|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ภูมิปัญญาตะวันออกกับศาสตร์การเสริมสร้างพลัง(จบ)--ยุค ศรีอาริยะ
ภูมิปัญญาตะวันออก กับ ศาสตร์การเสริมสร้างพลัง (จบ) โดย ยุค ศรีอาริยะ 13 กุมภาพันธ์ 2549 18:44 น. คนไทยเชื่อว่า "ชีวิตก็คือ ละคร" วันก่อน เจอเพื่อนที่เกลียดคุณทักษิณ ราวกับต้อง "ฆ่า" มัน อีกวันหนึ่ง ก็เจอเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เกลียดคุณสนธิเข้ากระดูกดำ ผมได้แต่ปลอบใจคนทั้งสองว่า "ทุกคนก็มีดี มีเลว อย่าไปจริงจังนักเลย" เราต่อสู้เพื่อให้การเมืองดีขึ้น เพื่อให้เกิดการปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่เพื่อทำลาย หรือฆ่าคน เราไม่ได้สู้เพื่อทักษิณ หรือสนธิ มนุษย์เราฆ่ากัน ทำสงครามกัน จบแล้วก็เท่านั้น มนุษย์เรามีเงินนับแสนล้าน จบแล้วก็เท่านั้น มีใครได้อะไรจริงๆ ตายแล้ว ก็ไม่มีใครได้อะไร หรือขนเงินไปก็ไม่ได้ ผมจึงกลายเป็นคนคิดแบบตะวันออก แต่รอบตัวผม บรรดาเพื่อนๆ และหลานๆ ที่หน้าตาเป็นคนไทย จิตใจกลับกลายเป็นตะวันตก คิดแบบตะวันตก คนในโลกตะวันตกเข้าใจว่า โลกนี้ หรือโลกที่เรามีชีวิตอยู่นี้ คือโลกแห่งความจริง (ที่จริงแท้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์) และมีอยู่เท่านี้ เมื่อเกิดมาแล้วจึงต้องต่อสู้ ต้องกอบโกย ต้องเอาชนะ และต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ คนตะวันออกมองโลกในมิติต่อเนื่อง ไม่สิ้นไม่สุด และมองโลกแบบจริงก็ "ใช่" ไม่จริงก็ "ใช่" ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า Paradox จะคิดแบบนี้ได้ ต้องลองคิดว่า เมื่อเราตายไปแล้ว สมมติเรายังมีความรับรู้ หรือมีวิญญาณอยู่ ลองมองย้อนหลังถึงเรื่องราวชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาในช่วงที่เรามีชีวิต แล้วตั้งคำถามว่า "เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด มันจริงหรือไม่" คำตอบที่ได้คือ ทั้งหมดไม่ต่างจากความฝันชุดหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ต่างจากช่วงที่เราหลับและฝันไป ในช่วงฝัน เราก็จะคิดจริงจังกับเรื่องราวในฝัน ดิ้นรน และทำทุกอย่างในฝันราวกับว่ามันคือ ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ ชาวพุทธจึงชอบพูดว่า ทั้งหมดทั้งหลาย (การต่อสู้ ช่วงชิง และสงคราม) คือมายา คำว่า "มายา" ไม่ได้หมายความว่า ไม่จริง หรือไม่มีอยู่ ชาวพุทธจะรู้ "ค่า" ของมายา เพราะมายาสอนให้เราเข้าใจ "ธรรมะ" และหากเราก้าวพ้นมายาได้ เราเองจะมีจิตใจที่งดงาม ดังนั้น การต่อสู้ชีวิต จะสอนธรรมะแก่เรา และจะทำให้เราพัฒนา "ใจ" ของเรา คนเรายิ่งผ่านการต่อสู้ และความทุกข์มามาก ก็จะลดละความเชื่อ "ข้าแน่ ข้าเก่งคนเดียว" พออายุมากแล้ว "ใจ" จะสงบลง นี่คือ ค่าแห่ง "มายา"
