|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สัมภาษณ์ ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ--จากรายการท่าพระอาทิตย์
นักวิชาการเตือน ทุนโจรครองเมือง พาหายนะย้ำต้องเร่งปฏิรูป โดย ผู้จัดการออนไลน์ 5 มกราคม 2549 19:21 น.
ณรงค์ เพชรประเสริฐ
ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬา ให้สัมภาษณ์สภาท่าพระอาทิตย์ (5 ม.ค.49) ชี้การจัดอันดับเศรษฐกิจไทยหล่นจาก 53 มาอยู่อันดับ 71 เหตุจากปัจจัยการแทรกแซงของรัฐ ไม่ไปตามกลไกตลาด เตือนระวังเกิดหายนะ จากกลุ่มทุนโจรครองเมือง พร้อมประเมินการขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ป เศรษฐกิจประเทศมีโอกาสทรุดสูง ขณะที่กลุ่มทุนมีแต่ได้กับได้ ย้ำต้องเร่งปฎิรูปการเมืองจะเป็นทางออก รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ประจำวันที่ 5 มกราคม 2549 ดำเนินรายการโดยสำราญ รอดเพชร คำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำราญ ก็จะไปคุยกับท่านอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐนะครับ ก็โปรดิวเซอร์บอกว่าเป็นประเด็นเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ปานเทพ มีการจัดลำดับกันนะครับ โดยยึดนิตยสาร Wall Street Journal สำราญ เห็นว่าไทยนี่ร่วงมา ปานเทพ ตกไปลำดับที่ 71 สำราญ จาก 53 หล่นมาอยู่ที่ 71 นะครับ ปานเทพ แพ้เขมร แพ้กัมพูชานะครับ สำราญ ก็เดี๋ยวจะไปคุยกับ ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ว่าเอ๊ะ เสรีภาพทางเศรษฐกิจมันหมายถึงอย่างไรกันแน่นะครับ คำนูณ ตอนนี้ท่านมาแล้วครับ สวัสดีครับ อาจารย์ณรงค์ครับ ปานเทพ สวัสดีครับ สำราญ สวัสดีครับ ดร.ณรงค์ สวัสดีครับ เดี๋ยวนิดนึงนะครับ ครึ่งนาที ปานเทพ ระหว่างรอครึ่งนาทีนะครับ ก็เล่าให้ฟังหน่อยเพราะว่าข่าวนี้นะครับก็เป็นข่าวที่ปรากฏอยู่ในมติชน เป็นข่าวตัวสีน้ำเงินนะครับในเช้าวันนี้ บอกว่าเสรีภาพเศรษฐกิจไทยรูด อันดับ 71 ของโลกหล่นจาก 53 แพ้แม้แต่เขมร คิดดูสิครับ รัฐบาลบาลยันต่างประเทศสนเมกกะน้ำและก็การศึกษา นี่ก็เถียงกันไปเถียงกันมานะครับ นี่ก็เป็นคำแถลงจากท่านโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีนะครับ และก็เลขาสภาพัฒน์โต้นักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลก บอกว่าอ้างนักลงทุนต่างชาติไม่เมิน บอกว่าตอนนี้มี 4 รายสนใจลงทุนเมกกะโปรเจกต์ด้านน้ำและการศึกษาแล้ว สำราญ เอาล่ะครับ อาจารย์มาแล้วครับ แต่ฮ่องกงก็ยังเป็นแชมป์เหมือนเดิมนะ ครองแชมป์ต่อกันเป็นปีที่ 12 แล้ว อาจารย์ณรงค์ครับ สวัสดีครับ ดร.ณรงค์ สวัสดีครับ คำนูณ เสรีภาพทางเศรษฐกิจนี่มันคืออะไรครับ ปานเทพ มันแปลว่าอะไรครับ อาจารย์ครับ ดร.