Top's life in Taiwan
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2549
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
5 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 

ภาพเล่าเรื่อง Taipei & บ้านเจอรรี่

เริ่มออกเดินทาง


สวัสดีครับ วันนี้ผมจะออกเดินทางไปเที่ยวบ้านเจอรรี่ที่เถาหยวนซึ่งเป็นเมืองอยู่ติดกับTaipei ทริปนี้เป็นช่วงตรุษจีนพอดีครับ...นัดให้เจอรรี่ไปรับผมที่สถานีรถไฟเถาหยวน..


ตามธรรมเนียม ต้องถ่ายรูปก่อนออกเดินทาง นี่เป็นหน้าสถานีรถไฟครับ..


จะเห็นว่าคนเยอะสุดๆเลยครับ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงเที่ยวของเขาล่ะ ซื้อตั๋วและต่อคิวเข้าชานชาลาแถวยาวมากกกเลย...

บ้านเจอรรี่



ถึงที่พักแล้วครับ เป็นบ้านเจอรรี่..เข้าไปครั้งแรกคิดว่าเป็นวังซะอีกครับ นี่เป็นห้องที่ให้ผมอยู่..เป็นห้องสำหรับแขกที่มาพักที่บ้านนี้..เราก็เลยพลอยสบายด้วย


นี่เป็นีอีกมุมนึงครับ มีทีวีด้วยครับ แต่น่าเสียดาย ผมฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่อง ดูได้แต่ภาพอย่างเดียว....ห้องน่าอยู่มั่กๆ


ตอนนี้เช้าแล้วครับ เติมแรงเต็มพร้อมที่จะท่องเที่ยวTaipei ในวันนี้แหล่ว..


ที่ตู้โชว์ข้างล่าง มีของสะสมเป็นพวกดีบุกมาจากเมืองไทยด้วย ผมก็เลยถ่ายเก็บเอาไว้....ลืมบอกไปครับว่าพ่อของเจอรรี่สามารถพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย เพราะว่าเคยไปเมืองไทยหลายครั้ง เราก็เลยคุยค่อนข้างจะถูกคอ พ่อเจอรรี่มีบริษัทเป็นของตัวเองครับ จะบอกว่าดูท่าจะรวยมาก เป็นบริษัทส่งออกเครื่องจักร ที่เมืองไทยมีหลายแห่งที่ใช้บริการของบริษัทพ่อเจอรรี่ หนึ่งในนั้นมีบริษัท นันยาง ด้วยครับ


ตอนนี้เริ่มออกเดินทางไปที่ Taipei แล้ว รูปนี้ถ่ายเจอรรี่ตอนโดยสารรถไฟไป Taipei ซึ่งทริปนี้เราจะไปเจอกับแฟนสาวเจอรรี่...เราจะไปเที่ยวด้วยกันครับ


เห็นป่าวครับ สภาพของคนที่เดินออกจากรถไฟเข้า Taipei หรือยังว่ามันมากและวุ่นวายแค่ไหน


นี่เป็นภาพของสถานีรถไฟที่ Taipei เป็นสถานีรถไฟและเป็น MRT ในที่เดียวกันเลยครับ...เจอรรี่กับแฟนสาวก็พาเดินชมรอบๆจุดนั้นครับ


เดินผ่านอนุสาวรีย์ของท่าน"ซุนยัตเซน"ครับ เจอรรี่บอกว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญกับชาตินี้มากเลย ดร.ซุนยัตเซน เป็นพี่เขยของ ท่านเจียงไคเชค ซึ่งเป็นคนก่อตั้งประเทศไต้หวันที่หนีมาจากปธน.เหมาเจ๋อตุงซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ในจีนครับ(ท่านซุนยัตเซนสามารถล้มล้างราชวงศ์แมนจูในจีนได้ และท่านเจียงไคเชคเป็นสมุนมือขวาของดร.ซุนยัตเซนนั่นเองครับ ตอนหลังพรรคก๊กมินตั๋งของท่านแพ้จากพรรคคอมมิวนิสต์ในจีนก็เลยย้ายผู้คนมาอยู่ที่เกาะไต้หวันเฉกเช่นในปัจจุบัน)


นี่เป็นที่ทำการของนายกรัฐมนตรีครับ เจอรรี่ได้เล่าการเมืองให้ฟังแบบคร่าวๆ ว่ามีพรรคการเมืองอยู่สองพรรคใหญ่ คือ พรรคจีน(China party) กับอีกพรรคนึงเป็นของท่านเฉินสุ่ยเปี่ยนซึ่งเป็นนายกคนปัจจุบัน สองพรรคนี้อุดมการณ์ต่างกันคนละขั้วเลยครับ การเมืองที่นี่ดุเดือดมาก เจอรรี่บอกว่ามีการต่อยกันจนเลือดตกยางออกด้วย


