บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 เมษายน 2551
 
All Blogs
 

เที่ยววัดเที่ยวป่าแสนสุขใจก่อนวันสงกรานต์













จากงานพืชสวนโลก,ปราสาทเขาพนมรุ้งและวัดที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามลำดับ











หมู่บ้านก่อนที่จะเข้าเดินป่าไปหมู่บ้านเลตองคุ เหนื่อยมาก ๆ กับการเดินป่าระยะทาง 15 กม.



โรงเรียนที่เคยทอดผ้าป่าเมื่อสองปีที่แล้วเสร็จสมบูรณ์ดังที่เห็น เป็นอาคารเรียนของเด็กก่อนวัยเรียนที่บ้านหม่องควั๊ะ ต. แม่จัน อ. อุ้มผาง จ. ตาก



ลูกใครเอ่ยน่ารักจัง





เล่นเกมส์กับเด็กที่บ้านหม่องควั๊ะ เสร็จแล้วก็แจกขนม



สภาพหมู่บ้านเลตองคุจะเห็นมีแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่กรมโยธาไปทำไว้ให้กับหมู่บ้านกระเหรี่ยงแถบนี้



กฏระเบียบในหมู่บ้านที่ค่อนข้างเคร่งครัด และกินอาหารมังสวิรัติกันเป็นส่วนใหญ่ครับ ชาวบ้านนับถือฤาษี และหมู่บ้านนี้เป็นที่ที่สำนักฤาษีตั้งอยู่ เป็นฤาษีองค์ที่สิบ



จะเห็นมีฤาษีนั่งอยู่ด้านหลังครับ











งาช้างที่อยู่ในสำนักฤาษี ห้ามผู้หญิงเข้าไปด้วยแย่จัง







.........................................

สงกรานต์วันปีใหม่ไทย
ได้เวียนมาบรรจบอีกครั้ง
ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคน
จงประสบกับความสุขและความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตตามอัตภาพ
พบกับโอกาสใหม่ ๆ ในชีวิต
และแคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวงตลอดปี 2551 นี้เทอญ

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

เก็บตกมาจากบล็อกคุณ erol

อ่านแล้วมันก็ใช่ส่วนหนึ่งนะ
แต่ ...แต่อย่าเชื่อมากเลยนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่สองมือและมันสมอง
ที่บรรจุองค์ความรู้ที่ต้องรู้จักสังเคราะห์กลั่นกรอง
สิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตในปัจจุบันและอนาคต !!


ท่านที่เกิดวันที่ 16

ดวงดาวประจำวันเกิด : ดาวอาทิตย์กับดาวศุกร์เป็นดาวประจำดวงชะตา
ดาวทั้งสองดวงอยู่ในโลกของความจริง คุณเป็นคนจริงใจ และเป็นคนยากลำบากในชีวิต ต้องสะสมประสบการณ์ด้วยตนเองมากมาย จึงจะประสบความสำเร็จ มีไหวพริบดีเยี่ยม มีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก เป็นคนมีเสน่ห์เพราะดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือน และเป็นคนที่มีโอกาสทำงานใหญ่มีชื่อเสียงในชีวิต เพราะเป็นคนที่ทำอะไรก็ตามมีบารมี ความรักจะอ่อนไหวจริงใจ แต่เสียสละได้ เพื่อรักแท้ของคุณ มักมีพลังเร้นลับหรือลางสังหรณ์แม่นยำมาก เป็นคนสองอารมณ์ในร่างเดียวกัน แต่สมดุลกันอย่างลงตัวไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

เปรียบดังความหมายของคำคำนี้
" Authenticity - ของจริง คนจริง " จะให้ความหมายที่ชัดเจนมาก

อุปนิสัย:
คุณเปรียบเสมือนบุคคลที่อยู่เหนือโลก เพราะว่าถึงแม้คุณจะดำเนินชีวิตอย่างไร ประกอบอาชีพอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่คุณเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดมาโดยไม่บอกใคร นั่นคือ เราเกิดมาเพื่ออะไร ทำเพื่ออะไร และทำไมเราต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ คำถามเหล่านี้ทำให้คุณยอมที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อเป็นนักเสาะแสวงหาความจริง ว่าอะไรคือความจริงแท้ และเราควรทำอะไร ฟังดูโดยรวมอาจดูเป็นคนช่างคิด เจ้าปรัชญา แต่จริง ๆ แล้ว คุณเป็นนักคิดที่ปฏิบัติได้อย่างเยี่ยมยอด เป็นคนที่มองโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างแจ่มแจ้ง และชัดเจนมากกว่าใคร ๆ นอกจากนี้คุณยังเป็นคนที่มีลางสังหรณ์เป็นเลิศอีกด้วย ดังนั้นพูดโดยรวมแล้ว ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน คุณจะเป็นคนที่มีความคิดที่เหนือชั้นกว่าคนอื่น ๆ ไปหลายช่วงตัวเลยทีเดียว