ณรงค์ คือบางที ผมพูดตามภาษาเศรษฐศาสตร์การเมืองก่อนนะ คือพูดตามภาษาเศรษฐศาสตร์การเมืองนี่นะครับ เสรีภาพทางเศรษฐกิจย่อมแปรผันไปตามสภาวะกำลังซื้อ นั่นหมายความว่าใครมีกำลังซื้อมากก็จะมีเสรีภาพมาก ใครมีกำลังซื้อน้อยก็จะมีเสรีภาพน้อย เพราะฉะนั้นเสรีภาพของระบบทุนนิยมขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋า นี่อธิบายในหลักของเศรษฐศาสตร์การเมืองนะ ภาษาของเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก เขาก็จะบอกว่าการจัดเสรีภาพของเศรษฐกิจนั้น ขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดประมาณ 10 ตัวนะครับ ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีจะมีเรื่องของนโยบายการค้า เช่น เปิดเสรีหรือเปล่านะครับ ภาระทางการคลังของรัฐนะครับว่า มันเป็นภาระทางการคลังมากไหม แบกรับภาษีมากหรือเปล่า ใช้เงินคงคลังมากไปหรือเปล่าอะไรทำนองนี้นะครับ แล้วก็การแทรกแซงของภาครัฐในระบบเศรษฐกิจนะครับ อย่างเช่นว่าเราปล่อยมันเป็นไปตามกลไกตลาดเสรีหรือเปล่า รวมทั้งคอยบิดนั่นคอยบิดนี่ หรือว่าในการบิดไปบิดมาในการแข่งขันนั้นนี่ มันเกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ฝ่ายหนึ่งนี่มีอภิสิทธิ์ ฝ่ายหนึ่งไม่มีอภิสิทธิ์ อย่างนี้ก็ไม่มีเสรีภาพเหมือนกัน เช่น ยกตัวอย่างว่าในการประมูลนี่นะครับ ถ้ามีการล็อกสเปก มีการฮั้วขนาดใช้อิเล็กทรอนิกส์อะไรพวกนี้ ฮั้วกันนี่นะ คนที่ฮั้วกันส่วนมากก็เป็นพวกที่มีอำนาจวาสนา ผู้ที่มีอภิสิทธิ์นะ คนที่ไม่มีอำนาจวาสนา ไม่มีอภิสิทธิ์ก็หมดสิทธิ์ไปเลย อย่างนี้เสรีภาพก็ถูกจำกัด อันนี้ความหมายของธนาคารโลกที่พูดนะครับ ปานเทพ แล้วการที่ประเทศไทยหล่นจากอันดับ 53 มา 71 นี่มันสะท้อนอะไรครับ มันมีปัญหาที่ไหน ดร.ณรงค์ พูดง่ายๆถ้าผมดูตามนี้นะ ผมคิดว่าจะมีอยู่ 3 ตัว 1. ภาระทางการคลังของรัฐ เงินสดขาดมือ 2. การแทรกแซงของรัฐในระบบเศรษฐกิจนะ ถ้าพูดกันตามภาษาของธนาคารโลก คือไม่ยอมให้กลไกตลาดมันทำงานตามปกติของมัน เช่น เราว่ามี SML บ้าง เรามีกองทุนหมู่บ้านบ้าง กองทุนหมู่บ้านนี่ดอกเบี้ยมันก็หายบ้าง เก็บได้มั่ง เงินปล่อยออกไปแล้วได้มั่งไม่ได้มั่ง คืนมั่งไม่คืนมั่ง แสดงว่าไม่เป็นไปตามกลไกตลาด เราอัดฉีดเข้าไป และการอัดฉีดเข้าไปนั้น ก็ไม่ได้เกิดผลทางเศรษฐกิจที่ควรจะเป็นอะไรทำนองนี้นะ นโยบายการเงินนี่ก็เหมือนกันนะครับว่า การเงินนี่มันควรจะไหลเวียนไปตามปกติของมันนี่นะ เราก็ไปบิดนั่นบิดนี่ให้เป็นไปตามที่เราปรารถนา คำว่าปรารถนาก็ปรารถนาของใครก็ไม่รู้อีก มันไม่ใช่ความปรารถนาของกลไกตลาด บางครั้งมันก็บิดไปบิดมาไปตามความปรารถนาของคนที่มีเงินมากๆ เช่น การบิดตลาดหุ้นอย่างนี้ ตลาดทุน ตลาดเงินนี่นะ บิดไปบิดมาคือถ้าพูดตามภาษาชาวบ้าน บางทีก็มีมือดีมาแอบปั่นหุ้นอย่างนี้นะ มันก็ถูกบิดหมดแหละครับ ถ้ากลไกการตลาดถูกบิดนี่นะ ภาษาของนักเศรษฐศาสตร์ธนาคารโลกเขาบอกว่า มันไม่มีเสรีภาพทางเศรษฐกิจ แปลว่าเรื่องการเงิน เรื่องการคลัง เรื่องราคานี่ มันไม่ไหลไปเวียนไปตามกลไกตลาด มันมีคนคอยแทรกคอยแซง คอยบิด คอยเวียนให้มันเป็นไปตามผลประโยชน์ของคนที่บิด เสรีภาพถูกจำกัด อย่างนั้นความหมายของเขานะครับ คำนูณ ผลที่ตามมาจะเป็นยังไงครับ ดร.