เราก็เดินชมวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆ เจอรรี่บอกว่าวันนี้โชคดีมากเลยครับเพราะว่าอากาศดีแดดออกสดใส เจอรรี่บอกว่าปกติแล้วที่ Taipei ถ้ามี 100 วัน ฝนจะตกสัก 99 วัน (รู้สึกเราจะเจอคนที่ขี้โอเว่อร์กว่าเราแล้ว) ตึกสูงๆนี่คือห้างสรรพสินค้าห้างนึง (ไม่ใช่ไทเป 101) ส่วนด้านซ้ายเป็นสวนสาธารณะอันเก่าแก่ของที่นี่ครับ เจอรรี่บอกว่าถ้ามาตอนเย็นๆ จะมีพวกเกย์เยอะมาก..(แฟนเจอรรี่เล่นมุขบอกว่า เจอรรี่ชอบมา)

เส้นทางแห่งธรรมชาติของน้ำพุร้อน


วันนี้เจอรรี่จะพาไปอาบน้ำพุร้อนกันก่อนกินข้าวเที่ยงด้วยครับ ไอเราก็ถามว่าเราไม่มีชุดว่ายน้ำนะ ทำไมไม่บอกเราก่อน เจอรรี่บอกว่าไม่ต้อง เพราะว่าที่นี่เขาเปลือยกายล่อนจ้อนอาบกัน ไม่ต้องใช้ชุดว่ายน๊งว่ายน้ำอะไรหรอก ไอเราก็ตกใจเกิดมาก็ไม่เคยพลีกายอวดโฉมอันรูปงามล่ำบึ๊กและบิ๊กๆของเราให้ใครเห็นมาก่อน ผมก็บอกเจอรรี่ว่าไอไม่เข้านะ ยูจะเข้าก็เข้าไปเถอะ... แต่มันก็ไม่ยอม เราก็เลยต้องจำใจ...


เริ่มแรกเราก็นั่งรถ MRT ไปลงที่สถานีเป่ยโถวครับ...


พอถึงเราก็นั่งรถกระเช้าต่อไปที่สถานี ซินเป่ยโถว


นี่เป็นก้าวแรกที่ก้าวลงมาในโซนน้ำพุร้อนที่นี่ครับ


เจอรรี่บอกว่าก่อนที่เราจะไปอาบน้ำพุร้อนให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ก่อนอื่นเราก็ต้องไปชมประวัติและประโยชน์ของการอาบน้ำพุร้อนกันก่อน....คุณสองคนก็พาเดินลิ่วๆไปที่พิพิธภัณฑ์น้ำพุร้อนที่นี่...ในรูปเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งสมัยก่อน ตึกหลังนี้เป็นโรงอาบน้ำพุร้อนของชาวญี่ปุ่น(สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้เข้ามายึดครองที่ไต้หวัน แล้วพบว่าที่นี่มีน้ำพุร้อนด้วย จากการที่ญี่ปุ่นมีนิสัยรักการแช่น้ำพุร้อนเป็นชีวิตจิตใจก็เลยสร้างสถานที่อาบน้ำพุร้อนเป็นจำนวนมาก และ ทำให้การอาบน้ำร้อนแพร่หลายในไต้หวัน)


นี่เป็นป้ายที่บอกประวัติของการอาบน้ำพุร้อนที่เป่ยโถวย้อนหลังไป 400 ปี


นี่เป็นภาพวาดของตึกหลังนี้แหละครับ ที่ย้อนหลังไปประมาณ 400 ปี บรรยากาศน่าอยู่เนอะ


นี่เป็นภาพถ่ายจริงๆของที่นี่เมื่อ 400 ปีที่แล้ว จะเห็นมีนายทหารญี่ปุ่นคนนึงลงแช่อยู่


และนี่เป็นปัจจุบัน เป็นภาพถ่ายที่เดียวกันและจุดเดียวกันกับเมื่อ 400 ปีที่แล้ว ลองเปรียบเทียบดูกับภาพข้างบนสิครับ


ป้ายนี้บอกว่าในบริเวณเป่ยโถวนี้มี น้ำพุร้อนกี่แห่งซึ่งแต่ละแห่งแตกต่างกันอย่างไร


ตรงนี้มาถึงซุ้มที่อธิบายถึงเสน่ห์ของน้ำพุร้อนที่นี่ ซึ่งก็คือหินก้อนหนึ่งที่ชื่อว่า Hokutolite เดี๋ยวมาดูกันต่อนะครับว่าหินนี้มีดียังไง


หินนี้เป็นตัวเพิ่มคุณค่าให้กับน้ำพุร้อนที่นี่ครับ จะพบว่ามันเคลือบอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำพุร้อนที่นี่ นอกจากแร่ธาตุแล้วยังมีธาตุกัมมันตรังสีที่ชื่อ เรเดียม อยู่ด้วย แต่ไม่ต้องกลัวนะครับเพราะว่ามันแผ่รังสีอ่อนๆ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์แถมยังมีประโยชน์อีกด้วย ใกล้ๆนั้นจะเป็นบู๊ตโชว์ให้สัมผัสหินกันใกล้ๆด้วยครับ


นี่เป็นตารางแสดงแร่ธาตุต่างๆในหินที่นี่ครับ ละเอียดจริงๆ น้ำพุร้อนที่นี่กินได้ด้วยครับ


