บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
ความสงบมั่นคง





ลองโยนก้อนหินลงในกระแสน้ำไหล สิ่งที่ท่านจะเห็นได้ก็คือการกระจายวูบหนึ่งของน้ำ แล้วรอยกระจายก็จะถูกกลืนหายไป อะไรได้เกิดขึ้นบ้าง? เมื่อก้อนหินสัมผัสกับผิวน้ำ สิ่งนี้คงยากที่จะบอกได้ แต่หากน้ำอยู่ในสภาพอันสงบและนิ่งเราสามารถจะเห็นการไหวของระลอกคลื่นแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง



เมื่อเรารู้สึกสงบ นิ่ง และเปิดกว้างเช่นเดียวกับสระน้ำในป่าเขา คุณภาพของจิตใจภายในจะเด่นออกมาอย่างชัดเจน เราจะรับรู้ตนเองได้ตรงและชัดเจน และสามารถสัมผัสกับสิ่งที่อยู่รอบตัวได้อย่างชัดเจนด้วย พลังงานของเราจะรวมอยู่กลมกลืน ไม่กระจัดกระจาย เราสามารถคิดได้ชัดเจน และเราสามารถจะวางแผนและจัดความคิดของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะมีความมั่นใจและมุ่งมั่น เราจะรู้ว่าเราต้องการจะทำอะไร เราจะรู้ว่าอุปสรรคของเราคืออะไร และเราจะรู้วิธีที่จะจัดการกับอุปสรรคนั้น เราจะทำงานด้วยความโปร่งใจแจ่มใส เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างราบรื่นกลมกลืนและสอดคล้องกับงาน แทนที่จะปฏิเสธเงื่อนไขของงาน เราจะเต็มใจทำสิ่งที่ควรจะทำ งานของเราจะวางรากฐานอยู่บนโครงสร้างที่แข็งแรงและสดชื่น เต็มไปด้วยความรู้สึกท้าทายและอิ่มเอิบ และผลของการทำงานจะสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพอันสงบนิ่งเยือกเย็นที่เราใช้ในการทำงาน เราสามารถจะสัมผัสและดื่มด่ำอย่างแท้จริงกับความสุขในการทำงาน และปล่อยให้กระแสแห่งชีวิตผลิบานในทุก ๆ อย่างที่เราทำ





อย่างไรก็ตาม ความกดดันและความเครียดในชีวิตประจำวันมักจะทำให้ยากแก่การรักษาคุณภาพอันสงบนิ่งและเปิดกว้าง ซึ่งช่วยให้เราได้แสดงสาระอันเป็นธรรมชาติที่ลึกซึ้งของเราออกมา เมื่อเราเกิดความวิตกกังวล ความกลัว ตึงเครียดและหนักใจ การรับรู้ต่าง ๆ จะขุ่นมัวลง และเราจะไม่สามารถเห็นชัดเจนว่าเราต้องทำอะไรบ้าง เราจะเกิดความรู้สึกกระจัดกระจาย ฟุ้งซ่านและขาดประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้เราเหนื่อยมากขึ้น เบื่อมากขึ้น และเครียดมากขึ้น ความกังวลและความเครียดจะเข้ามาแทนที่การกระทำซึ่งจำเป็นของเราไปเสีย และทำให้เราใช้พลังงานไปอย่างเปล่าประโยชน์ เราจะพบว่าเราหมกมุ่นกังวลแทนที่จะเผชิญกับงานนั้นโดยการลงมือทำ ความวิตกกังวลจะใช้พลังงานของเรามากจนกระทั่งว่าเราไม่สามารถจะสนองตอบอย่างเหมาะสมและกว้างได้กับประสบการณ์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้น จิตใจจะกักขังร่างกายให้อยู่ในความเครียด ซึ่งเป็นการยากมากขึ้นที่จะทำงานอย่างเต็มที่และเป็นสุข เมื่อความวิตกกังวลเข้ามาแทนที่ความสุขในการทำงาน เราจะพบว่าเรามีเนื้อที่น้อยลงสำหรับความสุขสดชื่นในชีวิตและสามารถให้ความสขกับคนอื่นได้น้อยลง



อย่างไรก็ตาม เราสามารถจะบรรเทาความเครียดหนักของร่างกายและจิตใจได้ โดยการระบายความเครียดหนักซึ่งเป็นอุปสรรคต่อกระแสการไหลอย่างธรรมชาติของพลังงานออกไป การแสดงออกของความเครียดซึ่งปรากฏในทางกายนั้น เราจะเห็นได้ชัดเจนและสามารถจัดการกับมันได้ง่าย เช่น กล้ามเนื้อหน้าตึง ปวดหัวบ่อย ๆ หรืออ่อนเพลียได้ง่ายโดยหาสาเหตุไม่ได้ โดยการสยบความเครียดในร่างกาย เราจะผ่อนคลายความเครียดทางจิตใจได้ด้วย สภาพนี้จะเอื้ออำนวยให้เราได้คิดอย่างชัดเจนและเผชิญกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและด้วยวิธีการนี้เราสามารถเพิ่มพลังงานของเราและกำหนดมันให้ดำเนินไปในวิถีทางที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น