ณรงค์ ผลที่ตามมา ถ้าเราพูดตามภาษาเศรษฐกิจเสรีนะ อะไรก็ตามนะครับตามความเชื่อของระบบเศรษฐกิจเสรี อะไรที่ตามที่เราเข้าไปบิดกลไกตลาดมากเกินไป และก็ทำให้การแข่งขันนี่มันไม่เป็นไปตามปกติ มันไม่เป็นไปตามกลไกแห่งความยุติธรรม ไม่มีระบบยุติธรรมแห่งการแข่งขัน ถ้าเป็นอย่างนี้นะครับ เศรษฐกิจนี่มันถ้าตามภาษาของนักเศรษฐกิจเสรี มันจะคืบคลานไปสู่ความหายนะ และก็ในทางสังคมนี่นะคือจะเกิดปัญหา เช่นเกิดช่องว่างระหว่างผู้มีอภิสิทธิ์กับผู้ไม่มีอภิสิทธิ์ ซึ่งผู้มีอภิสิทธิ์ก็จะรวยขึ้นๆนะ ถ้าแทรกภาษาเศรษฐศาสตร์การเมืองก็คือว่า มันจะเกิด Robber Baron เป็นภาษาประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์การเมือง ก็คือพวกทุนโจรน่ะครับ จะเกิดพวกทุนโจรครอบครองเมือง สถาบันการเงินและสถาบันการคลังเสียหายหมด และก็จะทำให้ระบบทุนนิยมมันดูเลวร้ายเป็นทุนสามานย์ ซึ่งพวกทุนนิยมนี่นะครับเขาก็ไม่ชอบทุนสามานย์เหมือนกัน เพราะเขาก็ถือว่าความสามานย์เป็นความเลวร้ายนะ พวกทุนนิยมเองนี่เขาเชื่อว่าการทำให้เกิดความยุติธรรมในการแข่งขัน การทำให้กลไกตลาดมันเดินไปอย่างเสรีนี่ เขาเรียกว่าทำให้ทุนก้าวหน้า ทีนี้การทำให้กลไกตลาดเดินไปอย่างเสรี มันมีความหมายลึกกว่านั้นนะครับ กลไกตลาดมันไม่ได้เพียงการเคลื่อนไหวในเรื่องเงินเรื่องทองหรือราคาเฉยๆนะ แต่มันยังเป็นเรื่องของการที่กลุ่มคนและชนชั้นในสังคมนี่นะ มีอำนาจต่อรองมีดุลซึ่งกันและกัน กลไกตลาดไม่ได้ทำงานเพียงผ่านกลไกราคานะ แต่มันยังผ่านการทวงสิทธิ การดูแล การเช็คบาลานซ์ การคอยดู การตรวจสอบทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าคนนี้มีเงินมากแล้วจะทำให้อะไรตามใจได้ มันต้องมีกลุ่มคอยดึงคอยถ่วง เช่นว่าถ้ามีทุนผูกขาดก็ต้องมีกลุ่มผู้บริโภคคอยถ่วง ถ้ามีทุนอภิสิทธิ์ก็มีกลุ่มอิสระคอยดุล ถ้าสมมุติว่ากลุ่มผู้บริโภคก็ไม่มีอำนาจ กลุ่มอิสระก็ไม่ได้ดุลนะครับ อันนี้ทุนสามานย์แล้วครับ ถ้าพูดตามภาษาของนักเศรษฐกิจเสรี เอาเป็นว่าเสรีภาพทางเศรษฐกิจถูกจำกัดแล้วครับ สำราญ ทีนี้อาจารย์ครับ นิดเดียวครับ ก็คือถ้าเอาหลักคิดเศรษฐศาสตร์การเมืองเข้าไปจับเสรีภาพทางเศรษฐกิจนี่ นัยวำคัญของมันจริงๆนี่สำคัญไหม ดร.ณรงค์ สำคัญมากครับ เศรษฐศาสตรฺการเมืองจะแปลว่า ในสังคมที่ขาดเสรีภาพเศรษฐกิจ แปลว่ามันเกิด Monopoly Capital Full มาก สำราญ การผูกขาด ดร.