นี่เป็นป้ายแสดงการกำเนิดของน้ำพุร้อน ดูๆไปก็ได้ความรู้มากโขเหมือนกันนะเนี่ย


จะเห็นว่าน้ำพุร้อนที่นี่จะออกมาจากเขาแล้วไหลลงมาตามทางเรื่อยๆเข้ามาในเมืองด้วยครับ... สังเกตเห็นฟ้าๆเป็นทางๆนั่นไหมครับ..นั่นล่ะครับน้ำพุร้อนที่ไหลออกมาตามทาง คนสามารถลงไปแช่และอาบได้ตามใจชอบ


เห็นมั้ยครับว่ามันออกมาแล้วไหลทั่วเมืองเลยครับ


จริงอย่างที่พิพิธภัณฑ์บอกไว้เลยครับ น้ำพุร้อนมันจะไหลทั่วเมืองเลยครับ เห็นเป็นทางน้ำ ตามทางคนก็จะไปนั่งเอาเท้าจุ่มตามทางน้ำพุร้อนไหล


เห็นเป็นทางน้ำทั้งเมืองเลยครับ ..คนที่นี่โชคดีจริงๆ


จะเห็นเด็กๆลงไปเล่นน้ำกันด้วยครับ.. ส่วนผู้ใหญ่ก็ไปอาบน้ำกันที่โรงอาบครับ


ซึ่งที่อาบน้ำต่างๆจะมีเยอะมากกระจัดกระจายให้เลือกอาบได้เลยครับ สุดแต่ใครจะชอบสไตล์ไหน แบบโรงแรมอาบเดี่ยวในห้องนอนส่วนตัว ราคาก็ราวๆ 1000-2000-5000 ต่อ 2 ชม. ตามแต่ว่าจะเลือกหรูขนาดไหน มีออพชั่นอะไรบ้าง หรือแบบสาธารณะ หรือแบบเสียตังก์แต่ถูกหน่อยก็มี


เจอรรี่พาเดินเหนื่อยมากขึ้นไปจนสุดทาง จะเห็นแอ่งคล้ายๆกับทะเลสาปแต่มีอวยไอเหนือขึ้นมา สวยเหมือนอยู่บนฟ้าเลยครับ


เห็นไหมบรรยากาศเหมือนอยู่วิมานบนฟ้าจริงๆ โดยเฉพาะ 2 คนนี้(เจอรรี่กับแฟน) น่าอิจฉามั่กๆ


หลังจากนั้นเจอรรี่ก็พาผมไปอาบน้ำพุร้อน... ที่นี่มีหลายแบบให้เลือก แบบห้องเดี่ยว แบบรวม แต่วันนี้เจอรรี่พาไปอาบแบบรวมเพราะราคาถูกกว่า ราคาค่าเข้าต่อคน 220 NT แยกชายหญิง..


นี่แอบถ่ายมา เพราะว่าวันนี้เราเข้าไปเป็นพวกแรกเลยอ่ะ.. ก็เลยถ่ายได้... เจอรรี่บอกว่าที่ยังไม่มีคนก็เพราะยังเช้าเกินไป แต่สักพักคนก็จะเยอะมากก... แต่พอถ่ายรูปนี้เสร็จ คนก็ทยอยกันมาทีละ 3-4 คน..

ขั้นตอนการจะอาบก็คืออันดับแรกเราก็ต้องถอดผ้าออกให้หมดเลยครับ(นู้ด) แรกๆก็อายชาวบ้านชาวช่องเขาเหมือนกันเพราะตอนนั้นมีประมาณ 6-7 คนที่เริ่มเข้ามา... พอเสร็จขั้นตอนถัดไปก็ต้องไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนที่จะลงไปอาบน้ำรวม.... หลังจากนั้นเราก็เลือกอาบในแบบที่เราชอบได้ มีให้เลือกหลายอย่าง.. มีบ่ออาบน้ำพุร้อน(ที่เห็นควันพุ่งนั่นหล่ะครับ)...บ่ออาบน้ำพุร้อนแบบเหมือนจากุชชี่ คือมีน้ำดันออกมาด้านข้าง(ไว้นวดตัว) ด้านบนไหลลงมา(ไว้นวดบ่า ไหล่ และคอ)....มีห้องซาวน่าเป็นห้องร้อนๆเอาไว้อบ....มีบ่ออาบน้ำเย็นที่อยู่ด้านซ้ายในรูป(เย็นสุดๆเลยครับ เหมือนอาบน้ำแข็งเลยอ่ะ)

เทคนิคในการอาบน้ำร้อนที่ให้ได้ผลดีก็คือแช่ในบ่อน้ำร้อนและน้ำเย็นสลับกัน หลายๆรอบ แต่ละรอบไม่ควรเกิน 15 นาที จบแต่ละรอบควรพักสักแป็ปนึง บางคนก็นอนหงายล่อนจ้อนขอบบ่อ บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็ไปห้องอบซาวน่า บางคนก็ใช้บริการนวดจากแรงน้ำ ...คนที่นี่บอกว่าอาบน้ำพุร้อนมีสรรพคุณที่ดี ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีเพราะว่าอาบทั้งเย็นและร้อนจะทำให้เส้นเลือดหดและขยายตัว... ทำให้ภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆสูงขึ้น บรรเทาหลายโรค เช่นรูห์มาตอย โรคผิวหนัง ...แร่ธาตุจะทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี(คงประมาณผิวขาวอมชมพูเหมือนคนที่นี่มั้ง)... ถ้าให้ดีหลังจากอาบเสร็จไม่ควรจะเช็ดตัว ควรจะนั่งพักให้น้ำซึมเข้าไปในร่างกายซึ่งจะเป็นผลดี ร้านอาหารหลายๆร้านแถวนี้มักจะผสมน้ำแร่จากน้ำพุร้อนลงไปในอาหาร ซึ่งจะเป็นในทุกๆเมนูซึ่งจะมีสูตรของตนเอง.. เขาบอกแต่ละเมนูแล้วเด็ดๆน่ากินทั้งนั้น แถมยังได้ประโยชน์จากน้ำแร่อีกด้วย...