ปัจจุบัน เพื่อนๆผมหลายคนหันไปเรียน "ศาสตร์" ตะวันออก เช่น การนั่งสมาธิ และการฝึกชี่กง หลายคนเรียนอย่าง "ใจ" เป็นตะวันตก หรือโคตรเอาจริงเอาจัง บางคนเรียนวิชาชี่กงถึงกับปวดศีรษะอย่างรุนแรง เรียกภาษาชี่กงว่า พลังลมปราณแตกซ่าน บางคนนั่งสมาธิ แล้วร้อนไปทั่วตัว วันหนึ่ง ไปสอนเพื่อนๆ เรื่องวิชาชี่กง ผมจึงแนะว่า ก่อนจะเรียนชี่กง "ใจ" คุณต้องคิดแบบตะวันออกก่อน จึงจะเข้าถึงศาสตร์ตะวันออก เพื่อนถามว่า "ใจ" ต้องเป็นอย่างไร บังเอิญข้างหน้าสถานที่สอนมีรูปกวนอิมนั่งยิ้ม ผมชี้ไปที่ "กวนอิม" และตอบว่า ใจที่ "ยิ้ม" หรือ "Smiling Buddha" ผมบอกว่า ต้องเคลื่อนไป และยิ้มไป เคลื่อนไปอย่างไร้ท่า หรืออย่างมีท่าก็ได้ แต่ต้องเคลื่อนไปด้วย "ใจ" ที่งดงาม "ท่า" ก็จะงามตาม "ใจ" ที่งดงาม การออกกำลังแบบตะวันตกคือ การใช้ "พลัง" ให้เหงื่อออกเยอะๆ แต่วิชาชี่กงสอนให้สร้างพลัง และรักษาพลังไว้ ค่อยๆ ใช้พลังที่สร้างขึ้นมาไปกับการทำงานอย่างมี "ความสุข" วิถีการคิดเรื่องพลังระหว่างตะวันออกและตกจึงต่างกันอย่างยิ่ง ปราชญ์เต๋าเชื่อว่า ธรรมชาติก่อเกิดขึ้นมาจากฐานของ "ความว่าง" ซึ่งมีพลังที่เรามองไม่เห็นซ่อนตัวอยู่ มองธรรมชาติ เราต้องสัมผัสพลังจากธรรมชาติ ไม่คิดเพียงว่า "นี่คือวัตถุที่ไร้ชีวิต" มองดูตัวเรา ก็ต้องรู้ว่าภายในของเรามีพลัง (มหาศาล) ซ่อนตัวอยู่ ทั้งพลังแบบหยินและหยาง "ใจ" เท่านั้น ที่รับรู้ และสัมผัสกับพลังนี้ได้ พลังจึงเป็นเรื่องผีๆ ที่มีอยู่ และหายไป โดยเฉพาะในช่วงที่ "ใจ" เราท้อแท้ และถดถอย คนที่มี "ใจงดงาม" เท่านั้น ถึงจะค้นพบการประสานพลังภายใน (หยิน และหยาง) ได้เป็นหนึ่ง อย่างลงตัว ปราชญ์เต๋าจึงเห็นความสำคัญของเรื่องการสร้างใจที่งดงาม และการรักษาดุลยภาพระหว่าง หยิน-หยาง คำว่า "ดุลยภาพ" ไม่ได้หมายความว่า ครึ่งต่อครึ่ง ในมิติของโลก และชีวิต ดุลยภาพจะแตกต่างจากดุลยภาพของดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์มีความร้อน (หรือหยาง) เป็นหลัก หยินเป็นรอง สำหรับโลกและสิ่งมีชีวิตจะมีดุลยภาพที่มีหยินเป็นหลัก หยางเป็นรอง เพราะชีวิตในโลกนี้ มีฐานกำเนิดจากน้ำ และดิน ในมิติของชีวิต ปราชญ์เต๋ากล่าวว่า น้ำ (หยิน) ยิ่งใหญ่กว่า ไฟ (หยาง) อ่อน (หยิน) ยิ่งใหญ่กว่า แข็ง (หยาง) คนที่เข้าใจเรื่อง "พลัง" ต้องเข้าใจเรื่องความอ่อน (หรือความเป็นหยิน) ก่อน และประสานความเป็นหยินเข้ากับความเป็นหยาง นี่คือ ปรัชญาที่ว่าด้วยความพอดี หรือความพอเหมาะพอควรแบบตะวันออก