ณรงค์ เมื่อการผูกขาดมันรวบอำนาจนี่นะครับ มันรวบอำนาจทางการเมือง รวบอำนาจทางเศรษฐกิจนี่ มันไปจำกัดโอกาสของคนอื่นไง การจำกัดโอกาสของคนอื่นนี่ ทำให้คนอื่นถูกจำกัดเสรีภาพ ซึ่งการผูกขาดที่รวบทางการเมืองและเศรษฐกิจนี่นะครับ มันนำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าทุนสามานย์น่ะ ภาษาเศรษฐศาสตร์การเมืองนะ ทุนสามานย์ Robber Baron ซึ่งทุนผูกขาดมันจำกัดโอกาสของคนไง เราจะเลือกซื้อสินค้าก็ไม่ได้ เลือกแข่งขันการประมูลก็ไม่ยุติธรรมอะไรอย่างนี้นะ และก็ในทางการเมืองก็เหมือนกันนะ เลือกคนนั้นเลือกคนนี้ก็ถูกเงินซื้อไปหมดอย่างนี้นะ มันทำให้คนนี่นะหมดทางเลือกน่ะ การหมดทางเลือกก็แปลว่าเสรีภาพถูกจำกัด เศรษฐศาสตร์การเมืองเป็นอย่างนี้แหละครับ ปานเทพ อาจารย์ครับ ที่อาจารย์พยายามอธิบายว่าเสรีภาพเศรษฐกิจไทยนี่ ถ้าสมมุติไม่มีหรือว่าแย่ลงนี่ อาจจะนำไปสู่คำที่ใช้คำว่าเหมือน กลุ่มโจรครองเมือง นี่นะครับ ดร.ณรงค์ ครับ เขาเรียกจะเกิดภาวะ Robber Baron ครับ ปานเทพ ทีนี้ถ้าลำดับร่วงลงมาจาก 53 เป็น 71 นี่ บรรยากาศของโจรครองเมืองที่อาจารย์ให้คำนิยาม มันรุนแรงแค่ไหนครับ ดร.ณรงค์ เท่ากับมันรุนแรงขึ้นครับ ตอนนี้นี่เราบอกได้เลยนะครับ ถ้าเราพูดถึงการจำกัดการแข่งขัน การจำกัดโอกาสคนนี่นะ ทุนที่มีความใกล้ชิดกับภาครัฐนี่นะ มันฮั้วกันได้ง่ายครับ ทุนที่เขาแข่งขันอย่างเสรีนี่ ทุนที่เขาพยายามใช้ความสามารถของตัวเองเข้าแข่งขัน ไม่ใช้อภิสิทธิ์ต่างๆนี่ ใช้ความสามารถในการจัดการไปสู้ก็สู้ไม่ได้ครับ เมื่อสู้ไม่ได้แปลว่าโอกาสในทางการแข่งขันก็ไม่มี เมื่อโอกาสในการแข่งขันไม่มีแปลว่าเสรีภาพในการแข่งขันถูกจำกัดไง เพราะว่าโอกาสนี่มันถูกรวบไปโดยพวก Robber Baron หมดแล้วนั่นแหละ คำนูณ ถ้าเผื่ออาจารย์ใช้หลักนี้ อาจารย์มองการข่าว การที่จะขายหุ้นยกล็อตของชินคอร์ปยังไงบ้างครับ ดร.ณรงค์ การขายหุ้นของใครล่ะ สำราญ ชินคอร์ปครับ อาจารย์ ดร.ณรงค์ อันนั้นมองได้ 2 อย่างนะ มองแบบเศรษฐศาสตร์การเมืองนี่ 1. ถ้าถือว่ามองแบบดีหน่อยนะ ก็ต้องการล้างภาพตัวเอง ถ้ามองในแง่ร้ายหน่อยนะ ไม่ค่อยไว้ใจสถานการณ์ข้างหน้า คำนูณ คือเตรียมหนี ดร.ณรงค์ เมื่อไม่ค่อยไว้ใจสถานการณ์ข้างหน้านี่ การถือสภาพคล่องนี่ดีกว่าไม่ถือสภาพคล่อง อะไรก็ตามที่มันอยู่ในลักษณะของทรัพย์สินนะ ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เป็นทรัพย์สินที่เปลี่ยนโอนได้ยากนี่ ถือว่าสภาพคล่องต่ำ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนทรัพย์สินให้เป็นสภาพคล่องสูง เช่นเป็นเงินสดนี่นะครับ มันสามารถที่จะหมุนไปไหนมาไหมได้เร็ว รองรับสถานการณ์ได้ง่าย ถ้าตีความแบบเศรษฐศาสตร์การเมืองแปลว่า เกิดความไม่น่าไว้วางใจในเรื่องของกลุ่มคนและชนชั้นในสังคมไทย ที่มีความอึดอัดขัดข้องและก็ต่อสู้กันรุนแรง การเมืองที่รุนแรงนั้นนี่ไม่รู้ผลจะออกหัวออกก้อย เพราะฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อน เอาสภาพคล่องไว้ในมือก่อน อันนี้พูดแบบ Negative หน่อยนะ ปานเทพ ระหว่าง Positive กับ Negative ที่อาจารย์ยกตัวอย่างมานี่ น้ำหนักไปทางไหนครับ ดร.