กระผมก็อาบอยู่ประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ คนเข้ามากันเยอะมาก มีทั้งเด็ก,เด็กโต,วัยรุ่น,ผู้ใหญ่,คนชรา ทุกวัยเลยครับ(เลือกชมได้ทุกขนาด) ช่วงที่อยู่ตอนนั้นประมาณ 20 กว่าคนเห็นจะได้ พอตัวเริ่มเหี่ยวและเริ่มหิวเราก็ชวนกันออกมาเพราะนัดแฟนเจอรรี่ไว้ข้างนอกประมาณตอนเที่ยง...


เห็นคนมาใช้บริการไหมครับ มากจริงๆ..


เที่ยงนี้เจอรรี่พาไปกินอาหารที่ตลาดไนท์มาร์เก็ต ชื่อ ชินหลิน เราก็สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปถึงได้เลย(การเดินทางที่นี่ใช้บริการรถไฟฟ้าสามารถไปได้ทุกที่จริงๆ)


แอบถ่ายเด็กหลับ..


ถึงแล้วครับ ชินหลิน ไนท์มาร์เก็ต..ถึงที่นี่จะเป็นไนท์มาร์เก็ตแต่กลางวันก็เปิดนะครับ เด่นที่สุดก็เป็นอาหารที่อร่อยมากก..เดี๋ยวจะแนะนำให้ชมต่อไปครับว่าอร่อยยังไง..


เข้าไปจะเห็นร้านค้าขายของกินทั้งนั้น ของที่นี่มีหลากหลาย ..ตอนนั้นหิวมาก เจอรรี่ก็พาเดินไปร้านนึง


เรากินหลายอย่างและหลายร้านมากเลยครับ เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ เพราะแต่ละร้านของอร่อยจะไม่เหมือนกัน ร้านนี้อร่อยหอยทอด ร้านนั้นอร่อยเต้าหู้ ร้านนั้นอร่อยปลาหมึกอะไร่ทำนองนี้.. จานแรกของผมเป็นประมาณหอยทอด จานที่สองเป็นปลาหมึกอะไรก็ไม่รู้ในรูปข้างบน รสชาดอร่อยมาก ปลาหมึกตัวใหญ่เหนียวนุ่มอย่าบอกใคร..


พอเสร็จร้านแรกก็เข้าร้านที่สอง ร้านนี้อร่อยตรงผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ มีทั้งซุป เต้าหู้ทอด เต้าหู้ยัดไส้..อร่อยจริงๆครับ อาหารทุกอย่างในมื้อนี้เงินไม่พร่องไปจากกระเป๋าผมเลยครับ..เจอรรี่กับแฟนเป็นเจ้ามือ บอกผมอย่างเดียวครับ..Today you just only eat...


แต่ละร้านคนเข้าเยอะจริงๆ...เจอรรี่บอกว่าที่นี่เป็นไนท์มาร์เก็ตที่ขายของกินที่มีขายของเยอะที่สุดในไถเป่ยแล้วนะครับ..


ร้านนี้เป็นแบบสั่งอะไรเขาก็จะผัดให้ตรงหน้าแล้วเราก็ตั้งหน้าตั้งตากินหน้ากระทะเลยล่ะ...แต่วันนี้พวกเราไม่ได้กินเพราะกลัวสำลักควันน่ะ..


ที่นี่ในร้านอาหาร จะไม่มีน้ำขายนะครับ ถ้าอยากกินน้ำก็จะมีร้านน้ำต่างหาก ผมก็ใช้บริการร้านนี้แหละครับ เป็นน้ำผลไม้สารพัดเลยหล่ะ เลือกได้ตามใจชอบ ผมก็ฟรีอีกแล้ว..


ผมสั่งน้ำอะไรก็ได้ที่มีไอ้เจลลี่ในรูปนี้อยู่ด้วยหน่ะครับ...แฟนเจอรรี่ก็สั่งให้ ในแก้วเขาก็เอาเจลลี่แล้วก็ใส่ไข่มุก(เหมือนในชาไข่มุกใส่ลงไป) แล้วก็ใส่น้ำมะนาวแล้วก็ใส่น้ำแข็ง ใส่แก้วแล้วก็ซีลปิดฝาด้วยพลาสติกอย่างดี เวลาจะกินก็เอาหลอดใหญ่แข็งๆมาเจาะกินได้.. เจลลี่ในน้ำแก้วนั้นอร่อยมาก รสส้ม...


