BaNgRaK's Diary
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
9 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
พักร้อนไปเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า 11-16 สิงหาคม 2553 (Day 4)

และแล้วก็ถึงวันที่สี่ของการเดินทาง วันที่เราจะต้องอำลาฮ่องกง แล้วไปเริ่มต้นที่มาเก๊า

เริ่มเช้าวันใหม่ด้วย โจ๊ก กะ ปาท่องโก๋ และ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่ร้าน Ocen Empire แถวๆ ที่พัก



ปาท่องโก๋ทอดร้อนๆจากเตา อร่อยเลิศ

อิ่มแล้ว ก็ออกเดินทางได้

จุดมุ่งหมายแรกของการเดินทางในวันนี้ก็คือ Avenue of Star ทางเดินที่ดาราคนดังมาประทับฝ่ามือไว้ เป็นจุดที่เราแพลนไว้ว่าจะมาชม Symphony of Lights ในวันแรก แต่พลาดไป

นั่ง MTR สายสีแดงจากสถานี Yau Ma Tei ไปสถานี Tsim Sha Tsui Exit E

ดาราคนดัง ที่คงไม่มีใครไม่รู้จัก ก็นี่เลย เฉินหลง



รอยนี้ของหลิวเต๋อหัวปล่าวไม่รู้ อ่านภาษาอังกฤษแล้ว คล้ายๆ กันอ่ะ



รอยนี้ก็...เหลียงเฉาเหว่ย รึปล่าว



รอยนี้ หลี่หมิง .. มั้ง



มาดูวิวอื่นกันมั่งดีกว่า





มองไปฝั่งตรงข้ามมั่งซิ



ตึกสูงๆ ทั้งนั้น



นี่ก็อีก



1...2...3...แอ๊กชั่น



อำลา Avenue of Star ด้วยภาพนี้



ไปต่อกันที่วัดหวังต้าเซียน โดยนั่ง MTR สายสีแดงจากสถานี Tsim Sha Tsui ไปเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีเขียวที่สถานี Yau Ma Tei นั่งต่อไปจนถึงสถานี Wong Tai Sin

ออกมาก็เจอกับผู้คนเยอะแยะมากมายแบบในรูปนี่แหล่ะ



เดินต่อไป



ได้ยินมาว่า ถ้าเจอสระบัวให้เดินวนขวา 3 รอบ แล้วโยนเหรียญ เพื่อขอพร ไม่รู้ว่าจะใช่สระบัวนี้ปล่าวน้า...



แต่เราก็ไม่ได้ทำตามที่ได้ยินมาหรอก เพราะตั้งใจจะไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดมากกว่า

นี่แหล่ะสถานที่ที่เราจะมาขอพรกัน เสียดายที่อยู่ในระหว่างการบูรณะ คิดว่าเมื่อบูรณะเสร็จคงจะงามมากทีเดียว



งามไม่งามดูได้จากที่ทำจำลองนี้ได้เลย



ในที่สุดก็ได้เที่ยวทุกที่ที่ตั้งใจจะไปในฮ่องกงซะที

แล้วก็แวะช๊อปปิ้งที่ Ladies' Market อีกซักรอบก่อนจากฮ่องกงไปมาเก๊า

กลับไปรับกระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรมตั้งแต่เช้า แล้วนั่ง MTR สายสีแดงจากสถานี Yau Ma Tei ไปเปลี่ยนขบวนเป็นสายสีน้ำเงินที่สถานี Central เพื่อไปลงที่สถานีปลายทาง Sheung Wan Exit D เพื่อไปขึ้นเรือเฟอรี่กลับมาเก๊าที่ตึก Shun Tak Center

ขากลับมาเก๊า เราใช้บริการเรือเฟอรี่ของ Turbo Jet เนื่องจากเรือจะไปลงที่ Macau Ferry Terminal ฝั่งเดียวกับที่พักเราเลย เพื่อความสะดวก

บ๊าย บาย ฮ่องกง ไว้จะมาเยี่ยมใหม่น้า....