สไตล์การทำงาน :
ทุกเหตุการณ์ ทุกสถานการณ์ ไม่มีอะไรเล็ดลอดสายตาคุณไปได้ เพราะการทำงานของคุณจะเป็นไปในลักษณะพุ่งไปสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วที่สุด ความอ้อมค้อมเป็นสิ่งที่คุณไม่ถนัดเป็นอย่างยิ่ง เวลาคุณทำอะไร คุณจะใช้ความตรงไปตรงมา บวกกับการวางแผนอย่างรัดกุม ทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณคิด เรียกได้ว่าเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว ดังนั้นโลกนี้ยังจะมีอะไรสามารถหลอกลวงคุณได้อีก

อาชีพที่เหมาะสม :
นักประพันธ์เอก วิศวกร นักกฎหมาย นักวิจัย นักสืบ อาชีพที่ต้องใช้ประสาทสัมผัสพิเศษ คืออาชีพที่เหมาะสม












บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่








 

Create Date : 13 เมษายน 2551
9 comments
Last Update : 29 เมษายน 2551 8:25:39 น.
Counter : 3217 Pageviews.

 

มีความสุขวันสงกรานต์นะค่ะ




 

โดย: Imaginewing 13 เมษายน 2551 15:05:14 น.  

 

คัดจากกรุงเทพธุรกิจรายวัน-คอลัมน์กายใจ

Happiness



: ศิริรัตน์ ณ พัทลุง (heartcompass@gmail.com)


สู่ความเบิกบานด้วยตัวเอง

Paul Potts (พอล พอทส์) ผู้ชายร่างท้วมที่มีความฝันว่าอยากเป็นนักร้องโอเปร่า ในวัยเด็ก 'พอล' มีรูปร่างอ้วนกลม ประกอบกับเป็นคนขี้อาย จึงโดนรังแกอยู่เสมอ ทุกเย็นหลังเลิกเรียน พอลจะหาที่ซุกตัวแอบเหล่าอันธพาล ที่รอเขาอยู่หน้าโรงเรียน ด้วยการไปเข้ากลุ่มร้องเพลงประสานเสียง เพื่อที่ว่าเวลาที่เขากลับออกมา เด็กเกเรเหล่านั้นจะกลับบ้านไปแล้ว

แต่จากวันนั้น การร้องเพลงกลับกลายเป็นความหลงใหล ในการได้เปล่งเสียงที่ทรงพลังของเขาออกมา วันแล้ววันเล่า เขาฝันว่า สักวันหนึ่งเขาจะได้ออกไปยืนร้องเพลง ต่อหน้าคนเป็นแสนเป็นล้านคน

ด้วยความเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร เขาเชื่อว่าเขาเกิดมาเพื่อการร้องเพลงเท่านั้น ทำให้เขาตัดสินใจเข้าประกวดร้องเพลง ในรายการประกวดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในประเทศอังกฤษ บนเวทีพอลเดินขึ้นไปอย่างไม่มั่นใจ เราเห็นสีหน้าของกรรมการทั้งสามที่ดูเหมือนจะอ่อนใจกับการต้องนั่งฟังใครสักคนร้องเพลงด้วยเสียงที่โหยหวนอย่างที่แล้วมา พอลดูประหม่า จนคนดูอย่างเราอยากร้องไห้ด้วยความสงสาร

แต่เมื่อดนตรีเริ่ม พอลเริ่มเปล่งเสียงอันทรงพลังของเขาออกมา มันสะกดทุกคนในโรงละครแห่งนั้น รวมทั้งคนอีกหลายล้านคนทางบ้าน ที่ชมอยู่ทางจอโทรทัศนให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุกคนตกตะลึงกับเสียงที่ไพเราะ และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของพอล ในช่วงเวลานั้นทุกคนมองข้าม รูปลักษณ์ภายนอกของพอลไปโดยสิ้นเชิง