ผมเดินไปเห็นร้านนึงขายอะไรก็ไม่รู้ทอดๆ ผมอยากกินมาก ก็เลยบอกเจอรรี่ให้พาไปซื้อกินหน่อย... ชื่อมันเรียกยากมาก มันเป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี่เลยนะ ถ้ามาแล้วยังไม่ได้กินก็ถือว่ามาไม่ถึง..


ขั้นแรกเขาก็เอาอะไรไม่รู้ที่ทอดๆนั่นมาห่อวางบนแป้ง(รู้ทีหลังว่าที่ทอดๆนั้นข้างในเป็นงาดำ รสชาติอร่อยหวานๆกรอบๆ) แล้วก็ทุบให้ไอทอดๆนั้นแตก(แหลก)


ตอนต่อไปเขาถามว่าจะเอารสอะไร มีเป็นสิบรสเลย มีแบบช็อกโกแลต รสเผ็ด รสแกงขมิ้นอะไรทำนองนี้... เจอรรี่สั่งแกงขมิ้นให้ผมเพราะรู้ว่าผมชอบเผ็ดๆ....คนขายก็เอาผงเหลืองๆกลิ่นเหมือนเครื่องแกงมาโรยๆ


จากนั้นก็ม้วนเป็นโรลๆห่อ ก็เป็นอันเสร็จ ราคาอันนึงประมาณ 25 หรือ 35 NT นี่แหละจำไม่ได้เพราะไม่ได้จ่าย..


เห็นมั้ยครับ วันนั้นกินจนปากมันแผล็บเลยครับ


จากนั้นเราก็นั่งรถไฟกันไปต่อที่สยามสแควร์ของไถเป่ยกันครับ ในรูปนี่เป็นสถานีรถไฟฟ้าที่ไนท์มาร์เก็ตนี่แหละ


นี่คือทางเข้าสถานีรถไฟฟ้า คนเยอะพอสมควร..


รถไฟฟ้าแล่นผ่านนี่ด้วยครับ...นี่คือโรงแรมที่ดีที่สุดแห่งนึงของไถเป่ย...เจอรรี่บอกว่าข้างในตกแต่งงดงามมาก ข้างนอกลักษณะทาสีแดงเหมือนปราสาทของจีนเก่าๆ บรรยากาศดีมาก อยู่ติดภูเขา อากาศดี แต่ก็แพงมากกเช่นกัน.... วันหนึ่งเก็บตังก์มากๆจะมาพักโรงแรมนี้สักหนหนึ่งคงดี..


เด็กคนนี้เป็นเด็กผมทอง(ท่าทางเป็นลูกครึ่งซนมากๆ) มาเล่นกับผม พอผมเอากล้องจะออกมาถ่ายก็อายหลบหน้าไปเสียนี่...


นี่ก็ตลกครับ แม่นั่งหลับเด็กพี่น้องสองคนก็เลยตีกันแย่งของ


นั่งรถไฟฟ้าไปทั่วเมือง ไปทางไหนก็เห็นแต่ไอ้หนุ่มคนนี้ตลอดเลย...ฮอตทุกที่(ว่างั้น)


ตอนนี้ก็ถึงย่านแหล่งวัยรุ่นเหมือนสยามสแคว์บ้านเราแล้วนะครับ ย่านนี้เรียกว่าซิเหมินติ้ง แต่เด็กแถวนี้ไม่ค่อยใส่สายเดี่ยวสักเท่าไหร่นะครับ ส่วนใหญ่จะแต่งตัวประมาณญี่ปุ่นๆมากกว่า(ดูจากการแต่งหน้าขอบตาเข้มๆ ผมจัดทรงแข็งๆ) ร้านแถวนี้ก็ตกแต่งโดยรูปภาพดารา อย่างรูปนี้ก็ F4


คนเยอะมากที่ ซิเหมินติ้ง วันนี้ วัยรุ่นทั้งนั้น..


เจอรรี่บอกว่าวันนี้พวกเราเป็นวัยรุ่นหนึ่งวันนะ..ผมก็ตอบว่าปกติผมก็เป็นวัยรุ่นอยู่แล้วนะ...


สองสาวคู่นี้จะไปไหนกันจ๊ะ...


มาดูกันว่าเด็กที่นี่เขาแต่งตัวกันยังไง...สายเดี่ยวไม่ค่อยเห็น...(ลองใส่ดูสิ รับรองเป็นปอดบวมชัวร์ เพราะลมเย็นมาก)


เห็นอีกสองสาว และเพื่อนๆกำลังซื้ออะไรบางอย่าง ..นิสัยอยากรู้อยากเห็นอย่างเราต้องไปดู..