นั่งเฟอรี่ประมาณ 1 ชั่วโมง และแล้วเจ้าเฟอรี่ก็พาเรามาถึง Macau Ferry Terminal ซะที

เราออกจาก Macau Ferry Terminal ปุ๊บ เห็นฝั่งตรงข้ามมีรถบัสจอดอยู่เยอะแยะมากมาย เข้าใจว่าเป็นท่ารถเมล์ รีบข้ามไปทันควัน ที่ไหนได้ เป็นท่ารถ Shuttle Bus ฟรี ของพวกบ่อนทั้งหลายแหล่ ที่จะคอยมารับนักท่องเที่ยวไปบ่อนตัวเอง จริงๆ ถ้าอยากประหยัดก็ไปได้นะ แต่จะเสียเวลานิดหน่อย ตรงที่เจ้ารถนี่มันจะรับจากท่าเรือกลับไปที่บ่อนหรือโรงแรมเค้าก่อน แล้วไปเปลี่ยนรถเป็นอีกคันนึงที่จะไปลงใกล้กับที่พักเรามากที่สุด ซึ่งอันนี้ใครพักที่ไหน ก็ลองศึกษากันดูนะ

ส่วนเราจองทางอินเตอร์เน็ตไว้ที่ Hotel Kou Va (โรงแรม 2 ดาว) ทางโรงแรมแจ้งว่า หากถึง Macau Ferry Terminal แล้วให้นั่งรถสาย 3 มาเรื่อยๆ พอเห็น Senado Square ก็ให้ลงได้เลย

ลงจากรถเมล์ก็ให้เดินตรงไปอีกซักหน่อย ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้า Trav do Mastro พอถึงแยกก็ให้เลี้ยวขวาอีกนิดก็ถึงโรงแรม (ขอสงวนสิทธิ์ไม่นำแผนที่ที่ทางโรงแรมแนบให้มาลงนะคะ เพราะรู้สึกว่าทางโรงแรมจะไปเอามาจากของโรงแรมอื่นแล้วเอามาแก้ไขเป็นของตัวเอง)

เอาหล่ะ เรามาเริ่มเดินทางกันต่อเลย หลังจากออกจากท่าเรือแล้วเราข้ามไปฝั่งตรงข้าม ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นท่ารถเมล์ ตอนนี้รู้แล้วว่ามันไม่ช่าย เอาไงดีหว่า หันกลับมาทางท่าเรือ เห็นรถเมล์วิ่งผ่าน อ้าว .. มันอยู่ฝั่งเดียวกันนี่หน่า เราก็เลยข้ามกลับไปฝั่งท่าเรือเหมือนเดิม

เอาเป็นว่าพอออกจากท่าเรือ Macau Ferry Terminal ได้ให้เดินมาทางขวามือ จะมีท่ารถเมล์อยู่ การจะไปที่ Hotel Kou Va นั้นสามารถไปได้หลายสายเลย เช่น สาย 3, 3A, 10, 10A เราก็นั่งไปเรื่อยๆ จนเห็น Senado Square ทางด้านขวา แบบในรูปที่ทางโรงแรมเค้าส่งมาให้นี้ ก็ให้ลงได้เลย



พอลงมาแล้ว เราเดินไปอีกพัก ก็ยังไม่เจอโรงแรม

ไม่อยากจะบอกเลยว่า เราหลงไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว เนื่องจาก ถนนใหญ่ตอนที่เราลงรถเมล์กับถนนที่ให้เราเข้าไปตามแผนที่นั้น ขนาดมันเท่าๆกันเลย แต่ของจริงแล้วถนนที่เค้าให้เราเข้าไปมันเล็กยิ่งกว่าซอยบางซอยของบ้านเราซะอีก 555 แล้วก็หน้าปากซอยก็ไม่มีเสาบอกชื่อซอยเหมือนบ้านเรา ชื่อซอยบ้านเค้าทำเป็นป้ายไปปิดไว้กับบ้านคน ต้องเดินเข้าในซอยสัก 4-5 ก้าวถึงจะเห็นชื่อซอย