พอจบเพลงนั้น ทุกคนในที่นั้นยืนปรบมือให้กับพอลยาวนาน หลายคนร้องไห้ เพราะน้ำเสียงอันใสซื่อของพอล ได้แทรกเข้าไปอยู่ในทุกอณูของร่างกายผู้ฟัง เสียงที่บ่งบอกถึงความสุข ความรัก ความเจ็บปวดและหยาดน้ำตา ทุกอย่างอยู่ในเสียงอันทรงพลังนั้น.. แม้ว่าความเข้าใจในภาษาอิตาเลียนของเราจะน้อยนิด เราและคนฟังอีกหลายล้านคน สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกที่พอลส่งให้ผู้ฟังได้อย่างเต็มเปี่ยม

เรารู้สึกรักคนอ้วนกลมคนนั้น เพราะเราสามารถสัมผัสถึงความจริงใจ ความไร้เดียงสา ไร้สิ่งปรุงแต่ง จากเสียงเพลงนั้น ไม่มีท่าทางสวยงามที่ถูกดัดแปลง ไม่มีเสียงที่ประดิษฐ์ให้ถูกใจคนฟัง มีแต่ความซื่อใส ที่ไม่แสแสร้ง ผู้ที่ได้สัมผัสจึงได้รับรู้ถึงความอิ่มใจได้อย่างไม่มีประมาณ

ไม่นานนักจากวันที่เขาขึ้นเวทีประกวด พอลมีอัลบั้มเป็นของตัวเองขายทะลุยอด 1 ล้านแผ่น ในเวลาไม่กี่วัน ใครจะนึกว่าหนุ่มอ้วนขี้อายคนนี้ จะทำสิ่งที่เขาฝันให้เป็นจริงได้ เพียงเพราะความเป็นตัวของตัวเองของเขาอย่างแท้จริง..

น่าเสียดายที่เด็กสมัยใหม่ได้ถูกยัดเยียดความรู้ด้วยการเลียนแบบผู้อื่น ทำตามคนข้างหน้า ดัดแปลงท่าทาง วิธีพูด วิธีคิดให้เหมือนๆ กัน จะได้ถูกต้องถูกใจคนดู คนฟัง ระบบการศึกษาของเราก็ให้ความสำคัญกับความจำ ใครจำได้มากก็จะถูกเรียกว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ เด็กๆ โดนฝึกให้เป็นเครื่องจักร เป็นคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยข้อมูล เป็นตุ๊กตาหุ่นที่ถูกจัดแจงให้ดูสวยงามเหมือนกันหมด ความไร้เดียงสาได้ถูกปิดกั้นด้วยข้อมูลที่ไม่มีประโยชน์สำหรับการเติบโตของพวกเขาแม้แต่นิดเดียว

ความไร้เดียงสามีอยู่กับเรามาตั้งแต่เกิด หากแต่ว่าเงื่อนไขต่างๆ ที่พ่อแม่ ครู และคนรอบตัว นำมาล้อมกรอบปิดบังความไร้เดียงสาของเด็ก ธรรมชาติที่สวยงามจึงถูกกลืนหายไปกับการเติบโต เด็กๆ จึงไม่สามารถแสดงออกถึงความฉลาด ความสามารถที่อยู่ภายในได้ เพราะผู้ใหญ่มีมาตรฐานของทุกๆ อย่างในชีวิตให้เขาเปรียบเทียบ จงทำให้เหมือน.. เดินตามให้ตรง.. เราชี้บอกถึงลักษณะของคนที่เขาควรจะเป็นให้พวกเขาเลือก.. เราสอนให้เด็กเจ้าเล่ห์แล้วบอกว่านี่แหละคนฉลาด..

เราบอกเด็กๆ ว่า เขาไม่ควรจะพอใจกับสิ่งที่เขามี เขาต้องพยายามทำให้ดีขึ้น มากขึ้น จนวันหนึ่ง.. เจตนาดีของเรานั้นได้สร้างเด็กๆ ให้กลายเป็นเครื่องจักร เป็นเครื่องเก็บข้อมูล ที่ไม่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหลงเหลืออยู่เลย

เราจะเห็นเด็กๆ เติบโตขึ้นมา แล้วไม่สามารถมีความสุขกับธรรมชาติสวยงามรอบตัวได้ เราจะมีเด็กขี้บ่นไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่เกลื่อนเมือง เราจะเห็นเด็กที่เกลียดโกรธตัวเองอยู่เสมอ เราจะเห็นความรุนแรงที่มาจากความบกพร่องทางใจของพวกเขา และเราจะนึกเสียดายธรรมชาติที่น่ารักที่หายไปจากใจของเด็กเหล่านั้น..