เห็นแล้วต้องร้องอ๋อ เพราะว่ามันเป็นร้านขายช็อกโกแลต สามารถเขียนหน้าบนช็อกโกแลตได้ด้วย เพื่อให้เป็นของขวัญก็ได้ ประมาณว่า "รักน้องติ๋มคนเดียว" "รักน้องติ๋มที่สุด" อะไรทำนองนั้น


คู่นี้ก็สวีตไม่หยอก...(แอบถ่ายชาวบ้าน)


เดินไปเดินมาเริ่มหิว เจอรรี่ก็พาไปกินโมจิ.. นี่เป็นร้านขายโมจิ โมจิที่นี่เป็นแป้ง เอามาย่าง พอย่างเสร็จก็ถามว่าจะเอารสอะไร มีสารพัด เขาก็จะเอามาราดน้ำรสนั้นให้


เจอรรี่กับแฟนสั่งรสคาราเมล(สองคนนี้ชอบกินด้วยกัน)


ส่วนกระผมสั่งรสช็อกโกแลต ราคาประมาณ 15-25 NT (ราคาจำไม่ค่อยได้เพราะว่ากินฟรีอีกแล้ว...เจอรรี่บอกว่าวันนี้พายูมา ยูไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น เราได้ทีก็เลยกินแหลก)


แล้วก็เดินไปเห็น กลุ่มคนให้ความสนใจมากกับการเปิดหมวกโชว์

วันหลังถ้าไม่มีตังก์ก็กะมาแสดงความสามารถพิเศษให้คนดูบ้าง ประมาณว่า ระบำหน้าท้อง เป่าน้ำลาย ปลิ้นตาเล่นเป็นสายันห์...


นี่เป็นหวยของที่นี่ เราถามว่าเป็นไง แฟนเจอรรี่บอกว่มันออกทุกคืน วันละหนึ่งครั้ง เราจะเล่นก็ได้ ครั้งละ 50 NT ถ้าถูกจะได้หลายล้านเลยนะ... ไอเราไม่มีดวงทางนี้ก็เลยขอบาย


แฟนเจอรรี่เป็นขาหวยก็เลยซื้อ พอเลือกเบอร์ได้ก็ไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์


เดินไปก็เจอเคาน์เตอร์ขายสลากแบบขูด...เจอรรี่บอกว่ามันเป็นประมาณว่า ซื้อมา 1 ใบ จะมีหลายราคา เสร็จแล้วก็ขูดที่โต๊ะนั้นแหละว่าเป็นไง ถ้าขูดแล้วได้เลขตรงกัน 3 ตัวจะได้เงินจำนวนนั้น เช่น ถ้าได้ 1000 เหมือนกันสามตำแหน่งก็จะได้ 1000 ไปเลย เจอรรี่บอกว่ามีโอกาสได้มากกว่าล็อตเตอรี่


เจอรรี่ก็ซื้อหนึ่งใบใบละ 100 NT มาขูดครับ พอขูดเสร็จหน้าจ๋อยเลยครับ ถูกเจ้ามือกินเรียบ..สมน้ำหน้า..


เห็นโปสเตอร์โปรโมตหนังของเจ็ตลี ก็ลองไปทาบรัศมีกับเจ็ตลีดูกันสักตั้ง..


ถึงตอนนี้เจอรรี่บอกว่า เดินมากก็เหนื่อยแถมเสียตังก์ด้วย(ใครบอกให้มันเลี้ยงหว่า) ก็พาไปหาที่พักผ่อนหย่อนใจในช่วงบ่ายแก่ๆกันครับ ตอนแรกก็จะพาไปสวนสาธารณะ แต่ว่าคนคงเยอะก็เลยพาไปเดินเล่นที่ มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดของไถเป่ย..(National Taiwan University)


นี่ครับ หน้ามหาวิทยาลัย... มหาวิทยาลัยที่นี่ทุกแห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยที่เมืองผม จะมีแหล่งช็อปปิ้งหน้ามหาวิทยาลัยด้วย..


นี่เป็นแผนที่ของมหาวิทยาลัยที่นี่ จะเห็นว่าบริเวณใหญ่มาก


ตึกเรียนที่นี่จะหน้าตาเป็นอย่างนี้ทั้งนั้นเลยครับ จะเก่าๆ แต่เจอรรี่บอกว่าแต่ข้างในบูรณะใหม่ อาคารที่นี่ญี่ปุ่นเป็นคนสร้าง สร้างมานานมากๆแล้ว ตึกที่นี่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้


ถนนในมหาวิทยาลัยกว้างใหญ่มาก ต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง ถนนนี่มุ่งไปสู่ห้องสมุดใหญ่ของมหาลัยที่นี่


นี่เป็นสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยที่นี่ครับ เป็นระฆัง...


สัญลักษณ์มหาวิทยาลัยครับ


คนในเมืองก็ชอบมาพักผ่อนหย่อนใจที่นี่เหมือนกันครับ


ท้องฟ้าวันนี้ก็ยังคงฟ้าอยู่ โชคดีของผมมากเพราะปกติที่นี่อากาศจะมืดครึ้ม แต่วันนี้ท้องฟ้าสดใส...


จากที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้สามารถมองเห็นตึก ไทเป 101 ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกได้ด้วย..


และแล้วเราก็นั่งพักผ่อนหย่อนใจที่ทะเลสาปในมหาวิทยาลัยนี่เอง...


นี่เป็นต้นซากุระ เจอรรี่บอกว่าถ้าไปหน่านโถว จะเห็นเยอะเป็นทุ่ง มากกว่านี้ร้อยเท่าเลยล่ะครับ...