ส่วนศาสตร์ตะวันตกจะคิดแบบตรงกันข้าม ถือว่าพลังหยาง (หรือความรุนแรง ความแข็งกร้าว) เป็นพลังหลัก ส่วนหยินถูกมองข้าม และไม่ให้ความสำคัญ ในเมื่อปราชญ์เต๋าถือหยินเป็นหลัก ศาสตร์ชี่กงจึงบริหารร่างกายแบบค่อยๆ เคลื่อน เคลื่อนไปช้าๆ แต่เคลื่อนไปอย่างมีพลังปีติ (หยิน) ประสานกับการเคลื่อนพลังความร้อน (หยาง) ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ศาสตร์ตะวันออกจะให้ความสำคัญของการสร้างเสริมพลังแบบเป็นกลุ่ม การฝึกชี่กงที่ดี ต้องฝึกเป็นกลุ่ม เพื่อเรียนรู้ แลกเปลี่ยน และเสริมพลังซึ่งกันและกัน การนั่งสมาธิก็ทำแบบรวมหมู่ การส่งเมตตาธรรมก็ทำกันรวมหมู่ นอกจากนี้ ศาสตร์พลังแบบตะวันออกจะไม่แยกโลกภายนอกออกจากภายใน เพราะ "ใน" และ "นอก" คือสิ่งเดียวกัน พลังทั้งใน และนอกจึงประสานกันได้ คนฝึกวิชาชี่กงที่ดี ต้องฝึกภายใต้สภาวะธรรมชาติที่งดงาม ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่มีพลังยิ่งใหญ่ กล่าวอย่างสรุปคือ ชาวตะวันออกจะต้องเข้าใจหัวใจของเรื่อง "ใจ" ถ้า "ใจ" ไร้ตัวกูของกู เราก็จะอ่อนน้อมและงดงาม พลังหยินกับหยางก็จะประสานเชื่อมกันได้อย่างมีดุลยภาพ พลังภายในและภายนอกก็จะเป็นหนึ่งเดียว นี่คือ สภาวะที่เรียกว่า บูรณาการ
|
|
|
|
|
|
บล็อกเมื่อวาน คลิกที่นี่
ลิ้งค์ บทความ "ภูมิปัญญาตะวันออกกับศาสตร์การเสริมสร้างพลัง(1)--ยุคศรีอาริยะ
ลิ้งค์ล่าสุด--> บทความ "ภูมิปัญญาตะวันออกกับศาสตร์การเสริมสร้างพลัง(2)--ยุคศรีอาริยะ
รับฟังการถ่ายทอดสดสนธิที่หาดสมิหรา จ.สงขลา วันนี้ -19 กพ. 18.00-24.00น.
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2549 |
|
15 comments |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2549 7:05:33 น. |
Counter : 814 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: saengjan 17 กุมภาพันธ์ 2549 22:01:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: rebel 18 กุมภาพันธ์ 2549 6:31:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: ประกายดาว 18 กุมภาพันธ์ 2549 11:12:58 น. |
|
|
|
| |
โดย: ju (กระจ้อน ) 18 กุมภาพันธ์ 2549 13:41:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: วี IP: 58.147.84.223 13 พฤษภาคม 2549 1:25:30 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดีตอนหัวค่ำของ อุดรธานี จ้า
..เอาความ..คิดถึง..มามอบ
..เอาความ...ห่วงใย..มาให้
..เอาความ..จริงใจ...มาฝาก
..เอาทุกๆอย่างที่มีมอบแด่เธอ..
** มีความสุขกับคนที่คุณรักนะจ้า **