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น..เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ที่เราไม่อนุญาตให้พวกเขามี .. ความไร้เดียงสา ..ความซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง.. ความพอใจในสิ่งที่เขาเป็น.. การให้ความสำคัญกับความคิดของพวกเขา..

ยังไม่สายเกินไป ที่เราจะหยิบยื่นอิสระให้กับคนที่เรารัก ไม่ว่าเขาจะเป็นพ่อ แม่ หรือลูกของเรา พวกเราทุกคนสามารถหยิบยื่นของขวัญอันประเสริฐให้พวกเขาได้ รวมทั้งให้ตัวเราเอง

ผ่อนคลาย.. ลืมความคิดเห็น เงื่อนไขในอดีต แล้วเริ่มที่จะฟังหัวใจของตัวเองด้วยใจที่สงบ รักในสิ่งที่เราเป็น มีความสุขกับการได้ทำในสิ่งที่เรารักอย่างแท้จริง

ไม่นาน..ความไร้เดียงสา ความเบิกบานของเราจะกลับคืนมา เราจะเห็นความสวยงามในตัวของเรา เราจะร้องเพลงได้เต็มเสียงในแบบที่เราอยากทำ เราจะเป็นอะไรก็ได้ที่เราอยากเป็น เราจะได้กลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง.. ชีวิตของเราจะมีความหมาย.. บางอย่างในชีวิตของเราที่ขาดหายไป ก็จะค่อยๆ กลับมาหาเราอย่างช้าๆ

เราจะพบว่า ใจของเรามีพลัง มีความแข็งแกร่ง โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด แล้วเราจะค้นพบความหมายของการได้เกิดมาในโลกนี้อย่างแท้จริง..

...........................

หมายเหตุ : เข้าไปดูความกล้าหาญของพอลได้ใน //www.youtube.com แล้วค้นหาชื่อ Paul potts คุณจะรู้สึกถึงพลังของความใสซื่อที่ขาดหายจากใจของคน ขอให้คุณได้สิ่งดีๆ จากการเปิดดู

 

โดย: คนเดินดินฯ 15 เมษายน 2551 8:08:05 น.  

 

อยากมีโอกาสไปที่แบบนี้มั่งจังเลยค่ะ

 

โดย: gluhp 21 เมษายน 2551 6:29:17 น.  

 

คัดจากกรุงเทพธุรกิจ คอลัมน์กายใจ

Happiness



: ดร. วิมลกานต์ โกสุมาศ


พ่อมดเมอร์ลินกับ Who am I?

หนึ่งในตำนานพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกตะวันตก ก็คือเรื่องราวของ "พ่อมดขาวเมอร์ลิน" ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นผู้เลี้ยงดูและถ่ายทอดสรรพวิชาให้กับกษัตริย์อาร์เธอร์ ส่วนอาร์เธอร์เองก็มีเรื่องเล่ากล่าวขานถึงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน กล่าวคือ เป็นกษัตริย์ที่ได้นำอังกฤษต่อสู้กับผู้รุกรานชาวแซกซัน (Saxon) และเป็นเจ้าของตำนานดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ (Excalibur) รวมทั้งอัศวินโต๊ะกลม ซึ่งในตอนท้ายได้เชื่อมโยงกับภารกิจลับในการตามหาจอกศักดิ์สิทธิ์ (the Holy Grail) ซึ่งพระเยซูใช้ดื่มครั้งสุดท้าย

หลังจากที่กษัตริย์อาร์เธอร์ได้ทรงครองราชย์แล้ว พ่อมดเมอร์ลินก็มักจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เล่ากันว่า เมอร์ลินชอบใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว เร่ร่อน และจะปรากฏตัวให้อาร์เธอร์พบเห็นก็ในยามจำเป็นหรือคับขัน หรือไม่ก็เมื่อมีบทเรียนใหม่ จะต้องมาสอนอาร์เธอร์เท่านั้น

อยู่มาวันหนึ่ง พ่อมดเฒ่าก็ได้กลับมาเยี่ยมลูกศิษย์ ด้วยความปลื้มปีติดีใจที่เมอร์ลินกลับมา กษัตริย์อาร์เธอร์ทรงมีบัญชาให้จัดพระราชพิธีเฉลิมฉลองการกลับมาของพ่อมดเฒ่าขึ้นที่วังคาเมลอต