ณรงค์ ผมมีความรู้สึกว่าก้ำกึ่งกันครับ เพราะว่ากระแสสังคมตอนนี้มันมีความรู้สึกว่า ถ้าเราไม่ปล่อยละปล่อยวางกันบ้าง ถ้าเราไม่คิดที่จะหันหน้าเข้าหากัน ถ้าเราไม่คิดที่จะเปิดโอกาสให้คนอื่นบ้างนี่นะครับ การปะทุของสังคมนี่มันอาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงได้นะครับ ผมอยากจะฝากอย่างหนึ่งก็คือว่า ตอนนี้นะครับเศรษฐกิจไทยห่วงโซ่ทั้งหมดอยู่ที่ค่าจ้าง ค่าจ้างเป็นตัวค้ำจุนชนบท หนี้สินของหนี้กองทุนหมู่บ้าน หนี้ SML อะไรต่างๆ เวลาเขาใช้เงินคืนนะ เงินที่จะใช้คืนมันไปจากค่าจ้างครับ แล้วก็เศรษฐกิจภายในเรานี่ พวกห้างสรรพสินค้าขายของอะไรนะครับ ขายของได้ไม่ได้นะครับก็เพราะค่าจ้าง แต่ตัวค่าจ้างปีหน้ามีปัญหาแน่นอนครับ เศรษฐกิจสูงขึ้นค่าจ้างไม่เพิ่ม เพราะฉะนั้นห่วงโซ่นี่จะเป็นตัวเดือดเสริมกับปัญหาต่างๆ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ในปี 2549 นะครับมีความไม่แน่นอนสูงมากครับ สำราญ ก็คือจะเป็นจุดระเบิดอย่างหนึ่งปัญหาค่าจ้างนี่ ดร.ณรงค์ ครับ เป็นจุดหนึ่งครับ ที่จะกระทบเข้าไปในปัญหาต่างๆ คำนูณ เมื่อวานได้มีโอกาสได้คุยกับท่านอาจารย์สมภพ มานะรังสรรค์ นี่นะครับ ท่านก็มองว่าสถานการณ์ตอนนี้นี่โดยภาพรวมคล้ายๆกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติ 2540 ในหลายรูปแบบด้วยกัน ทั้งสถานการณ์ต่างประเทศ ดร.ณรงค์ แต่เช้านี้มันลงลึกครับ มันลงรากหญ้าครับ ที่ผมบอกค่าจ้างนี่มันคือปัญหารากหญ้า สังคมไทยเป็นสังคมทุนนิยมนะครับ คุณคำนูญครับ เรามีจำนวนลูกจ้างเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดของสังคม เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจภายในนะครับ มันถูกค้ำจุนด้วยค่าจ้างเท่านั้น แม้แต่ภาคเกษตรเองนะครับ ประมาณร้อยละ 60-70 ของรายได้ครัวเรือนเขานี่ก็มาจากค่าจ้าง ค่าจ้างเมื่อลูกส่งกลับไป ค่าจ้างที่คนในชนบทเองออกเร่ร่อนจรจัดรับจ้าง ห้างสรรพสินค้าขายของภายในประเทศ คนเดินในห้างนี่คือลูกจ้าง 70% คือลูกจ้าง ลูกจ้างทุกประเภทนะครับ ตั้งแต่ลูกจ้างชั้นล่างจนไปถึงชั้นบน ดังนั้นนี่ปัญหาค่าจ้างจึงเป็นเรื่องใหญ่ นโยบายค่าจ้างแห่งชาติไม่มี นโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพพวกทุนไม่มี ถ้า 2 อย่างนี้ไม่มีทุนนิยมเจ๊งครับ คำนูณ จะพูดได้ไหมครับ ว่าในช่วงตั้งแต่ปี 2544 ขึ้นมานี่ เราอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนประเทศไทยถูกปั่นขึ้นมาในทุกด้าน ปั่นการบริโภค ปั่นกิเลส ปั่นหุ้น ดร.