมซ่าส์
เจ้เชง
dailydelicious
เพียวโกะจัง
Tiny Bakery
กบเมืองชล
whitelady
puppadoowab
วิสกี้โซดา
cha-Aerng
lovemiss
Orayanee
vanilla_ole
ich habe kein Geld
ถั่วงอกน้อยค่ะ
ฑีรฒ
กิน ๆ เที่ยว ๆ
Fullgold
pumorg
Febie
Tristy
jjbd
คนสาธารณะ
เข็มเพชร
โสมรัศมี
vanillaorchid
Mcjaiaon
thaispicy
Picike
สวยตลอดกาล
กระต่ายไม่ขูดมะพร้าว
mam_cnx
aloha2008
Ann Arbor
The Kop Civil
เจ้าการเวกเสียงหวาน
แม่อ้วนคนสวย
Smallvillain
CrackyDong
bagarbu
สาระ....จริง
mai-mee
Shallow Grave
Webmaster - BlogGang
[Add บ้านอาหารไทย's blog to your web]
Links
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.