เมื่อได้รับทราบเรื่องงานฉลองจากอาร์เธอร์ เมอร์ลินกลับมองอาร์เธอร์ด้วยสายตาที่เหมือนกับไม่เคยรู้จักลูกศิษย์มาก่อน และได้กล่าวกับอาร์เธอร์ว่า "เราจะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่เจ้าจัดขึ้น ก็ต่อเมื่อเจ้าตอบเราได้ว่าเจ้าเป็นใคร

ไม่เพียงแต่เท่านั้น เมอร์ลินยังเสกถุงบรรจุผงทองคำใบใหญ่ขึ้นมา แล้วประกาศลั่นต่อหน้าข้าราชบริพารของอาร์เธอร์ ซึ่งอยู่ร่วมด้วยในท้องพระโรงว่า

"เราจะมอบถุงผงทองคำล้ำค่านี้ให้กับบุคคลใดก็ได้ ที่สามารถตอบเราได้ว่า ชายผู้นี้ (หมายถึงอาร์เธอร์) เป็นใคร

บรรดาอัศวินโต๊ะกลมทั้งหลายที่ห้อมล้อมอาร์เธอร์อยู่ต่างพากันประหลาดใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าให้ความเห็น เพราะรู้อยู่ว่าระดับพ่อมดเมอร์ลินแล้ว คำถามเช่นนี้ต้องมีความหมายแอบแฝง แต่ทหารยามนายหนึ่งรู้สึกไม่พอใจเมอร์ลินเป็นอย่างยิ่ง จึงตะโกนออกมาว่า

"พ่อมดเฒ่า ท่านชักจะเลอะเลือนไปใหญ่แล้ว ใครๆ ก็รู้ว่าพระองค์คือกษัตริย์อาร์เธอร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอังกฤษ"

แต่เมอร์ลินกลับส่ายหน้าปฏิเสธแถมยังขับไล่ทหารยามผู้นั้นออกไปจากห้องท้องพระโรง หลังจากนั้น เมอร์ลินก็ประกาศคำถามอีกครั้งว่า "ผู้ใดสามารถบอกเราได้บ้างว่าชายผู้นี้คือใคร"

คราวนี้ นางกำนัลเก่าแก่ของอาร์เธอร์ ซึ่งแอบหลบอยู่ด้านหลังอดรนทนไม่ได้ก้าวออกมาพูดด้วยความมั่นใจว่า

"ขนาดคนเขลาที่สุดในอังกฤษ ก็ยังต้องตอบคำถามนี้ได้ เพราะท่านคือผู้นำที่ปลดแอกราษฎรอังกฤษจากผู้รุกรานเป็นผลสำเร็จ"

ผลออกมาเหมือนเดิม เมอร์ลินขับไล่นางกำนัลผู้นั้นออกไป

จากนั้นบรรดาข้าราชบริพารในห้องต่างๆ ก็สรรหาคำตอบที่ตนคิดว่าไม่มีทางพลาดได้อย่างแน่นอน อาทิเช่น "พระองค์คือโอรสของกษัตริย์อูเธอร์" แม้กระทั่งราชินีกวิเนเวียร์ก็ทรงร่วมตอบด้วยว่า "พระองค์คือพระสวามีของข้าฯ เป็นแน่แท้" แต่เมอร์ลินก็ยังสั่นหัวและไล่ทุกคนที่ตอบคำถามออกไปจากห้องทีละคนไม่ละเว้นแม้แต่กวิเนเวียร์

ท้ายที่สุด เหลือเพียงเมอร์ลินและอาร์เธอร์เผชิญหน้ากันสองคน อาร์เธอร์กล่าวด้วยความมั่นใจว่า

"พ่อมดเฒ่า...ในที่สุด คนที่จะบอกได้ว่าเราเป็นใคร ตัวตนของเราคืออย่างไร ก็ย่อมจะต้องเป็นตัวของเราเอง นี่คือคำสอนที่ท่านกำลังจะถ่ายทอดให้เราใช่หรือไม่ เราย่อมรู้อยู่แล้วเช่นนั้น เราขอตอบว่า เราก็คือสหายเก่าและศิษย์อันเป็นที่รักยิ่งของท่านนั่นเอง"

