|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขนมครก
ขนมครก ถือเป็นขนมทานเล่น ที่นิยมบริโภคกันทุกภาคของประเทศไทย และเนื่องจากขนมครกเป็นที่นิยมบริโภคกันอย่างกว้างขวาง จึงทำให้เกิดขนมครกหน้าต่างๆ มากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับแนวคิดของแม่ค้าขนมครก ที่จะสรรสร้างไส้ต่างๆ ขึ้นมาอาทิเช่น ขนมครกทรงเครื่อง ขนมครกหน้าข้าวโพด ขนมครกหน้าฝอยทอง ขนมครกหน้าผัก ขนมครกหน้าขนุน และยังมีขนมครกหน้าอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ในที่นี้ ผมจะนำเสนอขนมครกสูตรโบราณ ที่ทำขึ้นเพื่อจะรับประทานกับน้ำตาลทรายขาว เพียงสูตรเดียว ส่วนท่านใดจะนำไปดัดแปลงเป็นหน้าต่างๆ ก็เพียงแต่นำมาเติมลงที่หน้าขนมครกก่อนที่ขนมครกจะสุก ได้ตามแต่ใจชอบนะครับ ทั้งนี้ ผมจะนำเสนอวิธีการทำแป้งขนมครก ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดของขนมครก เพราะหากปรุงส่วนผสมของแป้งไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้ขนมครกเละจนเกินไป หรือบางทีก็แข็งจนเกินไป ทำให้รับประทานแล้วรู้สึกฝืดและไม่อร่อย
"อุปกรณ์สำหรับทำขนมครก"
1.เครื่องโม่แป้ง 2.เตาขนมครก 3.กาสำหรับใส่หน้ากะทิ 4.ลูกประคบ (ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว) 5.ช้อนสำหรับแคะขนมครก
"วิธีการปรุงแป้งขนมครก"
ส่วนผสมแป้งขนมครก
1.ข้าวสารหอมมะลิเก่า 4 ถ้วยครึ่ง 2.ข้าวหอมมะลิสุก 1 ถ้วยครึ่ง 3.มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม 4.เกลือป่น 1 ช้อนชา
ส่วนผสมกะทิสำหรับหยอดหน้า
1.หัวกะทิ 4 ถ้วยครึ่ง 2.เกลือป่น 2 ช้อนชา 3.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
หมายเหตุ : สูตรนี้ สำหรับการบริโภค ด้วยการจิ้มน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
"วิธีการทำขนมครก"
วิธีการทำแป้งขนมครก
1.เอาข้าวสารหอมมะลิเก่าซาวให้สะอาด และแช่น้ำค้างคืนไว้ 12 ชั่วโมง 2.นำข้าวสุก 1 ถ้วยครึ่ง มะพร้าวพูดขาว 500 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 2 ถ้วย ผสมรวมกับข้าวสารหอมมะลิเก่าที่ผ่านการแช่ค้างคืน 12 ชั่วโมง ใช้ไม้พายหรือทัพพีคนให้ทั่ว เพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันได้ดี จากนั้นนำมาโม่พร้อมกันให้ละเอียดยิบ 3.นำแป้งที่โม่เสร็จเรียบร้อยใส่ภาชนะ ที่พร้อมสำหรับหยอดขนมครกต่อไป
วิธีทำกะทิสำหรับหยอดหน้า
1.เอาส่วนผสม หัวกะทิ 4 ถ้วยครึ่ง เกลือป่น 2 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมรวมเข้าด้วยกัน และคนให้น้ำตาลและเกลือละลาย 2.ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือดแล้วยกลงทันที และพักทิ้งไว้ให้เย็น แล้วใส่ภาชนะเตรียมหยอดหน้าขนมครกต่อไป
วิธีทำขนมครก
1.ใช้ไฟอ่อนปานกลาง รอให้เตาขนมครกร้อนเต็มที่ 2. ลูกประคบ (ทำด้วยกากมะพร้าวห่อด้วยผ้าขาว) แตะน้ำมันพืช เช็ดที่เบ้าขนมครกให้ครบทุกเบ้า 3.ตักหรือหยอดแป้งขนมครกลงในเบ้าประมาณ 70 เปอร์เซ็นของเบ้าขนมครก และปิดฝาทิ้งไว้ราว 2-3 นาที 4.หยอดกะทิ ประมาณ ครึ่งช้อนชาต่อ 1 เบ้า จนครบทุกเบ้า และปิดฝาทิ้งไว้รอจนขอบแป้งเหลือง 5.ใช้ช้อนแซะขึ้นใส่ภาชนะที่รองด้วยใบตองเช็ดสะอาด 6.บริโภคด้วยการจิ้มน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
เคล็ดลับความอร่อย
1.น้ำบริสุทธิ์สำหรับทำส่วนผสมของแป้งขนมครก ควรเป็นน้ำต้มสุกและทิ้งไว้ให้เย็น เพื่อจะทำให้แป้งขนมครกสามารถเก็บไว้ได้นาน 2.น้ำมันพืชที่นำมาเช็ดเบ้าขนมครก ควรเป็นน้ำมันมะพร้าว เพราะจะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอม น่ารับประทานและที่พิเศษก็คือ น้ำมันมะพร้าวจะทำให้ผิวขนมครกมีสีสวยน่ารับประทานอีกด้วย 3.ภารชนะสำหรับใส่ขนมครกที่พร้อมรับประทาน ควรจะรองด้วยใบตอง (ใบกล้วย) เพราะจะทำให้ขนมครกไม่ติดกับภาชนะ ทั้งนี้หากจำเป็นจะต้องเรียงซ้อนกัน ก็ควรจะมีใบตองวางทับไว้ด้วยเพื่อไม่ให้ขนมครกติดกันเอง และที่พิเศษสุดก็คือ จะทำให้ขนมครกมีกลิ่นหอมใบตองอีกด้วย 4.หากสามารถเลือกใช้เตาขนมครก ชนิดเตาดิน(แบบโบราณ) จะดีมาก เพราะเตาดินจะทำให้เนื้อขนมครกสุกพร้อมกันได้ดีกว่าเตาเหล็กแบบสมัยใหม่ ซึ่งปัญหาของเตาเหล็กก็คือ หากใช้ไฟไม่คงที่ จะทำให้แป้งรอบนอกแข็งกรอบ แต่แป้งส่วนในยังนิ่มเละ และทานไม่อร่อย
Create Date : 28 เมษายน 2551 |
|
0 comments |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2551 0:35:11 น. |
Counter : 10906 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|