เด็กที่นี่ส่วนใหญ่ชอบเล่นบาส ทุกที่จะเห็นได้


ที่นี่มีที่ปีนเขาให้ฝึกด้วย


พอหายเหนื่อย เราก็ออกเดินทางต่อ ตอนนี้แฟนเจอรรี่จะพาไปกินน้ำเต้าหู้ เป็นร้านที่อร่อยที่สุดของที่นี่เลยครับ...ผมก็ต้องไปท้าพิสูจน์ซะหน่อย...ว่าอร่อยสมคำร่ำลือหรือเปล่า

เราก็สะกดรอยตามผู้หญิงคนนี้ไปกินน้ำเต้าหู้กัน..อิๆ


วิธีการเดินทางไปกินน้ำเต้าหู้ที่อร่อยที่สุดในโลก ต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ไปลงที่สถานี ดิ๋งซี่


พอถึงปุ๊บเดินไปนิดก็จะเจอร้านปั๊บเลยครับ...ถึงแล้ว...


เห็นป้ายหน้าร้านบอกสรรพคุณไหมครับ เด่นมากๆ


หน้าร้านก็จะมีรูปเชิญชวน ประมาณเหมือนมนต์นมสด ที่มีรูปดารา นักการเมือง นายก มากินแล้วก็ถ่ายรูปไว้ มีป้ายเชลล์ชวนชิม ข่าวหนังสือพิมพ์....


นี่เป็นเมนูครับ มีหลายแบบทั้งร้อนหรือเย็น มีขนมมจีบซาลาเปา อาหารอย่างอื่นขายด้วย ประมาณอาหารเบาๆเช่นสำลี..หรือนุ่น(แป๊กไหมนี่)


โฉมหน้าเจ้ามือมื้อนี่(อีกแล้ว)


รสชาดขอบอกว่า..อร่อยจริงๆนะครับ มันเหมือนน้ำเต้าหู้ทั่วไปแหละครับ แต่หอมกว่ามาก หวานแบบไม่เลี่ยน กลมกล่อม เข้มข้น พูดได้อย่างเดียวว่าวิเศษสุดเลยครับ อยากจะซื้อกลับมาให้ที่เมืองไทยชิมจังเลยว่าอร่อยแค่ไหน อร่อยจนลืมถ่ายรูปหน้าตามันมาให้ดูเลยง่ะ มาปุ๊บหมดปั๊บเลย


จากนั้นเราก็กลับบ้านกันครับ...หิวข้าวแล้ว


เห็นป้ายนี้ที่ไต้หวันด้วย..


พ่อให้เจอรรี่เอามอเตอร์ไซด์ไปเติมน้ำมัน จะบอกว่าเจอรรี่ซิ่งมากๆๆ เกือบตาย กว่าจะถึงเราก็ได้แต่เกาะและหลับตาปี๋เลย

วันนี้เป็นวันพิเศษ เพราะเป็นวันรวมญาติครับ คือในวันตรุษจีนจะมีวันหนึ่ง ที่ทุกคนมารวมกันกินข้าวและอวยพรให้กับผู้ใหญ่ ผมก็ได้มีโอกาสได้มากินกับเขาด้วย..ประมาณว่าเป็นส่วนเกิน(แต่เราไม่สนเพราะว่าเราอิ่ม)


นี่เป็นโต๊ะอาหารครับ หัวโต๊ะด้านนั้นประมาณว่าเป็นปู่หรือหัวหน้าครอบครัว ส่วนหัวโต๊ะอีกด้านนึงเป็นผม (ผมได้นั่งหัวโต๊ะอีกด้าน เขาบังคับให้ผมนั่ง เขาบอกว่าผมเป็นแขกสำคัญ เขาต้องต้อนรับให้ดี เหมือนเป็นตัวเงินตัวทองในช่วงตรุษจีนทำนองนี้) เก้าอี้ก็ประหลาดไม่เหมือนชาวบ้าน คนอื่นเก้าอี้กลม ส่วนผมเก้าอี้มีพนักด้วย..


ผมก็บอกเขาไปว่าไม่อยากนั่งหัวโต๊ะเพราะกลัวจะตักอาหารไม่ถึง เขาก็เลยหัวเราะกันทั้งโต๊ะเลยครับ แต่ที่ไหนได้เวลากินกับข้าวผมเต็มถ้วยตลอดเวลาเลย มีแต่คนคีบให้ตลอดเวลา..ขอบอกอาหารเหมือนภัตตาคารจีนเลยครับ ของดีๆทั้งนั้น ที่อร่อยสุดที่ชอบก็คือกระดูกอ่อนหมูแดงย่าง (คิดแล้วน้ำลายไหล)

กินจนอิ่มซุปเปอร์อิ่มเลยครับ พอผมอิ่มแล้วเขาก็ตักให้อีกบอกว่าอันนี้ก็อร่อยนะ ประมาณนี้อยู่ 2-3 รอบ จนไม่ไหว ที่นี่พออิ่มเขาก็หาเรื่องมาคุย พอคุยไปได้สักพักก็กินต่ออะไรทำนองนี้ จะเห็นว่าโต๊ะกินข้าวจะต้องตั้งอยู่หน้าโต๊ะที่บูชาบรรพบุรุษอะไรทำนองนี้ด้วย เราก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ เจอรรี่บอกประมาณว่าบรรพบุรุษจะได้รู้ว่าลูกหลานมีกินอิ่มสมบูรณ์... อากงที่อาวุโสที่สุดเขาพูดอังกฤษไม่ได้ฝากเจอรรี่พูดกับผมว่าขอโทษด้วยที่เขาพูดอังกฤษกับผมไม่ได้เพราะ สมัยก่อนตอนเรียนเขาเก่งภาษาอังกฤษมากพูดคล่องด้วย แต่ไม่ได้พูดนานก็ลืมไปหมดแล้ว...บ้านนี้ตลกดี....