ท่ามกลางความประหลาดใจของอาร์เธอร์ เมอร์ลินส่ายหน้าปฏิเสธคำตอบของอาร์เธอร์ ทำให้อาร์เธอร์จำใจต้องเดินออกไปจากท้องพระโรงด้วยอีกคน แต่ด้วยความกระหายใคร่รู้ว่า เมอร์ลินคิดอะไร อาร์เธอร์จึงแอบแง้มประตูท้องพระโรงดูเมอร์ลิน และแล้วอาร์เธอร์ก็ต้องประหลาดใจซ้ำ เมื่อเห็นเมอร์ลินโปรยผงทองคำจากถุงให้ล่องลอยไปกับสายลมจนหมดสิ้น

อาร์เธอร์ชักอดรนทนไม่ได้มากขึ้น จึงเดินกลับเข้าไปถามอาจารย์ว่า "ท่านทำเช่นนั้นทำไม ด้วยเหุตใดหรือจึงโปรยผงทองล้ำค่าไปกับสายลมเช่นนี้"

เมอร์ลินมองอาร์เธอร์ด้วยสายตาที่เอ็นดูแบบที่อาจารย์มองศิษย์น้อยแล้วตอบว่า

"ก็เพราะสายลมให้คำตอบที่ถูกต้องกับข้าน่ะสิว่า เจ้าคือใคร"

"แต่สายลมย่อมไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อท่านเลย ข้าฯ ก็แอบดูอยู่" อาร์เธอร์ย้อน

"เป็นเช่นนั้น…สายลมมิได้ให้คำตอบใดแก่ข้าฯ เลย จึงนับว่าถูกต้องที่สุด"

…………………….

สิ่งที่เมอร์ลินต้องการจะสอนต่ออาร์เธอร์ในครั้งนั้น ก็คือ คำถามที่ว่า "Who am I?" หรือ "ฉันเป็นใคร?" นั้น เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะมนุษย์เป็นเพียงจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีอิสระ และสามารถใช้อิสรภาพของตนเลือกแสดงบทบาทต่างๆ ในชีวิตที่เปลี่ยนไป จะดี จะร้ายขึ้นอยู่กับการเลือกของตน

แต่แท้จริงแล้ว เรามิใช่กายนี้ มิใช่ความคิดนี้ มิใช่บทบาทนี้ที่เราดำเนินอยู่ การให้ชื่อกับตนเอง หรือการยึดมั่นถือมั่นในบทบาทที่ตนแสดง เป็นเพียงกับดักทางจิตวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น

 

โดย: คนเดินดินฯ 21 เมษายน 2551 17:20:29 น.  

 


ชอบจังค่ะ
อากาศน่าสบาย
ดูเรียบง่ายดีนะคะ
ขอบคุณมาก ๆ หยิบภาพมาฝากกันค่ะ

หนี่ฯ ขอบคุณมากนะคะ
เรื่องโหลดช้าค่ะ หนี่ฯ ก็พยายามหาสาเหตุค่ะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

เห็นภาพน่ารัก
หยิบมากฝากค่ะ
จุ๊บ จุ๊บ


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 22 เมษายน 2551 0:48:43 น.  

 

โพสต์รูปเพิ่มเติมข้างบนนะครับ

 

โดย: คนเดินดินฯ 22 เมษายน 2551 9:59:29 น.  

 

มีภาพเพิ่มเติม
เสียดายไม่ได้ถ่ายน้ำตกที่หมู่บ้านนี้มา
เห็นเพื่อนบอกว่าเป็นที่สองรองจากทีลอซู !!

 

โดย: คนเดินดินฯ 27 เมษายน 2551 6:21:14 น.  

 

ส่งภาพน้ำตกทีลอซูภาพเก่า ๆ มาให้ดูกัน

 

โดย: คนเดินดินฯ 27 เมษายน 2551 7:09:42 น.  

 

ได้รับเงินกู้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วนของคุณวันนี้ในอัตราเพียง 2% สำหรับการรับประกันและความไว้วางใจจากลูกค้าทั่วโลก นักลงทุน Lions Gate อยู่ที่นี่เพื่อนำเสนอทุกชนิดของเงินให้สินเชื่อได้ถึง 20,000 ดอลลาร์ 10,000,000.00 ธุรกรรมมักจะประสบความสำเร็จ ..
อีเมล์: liongateloanfirm452@gmail.com พระเจ้าอวยพรทุกท่านในพระนามของพระเยซูอาเมน !!

 

โดย: Tanya Albert (สมาชิกหมายเลข 3474490 ) 5 พฤศจิกายน 2559 21:15:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.