ณรงค์ การปั่นนี่นะครับ ที่ภาษาเศรษฐศาสตร์ นักวิชาการธนาคารโลกเขาบอกว่า มันเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดไง การบิดเบือนกลไกตลาดนี่นะ มันไปจำกัดเสรีภาพกลไกตลาดไง คำว่าจำกัดเสรีภาพของกลไกตลาดนี่ คือกลไกตลาดในภาษาของเขานะ มันต้องหมุนเวียนไปได้เหมือนน้ำที่ไหลเพราะไม่มีสิ่งกีดขวาง เพราะฉะนั้นถ้าน้ำไหลไปมีก้อนหินมากีดขวาง มีป่ามาคั่น มีเขื่อนมาขวางอะไรต่างๆนี่ ถือว่าเสรีภาพทางเศรษฐกิจถูกจำกัด เพราะฉะนั้นการปั่นนี่นะครับ มันคือการทำลายเสรีภาพกลไกตลาดในภาษาของเขาน่ะครับ สำราญ อาจารย์ณรงค์ครับ กลับมาที่เรื่องชินคอร์ปนิดนึง สมมุติถ้ามีการขายเกิดขึ้นจริงในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ ถึงแม้จะเป็นมองได้คือ 2 มิติอย่างที่อาจารย์ว่านะ แต่ว่าพูดถึงว่าในเชิงจิตวิทยาก็ดี ในเชิงความเป็นจริงของธุรกิจไทยก็ดีนี่นะ มันจะได้รับผลบวกหรือผลลบต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ดร.ณรงค์ ผลลบจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติไม่ใช่เกิดขึ้นกับทุน ผมไปเม็กซิโกมาเมื่อปี 2541 นะ ปีนั้นนี่เม็กซิโกได้คนรวยเม็กซิโกไปเงินไปฝากต่างประเทศนะ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ พูดเป็นเงินไทยประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท เศรษฐกิจของเม็กซิโกทรุดเลยครับ ไม่มีเม็ดเงินไหลภายในประเทศ คำถามของผมคือว่าถ้ากลุ่มชินคอร์ปขาย หรือเครือข่ายของเขาทั้งหมด หรือรัฐบาลขาย ถามว่าเงินจะไหลออกไปต่างประเทศเท่าไหร่ ถ้ามันไหลออกซัก 5 แสนล้านตรงนี้นะรวมเบ็ดเสร็จหรือ 1 ล้านล้านนี่นะ อะไรมันจะเกิดขึ้นกับเม็ดเงินภายในประเทศ เห็นไหมครับ มันทรุดนะครับ แล้วต่อมาเม็ดเงินที่มันอยู่ต่างประเทศนี่ มันไหลกลับเข้ามาในเมืองไทย มันจะไม่เข้าไม่หมุนในลักษณะลงทุนระยะยาวในบ้านเรา ตรงนั้นอันตรายไง ปานเทพ อาจารย์มองว่าเป็นอันตราย เป็นอย่างนี้ได้ไหมครับว่าเงินนี่คือตัวประกัน เม็ดเงินที่มหาศาลเหล่านี้เหมือนเป็นตัวประกันว่า ไม่ว่าไหลเข้าไหลออกนี่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับประเทศ ดร.ณรงค์ ใช่ มองในแง่ของเจ้าของทุนมันมีแต่ด้านบวก มันมีแต่ได้กับได้ มองในแง่ของประเทศชาตินี่ ถ้าเม็ดเงินเหล่านี้มันไหลออกนอกต่างประเทศมากเกินไป เวลามันไหลกลับเข้ามาในระยะเวลาสั้นๆนี่นะ ก็ทำให้กระแสการเงินที่มันไหลอยู่ในประเทศนี่นะมันหายไปไง ตัวชี้วัดตัวหนึ่งนี่นะครับของธนาคารโลกที่พูดเรื่องเสรีภาพเศรษฐกิจนี่ คือกระแสการไหลเวียนของเงินด้วย ถ้าการไหลเวียนของเงินนี่มันไหลช้าลง หรือว่าปริมาณการไหลมันลดลง คือมันไปอยู่ต่างประเทศหมดนี่นะ อันนี้ก็ถือว่าเสรีภาพกับเศรษฐกิจประเทศนั้นแย่เหมือนกัน นี่แหละ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคนที่มองตัวนี้ เขามองการไหลเวียนของเงินด้วยนะ และข่าวคราวที่ออกมานี่มันเป็นการบอกว่า