|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
คนครองเรือนที่เลิศล้ำ(ชีวิตบ้านที่สมบูรณ์)
คนที่จะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในการครองเรือนเป็นคฤหัสถ์หรือชาวบ้านที่ดี น่าเคารพนับถือเป็นแบบฉบับควรถือเป็นตัวอย่าง จะต้องวัดด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้
ก. มีความสุขสี่ประการ คือ ความสุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมี หรือความสุขที่ชาวบ้านควรพยายามทำให้เกิดขึ้นแก่ตนอยู่เสมอ เรียกสั้น ๆ ว่า สุขของคฤหัสถ์ 4 คือ
1. อัตถิสุข สุขเกิดจากความมีทรัพย์ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มและอุ่นใจว่า ตนมีโภคทรัพย์ ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรง ความขยันหมั่นเพียรของตน และโดยทางชอบธรรม
2. โภคสุข สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจว่า ตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้นเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงผู้ที่ควรเลี้ยงและบำเพ็ญคุณประโยชน์
3. อนณสุข สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจว่า ตนเป็นไท ไม่มีหนี้สินติดค้างใคร
4. อนวัชชสุข สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจว่า ตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใครติเตียนไม่ได้ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ
บรรดาสุข 4 อย่างนี้ อนวัชชสุขมีค่ามากที่สุด
ข. เป็นชาวบ้านแบบฉบับ คนครองเรือน แยกได้เป็นหลายประเภท จัดเป็นขั้น ๆ ได้ตั้งแต่ร้ายไปถึงดี และที่ดีก็มีหลายระดับ คฤหัสถ์ที่ดี น่าเคารพนับถือแท้จริง คือประเภทที่ 10 ในชาวบ้าน 10 ประเภทต่อไปนี้
กลุ่มที่ 1 หาทรัพย์โดยทางไม่ชอบธรรม
1. ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทำความดี (เสียทั้ง 3 ส่วน)
2. ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทำความดี (เสีย 2 ส่วน ดี 1 ส่วน)
3. ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุขด้วย เผื่อแผ่แบ่งปันและใช้ทำความดีด้วย(เสีย 1 ดี 2 ส่วน)
กลุ่มที่ 2 หาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง
4. ได้ทรัพย์มาแล้ว ทำอย่างข้อ 1 (เสีย 3 ดี 1)
5. ได้ทรัพย์มาแล้ว ทำอย่างข้อ 2 (เสีย 2 ดี 2)
6. ได้ทรัพย์มาแล้วทำอย่างข้อ 3 (เสีย 1 ดี 3)
กลุ่มที่ 3 หาโดยชอบธรรม
7. ได้ทรัพย์มาแล้วทำอย่างข้อ 1 (เสีย 2 ดี 1)
8. ได้ทรัพย์มาแล้ว ทำอย่างข้อ 2 (เสีย 1 ดี 2)
9. ได้ทรัพย์มาแล้ว ทำอย่างข้อ 3 แต่ยังติด ยังมัวเมา หมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระเป็นนายเหนือโภคทรัพย์ได้ (เสีย 1 ดี 3)
พวกพิเศษ ผู้ที่แสวงหาชอบธรรม และใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ มีลักษณะดังนี้
10. แสวงหาทรัพย์โดยทางชอบธรรม: ได้มาแล้วเลี้ยงตนให้เป็นสุข; เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี; ไม่ลุ่มหลงไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติโดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญา ทำตนให้เป็นอิสระหลุดพ้น เป็นนายเหนือโภคทรัพย์
ประเภทที่ 10 นี้พระพุทธเจ้าสรรเสริฐว่าเป็นผู้เลิศประเสริฐสูงสุด ควรชมทั้ง 4 สถาน คือ เป็นคฤหัสถ์ แบบฉบับที่น่าเคารพนับถือ
ค. กำกับชีวิตด้วยธรรมสี่ คือ ปฏิบัติตามหลักธรรม สำหรับการครองชีวิตของคฤหัสถ์ ที่เรียกว่า ฆราวาสธรรม 4 ประการ ดังนี้
1. สัจจะ ความจริง คือ ดำรงมั่นในสัจจะ ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง จะทำอะไรก็ให้เป็นที่เชื่อถือไว้วางใจได้
2.ทมะ ฝึกตน คือ บังคับควบคุมตนเองได้ รู้จักปรับตัวและแก้ไขปรับปรุงตนให้ก้าวหน้าดีงามยิ่งขึ้นอยู่เสมอ
