ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์จากยาแก้ปวด
ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์จากยาแก้ปวด ยาแก้ปวดในที่นี้หมายถึงยากลุ่มแอสไพริน และพวกพ้องซึ่งมีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า non-steroidal anti-inflammatorydrugs(NSAIDs) ยาแอสไพริน หรือ acetylsalicylic acid (ASA) เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกสลายได้เป็นกรด salicylic acid สมัยก่อนยาตัวนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยคุณ Hippocratesใช้ salicylates ที่สกัดได้จากเปลือกไม้วิลโลว์(ต้นไม้จำพวกต้นหลิว)นำมารักษาอาการไข้ และแก้ปวดทั่วไป ในปี 1899 ASA ถือกำเนิดขึ้น ต่อมาหลังจากนั้น 3 ปี ก็มีคนพบอาการไม่พึงประสงค์ของยาตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เช่นแสบท้อง,เลือดออกในกระเพาะอาหาร, ขนาดสูงๆทำให้มีเสียงในหูได้ ฯลฯอาการดังกล่าวในที่นี้จะไม่ขอลงในรายละเอียดแต่จะพูดถึงปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ที่ไม่ค่อยพูดกันนัก ซึ่งบางชนิดอาจสัมพันธ์กับภูมิคุ้มกันในร่างกายครับเรามาเริ่มจากปฏิกิริยาที่ไม่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันก่อนเลยมีได้ 3 แบบคือ 1.ASA สามารถกระตุ้นให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหืดมีอาการรุนแรงขึ้นได้ ผู้ป่วยที่เกิดอาการดังกล่าวนี้มักมีลักษณะร่วมกัน 3อย่างที่เรียกว่า ASAtriad คือ 1.1.มีภาวะเยื่อบุจมูกและไซนัสอักเสบภูมิแพ้หรือชนิดที่เกิดการอักเสบจากการสะสมของเซลล์อิโอสิโนฟิลในจมูก 1.2.มีริดสีดวงในจมูก(nasal polyp) 1.3.มีอาการหอบหืดเรื้อรัง(persistent asthma) ธรรมชาติของผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีอาการทางจมูกและไซนัสนำมาก่อนร่วมกับการพบริดสีดวงจมูกหลังจากนั้นก็มีอาการหืดตามมาก่อนที่จะพบภาวะไม่พึงประสงค์จาก ASA 2.ASA สามารถกระตุ้นให้ผู้ป่วยที่มีลมพิษเรื้อรังระยะสงบมีอาการลมพิษเฉียบพลันขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดอาการบวมบริเวณหน้า หนังตาในช่องปาก ได้ด้วย 3.ทำให้เกิดลมพิษเฉียบพลันหรืออาการบวมบริเวณใบหน้า-ช่องปาก ในคนที่ไม่มีประวัติภูมิแพ้หรือโรคประจำตัวใดๆมาก่อน ทั้งนี้ปฏิกิริยาสองชนิดแรกไม่ได้เกิดผ่านระบบภูมิคุ้มกันแต่เกิดเนื่องจากกลไกการทำงานของยา ส่วนชนิดที่สามยังไม่ทราบกลไกชัดเจน ดังนั้นทั้ง 3 ชนิดนี้ไม่ใช่การแพ้นะครับเป็นเพียงอาการไม่พึงประสงค์ของยาเท่านั้น ผู้ป่วยที่เกิดปฏิกิริยาข้างต้นมักจะเกิดอาการดังกล่าวกับยาทุกตัวหรือหลายตัวในกลุ่มเพราะออกฤทธิ์ผ่านกลไกเหมือนกัน ในส่วนของปฏิกิริยาการแพ้ ASA ซึ่งผ่านระบบภูมิคุ้มกันที่มีรายงานไว้มีดังนี้ 4.สามารถทำให้เกิดลมพิษภาวะบวมใบหน้า-หนังตา-ในช่องปาก หรือรุนแรงจนกระทั่งเกิดภาวะการแพ้รุนแรงเฉียบพลันชนิดที่เรียก anaphylaxis แต่จะเกิดกับยาตัวหนึ่งตัวใดไม่ใช่เกิดกับยาทุกตัวในกลุ่ม มักพบในผู้ป่วยมีประวัติแพ้อาหารแพ้ยา หรือมีผื่นผิวหนังอักเสบเหตุภูมิแพ้ (atopic dermatitis) อยู่แล้ว อุบัติการณ์การเกิดไม่มากประมาณร้อยละ 0.1-3.6 ผู้ป่วยอาจรับประทานยาที่เป็นปัญหาเป็นประจำหรือเป็นครั้งคราวก็ได้ การแพ้ชนิดนี้เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันชนิดอิมมิวนูโกลบูลิน อี (immunoglobulin E; IgE) 5.ชนิดสุดท้ายเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ IgE ผู้ป่วยจะเกิดผื่นแดงเม็ดเล็กๆคันตามร่างกายไม่ได้เป็นแบบลมพิษ, เป็นจ้ำๆวงๆเกิดซ้ำที่เดิมเสมอๆ, เป็นตุ่มน้ำ,เป็นผื่นเฉพาะที่สัมผัสกับยาเมื่อออกแดด หรือไม่ก็ตาม,บางรายพบภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, เยื่อหุ้มปอดอักเสบ, ไตอักเสบอาการที่พบเหล่านี้มักเกิดหลังรับประทานยามากกว่า 24 ชั่วโมงขึ้นไปซึ่งอาจเกิดกับยาตัวหนึ่งตัวใดหรือหลายตัวก็ได้ การวินิจฉัย : การทดสอบโดยทำตัวยาในกลุ่มนี้มาทดสอบทางผิวหนังยังไม่สามารถทำได้ต้องใช้การทดสอบด้วยการให้ยาแบบมีขั้นตอน ที่เรียก drug provocation test เท่านั้นซึ่งสามารถทำได้ทั้งการรับประทาน, การฉีด, การสูดดม แต่การทดสอบดังกล่าวค่อนข้างอันตรายต้องดำเนินการในโรงพยาบาลและภายใต้การควบคุมของอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ฯ นอกจากนี้ในปัจจุบันยาในกลุ่มนี้ยังไม่สามารถใช้การเจาะเลือดเพื่อวินิจฉัยปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ของยาที่เกิดกับผิวหนังได้ครับ การรักษา : 1.โดยปกติผู้ป่วยสามารถรับประทานยาพาราเซตามอลได้ในขนาดที่น้อยกว่า 1,000 มก. เนื่องจากมีรายงานว่าถ้ารับประทานตั้งแต่ 1,000 มก.เป็นต้นไปอาจทำให้เกิดอาการได้เช่นกันแต่ไม่รุนแรง 2.ถ้าสงสัยคงต้องเลี่ยงยากลุ่มดังกล่าวตามคำแนะนำของอายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ฯ 3.อาจเปลี่ยนกลุ่มไปใช้ยาแก้ปวดชนิดใหม่ที่ออกฤทธิ์คนละกลไกกับยาในกลุ่มนี้เช่นยาประเภท celecoxib,etoricoxib ฯลฯ แต่มีบางรายงานพบอาการดังกล่าวกับยากลุ่มนี้เช่นกันแต่น้อยยมากหรืออาจเปลี่ยนเป็นยาแก้ปวดกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่ NSAIDs ไปเลย 4.เมื่อเกิดอาการลมพิษ หรือตาบวมการรักษาโดยทั่วไปคือการหยุดยาตัวที่สงสัยทันทีประกอบกับการให้ยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการ ในบางรายอาจต้องให้ยาประเภทสเตอรอยด์หรือถ้ามีอาการแพ้มากๆเช่น anaphylaxis คงต้องให้ยาช่วยชีวิต adrenaline ร่วมด้วยครับ
นพ.ภก.สุรสฤษดิ์ ขาวละออ อายุรแพทย์ทั่วไป อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันคลินิก
ศูนย์โรคภูมแพ้ โรงพยาบาลสมิติเวชสุขุมวิท
Create Date : 14 เมษายน 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 15 เมษายน 2556 8:19:18 น. |
Counter : 981 Pageviews. |
|
|
|