สมมุติว่าเงินบาทนี่นะมันจะขาดตลาดใช่ไหม เงินมันจะไหลอยู่ต่างประเทศใช่ไหม อย่าลืมนะครับเราขายนี่ สมมุติเราขายนะ ถ้าขายในเมืองไทยเราขายเป็นเงินบาท เวลาจะเอาไปออกต่างประเทศต้องเอาบาทไปแลกดอลลาร์ก็ไหลออก คือถ้าเราขายทรัพย์สินเป็นดอลลาร์นี่นะ ดอลลาร์นั้นเขาอาจจะไม่กลับเข้ามาหมุนเวียนในประเทศ ออกต่างประเทศหมดเลย ทรัพย์สินเมืองไทยก็ลดลงครับ คำนูณ ทีนี้การที่ใครก็ตามแต่ที่ขายแล้วมีเงินจำนวนมากอยู่นอกประเทศนี่ มันก็จะส่งกระทบต่อค่าเงินบาทได้ ดร.ณรงค์ ทำลายเศรษฐกิจครับ ทำลายเศรษฐกิจภายในครับ คำนูณ แล้วเขาก็อาจจะทำกำไรจากค่าเงินบาทได้อีก ปานเทพ กลับเข้ามาได้อีก ดร.ณรงค์ ถูกต้อง เข้ามาโจมตีเงินบาทได้อีกครับ คำนูณ ก็คือในส่วนของเขานี่มีแต่ได้กับได้ ดร.ณรงค์ มีแต่ได้ โจมตีตลาดหุ้น โจมตีเงินบาททำได้ทั้งนั้นแหละ แต่ประเทศชาติแย่ครับ อย่าลืมนะครับคราวที่แล้วที่เราเกิดวิกฤตินะ เพราะเงินมันไหลออกนี่นะ เงินบาทนี่ไปกองอยู่สิงคโปร์ 20% ตอนนั้นนี่นะครับ และเงินบาท 20% นั้นมันมาเล่นค่าเงินบาทอีกทีนึง เล่นไปเล่นมาเลยเจ๊งไงครับ สำราญ ทีนี้อาจารย์ณรงค์ครับ พอท่านนายกฯหรือกลุ่มชินวัตรไม่ขาย ก็โดนโจมตีอีกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ดร.ณรงค์ ก็นี่แหละครับ มันเกิดภาวะของ Dead Lock ไง ก็ไปสร้างขึ้นมาเองทำขึ้นมาเองไง นั่นแหละ คือทุกอย่างนี่นะครับ ตอนต้นดูมันดีนะครับ แต่ว่าการทำอะไรที่ไม่อยู่บนเส้นทางของความชอบธรรมนี่นะครับ มันจะทำได้ถึงช่วงหลังถอยไปถอยมาก็ถอยไม่ออกแล้ว สำราญ อาจารย์พอจะชี้ทางสวรรค์หน่อยได้ไหมครับ เป็นยังไงครับ ดร.ณรงค์ ผมคิดว่านะครับ ปัญหาทั้งหมดตัวชี้ขาดคือทางการเมือง ถ้าไม่ปลดล็อกทางการเมืองทุกอย่างแก้ไม่ได้ ณ ตอนนี้ครับ สำราญ ถ้าไม่ปลดล็อการเมืองหรือครับ ดร.ณรงค์ ถ้าไม่ปลดล็อกการเมือง ทุกอย่างไปหมดแหละครับ คำนูณ ปลดยังไงครับ อาจารย์ ดร.ณรงค์ ก็ต้องปฏิรูปทางการเมือง ให้เกิดประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อย่าลืมนะครับถ้าเราเกิดเสรีทางการเมืองอย่างแท้จริง มันก็นำไปสู่ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เมื่อมันนำไปสู่ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เสรีภาพของเศรษฐกิจก็ตามมา นี่ถ้าพูดกันทางภาษาเศรษฐศาสตร์ทุนนิยมนะ อย่าลืมว่าระบบปัจจุบันมันพัวพันไปหมดระหว่างการเมืองกับเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นนี่อะไรที่เป็นตัวแปรทางการเมือง มันก็เป็นตัวแปรทางเศรษฐกิจด้วย ปีนี้เป็นปีแรกนะครับ ที่นักวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจทั้งหลายนี่ ต้องมานั่งวิเคราะห์ผลทางการเมืองที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ คุณดูเถอะครับถ้าอ่านข่าวตอนนี้นะ นักวิเคราะห์ทางภัทรบ้างใครบ้างอะไรนี่นะ หันมาจับวิเคราะห์การเมืองกันหมดแล้ว เห็นไหมครับว่าถ้าการเมืองเป็นอย่างนี้มีผลกระทบยังไง เพราะว่าจริงๆนี่ครับเรานี่ทิ้งวิชาการเศรษฐศาสตร์การเมืองไปนาน เพราะเรามีความรู้สึกวิชาการเศรษฐศาสตร์การเมืองนั้นเป็นเรื่องของพวกฝ่ายซ้าย ความจริงมันไม่ใช่ วิชาการเศรษฐศาสตร์การเมืองนี่ มันอยู่คู่กันมากับระบบโลกระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นน่ะครับ สังคมไทยมันมาทำเสียหายเสียเอง วันนี้ต้องกลับมาวิเคราะห์กันใหม่เรื่องเศรษฐศาสตร์การเมือง ระหว่างเศรษฐกิจการเมืองมันพัวพันการเมือง เหมือนเกลียวด้าย 2 เส้นที่ผูกกันเป็นเกลียวครับ มันไม่สามารถแยกได้แล้วตอนนี้ครับ สำราญ อาจารย์ครับ เขามีหลักสูตรปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเมืองไหมครับ ดร.ณรงค์ เรามีหลักสูตรปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเมือง ปีนี้จะมีพวกซีอีโอใหญ่ๆไปเรียนกันเยอะ กำลังเปิดรับสมัครครับ จะปิดรับสมัครตอนต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถ้าคุณสำราญสนใจ คุณคำนูณสนใจ ผมจะให้สิทธิพิเศษครับ นักวิเคราะห์ตอนนี้นะครับ ถ้าไม่เข้าใจเศรษฐศาสตร์การเมืองจะมองตรงนี้ไม่ออกเลยครับ สำราญ ค่าเล่าเรียนแพงไหม อาจารย์ ดร.ณรงค์ ค่าเล่าเรียนก็เท่าคนอื่นครับ เราเรียนแบบจ่ายเหมานะ เทอมละประมาณเกือบ 50,000 บาท เราไม่คิดเป็นค่าหน่วยกิตนะ คิดเป็นเหมาไปเลย คุณลง 50,000 นี่คุณจะเรียนกี่วิชาก็ได้ เรียนเหมาไปเลยครับ สำราญ สอบเข้ายากไหมครับ อาจารย์ มีอะไรบ้างครับ ดร.ณรงค์ ไม่ยากครับ อย่างคุณคำนูณ อย่างคุณสำราญนี่ สัมภาษณ์ทีเดียวก็ผ่านแล้ว เราสัมภาษณ์คนอยากเรียนครับ เราไม่ได้สอบข้อเขียน คำนูณ เดี๋ยวสงสัยต้องไปเรียนเสียแล้ว สำราญ เรียนหัวค่ำใช่ไหมครับ อาจารย์ ดร.ณรงค์ เรียนหัวค่ำครับ ปีนี้ก็มีซีอีโอจากหลายบริษัทไปเรียนครับ สำราญ เอาล่ะครับ อาจารย์ครับ ก็ขอบพระคุณมากนะครับ ถ้ามีอะไรก็บอกมาได้นะครับ เรื่องของเศรษฐศาสตร์การเมือง ดร.ณรงค์ ขอนิดเดียวครับ กำลังรับสมัครอยู่ครับ สำราญ ขอบพระคุณอาจารย์ครับ ดร.ณรงค์ ครับ สวัสดีครับ
|
บล็อกเมื่อวาน คลิกที่นี่
Create Date : 26 มกราคม 2549 |
|
12 comments |
Last Update : 27 มกราคม 2549 13:19:58 น. |
Counter : 1144 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นัท305 26 มกราคม 2549 20:19:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ju (กระจ้อน ) 26 มกราคม 2549 21:40:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: erol 26 มกราคม 2549 22:09:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใบบัว ณรงค์เพชร IP: 124.120.92.26 1 กันยายน 2553 18:58:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|
อ่านไปงงไป
อ่านไม่จบด้วยค่ะ ^^'
...