พอกินเสร็จที่โต๊ะอาหารเขาก็ย้ายโต๊ะไปกินที่ห้องนั่งเล่น กินพวกขนม น้ำชา ผลไม้อีก...แล้วก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน


จากคืนนั้นผมได้ของฝากจากบ้านนั้นกลับมาด้วยครับ เขามอบให้ผมก่อนกลับ เป็นหมูแผ่น ปลาหมึกหวาน กับส้มหลายลูก กินอิ่มไปหลายวัน..


เช้าวันรุ่งขึ้นพ่อเจอรรี่กับแม่แล้วก็หลาน ก็พาขับรถจากเถาหยวนไปส่งผมกับเจอรรี่ที่เมืองไถจง...รถกระบะใช้ขนของของเจอรรี่ที่มาซักที่บ้านเช่นผ้านวมเป็นต้น..


อาหารเช้าก็แวะกินที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวข้างทาง..มื้อนี้ก็ฟรี


โฉมหน้าหลานตัวแสบของเจอรรี่ เด็กคนนี้เป็นลูกของพี่สาวเจอรรี่ ตอนกลางวันไปทำงานเลยต้องเอามาฝากเลี้ยงกับแม่เจอรรี่


ตอนเที่ยงก็ถึงไถจง ผมก็บอกว่าไปส่งผมที่มหาวิทยาลัยเลย พ่อเจอรรี่ก็บอกว่ากินข้าวเที่ยงกันก่อน พ่อเจอรรี่พูดภาษาไทยได้นิดหน่อย พูดได้แต่ว่ากินกุ้ง กินกุ้ง นี่เป็นร้านที่ตอนเที่ยงไปกิน


ร้านนี้จุดเด่นคือกุ้ง..กล่าวคือผลิตภัณฑ์จากกุ้งทำได้หมด และกุ้งทั้งหลายเขาก็มาตักเอาจากในนี้กันสดๆเลย..ผมก็เสียวไส้ไม่กล้าสั่ง..ก็เลยให้พ่อแม่เขาจัดการเลือกแล้วกัน


อาหารบนโต๊ะมี กุ้งทอดเกลือตัวใหญ่(กินได้ทั้งหัวและเปลือกโดยไม่ต้องแกะทิ้ง) สลัดกุ้งทอด ผัดผักกุ้ง และต้มยำกุ้ง(เมนูนี้พ่อเจอรรี่สั่งมาเป็นพิเศษเฉพาะผม)


เห็นโฉมหน้าต้มยำกุ้งมั๊ยครับ รสชาดไม่เหมือนกับเมืองไทยหรอกครับ เหมือนกันก็ตรงเผ็ดอย่างเดียว น้ำแกงไม่ค่อยข้น ออกหวานมาก(แต่ก็อร่อยดี) มื้อนี้ก็ฟรี(อีกแล้ว)


อาหารเหลือ เขาก็ใส่กล่องแล้วก็มอบให้ผมเอาไว้กินต่อ..




References



คู่มือการท่องเที่ยวโดยรถไฟฟ้าในไทเป ถ้ามาก็สามารถหยิบได้ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง...มีเวอร์ชั่นภาษาไทยให้ด้วย..


นี่ครับทางเดินรถไฟฟ้า โยงใยเชื่อมทุกซอกทุกมุมเมือง ไปได้สะดวก


แผนที่สถานีรถไฟฟ้าอีกฉบับนึง ฉบับนี้เป็นการ์ตูนแสดงว่าแต่ละสถานีมีอะไรให้เที่ยวบ้าง...เป็นรูปต่างๆ เช่นวัด สวนสนุก ตลาดนัดกลางคืน น้ำพุร้อน เป็นต้น


และที่ขาดไม่ได้ครับ คนนี้เลย..เจอรรี่นั่นเอง..

ขอบคุณครับ




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2549
3 comments
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2549 10:28:50 น.
Counter : 5615 Pageviews.

 

พี่ท๊อป happy birthday จ้า มีความสุขมากๆ น้า

แล้วก้อสุขสันต์วันวาเลนไทน์ด้วยค้า

 

โดย: kookai IP: 202.28.181.9 14 กุมภาพันธ์ 2549 11:27:58 น.  

 

thank you for the information of Taiwan
^^ it is very useful for me

im going to taiwan this october ^^
thx ya!~

 

โดย: kat~ IP: 58.8.64.218 3 ตุลาคม 2550 18:08:49 น.  

 

เห็นโลโก้ NTU ชัด ๆ แล้วค่ะ .. ขอบคุณนะคะ

ตอนนี้คุณ Top กลับมาไทยรึยังคะนี่..

เล่าสนุกดี ตามไปดู.. อีกหลายตอน..

 

โดย: poongie 16 มีนาคม 2552 13:00:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Baffle
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Baffle's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.