เมื่อท่านรู้สึกเครียดและเหนื่อยหน่ายในงาน นั่งลงสักสิบหรือสิบห้านาทีในที่อันเงียบสงบที่ท่านจะไม่ถูกรบกวน และหลับตาลง เผยอริมฝีปากไว้เล็กน้อย เริ่มต้นการหายใจอย่างช้า ๆ และอ่อนโยน ปล่อยให้การหายใจของท่านสงบลง และค่อย ๆ มุ่งความใส่ใจของท่านไปยังความรู้สึกที่เกิดขึ้นในร่างกายของท่าน โปรดอย่าคิดถึงงานของท่านหรือคนที่ท่านทำงานด้วย โปรดทำแค่การสงบผ่อนคลายในร่างกายและความรู้สึกภายในต่าง ๆ เท่านั้น เมื่อท่านสำรวจพบกับส่วนของร่างกายที่ตึงเครียด บางทีอาจะที่หน้าผากหรือด้านหลังของไหล่ ปล่อยให้การหายใจของท่านบรรเทาและสลายความเครียดนั้นลง จนกระทั่งท่านเกิดความสงบและผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง

(มีต่อ)

----------------------------------------------------------


คัดจาก "แห่งการงานอันเบิกบาน"

ผู้เขียน : ตาร์ถัง ตุลกู

ผู้แปล : โสรีช์ โพธิแก้ว

ขอขอบคุณองค์ความรู้ทั้งหมดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้




Create Date : 08 มกราคม 2549
Last Update : 8 มกราคม 2549 16:34:15 น. 8 comments
Counter : 410 Pageviews.

 


โดย: rebel วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:10:21:42 น.  

 
เพลงประกอบบล็อก "เถียนมี่มี่" แปลเป็นไทยได้ว่า "หวานปานน้ำผึง" ร้องโดย "เติ้งลี่จวิน"

สวัสดีทุก ๆ ท่านครับ
ขอให้มีความสุขกับวันหยุดสุดสัปดาห์มาก ๆ ครับ


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:10:28:35 น.  

 
สวัสดีวันอาทิตย์ค่ะ
ถ้าเครียดมากเวลาอยู่คนเดียว
จะเปิดเพลงดังมากค่ะ

ถ้าเวลาทำงานก็จะเดินออกไปที่อื่นสักแปป
แต่จะไม่ค่อยมีท่าทางหงุดหงิดนะคะ
มีแต่เงียบลง เงียบลง ไม่รู้ว่าจะทำให้เครียดมากขึ้น
หรือว่าทำให้สงบมากขึ้น

ปล.ศุกร์กะเสาร์ กลับถึงบ้านตี 1 ทั้งสองวันเลยค่ะ
วันนี้ขอพักแล้วกัน แล้วเจ้าของบล็อคไม่ไปเที่ยวไหนเหรอคะ ^^


...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:10:33:44 น.  

 


เมื่อเครียด มัชมักระบายด้วยการเขียน

ถึงแม้การเขียนไม่ได้ช่วยให้ความเครียดหายไปทั้งหมด

แต่ก็ช่วยผ่อนคลายลงได้มาก

เมื่อผ่อนคลายลงจึงนั่งนิ่งๆ ทำใจนิ่งๆได้ค่ะ


ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะคะ


โดย: มัชฌิมา วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:11:05:46 น.  

 
สวัสดีค่ะ เมื่อรู้สึกเครียดจะนอนหลับค่ะ
หลับโดยไม่ต้องพยายามให้หลับ
คือเลิกคิดในสิ่งที่ คิดแล้วเครียด
ตื่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกดีค่ะ
และมีทางแก้ไขปัญหาได้อย่างไม่ต้อง
คิดมากก่อนทีจะหยุดคิดและนอนค่ะ

การหนีปัญหาที่ดีทีสุดของพลอยสีรุ้ง
คือการนอนค่ะ
แหะ แหะ

ขอบคุณค่ะสำหรับบทความดีๆ ค่ะ

มีความสุข สดชื่น กับวันพักผ่อน
และมีความสุขกับบล็อกนะคะ อิอิ




โดย: พลอยสีรุ้ง วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:12:02:27 น.  

 
เวลาเครียดมาก ก็มักจะคิดมาก แปลกเน้อะ ทั้งที่รู้ว่ายิ่งคิดก็ยิ่งเครียด แต่ก็ยังคิด


โดย: merf1970 วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:12:50:38 น.  

 
ก็คงจะต้องรู้จักละวาง แล้วจาหาความสงบสุขได้อะนะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:14:55:45 น.  

 
จะฟังเพลงค่ะ ไม่ก็เข้าบล๊อค หรือวัดไปเลย


โดย: erol วันที่: 8 มกราคม 2549 เวลา:17:48:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.