3.ขันติ อดทน คือ มุ่งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็งอดทน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมายไม่ท้อถอย
4. จาคะ เสียสละ คือ มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ชอบช่วยเหลือเกื้อกูล บำเพ็ญประโยชน์ สละโลภได้ ร่วมงานกับคนอื่นได้ ไม่ใจแคบเห็นแก่ตัวหรือเอาแต่ใจตน
ง. รับผิดชอบชีวิตที่เกี่ยวข้อง คือ มีความสัมพันธ์อันดีงามอบอุ่นเป็นสุข ภายในครอบครัว ตลอดจนญาติมิตร ผู้ร่วมงานและคนที่พึ่งพาอาศัยอยู่ในปกครองทั้งหมด โดยทำหน้าที่มิใช่เพียงนำประโยชน์ทางวัตถุมาให้เขาอย่างเดียว แต่นำประโยชน์สุขทางจิตใจมาให้ด้วย โดยประพฤติตนเป็นตัวอย่าง ช่วยชักจูงให้คนในครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดทั้งหลายเจริญงอกงามขึ้นด้วยคุณธรรมที่เรียกว่า อารยวัฒิ ทั้ง 5 ดังต่อไปนี้
1. งอกงามด้วยศรัทธา คือ ให้มีความเชื่อความมั่นใจในพระรัตนตรัย ในคุณความดี มีหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ
2. งอกงามด้วยศีล คือ ให้มีความประพฤติดีงาม สุจริต รู้จักเลี้ยงชีวิต มีวินัย และมีกิริยามารยาทอันงาม
3. งอกงามด้วยสุตะ คือ ให้มีความรู้จากการเล่าเรียนสตับฟัง โดยแนะนำหรือขวนขวายให้ศึกษาหาความรู้ที่จะฟื้นฟูปรับปรุงชีวิตจิตใจ
4. งอกงามด้วยจาคะ คือ ให้มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจต่อกัน และพอใจทำประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์
5. งอกงามด้วยปัญญา คือ ให้มีความรู้คิด เข้าใจเหตุผล และความจริงตามสภาวะ มีวิจารณญาณ
=================================
คัดจาก "ธรรมนูญชีวิต พุทธจริยธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงาม"
ผู้เขียน : พระเทพเวที (ประยุทธ ปยุตโต)
จัดพิมพ์โดย : สมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2527
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2548 |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2548 13:05:19 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1653 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:43:52 น. |
|
|
|
โดย: VinKaBees วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:03:05 น. |
|
|
|
โดย: ประกายดาว วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:11:36:07 น. |
|
|
|
โดย: prncess วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:01:28 น. |
|
|
|
โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:06:16 น. |
|
|
|
โดย: Batgirl 2001 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:41:19 น. |
|
|
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:57:20 น. |
|
|
|
โดย: เปิ้ล IP: 203.146.115.24 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:30:13 น. |
|
|
|
โดย: คนที่อยากรู้ความสงบสุขอยู่ที่ไหน IP: 202.28.49.17, 202.28.51.71 วันที่: 25 สิงหาคม 2552 เวลา:16:36:26 น. |
|
|
|
โดย: - - IP: 118.172.182.150 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:51:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ยังคงนำเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้มาโพสต์ต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ายังมีอีกสองตอนที่มีความสำคัญ และสำหรับเนื้อหาวันนี้ ลองตรวจสอบดูนะครับว่ายังมีจุดไหนที่ยังต้องปรับปรุงแก้ไขอีก พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ให้ทั้งหลักคิดและหลักในการดำเนินชีวิต นอกจากนี้เส้นทางตามมรรคแปดนั้นก็นำไปสู่การมีชีวิตการเป็นมนุษย์ที่ถึงพร้อมมากขึ้นในทุก ๆ ด้านอันประกอบด้วยสามส่วนใหญ่ ๆ ดังที่ทราบกัน คือศีล สมาธิ และปัญญา