กว่าจะไปถึงโรงแรมได้เกินเวลาที่นัดไว้กับทางโรงแรม ดีนะที่เค้ายังเก็บไว้ให้อยู่ เพราะก่อนที่จะหาโรงแรมเจอ ไปเจอ Man Va Hotel อยากจะบอกว่าเต็มแล้วคร๊าบบบ..พี่น้อง

หลังจากเจอโรงแรม ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เราเลยหาจุดสังเกตของซอยที่จะเข้าโรงแรม คือ พอลงรถเมล์มาแล้ว เดินไปตามทางฝั่งที่เราลงรถเมล์ แต่ให้มองไปทางขวา จนเห็นตึกๆ นึงที่มีโคมแดงเยอะๆ แบบในรูป



ไม่ต้องข้ามถนนไปฝั่งตึกที่มีโคมนั่นนะ แต่ให้เลี้ยวซ้ายที่ฝั่งที่เรายืนอยู่ได้เลย มันจะเป็นเหมือนซอยเล็กๆ มีเลนรถวิ่งแค่เลนเดียว

ถ้าไปตอนกลางคืนนะ หน้าปากซอยจะมีร้านนี้ ขายพวกไส้ เนื้อ อะไรพวกนี้ แช่อยู่ในน้ำเหมือนน้ำพะโล้ ประมาณนั้น คนเยอะมากมาย



เดินเข้าไป พอถึงแยกแรก เลี้ยวขวา ก็จะเจอโรงแรม Hotel Kou Va อยู่ทางซ้ายมือ



ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเป็นร้านขายขนมของฝากร้านดัง คนเยอะตลอดวัน มีขนมให้ชิมด้วยนะจ๊ะ ว่างเมื่อไหร่ก็แวะได้ตลอดเลย



ขึ้นไปที่ห้องกันเลยดีกว่า ... เหนื่อยเต็มทีแล้ว

ออกจากลิฟท์ ชั้น 3 มาก็เจอ ...



ท่าจะใหญ่อยู่นะเนี่ย เห็นหน้าโรงแรมดูเล็กๆนิดเดียว

เดินต่อไปก็เจอ เคาน์เตอร์ มีแม่บ้านประจำอยู่



และแล้วก็ถึงห้องพักซะที เปิดเข้าไปดูเลยดีก่า









ยิ้มแก้มปริเลย .. กว้างกว่าที่ฮ่องกงเป็นไหนๆ ทีวีมีช่อง 3 บ้านเราให้ดูด้วยนะ

ใครกลัวไม่มี adaptor ใช้ ไม่ต้องกลัวนะ แกมีทุกประเทศเลยมั้งเนี่ย



หิวละ .. หาไรกินดีกว่า จะกินไรดีน้า ....

เดินหากินแถวโรงแรมนี่แหล่ะ .. ไปได้ร้านตรงข้างๆ โรงแรม Man Va ท่าทางจะเป็น Original แท้ๆ ก็เลยจัดไป 555

Original ไงอ่ะเหรอ ... ก็อยู่ข้างถนนไง เห็นมีแต่ชาวบ้านๆ ไปกิน สงสัยจะอร่อย ก็เลยลงเอยที่นี่แหล่ะ

เมนูเป็นภาษาจีนหมดเลย บ่ยั่นจ้า ... เดินไปเอานิ้วจิ้มที่บะหมี่ แล้วก็จิ้มที่เนื้อ ชูนิ้วชี้ แค่นั้นเป็นอันรู้กัน เนื้อที่จิ้มชามแรก เป็นคล้ายๆ หมูเด้ง แบบนี้ แต่กินเข้าไปแล้วรู้สึกจะเป็นปลาเด้งมากกว่านะ



อีกชามเนื้อเป็นปีกไก่ ไม่รู้เอาไปพะโล้ หรือ รมควันมาก่อน



น้ำซุปกลมกล่อมดี โดยรวมถือว่าผ่าน

อีกวันกะจะมากิน ปรากฎร้านปิด เลยไม่แน่ใจว่าปิดวันไหนบ้าง

อิ่มแล้ว ก็ได้เวลาตระเวนราตรีกันละ จุดหมายแรกของเราก็คงไม่พ้นย่าน Senado Square เพราะมันใกล้ที่พักที่สุดละ

แต่ที่ไหนได้ ระหว่างเดินไปย่าน เซนาโด้ ปรากฎไปเห็นแสงไฟของคาสิโน Grand Lisboa เย้ายวนใจมาก เลยเดินไปถ่ายรูปกันก่อน เดี๋ยวค่อยกลับมาเซนาโด้ละกัน

แค่เห็นด้านนอกก็อลังการงานสร้างแล้ว



ไปดูข้างในกันเลยดีกว่า

ส่วนใหญ่เป็นงานแกะสลัก เอามาโชว์ คล้ายๆ กับพวกพิพิธภัณฑ์











นี่น่าจะเป็นผู้ก่อตั้งนะ .. แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน



ส่วนบริเวณคาสิโน เราไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากธรรมเนียมของประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่เคยไปมา เค้าจะห้ามไม่ให้ถ่ายรูปข้างในคาสิโน เราเลยไม่ได้ถ่ายมา

แต่คาสิโนของที่นี่ เหมือนจะเข้าง่ายกว่ามาเลเซีย และสิงคโปร์มากมาย ใส่รองเท้าแตะก็เข้าได้ กล้องก็เอาเข้าได้ เป้ก็ไม่ต้องฝาก ง่ายมากมาย เข้าง่าย ก็เสียตังค์ง่ายเหมือนกันนะ .. อิอิ

กลับไปที่เซนาโด้กันดีกว่า

ระหว่างทางกลับ เจอตู้ไปรษณีย์ ของเค้าเก๋ดีนะ ไม่ช่ายตู้ธรรมดา เหมือนว่าจะซื้อแสตมป์จากเจ้าตู้นี้ได้ด้วย ซื้อปุ๊บ ติดปั๊บ แล้วก็หย่อนได้เลย เจ๋งจิงๆ



ถึงแล้ว .. เซดาโด้ สแควร์



กับพื้นลายคลื่นที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่



หันไปฝั่งตรงข้ามเซนาโด้



เดินเข้าไปในย่านเซนาโด้





ในย่านเซนาโด้นี้ ก็จะมีสิ่งก่อสร้าง ที่เป็นสถาปัตยกรรม และก็เป็นแหล่งช๊อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนม แล้วก็ร้านอาหารปะปนกันไป

เดินไปเรื่อยก็จะเจอสถาปัตยกรรมอีกมากมาย แต่วันนี้ดึกมากแล้ว แล้วก็เหนื่อยมากด้วย เราจึงขอจบวันแรกที่มาเก๊าด้วยย่านเซนาโด้ แห่งนี้


Create Date : 09 กันยายน 2553
Last Update : 10 กันยายน 2553 18:07:16 น. 4 comments
Counter : 7157 Pageviews.

 
อาหารเช้าที่นี่เลิศสแมนแตนจริงๆค่าาา


โดย: apple.007 วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:20:47:29 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ ฮ่องกงเคยไปมาครั้งนึงแล้ว แต่ยังไม่เคยไปมาเก๊าเลย..แล้วจะตามมาเที่ยวต่อนะคะ


โดย: i'm not superman วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:20:48:42 น.  

 
อยากกินก๋วยเตี๋ยวหลอดอ่ะะ


โดย: Sugar lip วันที่: 9 กันยายน 2553 เวลา:23:56:54 น.  

 
แวะมาชม HK ครับ


โดย: *SUPRA* วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:10:28:02 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

BaNgRaK
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add BaNgRaK's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.